ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ReD CaMp ค่ายมรณะ

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่12 :: ตามรอย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 29
      0
      2 พ.ค. 54

     

                    แชมป์เดินมาตามทางออกมาเรื่อยๆ นึกเจ็บใจตัวเองไม่น่าทำเป็นเท่ห์ออกมาก่อนเลย ทีแรกกะว่าจะตามมาสมทบบุตรและเฟิร์นที่ออกมาก่อนทัน แต่ไอ้เครื่องบ้าบอดันดังตอนที่เขาก้าวเท้าออกจากประตูของโรงยิมนั่น เขาจึงตัดสินใจรีบวิ่งออกมาทางป่าหญ้าคาเรื่อยๆ บางทีทั้งสองคนนั้นก็อาจจะเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกันจึงรีบวิ่งไปทางไหนสักทางเพื่อทำให้เครื่องจับสัญญาณหยุดส่งเสียง แชมป์เองก็วิ่งไม่คิดชีวิตเช่นกันเลยไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ตรงไหนกันแน่ ทางเดินรอบๆข้างเขาเป็นป่าหญ้าคาขึ้นมาสูงระดับเอว หากแต่เส้นทางที่เขาเดินอยู่นั้นเป็นเส้นที่เหมือนกับมีคนกรุยทางไว้ก่อนล่วงหน้า หญ้าคาที่ขึ้นสูงระดับเอวถูกทั้งเหยียบย่ำติดพื้นและถูกฟันด้วยของมีคม จริงสิ!  แชมป์นึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่เดินออกมาจากโรงยิมนั่นเขาเองยังไม่เคยสำรวจสิ่งของในกระเป๋าเป้เลย เขาจึงเดินมาหยุดตรงบริเวณต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งหลังจากที่มองดูรอบๆข้างแล้วพอจะนั่งพักได้ เพราะเครื่องจับสัญญาณไม่ส่งเสียงเตือน

                    เวรเอ๊ย!!!” เขาสบถออกมาหลังจาก เห็นของที่อยู่กระเป๋าเป้ เพราะนอกจากจะมีแผนที่ เข็มทิศ ไฟฉายอีกกระบอก มันยังมีอุปกรณ์เล่นเบสบอลอีกหนึ่งชุด “ที่เห็นว่ามันยาวๆ...สรุปคือ ไม้เบสบอลหรือวะ...นึกว่าปืนลูกซอง”

     

                    ...ตาย  ตายแน่!!!...

     

                    แชมป์บ่นอยู่ในใจ ก่อนจะค้นกระเป๋าเป้ของตัวเองที่พกมาเข้าค่าย เขาจำได้ว่าในนั้นมีอาหารที่ซื้อมาจากมินิมาร์ทอยู่  ท้องร้องไม่หยุด เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่กินอาหารเข้าไป คือ...มื้อเช้าที่มินิมาร์ทนั่น ตั้งแต่นั้นก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แม้แต่น้ำสักหยด พอนึกได้ดังนั้นเรี่ยวแรงที่เคยมีกลับถอยลงแบบแปลกๆ อีกทั้งคอก็อยู่ๆก็แห้งผากลงไปเสียดื้อๆ ...จิตใจมันมีผลต่อร่างกายจริงๆแหะ!!...

                    แชมป์ดื่มน้ำที่เหลืออยู่ครึ่งขวดจนหมดเกลี้ยง ก่อนจะกินอาหารกระป๋องกับขนมปังที่ซื้อมา พลางคิดในใจว่า อย่างน้อยก็เอาให้ท้องอิ่มจะได้มีแรงไปหาอาหารในมื้อต่อไปข้างหน้า... ถ้าไม่ตายเสียก่อนนะ  ไม่นานนักเขาก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบัดนี้ข้อมือของเขามีนาฬิกาแปลกๆมาอยู่แทนที่แล้ว  ตัวบอกเวลาบนหน้าปัดนั้นเป็นแบบดิจิตอล จุดสำคัญที่สุดคือ...เลขที่บอกบนหน้าปัดนั้น ค่อยๆนับเวลาถอยหลังไปเรื่อยๆ ยิ่งดูยิ่งรู้สึกหดหู่...ที่เวลาชีวิตของตัวเองเหลือแค่  4วัน 22ชั่วโมง 17นาที

                   

                    แกร็กกก!!

     

                    แชมป์สะดุ้งจากภวังค์ ประสาททั้งหมดตื่นตัวเต็มที่ เสียงคนเดินเหยียบกิ่งไม้ดังมาจากด้านหลัง เขารีบเก็บข้าวของทั้งหมด พลางถืออาวุธที่ได้มาไว้ในมือ ...ถึงจะเป็นแค่ไม้เบสบอลก็เถอะ เข้ามาแม่งจะฟาดซะให้เดี้ยง!!!... แชมป์คิดอยู่ในใจก่อนที่จะหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ อย่างไรซะการอยู่ในที่มืด ก็เสียเปรียบน้อยกว่าคนที่อยู่ในที่โล่ง ที่สว่างอยู่แล้ว นี่เป็นหลักการเอาตัวรอดง่ายๆที่เคยเรียนมาในวิชาลูกเสือนั่นแหล่ะ

     

    แกร็กกก!!

     

    แชมป์มองหาที่มาของเสียง แต่ก็นั่นแหล่ะ อีกข้อที่สำคัญที่ควรระลึกไว้เสมอ ...ศัตรูไม่เคยอยู่ในที่แจ้ง!!!...  แชมป์มองไม่เห็นอะไรเลยในทรรศนะที่มืดอย่างนี้ แสงจากดวงจันทร์ที่เคยส่องมาตอนนี้ถูกเมฆก้อนใหญ่บังจนมิด ยิ่งทำให้การมองเห็นของเขา จากที่เคยเหมือนคนสายตาสั้นกลับกลายเป็นคนตาบอดไปเสียแล้ว...เหลือเพียงแต่ประสาทหูเท่านั้นที่ยังคงใช้การได้อยู่

     

    แกร็กกก!!

     

    ศัตรูอยู่ใกล้เกินไปแล้ว  แชมป์ทิ้งกระเป๋าเป้กองไว้กับพื้น สองมือกุมไม้เบสบอลแน่นเตรียมพร้อมที่จะฟาดสุดแรงเกิด ถ้าศัตรูโผล่ออกมา

     

    แกร็กกก!! 

     

    ย๊ากกกกก!!

     

    แชมป์ฟาดไปสุดแรงเกิด แต่ไม่โดนอะไร ศัตรูกระโดดหลบไปอีกทาง ก่อนที่จะเตะสวนกลับมาเข้าที่มือของเขาจนไม้เบสบอลหลุดมือ ก่อนจะที่จะสอยหมัดตามมาเข้าที่ใบหน้าของเขา เขาล้มคว่ำลงไปและพยายามดันตัวขึ้นมา แต่หัวของเขามึนจนต้องสะบัดหน้าหน้าไล่อาการออกไป  ศัตรูวิ่งเข้ามาประชิดตัว..

     

    เห้ย!!...หยุด!!

     

    ศัตรูชะงัก แชมป์ได้โอกาสดันตัวศัตรูล้มลง ก่อนจะรีบวิ่งหนี แต่ก็ต้องชะงักเมื่อบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันหน้ากลับมามองตรงที่เขาพึ่งชนศัตรูล้มลงไป เมฆก้อนใหญ่เคลื่อนผ่านไป แสงของดวงจันทร์ส่องเข้ามาอีกครั้ง สิ่งที่เขาเห็นคือ..

     

    “ไอ้นิว!!

     

    “ก็เออ..ดิ” นิวมองดูแผลที่ขาของตัวเอง ที่เกิดตอนกระแทกกับหินในแม่น้ำ “เจ็บแผลชะมัด!!!

    “ก็บ้าเลือดซะขนาดนั้น แผลเก่าก็ยังเจ็บอยู่”ต้นกระโดดลงมาจากกิ่งไม้ของต้นไม้ ก่อนที่จะมาฉุดมือนิวให้ยืนขึ้น “บอกให้รอก่อนก็ไม่เชื่อ”

     

    “ไอ้ต้น!!

     

    “ดีนะที่ห้ามทัน...ไม่งั้น”ต้นพูดอย่างยิ้มๆ

    “มาได้ไงวะเนี่ย??”

    ต้นชูอุปกรณ์บางอย่างลักษณะคล้ายๆโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “นี่มันอยู่ในกระเป๋าของฉัน...เครื่องGPS” ... “คิดว่ามันคงเป็นอาวุธที่อยู่ในกระเป๋าเป้นั่นแหล่ะ...ส่วนไอ้นิว”

    “เป็นสนับมือ”

    “ฉันได้อุปกรณ์เล่นเบสบอลครบเซ็ตเลย...ซวยชะมัด!!...

    “รีบเก็บของแล้วไปกันเหอะ...ไม่งั้นจะซวยกว่านี้”ต้นบอก “แถวนี้ไม่ได้มีแต่นายคนเดียวหรอกนะ...อีกอย่างเพื่อนคนอื่นๆรออยู่”

    “เออๆๆ...ฉันเข้าใจแล้ว”

     

    ...........................................................................................................................................................

     

    “นายแน่ใจแล้วหรอว่า...ไอ้บุตรมาทางนี้”

    “ก็ไม่ชัวร์นะ...แต่คิดว่าน่าจะใช่  ดูนี่สิ!!

    “นี่มัน..!!

    “ใช่...ขลุ่ยของเฟิร์นไง”

    เด็กหนุ่มทั้งสองฉายไฟไปในความมืดเบื้องหน้า เมื่อแสงสว่างตกกระทบกับวัตถุก็เผยให้เห็นดงหญ้าคาระดับเท่าเอวที่แหวกออกเป็นทางเดิน...

    “ไปกันเถอะป๋า...เดี๋ยวจะไปรวมตัวกันที่นัดหมายไม่ทัน”ไอซ์พูด ก่อนจะเก็บขลุ่ยของเพื่อนเข้าไปในกระเป๋าเป้  แล้วหยิบขวานขนาดเหมาะมือออกมาจากกระเป้าเป้อีกใบที่ได้มาตอนออกจากโรงยิม “ระวังตัวด้วยดีกว่า...ที่รกขนาดนี้ มองแทบไม่เห็นอะไรเลย พวกเราไม่ควรประมาท”

    “อือ...เข้าใจแล้ว!!”มาร์สหยิบอาวุธของตัวเองออกมาจากกระเป๋าเป้เช่นกัน มันคือ...ดาบซามูไร ด้ามยาว “เดี๋ยวฉันเดินนำหน้าเองล่ะกัน...ขวานสั้นขนาดนั้น ถ้าเจอสัตว์ร้าย คงใช่ไม่ค่อยถนัด”

    มาร์สเดินนำหน้าไอซ์ไป โดยมีไอซ์ที่คอยเดินระวังด้านหลังอยู่  ระหว่างทางมาร์สจำเป็นต้องฟันต้นหญ้าคาออก เนื่องจากความสูงของมันค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเดินลึกลงไป จนบัดนี้ปลายยอดของใบหญ้าคานั้นสูงจนเกือบจะเท่าไหล่ของพวกเขาได้อยู่แล้ว

    “ยิ่งเดินลึกเข้าไป...หญ้ามันเริ่มสูงขึ้นแล้วนะ”มาร์สบอก “ไอ้บุตรมันจะพาเฟิร์นมาทางนี้แน่หรอ??”

    “แน่สิ!!”ไอซ์บอก “ป๋าดูข้างหน้าโน้นซิ...”

    มาร์สมองไปข้างหน้าตามที่ไอซ์ชี้ แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดแปลกไปจากเดิม เบื้องหน้าก็มีแต่ทุ่งหญ้าคาสูงระดับหัวไหล่ และก็ความมืดกับหมอกบางๆ...หมอก!!!

     

    “ควันไฟไง”...

     

    มาร์สมองหมอกกลุ่มนั้นก่อนจะเข้าใจที่ไอซ์บอก สิ่งที่เขาเห็นคือควันสีขาวที่ลอยออกมาจากทางขวามือ สุดปลายทางเดินที่แหวกไว้บนทุ่งหญ้าคา และยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อมันต้องกับแสงของดวงจันทร์ที่ออกมาจากเมฆสีดำก้อนโต  ควันสีขาวลอยขึ้นไปข้างบนท้องฟ้าต่างกับหมอกที่มักจะลอยอยู่ในระดับต่ำๆ

    “คนเราจะถึกขนาดไหนยังไงมันก็ต้องกิน เพื่อที่จะได้มีแรง”...ไอซ์บอก “ยิ่งพวกเราไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าของเมื่อวาน...ถึงจะเป็นไอ้บุตร จอมอึดก็เถอะ ยังไงก็ต้องกินอะไรเติมแรงบ้างล่ะ”

    “นั่นสิ...แล้วไหนจะเฟิร์นอีก  มันคงไม่ปล่อยให้เฟิร์นอดข้าวนานขนาดนั้นอยู่แล้ว”

    “แล้วก็นะ...ในกระเป๋าไอ้บุตรตอนนี้ สิ่งเดียวที่มันจะกินได้ก็มีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ฉันฝากไว้เท่านั้น”ไอซ์ยิ้ม “ยังไงซะ...จะต้มน้ำก็ต้องจุดไฟล่ะนะ”

    “อืม...ตามนั้น  ไอ้เสือ!!!

    ทั้งสองวิ่งมาจนถึงปลายทางเดิน แต่สิ่งที่เห็นแทนที่จะเป็นเพื่อนทั้งสองคนกลับเป็นแค่กองไฟที่ใกล้มอด แล้วก็เศษถุงบรรจุบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น ทุกอย่างล้วนบ่งบอกว่า...มีคนมาหยุดพักก่อกองไฟต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินอยู่ตรงนี้ เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เสียแล้ว

    “เรามาช้าไป!!”มาร์สบอก ในขณะที่ไอซ์ก้มลงมองดูบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยๆหนึ่งที่วางทิ้งไว้ ทั้งๆที่เหมือนกับว่าพึ่งจะถูกกินไปไม่มากเท่าไหร่ “รีบตามไปกันเถอะ ไฟพึ่งมอด คงไปไหนได้ไม่ไกล”

    “เดี๋ยวก่อน”ไอซ์ห้ามไว้

    “มีอะไร...???”

    “เหมือนกับว่าอยู่ๆก็รีบหนีไป...ดูนี่สิ”ไอซ์ยื่นถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมือให้มาร์สดู “ยังกินไม่หมดเลย...”

    “นั่นสิ”

    “เสียดาย...”ไอซ์พูดติดตลก “หลบ!!!

    มีบางอย่างพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ เฉียดแขนมาร์สไปเพียงเส้นยาแดง มาร์สกลิ้งตัวไปกับพื้นเพราะเสียหลักก่อนจะตั้งท่าพร้อมดาบซามูไรในมือ  ไอซ์มองไปที่สิ่งนั้นที่ปักอยู่กับพื้นดิน

    “เห้ย!!...ไอ้บุตร”ไอซ์ตะโกนเรียก มาร์สมองตามอย่างงงๆ “ออกมาเถอะนี่ฉันเอง..ไอซ์ แล้วก็มาร์ส”

    “หา...”มาร์สงง

    “มีอะไรน่าสงสัยอีก...ดูนั้น”ไอซ์ฉายไฟฉายไปยังสิ่งที่ปักอยู่บนพื้น “ตะเกียบ...ชัดๆ”

    “มันปาตะเกียบแม่นขนาดนี้เลยหรอ??”

    “เห็นตอนมันปาลูกโป่งในงานเชื่อมสัมพันธ์โรงเรียนแล้วจะอึ้ง!!

     

    “ชมกันมากไปแล้วมั้ง!!

     

    ทั้งสองหันหน้าตามต้นเสียงที่เดินออกมาจากพุ่มไม้ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง

     

    “ไอ้บุตร!!

    บุตรยิ้มแล้วชูนิ้วโป้งให้ “ตามมากันมาถูกนี่ก็ไม่ใช่เล่นๆนะ”

    “โอ่ใหญ่เลยนะ...ถึงจะเป็นแชมป์วิ่งมาราธอนของโรงเรียนก็เถอะ”ไอซ์กอดอก พลางยืดใส่บุตร “แต่ถ้า มีผู้หญิงมาด้วย...ก็คงไปไหนได้ไม่ไกลหรอก”

    “ก็นะ...”

    บุตรยืดกลับ ทั้งสองจ้องกันเขม็ง ก่อนที่จะหัวเราะร่าออกมาด้วยกันทั้งคู่  มาร์สได้แต่ยืนยิ้มมองเพื่อนในกลุ่มทั้งสองคนอยู่อย่างนั้น แล้วคิดถึงวันเวลาเก่าๆที่ผ่านมาทั้งหมดที่โรงเรียน

    “เออ...เฟิร์นล่ะ”ไอซ์ถาม “เฟิร์นไปไหนวะ?”

    “ตายล่ะ!!...ลืมไปสนิทเลย”บุตรตอบ พลางเดินกลับเข้าไปในพุ่มไม้ก่อนที่จะประคองเฟิร์นเดินออกมา “กระเป๋าอยู่ข้างในว่ะ...ช่วยหน่อย”

    “เออๆ”

     

    ทั้งหมดมานั่งล้อมวงรอบกองไฟที่ถูกก่อขึ้นมาใหม่  อาหารสำเร็จรูปต่างๆทยอยออกมาจากกระเป๋าเป้ของไอซ์ และถูกแบ่งกันกินอย่างเอร็ดอร่อย

     

    “เฟิร์นเป็นไงบ้าง?”ไอซ์ถาม “ไหวนะ?”

     

    เฟิร์นยิ้มเล็กๆแล้ว พยักหน้าตอบ ก่อนจะก้มหน้ากินขนมปังในมือด้วยแววตาที่เลื่อนลอย แล้วจู่ๆก็เฟิร์นก็ลุกขึ้น แล้วเดินเลี่ยงไปทางพุ่มไม้  ในขณะที่มาร์สกับไอซ์จะลุกตาม ก็ถูกบุตรห้ามไว้

    “เห้ย!!!”ไอซ์โวย “มาห้ามไว้ทำไมวะ???”

    “ไม่ต้องตามไปหรอก”บุตรบอก “คงไปทำธุระส่วนตัวน่า”

    “นายรู้ได้ยังไง???”

    “ก็ก่อนหน้าที่พวกนายสองคนจะมาก็เป็นแบบนี้น่ะสิ”

    “แล้ว...”

    “ฉันก็ตามไปดู...แล้วก็”บุตรหยุดพูดไป แต่ทั้งสองคนเข้าใจดี “เอาเถอะ...แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอก”

    “แล้วทำไมเฟิร์นไม่พูดไม่บอกอะไรกันสักคำเลยวะ??”

    “ไม่พูดว่ะ”บุตรบอก “ตั้งแต่ออกมาแล้ว...ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย”

    “เอาเถอะ...ก็เฟิร์นมันเจอเรื่องมาขนาดนั้นนี่หน่า จะไม่รู้สึกอะไรเลยก็ไม่ใช่เรื่อง”

    “อีกอย่าง..เฟิร์นเองก็กลายเป็นแบบนั้นไปแล้วด้วย”ไอซ์บอก “ไม่คลั่งก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

    “ถ้ากินอาหารพวกนี้เสร็จ...คงต้องรีบออกเดินทางต่อ”มาร์สตัดบท “เพื่อนคนอื่นๆรออยู่...”

    “มันไม่อันตรายไปหรอวะ....เดินทางตอนกลางคืนเนี่ย??”บุตรบอก “ฉันกะว่า...รอไว้เช้าก่อนค่อยเดินทางไปหาทางออกจากที่นี่”

    “อันตรายสิ...แต่อยู่เฉยๆก็อันตรายเหมือนกันนั่นแหล่ะ”ไอซ์ตอบ “แล้วกว่าจะรอถึงเช้าดีไม่ดีได้ตายกันไปก่อน รวมกลุ่มกันไว้ก่อน...มีอะไรจะช่วยเหลือกันได้ถนัด”

    “เออ...ฉันเข้าใจล่ะ”

    “เดี๋ยวรอเฟิร์นทำธุระเสร็จ ฉันว่าก็ไปได้แล้วล่ะ”

    “ได้ๆ”บุตรบอก “นั้นฉันเก็บของรอเลยละกัน”

    บุตรหันหน้าไปเก็บสัมภาระของตัวเองและเฟิร์น ในขณะที่ไอซ์กับมาร์สเองก็ทำแบบเดียวกัน ไอซ์ดับไฟในกองไฟ มาร์สเก็บบรรดาขยะรวมใส่ในถุงใบใหญ่แล้วเก็บใส่ในกระเป๋าเป้ของตัวเอง

    “ไอ้บุตร แกเสร็จยังวะ?”ไอซ์เรียก พลางกางแผนที่ที่ได้มาออก

    “เออๆ เสร็จแล้ว”บุตรบอก พลางยื่นกระเป๋าไปให้มาร์ส “ของเฟิร์น ช่วยถือหน่อยละกัน”

    มาร์สรับกระเป๋ามา “เราตกลงกันไว้ว่าจะไปเจอกันที่ทางเข้าหมู่บ้าน...ป่านนี้พวกนั้นคงน่าจะไปถึงกันแล้วล่ะ”

    “แล้วทำไมพวกนายไม่มาด้วยกันให้หมดเลยล่ะ”... “จะได้ไม่ต้องเดินทางไปโน้นมานี่ให้เหนื่อยเปล่าๆ”

    “ก็ไม่ได้มีแต่แกสองคนน่ะสิที่ออกมาก่อน”ไอซ์แจง

    “หมายความว่าไง??”

    “เจ้าประจำ...เก่ง กล้า กร่างออกมาตามหลังพวกนายได้สักพัก ก่อนหน้าที่พวกเราจะตัดสินใจเล่นเกมนี่ไง”มาร์สพูดแบบไม่สบอารมณ์

    “เห็นนายทำหน้าไม่สบอารมณ์แบบนี้ ฉันรู้เลยว่าเป็นใคร”บุตรหัวเราะ

    “ว่าแต่...ไม่นานไปหน่อยหรอ”ไอซ์ทัก “เฟิร์นน่ะ  ฉันว่าไปดูหน่อยไม่ดีกว่าหรอ?”

    “บ้าน่า”บุตรค้าน “ผู้หญิงเขาก็ทำธุระส่วนตัวกันนานแบบนี้แหล่ะ...แต่ฉันว่าฉันไปดูหน่อยก็ดี”

    “ไอ้เนี่ยแหล่ะ...ตัวลามกอันดับหนึ่งของห้องล่ะ”

     

    ไอซ์บอกกับมาร์สหลังจากที่บุตรเดินหน้าแดงหายเข้าไปในดงหญ้าหลังพุ่มไม้ พลางตะโกนเรียกเฟิร์นที่เข้าไปทำธุระส่วนตัว แล้วหายไป

    “เฟิร์น  เฟิร์น!!”บุตรตะโกนเรียก “เสร็จหรือยังน่ะ??  ไปกันเถอะ  เฟิร์น!!

     

     

    “เฟิร์น!  เฟิร์น!” ...ชักแปลกๆ แล้วแหะ...บุตรคิดในใจ

     

     

    “เฟิร์น  เฟิ...”

     

    สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้บุตรแทบก้าวขาไม่ออก  ร่างๆหนึ่งห้อยอยู่กับกิ่งของต้นไม้ใหญ่ห่างจากเขาเกือบร้อยเมตร แม้จะเห็นแค่ด้านหลังของร่างนั้นก็ตาม แต่ชุดฟอร์มของนักเรียนหญิงโรงเรียนอายุวัฒน์วิทยานั่นไม่ผิดแน่ ร่างที่ห้อยอยู่ตรงนั้นคือ...เฟิร์น

    “บ้าน่า!!”บุตรสบถ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ไอซ์กับมาร์สเดินเข้ามาตามพอดี “ทำไม??”

    “เห้ย! ไอ้บุตร!!”ไอซ์ตะคอก ก่อนที่จะวิ่งไปที่ร่างของเฟิร์นที่ห้อยอยู่พร้อมกับมาร์ส “มัวทำบ้าอะไรอยู่  รีบไปเอาเฟิร์นลงมาสิ”

    “เราอาจจะช่วยเฟิร์นมันทันอยู่นะโว้ย!

    บุตรได้แต่ยื่นอึ้งกับเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า  ในขณะที่เพื่อนทั้งสองคนกำลังวิ่งไปที่ร่างของเฟิร์น แต่สิ่งที่ทำให้เขาแทบขยับตัวไม่ได้นั้นคือสิ่งที่เขาเห็น เมื่อร่างของเฟิร์นค่อยๆหมุนหันหน้ามาตามเกลียวของเชือกที่แขวนบริเวณลำคอของเฟิร์น แม้จะอยู่ห่างกันพอสมควร แต่สิ่งที่เขาเห็นนั้นชัดเจนราวกับอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเฟิร์นที่ปากถูกกรีดยาวถึงใบหูทั้งสองข้างและภายในนั้นถูกยัดไว้ด้วยระเบิดมือ...

     

    “เห้ย!! ระวัง!!

     

    สิ้นเสียงของบุตร ร่างของเฟิร์นก็หล่นลงมาจากกิ่งไม้ลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง

     

    ตูมมม!!!

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×