คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 : Holy's Blood
ต้นสนขนาดใหญ่กำลังถูกโค่นลง
เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังขมักเขม้นในการใช้ขวานโค่นต้นสนขนาด3คนโอบลงแนบพื้นให้จงได้
เด็กหนุ่มปาดเหงื่อเม็ดโตที่ไหลลงมา
ภายใต้ป่าสนอันเป็นธรรมชาติและเป็นส่วนตัว
บรรยากาศโดยรอบก็มีเพียงเสียงของนกที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วไพเพราะ
ผืนป่ากว้างใหญ่ที่ครอบคลุมทั่วบริเวณ 30 เอเคอร์
เป็นสมบัติเก่าแก่ของตระกูล " ลูเซียส " ที่ตกทอดกันมาหลายๆรุ่น
ในผืนป่าแห่งนี้มีทั้งลำธารที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาและพืชน้ำนานาพันธุ์
นอกเหนือจากนั้นยังคงมีสัตว์ดุร้ายจำนวนไม่น้อย
จึงไม่มีคนนอกกล้ามาทำลายความงดงามของป่าของตระกูลนี้ซักเท่าใด
นอกจากมีสัตว์ร้ายแถมตอนกลางดึกป่าที่นี่ยังคล้ายกับเขาวงกตที่หาทางออกไม่ได้ด้วยซ้ำไป
และยังมีตำนานกล่าวถึงสฟิงค์ของปู่ทวดลูเซียสอีก
แต่คนในตระกูล "ลูเซียส" เท่านั้นที่รู้ว่าเขาวงกตที่นี่ออกอย่างไรและกุมความลับว่าสฟิงค์หรือสัตว์แปลกๆที่นี่มีจริงหรือไม่?
ตึกๆๆๆๆ . . . . . . . "กรี๊ดดดดดดดดดดดดด" เสียงโหยหวนดังขึ้นเสียงๆนี้คล้ายกับเสียงของคนที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
เด็กหนุ่มยิ้มริมฝีปากเล็กน้อยพลางเขวี้ยงขวานสับอย่างแรงลงที่ต้นสนใหญ่ยักษ์ล้มลง ...
' ใช่สิ . . . ฉันทำถูกต้องแล้วล่ะ ' เด็กหนุ่มมองความสำเร็จที่ตัวเองทำลงไปด้วยน้ำมือตนเอง
เสียงนกออกเจื้อยแจ้ว เสียงอีกาแข่งขัน ....
' ซาตานบังเกิดแล้ว . . . ' ' บุตรแห่งซาตานกำลังจะบังเกิดในไม่ช้านี้ ' ฉันได้ยินมาเช่นนั้น
' แล้วจะทำไมหรอ?? ' ' ใช่น่ะสิ . . . เกิด? แล้วมันจะตายไม่ได้หรือไง? '
ข่าวลือที่กำลังเป็นที่เล่าลือที่สุดในเขตเมืองพีไรสคือข่าวลือเกี่ยวกับการบังเกิดของบุตรแห่งซาตานที่จะนำความวิบัติสู่โลก
และนำความมืดปกคลุมดินแดนทั้งหลาย
. . . ทุ่งนาจะกลายเป็นทะเลทรายว่างเปล่าและน่ากลัว
. . . ปราสาทของราชวงค์เก่าแก่ต้องกลายเป็นที่สิงสู่ของปีศาจจากต่างแดน . .
เด็กหนุ่มวางขวานไม้เก่ามะรอมมะร่อลงกับพื้นแล้วหย่อนตัวลงนั่งลงอย่างเหนื่อยล้า
" ไซออน! " เด็กหนุ่มตะเบ็งเสียงลั่น
. . . " . . ." มีเพียงความเงียบสนิท . . .
ไซออน?
"ดีน . . ." เสียงสตรีวัยแรกแย้มดังแผ่วจากด้านหลังเด็กหนุ่ม
เสียง . . .?
เด็กหนุ่มหันกลับอย่างรวดเร็ว . .
สิ่งมีชีวิตที่มีใบหน้าเป็นสตรีสง่างาม
ลำตัวเป็นสิงโตขนาดใหญ่
ลำขนคล้ายกับถูกทาด้วยสีทองอร่าม
มีปีกเหมือนอินทรีย์
และกงเล็บเหมือนมังกร
มันมีชื่อเรียกว่า "สฟิงค์
. . ตำนานของสฟิงค์แห่งป่าของตระกูล "ลูเซียส" เป็นจริงหรือนี่?
"อื้ม . . ไปกันเถอะไซออนผมอยากให้ไซออนช่วยหน่ะครับ" เด็กหนุ่มพูดอย่างไพเราะพลางชี้นิ้วที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการตัดต้นสนยักษ์
สฟิงค์นามไซออนแสดงสีหน้าอันอ่อนโยนก่อนขยับอุ้งเท้าอันแหลมคมตวัดลงไปที่ท่อนสนที่หักโค่นลง
เด็กหนุ่มรีบควานหาเชือกจากกระเป๋าเดินป่าสีน้ำตาลอันเก่าๆ
เด็กหนุ่มมัดเชือกกับท่อนซุงแล้วผูกเข้ากับลำตัวของสฟิงค์
"ดีน . . ขึ้นหลังข้ามาเถอะ"สฟิงค์สาวกล่าวอย่างนอบน้อม
"อื้ม" เด็กหนุ่มพยักหน้าพลางกระโดดตัวขึ้นคล่อมหลังนางสฟิงค์สีทอง
ปีกสีขาวสว่างกางออกอย่างสง่างาม
นางสฟิงค์กำลังบรรทุกท่อนซุงยักษ์บินเหนือพื้นดิน
" ขอบคุณนะไซออน " เด็กหนุ่มกล่าว
" ไม่จำเป็นหรอกดีนเอ๋ย ฉันเป็นข้ารับใช้มาแต่พันปีแล้ว นายท่านสั่งอย่างไรก็จะทำตามหมด " สฟิงค์สาวไซออนกล่าว
" อื้ม . . ก็อย่างนี้แหละนะไซออน ผมเลยเป็นห่วงเธอ" เด็กหนุ่มพูดอย่างฉะฉาน
" จ้ะ " นางสฟิงค์ไซออนมีอายุราวห้าร้อยปี นางมีหน้าที่รับใช้ตระกูล "ลูเซียส" ตั้งแต่รุ่นปู่
อดีตนางเคยเป็นสฟิงค์ที่มีอำนาจอันตรายและเคยหมายที่จะฆ่าปู่ของตระกูล "ลูเซียส"
แต่เหตุผลบางอย่างเลยทำให้นางกลับใจและอยากจะเป็นข้ารับใช้ตระกูล "ลูเซียส" ไปจนตาย
และขอให้ปู่ของตระกูล "ลูเซียส" สร้างเวทย์ผนึกอำนาจอันตรายไว้ในรูปปลอกคอกระดิ่งสามอัน
จนบัดนี้นางก็ยังคงรับใช้ตระกูล "ลูเซียส"
เด็กหนุ่มมองรอบๆตัว . . .
ก้อนเมฆสีขาวน่าสัมผัสบวกับแสงจากพระอาทิตย์ที่ทอประกายละมุน
สายลมพัดแผ่วๆทำให้เด็กหนุ่มผลอยหลับลงบนแผ่นหลังของนางสฟิงค์
" อาาา . . ดีน . . หลับเถิด.." นางสฟิงค์ยิ้ม
. .
ยามอาทิตย์อัสดงที่กำลังจะลับลาขอบฟ้า
บ่งบอกถึงเวลาที่จะเปลี่ยนผันจากกลางวันเป็นราตรี
ดวงจันทร์ที่นี่ไม่เหมือนทีไ่หน . .
ดวงจันทร์ที่นี่เป็นเพียงดวงจันทร์ที่ไม่มีจริง . .
ทีเ่ห็นก็แค่เป็นเพียงภาพลวงตา
'ใช่แล้ว! มันคือภาพลวงตาดีๆนี่เอง'
เสียงๆหนึ่งที่กำลังจะดังก้อง
เสียงที่พสานดัีงมาจากต้นไม้ที่ตายแล้ว
ฝูงนกฝูงหนึ่งกำลังบินออกมาจากซากต้นไม้นั่น
ดูมันช่างสนุกเหลือเกิน
ความชุลมุนวุ่นวาย
ที่นี่ . . คือ? ที่ไหน? . .
ฉัน . . คือใคร
ถึงยังไงฉันก็จะพยายามจดจำตัวเองให้ดีที่สุดว่าฉันคือใคร . . .
ใช่!! ฉันคือ ดีน ใช่ ฉันคือ ลูเซียส ดีน ผู้กุมความลับของ . . ?
อะไรกัน!!! ที่นี่มัน
ภาพเบื้องหน้าเด็กหนุ่มมีเพียงปราสาทแสนสวยราวกับราชวัง
น้ำพุรูปกามเทพหันหน้าเข้าหากัน
ประติมากรรมที่ตกแต่งรอบๆสวนดอกไม้
. .
" ดีน . . ถึงแล้วล่ะ ทำไมเจ้ายืนเฉยๆ . . เข้าไปสิ . . เปียกหมดแล้ว . . "
เสียงแข็งทื่อของใครซักคน . .
แม้เสียงได้ยินชัด
แต่ดีนยังคงยืนสั่นนิ่งราวกับกลัวอะไรซักอย่างที่อยู่ข้างในนั้น
" ไซออน . . . ? ขอชั้นไปหอคอยกลางป่า . . จะได้ไหม? "
เด็กหนุ่มพูดขณะที่ยังยืนนิ่ง
ริมฝีปากสั่นเครือด้วยความกลัว
สายตาที่แน่นิ่งลงที่ปลายเท้าตัวเอง
. . . . " ดีน เจ้าก็รู้ว่าลีเป็นห่วงเจ้า . . อย่าทำให้ลีเป็นห่วงมากกว่าเลย "
นางสฟิงซ์เอ่ยอย่างถนุถนอมเป็นห่วงเป็นใย
นางหันหลังตวัดกรงเล็กไปที่เชือกที่ผูกไว้กับต้นสนวางไว้ตรงโรงนาที่ไม่ไกลจากหน้าปราสาท
ห่างเพียงไม่ถึงสิบเมตร
จากนั้นนางค่อยๆเดินมาเทียบข้างดีนที่กำลังก้มหน้านิ่งด้วยความกลัว
" หืม? " นางเลิกคิ้วสูงขึ้น
" เจ้าร้องไห้หรือ? " นางเอ่ยพลางก้มหน้าลงดู
" เปล่าซะหน่อย " ดีนปฏิเสธพลางหัีนหน้ามาหานาง
" เอ๋ ? แปลว่าข้าตาฟาดหรือ? "
" คงใช่ . . มั้ง? "
" ดีน . . เจ้าก็รู้นี่ที่ลีฝึกฝนเจ้าทุกวันไม่ใช่ว่านางจงเกลียดจงชังเจ้า "
" แล้ว . . ทำไม? "
นางสฟิงค์ค่อยๆนั่งลงท่ามกลางสายฝนช้าๆแล้วมองหน้าดีนอย่างอ่อนโยน
" นั่นสิทำไม . . ก็เพราะลีต้องการให้ดีนเป็นคนเข้มแข็งและกล้าหาญ "
" . . "
" :) เข้าไปเถอะดีน . . หากเจ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ข้าคงต้องไปจากทีนี่ "
" ครับ . . ผมจะไม่ทำให้ไซออนคิดมากอีก "
นางสฟิงซ์ถอนหายใจยกใหญ่พลางพยุงตัวเองขึ้น
นางส่งยิ้มแล้วค่อยๆสะบัดหางอันพริ้วไหว
ไซออนกระโดดขึ้นบนอากาศอย่างรวดเร็วก่อนจะบินหายไปทางหอหอยกลางป่า
เด็กหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือไปเปิดประตูบานโตนั้น
แม้ตัวเขาเองไม่ค่อยอยากจะเข้าไปซักเท่าไหร่
สภาพภายในปราสาทไม่แตกต่างจากภายนอกซักเท่าไหร่
โอ่อ่าและหรูหรา
นี่คือปราสาทบ้านลูเซียส
สมแล้วที่เป็นปราสาทบ้านลูเซียส
ช่างงดงามเหมาะสมแก่ตระกูลเก่าแก่และน่าเกรงขาม
รูปปั้นของปู่ลูเซียสตั้งไว้ที่กลางปราสาท
ท่ามกลางความสวยงามและหรูหรา
ยังคงมีความน่ากลัวและปริศนารอวันที่จะมีคนซักคนมาแก้ไขมันออก
ในสายตาดีน
ที่นี่คือที่คุมขังชั้นเยี่ยม
แม้จะมีอาหารหรูหราชั้นดีมาเสริฟทุกๆมื้อ
แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่ต้องการสิ่งๆนั้น
เพราะมันเป็นเพียงสิ่งจอมปลอมทีี่่ ลี ไรอัน ลูเซียส
ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของเขาสร้างขึ้นมาเท่านั้น
ความจริงแล้วที่นี่เป็นเพียงแค่ที่สำหรับคุมขังตัวเองปู่ลูเซียสที่ลูกหลานสร้างขึ้นมาเพื่อกักกันท่าน
ในวาระสุดท้ายของชีวิต
แต่ก่อนท่านจะตาย
ท่านได้ซ่อนบางสิ่งบางอย่างไว้ในพื้นที่ของตระกูลลูเซียส
แม้ลีจะหาทุกซอกทุกมุมของบ้านก็ยังไม่เจอซักที
สตรีรูปร่างท่าทางน่าใจดีคนหนึ่งยืนต้อนรับดีนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ในมือหล่อนถือผ้าเช็ดตัวสีครีมที่บรรจงพับไว้อย่างปราณีต
หล่อนสวมชุดเมดของบ้านลูเซียสที่เป็นกฏว่าให้คนรับใช้ทุกคนใส่ชุดเมดแบบนี้
เนื่องจากไม่ต้องการให้ใส่ชุดสกปรกมาทำงานและเพื่อความเป็นระเบียบที่ลีต้องการ
ดีนหยิบผ้าเช็ดตัวที่สตรีมีอายุถือเขาส่งยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยกขึ้นมาซับน้ำฝนที่บนศรีษะ
" คุณหนูเจ้าค่ะ ดิฉันบอกแล้วว่าอย่าออกไปไหนวันนี้เลย ฝนมันจะตกดิฉันก็บอกแล้ว "
" ไม่เป็นไรหรอกครับเจนนิส ผมต้องทำเพราะถ้าผมไม่ทำคงไม่มีใครที่จะไปตัดต้นสนนั่นมา คงไม่มีวันคริสมาสปีนี้แน่ๆ "
"โถ . . คุณหนูช่างมีน้ำใจเหลือเกิน " เจนนิสเอ่ยพร้อมๆกับก้มลงเล็กน้อย
" เรื่องเล็กๆน้อยๆเองน่ะครับ " ดีนปฏิเสธพลางยิ้มอย่างเขินอาย
" แหม . . คุณนายแมคเคอรีนบอกให้ดิฉันเตรียมน้ำชาไว้ให้ที่ห้องครัีว ประเดี๋ยวดิฉันจะยกมาให้นะค่ะ "
เจนนิสเดินตรงไปที่ห้องครัวอย่างสุภาพและสง่า
การที่จะมาทำงานในบ้านลูเซียส
ไม่ใช่แค่เพียงว่าทำงานรับใช้ หรือ ถูบ้านเป็น
ที่นี่ต้องการคนใช้ที่สามารถทำได้มากกว่านั้น
เจนนิสคนใช้ส่วนตัวของคุณนายแมคเคอรีนผู้เป็นป้าของดีน
ยังมีความสามารถที่คาดไม่ถึง
ตอนหล่อนยังสาวๆหล่อนเคยเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลทีมจังหวัด
แต่ความจริงย่อมคือความจริง
เจนนิสเล่นกีฬาแบบนั้นต่อไปไม่ได้แน่หากทำแบบนั้นแล้วไม่เงินซักแดงเดียว
หล่อนจึงสมัครเป็นแม่ครัวในราชวัง
เจนนิสทำงานได้ดีจนได้รับเกียรติเป็นแม่ครัวเอกในวัง
จนหล่อนเกษียรอายุงานด้วยตัวเองเมื่ออายุ 42 ปี
เนื่องจากความกดดันในราชวังเลยทำให้หล่อนจำใจเกษียรตัวเองออกมา
ในเวลานั้นที่ทางเดินของเจนนิสกำลังหมดหวัง
ไร้แสงไฟในชีิวิต
หล่อนกำลังจะฆ่าตัวตายที่สะพานข้ามแม่น้ำ
ถือเป็นโชคดีหรือเปล่า
ที่รถม้าของคุณนายแมคเคอรีนได้ผ่านทางนั้น
สายตาของคุณนายแมคเคอรีนได้ไปสะดุดกับผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่งตัวดีมียศศักดิ์ปีนสะพานแล้วนั่งร้องไห้
ซักพักก็มีเสียงน้ำกระเซ็นดัง
มีเพียงคุณนายแมคเคอรีนที่ใจกล้า
วิ่งลงจากรถม้าที่กำลังวิ่งอยู่
แล้วรีบกระโดดลงน้ำทั้งๆที่ตนเองยังใส่ชุดราตรีสวยงามเพื่อจะไปงานสังคม
คนติดตามคุณนายพากันตกอกตกใจในการกระทำที่คุณนายทำลงไป
บางคนก็คิดว่าคุณนายเป็นคนดีและไม่หยิ่งในตนเอง
บางคนก็ว่าเป็นเพียงการจัดฉาก
สายตาเป็นร้อยคู่ของคนในระแวกพากันจดจ้องผืนน้ำในคลอง
ซักครู่ใหญ่คุณนายแมคเคอรีนก็ค่อยๆพยุงร่างที่แน่นิ่งขึ้นมาจากน้ำโดยไม่แยแสต่อสายตาที่จ้องมาที่หล่อนเลย
มิหนำซ้ำคุณนายยังเป็นคนผายปอดและทำให้เจนนิสฟื้นขึ้นมาด้วยตัวคุณนายเอง
แต่เจนนิสกลับว่ากล่าวคุณนายเพราะสิ่งที่เจนนิสทำตอนนั้นเป็นสิ่งที่คุณนายขัดแข้งอย่างเห็นได้ชัด
คุณนายแมคเคอรีนทำงานที่องค์กรปกป้องสิทธิเกี่ยวกับสตรีและเด็ก
แน่นอนว่าความคิดของคุณนายย่อมไม่ตรงกับความคิดของเจนนิสในตอนนั้น
คุณนายในตอนนั้นอายุเพียง 30 ต้นๆ
แต่ความคิดของคุณนายบางทีอาจจะอัจฉริยะกว่าหมอในเมืองนี้ก็ได้
คุณนายเสมอแนวทางที่ดีกว่าการฆ่าตัวตายแก่เจนนิส
นั่นก็คือมาทำงานที่บ้านลูเซียส
ซึ่งคุณนายจะจ่ายแค่แรงแก่เจนนิสในเดือนละ 3000 ปอนด์
มีสวัสดิการพร้อมและมีที่อยุ่ให้แก่หล่อน
ซึ่งตอนนั้นเจนนิสยังไม่ตกลง
แต่หลังจากนั้นเจนนิสจึงมาที่บ้านลูเซียสแล้วขอทำงานตามที่คุณนายเอ่ยเอาไว้
ดีนเดินตรงไปยังปีกตะวันออกของปราสาท
ที่ๆซึ่งเป็นทางเข้าห้องนอนของดีน
ประตูๆหนึ่งแง้มไว้
เสียงดนตรีคลาสสิกที่ขับกล่อมอย่างนุ่มนวล
" ประทานโทษนะค่ะ! ดิฉันไม่ต้องการคำขอโทษจากคุณ . . "
To be continues
ความคิดเห็น