ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Silent 32nd . . โรงเรียนปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 : Holy's Blood

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 51



     ต้นสนขนาดใหญ่กำลังถูกโค่นลง
     เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังขมักเขม้นในการใช้ขวานโค่นต้นสนขนาด3คนโอบลงแนบพื้นให้จงได้
     เด็กหนุ่มปาดเหงื่อเม็ดโตที่ไหลลงมา
      ภายใต้ป่าสนอันเป็นธรรมชาติและเป็นส่วนตัว
      บรรยากาศโดยรอบก็มีเพียงเสียงของนกที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วไพเพราะ
     
      ผืนป่ากว้างใหญ่ที่ครอบคลุมทั่วบริเวณ 30 เอเคอร์
      เป็นสมบัติเก่าแก่ของตระกูล " ลูเซียส " ที่ตกทอดกันมาหลายๆรุ่น
      ในผืนป่าแห่งนี้มีทั้งลำธารที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาและพืชน้ำนานาพันธุ์
      นอกเหนือจากนั้นยังคงมีสัตว์ดุร้ายจำนวนไม่น้อย
      จึงไม่มีคนนอกกล้ามาทำลายความงดงามของป่าของตระกูลนี้ซักเท่าใด
      นอกจากมีสัตว์ร้ายแถมตอนกลางดึกป่าที่นี่ยังคล้ายกับเขาวงกตที่หาทางออกไม่ได้ด้วยซ้ำไป
      และยังมีตำนานกล่าวถึงสฟิงค์ของปู่ทวดลูเซียสอีก  
      แต่คนในตระกูล "ลูเซียส" เท่านั้นที่รู้ว่าเขาวงกตที่นี่ออกอย่างไรและกุมความลับว่าสฟิงค์หรือสัตว์แปลกๆที่นี่มีจริงหรือไม่?

      ตึกๆๆๆๆ . . . . . . . "กรี๊ดดดดดดดดดดดดด" เสียงโหยหวนดังขึ้นเสียงๆนี้คล้ายกับเสียงของคนที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
      เด็กหนุ่มยิ้มริมฝีปากเล็กน้อยพลางเขวี้ยงขวานสับอย่างแรงลงที่ต้นสนใหญ่ยักษ์ล้มลง ...
       ' ใช่สิ . . . ฉันทำถูกต้องแล้วล่ะ ' เด็กหนุ่มมองความสำเร็จที่ตัวเองทำลงไปด้วยน้ำมือตนเอง
       
       เสียงนกออกเจื้อยแจ้ว เสียงอีกาแข่งขัน ....

      ' ซาตานบังเกิดแล้ว . . . ' ' บุตรแห่งซาตานกำลังจะบังเกิดในไม่ช้านี้ ' ฉันได้ยินมาเช่นนั้น
      ' แล้วจะทำไมหรอ?? '  ' ใช่น่ะสิ . . . เกิด? แล้วมันจะตายไม่ได้หรือไง? '

      ข่าวลือที่กำลังเป็นที่เล่าลือที่สุดในเขตเมืองพีไรสคือข่าวลือเกี่ยวกับการบังเกิดของบุตรแห่งซาตานที่จะนำความวิบัติสู่โลก
      และนำความมืดปกคลุมดินแดนทั้งหลาย
     . . . ทุ่งนาจะกลายเป็นทะเลทรายว่างเปล่าและน่ากลัว
     . . . ปราสาทของราชวงค์เก่าแก่ต้องกลายเป็นที่สิงสู่ของปีศาจจากต่างแดน . . 

      เด็กหนุ่มวางขวานไม้เก่ามะรอมมะร่อลงกับพื้นแล้วหย่อนตัวลงนั่งลงอย่างเหนื่อยล้า
      " ไซออน! " เด็กหนุ่มตะเบ็งเสียงลั่น
      . . . " . . ." มีเพียงความเงียบสนิท . . . 
      ไซออน?  
       "ดีน . . ." เสียงสตรีวัยแรกแย้มดังแผ่วจากด้านหลังเด็กหนุ่ม
       เสียง . . .?
      เด็กหนุ่มหันกลับอย่างรวดเร็ว . . 
      สิ่งมีชีวิตที่มีใบหน้าเป็นสตรีสง่างาม
      ลำตัวเป็นสิงโตขนาดใหญ่
      ลำขนคล้ายกับถูกทาด้วยสีทองอร่าม
      มีปีกเหมือนอินทรีย์
      และกงเล็บเหมือนมังกร
      มันมีชื่อเรียกว่า "สฟิงค์
      . . ตำนานของสฟิงค์แห่งป่าของตระกูล "ลูเซียส" เป็นจริงหรือนี่?
      
      "อื้ม . . ไปกันเถอะไซออนผมอยากให้ไซออนช่วยหน่ะครับ" เด็กหนุ่มพูดอย่างไพเราะพลางชี้นิ้วที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการตัดต้นสนยักษ์
      สฟิงค์นามไซออนแสดงสีหน้าอันอ่อนโยนก่อนขยับอุ้งเท้าอันแหลมคมตวัดลงไปที่ท่อนสนที่หักโค่นลง
      เด็กหนุ่มรีบควานหาเชือกจากกระเป๋าเดินป่าสีน้ำตาลอันเก่าๆ
      เด็กหนุ่มมัดเชือกกับท่อนซุงแล้วผูกเข้ากับลำตัวของสฟิงค์

      "ดีน . . ขึ้นหลังข้ามาเถอะ"สฟิงค์สาวกล่าวอย่างนอบน้อม
      "อื้ม" เด็กหนุ่มพยักหน้าพลางกระโดดตัวขึ้นคล่อมหลังนางสฟิงค์สีทอง
      ปีกสีขาวสว่างกางออกอย่างสง่างาม
      นางสฟิงค์กำลังบรรทุกท่อนซุงยักษ์บินเหนือพื้นดิน
     
      " ขอบคุณนะไซออน " เด็กหนุ่มกล่าว
      " ไม่จำเป็นหรอกดีนเอ๋ย ฉันเป็นข้ารับใช้มาแต่พันปีแล้ว นายท่านสั่งอย่างไรก็จะทำตามหมด " สฟิงค์สาวไซออนกล่าว
      " อื้ม . . ก็อย่างนี้แหละนะไซออน ผมเลยเป็นห่วงเธอ" เด็กหนุ่มพูดอย่างฉะฉาน
      " จ้ะ " นางสฟิงค์ไซออนมีอายุราวห้าร้อยปี นางมีหน้าที่รับใช้ตระกูล "ลูเซียส" ตั้งแต่รุ่นปู่
      อดีตนางเคยเป็นสฟิงค์ที่มีอำนาจอันตรายและเคยหมายที่จะฆ่าปู่ของตระกูล "ลูเซียส" 
      แต่เหตุผลบางอย่างเลยทำให้นางกลับใจและอยากจะเป็นข้ารับใช้ตระกูล "ลูเซียส" ไปจนตาย
      และขอให้ปู่ของตระกูล "ลูเซียส" สร้างเวทย์ผนึกอำนาจอันตรายไว้ในรูปปลอกคอกระดิ่งสามอัน
      จนบัดนี้นางก็ยังคงรับใช้ตระกูล "ลูเซียส" 

      เด็กหนุ่มมองรอบๆตัว . . . 
      ก้อนเมฆสีขาวน่าสัมผัสบวกับแสงจากพระอาทิตย์ที่ทอประกายละมุน
      สายลมพัดแผ่วๆทำให้เด็กหนุ่มผลอยหลับลงบนแผ่นหลังของนางสฟิงค์
      " อาาา . . ดีน . . หลับเถิด.." นางสฟิงค์ยิ้ม

     . .

     ยามอาทิตย์อัสดงที่กำลังจะลับลาขอบฟ้า
     บ่งบอกถึงเวลาที่จะเปลี่ยนผันจากกลางวันเป็นราตรี
     ดวงจันทร์ที่นี่ไม่เหมือนทีไ่หน . .
     ดวงจันทร์ที่นี่เป็นเพียงดวงจันทร์ที่ไม่มีจริง . .
     ทีเ่ห็นก็แค่เป็นเพียงภาพลวงตา
     'ใช่แล้ว! มันคือภาพลวงตาดีๆนี่เอง'
     เสียงๆหนึ่งที่กำลังจะดังก้อง
     เสียงที่พสานดัีงมาจากต้นไม้ที่ตายแล้ว
     ฝูงนกฝูงหนึ่งกำลังบินออกมาจากซากต้นไม้นั่น
     ดูมันช่างสนุกเหลือเกิน
     ความชุลมุนวุ่นวาย

     ที่นี่ . . คือ? ที่ไหน? . .
      ฉัน . . คือใคร
     ถึงยังไงฉันก็จะพยายามจดจำตัวเองให้ดีที่สุดว่าฉันคือใคร . . .
      ใช่!! ฉันคือ ดีน ใช่ ฉันคือ ลูเซียส ดีน ผู้กุมความลับของ . . ?
     
     อะไรกัน!!! ที่นี่มัน
     ภาพเบื้องหน้าเด็กหนุ่มมีเพียงปราสาทแสนสวยราวกับราชวัง
     น้ำพุรูปกามเทพหันหน้าเข้าหากัน
     ประติมากรรมที่ตกแต่งรอบๆสวนดอกไม้
     
     . .

     " ดีน . . ถึงแล้วล่ะ ทำไมเจ้ายืนเฉยๆ . . เข้าไปสิ . . เปียกหมดแล้ว . . "
     เสียงแข็งทื่อของใครซักคน . .
     แม้เสียงได้ยินชัด
     แต่ดีนยังคงยืนสั่นนิ่งราวกับกลัวอะไรซักอย่างที่อยู่ข้างในนั้น
     
     " ไซออน  . . .  ? ขอชั้นไปหอคอยกลางป่า . . จะได้ไหม? "
     เด็กหนุ่มพูดขณะที่ยังยืนนิ่ง
     ริมฝีปากสั่นเครือด้วยความกลัว
     สายตาที่แน่นิ่งลงที่ปลายเท้าตัวเอง
     
      . . . . " ดีน เจ้าก็รู้ว่าลีเป็นห่วงเจ้า . . อย่าทำให้ลีเป็นห่วงมากกว่าเลย "
     นางสฟิงซ์เอ่ยอย่างถนุถนอมเป็นห่วงเป็นใย
     นางหันหลังตวัดกรงเล็กไปที่เชือกที่ผูกไว้กับต้นสนวางไว้ตรงโรงนาที่ไม่ไกลจากหน้าปราสาท
     ห่างเพียงไม่ถึงสิบเมตร
     จากนั้นนางค่อยๆเดินมาเทียบข้างดีนที่กำลังก้มหน้านิ่งด้วยความกลัว

     " หืม? " นางเลิกคิ้วสูงขึ้น
     " เจ้าร้องไห้หรือ? " นางเอ่ยพลางก้มหน้าลงดู
     " เปล่าซะหน่อย " ดีนปฏิเสธพลางหัีนหน้ามาหานาง
     " เอ๋ ? แปลว่าข้าตาฟาดหรือ? "
     " คงใช่ . . มั้ง? "
     " ดีน . . เจ้าก็รู้นี่ที่ลีฝึกฝนเจ้าทุกวันไม่ใช่ว่านางจงเกลียดจงชังเจ้า "
     " แล้ว . . ทำไม? "
     นางสฟิงค์ค่อยๆนั่งลงท่ามกลางสายฝนช้าๆแล้วมองหน้าดีนอย่างอ่อนโยน
     " นั่นสิทำไม . . ก็เพราะลีต้องการให้ดีนเป็นคนเข้มแข็งและกล้าหาญ "
     " . . "
     " :) เข้าไปเถอะดีน . . หากเจ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ข้าคงต้องไปจากทีนี่ "
     " ครับ . . ผมจะไม่ทำให้ไซออนคิดมากอีก "
     นางสฟิงซ์ถอนหายใจยกใหญ่พลางพยุงตัวเองขึ้น
     นางส่งยิ้มแล้วค่อยๆสะบัดหางอันพริ้วไหว
     ไซออนกระโดดขึ้นบนอากาศอย่างรวดเร็วก่อนจะบินหายไปทางหอหอยกลางป่า

     เด็กหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือไปเปิดประตูบานโตนั้น
     แม้ตัวเขาเองไม่ค่อยอยากจะเข้าไปซักเท่าไหร่
     สภาพภายในปราสาทไม่แตกต่างจากภายนอกซักเท่าไหร่
     โอ่อ่าและหรูหรา
     นี่คือปราสาทบ้านลูเซียส
     สมแล้วที่เป็นปราสาทบ้านลูเซียส
     ช่างงดงามเหมาะสมแก่ตระกูลเก่าแก่และน่าเกรงขาม
     รูปปั้นของปู่ลูเซียสตั้งไว้ที่กลางปราสาท
     ท่ามกลางความสวยงามและหรูหรา
     ยังคงมีความน่ากลัวและปริศนารอวันที่จะมีคนซักคนมาแก้ไขมันออก
     ในสายตาดีน
     ที่นี่คือที่คุมขังชั้นเยี่ยม
     แม้จะมีอาหารหรูหราชั้นดีมาเสริฟทุกๆมื้อ
     แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่ต้องการสิ่งๆนั้น
     เพราะมันเป็นเพียงสิ่งจอมปลอมทีี่่ ลี ไรอัน ลูเซียส
     ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของเขาสร้างขึ้นมาเท่านั้น
     ความจริงแล้วที่นี่เป็นเพียงแค่ที่สำหรับคุมขังตัวเองปู่ลูเซียสที่ลูกหลานสร้างขึ้นมาเพื่อกักกันท่าน
     ในวาระสุดท้ายของชีวิต
     แต่ก่อนท่านจะตาย
     ท่านได้ซ่อนบางสิ่งบางอย่างไว้ในพื้นที่ของตระกูลลูเซียส
     แม้ลีจะหาทุกซอกทุกมุมของบ้านก็ยังไม่เจอซักที

    สตรีรูปร่างท่าทางน่าใจดีคนหนึ่งยืนต้อนรับดีนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
    ในมือหล่อนถือผ้าเช็ดตัวสีครีมที่บรรจงพับไว้อย่างปราณีต
     หล่อนสวมชุดเมดของบ้านลูเซียสที่เป็นกฏว่าให้คนรับใช้ทุกคนใส่ชุดเมดแบบนี้
     เนื่องจากไม่ต้องการให้ใส่ชุดสกปรกมาทำงานและเพื่อความเป็นระเบียบที่ลีต้องการ
     ดีนหยิบผ้าเช็ดตัวที่สตรีมีอายุถือเขาส่งยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยกขึ้นมาซับน้ำฝนที่บนศรีษะ
     
     " คุณหนูเจ้าค่ะ ดิฉันบอกแล้วว่าอย่าออกไปไหนวันนี้เลย ฝนมันจะตกดิฉันก็บอกแล้ว "
     " ไม่เป็นไรหรอกครับเจนนิส ผมต้องทำเพราะถ้าผมไม่ทำคงไม่มีใครที่จะไปตัดต้นสนนั่นมา คงไม่มีวันคริสมาสปีนี้แน่ๆ "
     "โถ . . คุณหนูช่างมีน้ำใจเหลือเกิน " เจนนิสเอ่ยพร้อมๆกับก้มลงเล็กน้อย
     " เรื่องเล็กๆน้อยๆเองน่ะครับ " ดีนปฏิเสธพลางยิ้มอย่างเขินอาย
     " แหม . . คุณนายแมคเคอรีนบอกให้ดิฉันเตรียมน้ำชาไว้ให้ที่ห้องครัีว ประเดี๋ยวดิฉันจะยกมาให้นะค่ะ "
     เจนนิสเดินตรงไปที่ห้องครัวอย่างสุภาพและสง่า
     
     การที่จะมาทำงานในบ้านลูเซียส
     ไม่ใช่แค่เพียงว่าทำงานรับใช้ หรือ ถูบ้านเป็น
     ที่นี่ต้องการคนใช้ที่สามารถทำได้มากกว่านั้น
     เจนนิสคนใช้ส่วนตัวของคุณนายแมคเคอรีนผู้เป็นป้าของดีน
     ยังมีความสามารถที่คาดไม่ถึง
     ตอนหล่อนยังสาวๆหล่อนเคยเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลทีมจังหวัด
     แต่ความจริงย่อมคือความจริง
     เจนนิสเล่นกีฬาแบบนั้นต่อไปไม่ได้แน่หากทำแบบนั้นแล้วไม่เงินซักแดงเดียว
     หล่อนจึงสมัครเป็นแม่ครัวในราชวัง
     เจนนิสทำงานได้ดีจนได้รับเกียรติเป็นแม่ครัวเอกในวัง
     จนหล่อนเกษียรอายุงานด้วยตัวเองเมื่ออายุ 42 ปี
     เนื่องจากความกดดันในราชวังเลยทำให้หล่อนจำใจเกษียรตัวเองออกมา
     ในเวลานั้นที่ทางเดินของเจนนิสกำลังหมดหวัง
     ไร้แสงไฟในชีิวิต
     หล่อนกำลังจะฆ่าตัวตายที่สะพานข้ามแม่น้ำ
     ถือเป็นโชคดีหรือเปล่า
     ที่รถม้าของคุณนายแมคเคอรีนได้ผ่านทางนั้น
     สายตาของคุณนายแมคเคอรีนได้ไปสะดุดกับผู้หญิงคนหนึ่ง
     แต่งตัวดีมียศศักดิ์ปีนสะพานแล้วนั่งร้องไห้
     ซักพักก็มีเสียงน้ำกระเซ็นดัง
     มีเพียงคุณนายแมคเคอรีนที่ใจกล้า
     วิ่งลงจากรถม้าที่กำลังวิ่งอยู่
     แล้วรีบกระโดดลงน้ำทั้งๆที่ตนเองยังใส่ชุดราตรีสวยงามเพื่อจะไปงานสังคม
     คนติดตามคุณนายพากันตกอกตกใจในการกระทำที่คุณนายทำลงไป
     บางคนก็คิดว่าคุณนายเป็นคนดีและไม่หยิ่งในตนเอง
     บางคนก็ว่าเป็นเพียงการจัดฉาก
     สายตาเป็นร้อยคู่ของคนในระแวกพากันจดจ้องผืนน้ำในคลอง
    ซักครู่ใหญ่คุณนายแมคเคอรีนก็ค่อยๆพยุงร่างที่แน่นิ่งขึ้นมาจากน้ำโดยไม่แยแสต่อสายตาที่จ้องมาที่หล่อนเลย
     มิหนำซ้ำคุณนายยังเป็นคนผายปอดและทำให้เจนนิสฟื้นขึ้นมาด้วยตัวคุณนายเอง
     แต่เจนนิสกลับว่ากล่าวคุณนายเพราะสิ่งที่เจนนิสทำตอนนั้นเป็นสิ่งที่คุณนายขัดแข้งอย่างเห็นได้ชัด
     คุณนายแมคเคอรีนทำงานที่องค์กรปกป้องสิทธิเกี่ยวกับสตรีและเด็ก
     แน่นอนว่าความคิดของคุณนายย่อมไม่ตรงกับความคิดของเจนนิสในตอนนั้น
     คุณนายในตอนนั้นอายุเพียง 30 ต้นๆ
     แต่ความคิดของคุณนายบางทีอาจจะอัจฉริยะกว่าหมอในเมืองนี้ก็ได้
     คุณนายเสมอแนวทางที่ดีกว่าการฆ่าตัวตายแก่เจนนิส
     นั่นก็คือมาทำงานที่บ้านลูเซียส
     ซึ่งคุณนายจะจ่ายแค่แรงแก่เจนนิสในเดือนละ 3000 ปอนด์
     มีสวัสดิการพร้อมและมีที่อยุ่ให้แก่หล่อน
      ซึ่งตอนนั้นเจนนิสยังไม่ตกลง
     แต่หลังจากนั้นเจนนิสจึงมาที่บ้านลูเซียสแล้วขอทำงานตามที่คุณนายเอ่ยเอาไว้
     
     
    ดีนเดินตรงไปยังปีกตะวันออกของปราสาท
     ที่ๆซึ่งเป็นทางเข้าห้องนอนของดีน
     ประตูๆหนึ่งแง้มไว้
     เสียงดนตรีคลาสสิกที่ขับกล่อมอย่างนุ่มนวล
    " ประทานโทษนะค่ะ! ดิฉันไม่ต้องการคำขอโทษจากคุณ . . "

    To be continues

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×