ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fan Fic ] ภูติเกิดใหม่ในโลกของ Date A Live

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 ภูติทั้งสามและชีวิตแบบธรรมดา?

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ย. 66


    "เอ้าเรย์กินนี้สิ อ้าม~" 


    "ไม่เอาโว้ย! แล้วก็ออกไปด้วย!!" 


    อาเธน่าได้ชี้ช้อนที่มีข้าวต้มอยู่มาที่ปากของผม ซึ่งผมก็ไล่ให้อาเธน่าออกไปจากห้อง อืมใช่ ที่อาเธน่าทำแบบนี้เพราะว่าผมมีสถานะคล้ายเป็นไข้จากการที่พลังเวทย์และมานาเหลือน้อย 

    ผมได้ผลักอาเธน่าออกจากห้องไป และปิดประตูแบบเสียงดัง ' ปัง! ' เลย ก็นะ นี้น่ะมันเป็นแค่อาการที่คล้ายไข้แต่ไม่ใช่ จะว่าไป เหมือนว่าพวกเราจะเป็นลูกครึ่งระหว่าง ภูติ(จิตวิญญาณ)กับภูติ(เซเรย์) เพราะว่าเรายังมีปีกและหางอยู่(ถึงจะสร้างจากพลังเวทย์ก็เถอะ) 


    "ไม่กินข้าวต้มหน่อยเหรอเรย์" 


    "ไม่กิน!" 


    ผมได้ล็อคประตูและเดินกลับไปนอนบนเตียง 


    *แกรก เอียด... 


    "นี่อาเธน่า โซเฟีร์ยไปไหนงั้นเหรอ?" 


    ผมได้พูดออกไปเพราะว่าเสียงเปิดประตูมันดังไงล่ะ


    "โซเฟีร์ยเห็นว่าไปงานโดจินชินะ" 


    "งั้นเหรอแล้วทำไมเธอไม่ไปด้วยล่ะ" 


    "ก็ฉันไม่ได้ชอบอะไรแบบนั้นเนี่ยสิ" 


    "ถ้างั้นก็ออกไปได้แล้ว ครอก.... ฟี่" 










    ทางฝั่งของโซเฟีร์ย[ มุมมองบุคคลที่สาม ] 


    "อ๊ากกก!! ปล่อยฉันไปเถอะ" 


    ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ได้กรีดร้องออกมาหลังจากที่โดนหักแขนไป 


    "ถ้างั้นก็บอกที่อยู่ของจอร์จมาซะ! แล้วฉันจะปล่อยแกไป" 


    "ไม่! ต่อให้ฉันต้องตายฉันก็ไม่ขายนายตัวเองหรอก" 


    "เฮ้อ~ ถ้างั้นก็ถามวิญญาณของแกก็แล้วกัน" 


    โซเฟีร์ยได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่ด้านหลังของเธอจะปรากฏสิ่งมีชีวิตยืนสองขาคล้ายลิง


    "[ อัญเชิญ ซาโตริ ] " 


    "จอร์จอยู่ที่ไหน" 


    "ก็บอกแล้วไงว่าไม่บอก" 


    เขาได้พูดคำเดิมออกมาแต่ซาโตริก็ 


    "บริษัทDEMสาขาอังกฤษ" 


    "คนที่อยู่เหนือกว่านั้นล่ะ" 


    เขาก็พยายามข่มตาหลับแต่ซาโตริก็ได้พูดออกว่า ' ไม่รู้ ' 


    "งั้นเหรอ ซาโตริกินได้เลย" 


    สิ้นเสียงของโซเฟีร์ยแล้วซาโตริก็ได้เดินเข้าไปใกล้เขา เสียงกรีดร้องของชายได้ดังออกมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ถูก [ เขตแดนไร้เสียง ] ปิดกั้นเอาไว้ เมื่อซาโตริกินชายคนนั้นไปหมดแล้วมันก็หันมาหาโซเฟีร์ย และได้พูดออกมา 


    "ถึงจะน่าสงสารแต่ก็ช่วยไม่ได้ ปล่อยเอาไว้จะเป็นปัญหาในอนาคต" 


    เมื่อโซเฟีร์ยได้ยินแบบนั้นก็มองไปที่ซาโตริและผลจากพร [ อำนาจแห่งภูติปีศาจ ] ทำให้ซาโตริตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว 


    "ถ้ายังไม่อยากตายก็กลับไปซะ" 


    สิ้นเสียงของโซเฟีร์ยซาโตริที่สั่นอยู่ก็ได้หายไปในเงา 


    "เฮ้อ~ ถึงจะเป็นครั้งแรกก็เถอะแต่ถ้าใช้พลังของโลกนี้จะอัญเชิญโยไคหรือภูติผีจากตัวนานในโลกนี้ได้อยู่สินะ" 


    โซเฟีร์ยได้เดินออกจากโรงงานร้างไปพลางคิดในใจว่า ' ลืมถามเรื่องDEMเลยแฮะ ' และโซเฟีร์ยก็ได้ร่ายเวทย์เคลื่อนย้ายวาปกลับมาที่ญี่ปุ่น 

    และไปที่งานโดจินชิก็ซื้อมังงะ(?) ซิลเวอร์บูลเล็ต มา และก็ได้เดินกลับบ้าน 






    กลับมามุมมองของเรย์ 


    เอี๊ยดด 


    "กลับมาแล้วค่ะ" 


    เสียงอันคุ้นเคยได้ดังออกมาจากหน้าบ้าน 


    "โอ้ว กลับมาแล้วเหรอโซเฟีร์ย ยินดีต้อนรับกลับนะ" 


    ผมได้พูดตอบรับไป ซึ่งคนที่เดินมาก็คือโซเฟีร์ยนั้นแหละ แต่กลิ่นที่ผมได้จางโซเฟีร์ยมันทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบแบบแปลกๆ


    "ไปทำอะไรมาล่ะ ฉันได้กลิ่นคาวเลือดจางๆนะ" 


    "ได้กลิ่นด้วยเหรอ? ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก" 


    "ถ้างั้นเอานี้ไปแล้วก็อาบน้ำนะ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวพวกฟราคซินัสจะจับได้เอา" 


    ผมได้โยนสบู่ที่พัฒนามาพิเศษเพื่อกลิ่นที่หอมและมีผลลบล้างกลิ่นคาวเลือด 


    "ขอบใจก็แล้วกัน" 


    โซเฟีร์ยได้รับสบู่ไปและได้เดินไปที่ห้องอาบน้ำ 


    "อุหว่า อาเธน่าอาบน้ำอยู่นิหว่า" 


    ผมได้พูดออกมาและในวินาทีต่อมาผมก็ได้ยินเสียงกรี้ดแบบดังลั่นบ้าน จะว่าไปวันนี้ชิโด้ไปโรงเรียนงั้นเหรอ 


    "ช่างเถอะ ไปเคาะสนิมวิชาก่อนดีกว่า" 


    ผมได้วาปขึ้นมาด้านบนยานฟราคซินัส 


    "ถ้างั้นเริ่มจากวิชา [ ชูคุจิ ] ก็แล้วกัน" 


    เรย์ได้หลับตาลงเมื่อเพิ่มสมาธิ 


    "ชูคุจิรูปแบบอัดกระแทกที่ 1" 


    เรย์ได้ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าและใช้มือซ้ายกระแทกไปข้างหน้า ถ้าเป็นคู่ต่อสู้จะโดนอัดเข้าไปที่อก 


    "ชูคุจิรูปแบบโจมตีที่ 1" 


    เรย์ได้ใช้ขาขวาหมุดไปด้านหลังและขึ้นข้างบน(บรรยายแปลกว่ะ) หรือก็คือการใช้เท้าเตะไปที่คอ 

    เรย์ได้ฝึกแบบนั้นราว 5นาที ก่อนจะมีเสียงบางอย่างดังขึ้นมา 


    «เรย์เธอมาทำอะไรที่ด้านบนยานน่ะ» 


    "เอ๊ะ?! เสียงนี้โคโทริเหรอ ทำอะไร? ก็มาฝึกไง..." 


    «แล้วทำไมถึงได้มาฝึกบนยานห้ะ!» 


    "ก็ฉันไม่มีที่อื่นนิ พลังมันก็เหลือน้อยมาได้ก็แค่ตรงนี้แหละ" 


    ก็นะ เอาเป็นว่าไม่อยากจะพูดแล้วงั้นก็วาปกลับล่ะ 




    ผมได้วาปกลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง และได้นอนกอดหอมข้างและหลับไป 



    เวลาผ่านไปราว 30นาที ตอนนี้บนเตียงนั้นมีร่างของเด็กสาวสามคนกำลังนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ประกอบไปด้วย โซเฟีร์ย, เรย์, อาเธน่า 


    "อือ~ นิ่มจัง มาชเมลโล่? งั้นทานล่ะนะคะ" 


    เสียงที่กระทบเข้ามาในห้องนอนทำให้อาเธน่าได้ที่กึ่งหลับกึ่งตื่นขยับตัวไปโดนอะไรนิ่มๆ โดยอาเธน่าคิดว่าอะไรนิ่มๆนั้นคือมาชเมลโล่เธอจึงอ้าปากงับเข้าไปเต็มๆ 


    "อ๊าา!" 


    เรย์ที่โดนงับเข้าไปหน้าอกเต็มๆได้แต่งุนงงกันสถานะการณ์และสิ่งที่เจ้าตัวทำคือ [ นอน ] 



    [ จบ. ] 

    ยังไม่ได้ตรวจคำผิด 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×