คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 ภูติทั้งสามและชีวิตแบบธรรมดา?
"เอ้าเรย์กินนี้สิ อ้าม~"
"ไม่เอาโว้ย! แล้วก็ออกไปด้วย!!"
อาเธน่าได้ชี้ช้อนที่มีข้าวต้มอยู่มาที่ปากของผม ซึ่งผมก็ไล่ให้อาเธน่าออกไปจากห้อง อืมใช่ ที่อาเธน่าทำแบบนี้เพราะว่าผมมีสถานะคล้ายเป็นไข้จากการที่พลังเวทย์และมานาเหลือน้อย
ผมได้ผลักอาเธน่าออกจากห้องไป และปิดประตูแบบเสียงดัง ' ปัง! ' เลย ก็นะ นี้น่ะมันเป็นแค่อาการที่คล้ายไข้แต่ไม่ใช่ จะว่าไป เหมือนว่าพวกเราจะเป็นลูกครึ่งระหว่าง ภูติ(จิตวิญญาณ)กับภูติ(เซเรย์) เพราะว่าเรายังมีปีกและหางอยู่(ถึงจะสร้างจากพลังเวทย์ก็เถอะ)
"ไม่กินข้าวต้มหน่อยเหรอเรย์"
"ไม่กิน!"
ผมได้ล็อคประตูและเดินกลับไปนอนบนเตียง
*แกรก เอียด...
"นี่อาเธน่า โซเฟีร์ยไปไหนงั้นเหรอ?"
ผมได้พูดออกไปเพราะว่าเสียงเปิดประตูมันดังไงล่ะ
"โซเฟีร์ยเห็นว่าไปงานโดจินชินะ"
"งั้นเหรอแล้วทำไมเธอไม่ไปด้วยล่ะ"
"ก็ฉันไม่ได้ชอบอะไรแบบนั้นเนี่ยสิ"
"ถ้างั้นก็ออกไปได้แล้ว ครอก.... ฟี่"
ทางฝั่งของโซเฟีร์ย[ มุมมองบุคคลที่สาม ]
"อ๊ากกก!! ปล่อยฉันไปเถอะ"
ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ได้กรีดร้องออกมาหลังจากที่โดนหักแขนไป
"ถ้างั้นก็บอกที่อยู่ของจอร์จมาซะ! แล้วฉันจะปล่อยแกไป"
"ไม่! ต่อให้ฉันต้องตายฉันก็ไม่ขายนายตัวเองหรอก"
"เฮ้อ~ ถ้างั้นก็ถามวิญญาณของแกก็แล้วกัน"
โซเฟีร์ยได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่ด้านหลังของเธอจะปรากฏสิ่งมีชีวิตยืนสองขาคล้ายลิง
"[ อัญเชิญ ซาโตริ ] "
"จอร์จอยู่ที่ไหน"
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่บอก"
เขาได้พูดคำเดิมออกมาแต่ซาโตริก็
"บริษัทDEMสาขาอังกฤษ"
"คนที่อยู่เหนือกว่านั้นล่ะ"
เขาก็พยายามข่มตาหลับแต่ซาโตริก็ได้พูดออกว่า ' ไม่รู้ '
"งั้นเหรอ ซาโตริกินได้เลย"
สิ้นเสียงของโซเฟีร์ยแล้วซาโตริก็ได้เดินเข้าไปใกล้เขา เสียงกรีดร้องของชายได้ดังออกมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ถูก [ เขตแดนไร้เสียง ] ปิดกั้นเอาไว้ เมื่อซาโตริกินชายคนนั้นไปหมดแล้วมันก็หันมาหาโซเฟีร์ย และได้พูดออกมา
"ถึงจะน่าสงสารแต่ก็ช่วยไม่ได้ ปล่อยเอาไว้จะเป็นปัญหาในอนาคต"
เมื่อโซเฟีร์ยได้ยินแบบนั้นก็มองไปที่ซาโตริและผลจากพร [ อำนาจแห่งภูติปีศาจ ] ทำให้ซาโตริตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
"ถ้ายังไม่อยากตายก็กลับไปซะ"
สิ้นเสียงของโซเฟีร์ยซาโตริที่สั่นอยู่ก็ได้หายไปในเงา
"เฮ้อ~ ถึงจะเป็นครั้งแรกก็เถอะแต่ถ้าใช้พลังของโลกนี้จะอัญเชิญโยไคหรือภูติผีจากตัวนานในโลกนี้ได้อยู่สินะ"
โซเฟีร์ยได้เดินออกจากโรงงานร้างไปพลางคิดในใจว่า ' ลืมถามเรื่องDEMเลยแฮะ ' และโซเฟีร์ยก็ได้ร่ายเวทย์เคลื่อนย้ายวาปกลับมาที่ญี่ปุ่น
และไปที่งานโดจินชิก็ซื้อมังงะ(?) ซิลเวอร์บูลเล็ต มา และก็ได้เดินกลับบ้าน
กลับมามุมมองของเรย์
เอี๊ยดด
"กลับมาแล้วค่ะ"
เสียงอันคุ้นเคยได้ดังออกมาจากหน้าบ้าน
"โอ้ว กลับมาแล้วเหรอโซเฟีร์ย ยินดีต้อนรับกลับนะ"
ผมได้พูดตอบรับไป ซึ่งคนที่เดินมาก็คือโซเฟีร์ยนั้นแหละ แต่กลิ่นที่ผมได้จางโซเฟีร์ยมันทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบแบบแปลกๆ
"ไปทำอะไรมาล่ะ ฉันได้กลิ่นคาวเลือดจางๆนะ"
"ได้กลิ่นด้วยเหรอ? ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก"
"ถ้างั้นเอานี้ไปแล้วก็อาบน้ำนะ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวพวกฟราคซินัสจะจับได้เอา"
ผมได้โยนสบู่ที่พัฒนามาพิเศษเพื่อกลิ่นที่หอมและมีผลลบล้างกลิ่นคาวเลือด
"ขอบใจก็แล้วกัน"
โซเฟีร์ยได้รับสบู่ไปและได้เดินไปที่ห้องอาบน้ำ
"อุหว่า อาเธน่าอาบน้ำอยู่นิหว่า"
ผมได้พูดออกมาและในวินาทีต่อมาผมก็ได้ยินเสียงกรี้ดแบบดังลั่นบ้าน จะว่าไปวันนี้ชิโด้ไปโรงเรียนงั้นเหรอ
"ช่างเถอะ ไปเคาะสนิมวิชาก่อนดีกว่า"
ผมได้วาปขึ้นมาด้านบนยานฟราคซินัส
"ถ้างั้นเริ่มจากวิชา [ ชูคุจิ ] ก็แล้วกัน"
เรย์ได้หลับตาลงเมื่อเพิ่มสมาธิ
"ชูคุจิรูปแบบอัดกระแทกที่ 1"
เรย์ได้ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าและใช้มือซ้ายกระแทกไปข้างหน้า ถ้าเป็นคู่ต่อสู้จะโดนอัดเข้าไปที่อก
"ชูคุจิรูปแบบโจมตีที่ 1"
เรย์ได้ใช้ขาขวาหมุดไปด้านหลังและขึ้นข้างบน(บรรยายแปลกว่ะ) หรือก็คือการใช้เท้าเตะไปที่คอ
เรย์ได้ฝึกแบบนั้นราว 5นาที ก่อนจะมีเสียงบางอย่างดังขึ้นมา
«เรย์เธอมาทำอะไรที่ด้านบนยานน่ะ»
"เอ๊ะ?! เสียงนี้โคโทริเหรอ ทำอะไร? ก็มาฝึกไง..."
«แล้วทำไมถึงได้มาฝึกบนยานห้ะ!»
"ก็ฉันไม่มีที่อื่นนิ พลังมันก็เหลือน้อยมาได้ก็แค่ตรงนี้แหละ"
ก็นะ เอาเป็นว่าไม่อยากจะพูดแล้วงั้นก็วาปกลับล่ะ
ผมได้วาปกลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง และได้นอนกอดหอมข้างและหลับไป
เวลาผ่านไปราว 30นาที ตอนนี้บนเตียงนั้นมีร่างของเด็กสาวสามคนกำลังนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ประกอบไปด้วย โซเฟีร์ย, เรย์, อาเธน่า
"อือ~ นิ่มจัง มาชเมลโล่? งั้นทานล่ะนะคะ"
เสียงที่กระทบเข้ามาในห้องนอนทำให้อาเธน่าได้ที่กึ่งหลับกึ่งตื่นขยับตัวไปโดนอะไรนิ่มๆ โดยอาเธน่าคิดว่าอะไรนิ่มๆนั้นคือมาชเมลโล่เธอจึงอ้าปากงับเข้าไปเต็มๆ
"อ๊าา!"
เรย์ที่โดนงับเข้าไปหน้าอกเต็มๆได้แต่งุนงงกันสถานะการณ์และสิ่งที่เจ้าตัวทำคือ [ นอน ]
[ จบ. ]
ยังไม่ได้ตรวจคำผิด
ความคิดเห็น