ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sunflower ขอโอกาสอีกครั้งเพื่อรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #2 : i still choose to love you

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 65


     “เพราะทุกครั้งที่พระอาทิตย์ขึ้น นั่นแปลว่าเราได้เกิดใหม่แล้ว จงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตามความหวังของตัวเอง เติบโตด้วยความสุข และร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด”

     

    เป็นอีกช่วงเวลาที่เจ้าของห้องยังคงหมกตัวอยู่ภายในห้องนอนของตัวเองเนื่องด้วยงานแปลที่เธอรับมาเริ่มล้นมือจนผู้จัดการที่เข้ามาดูแลเธอต้องทำการแบ่งเบางานแปลในช่วงนี้ออกไปก่อน อีกทั้งยังต้องรับสภาพอารมณ์ของเจ้าของห้องอีกด้วย ดูเหมือนในช่วงสองสามวันมานี้เธอดูสึกว่างานที่เธอแปลออกมาไม่ได้รู้สึกหรือเห็นภาพภายในจินตนาการขนาดนั้น

     

    ‘ตะวัน’ เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่พาตัวเองเข้าไปล้างหน้าเพื่อให้ยามสายของวันนี้รู้สึกสดชื่นขึ้นมา หากเพียงแต่ว่าห้องที่ตอนนี้จะมีเธอเพียงอยู่แค่คนเดียวกับมีแขกไม่ได้รับเชิญอยู่ภายในห้องด้วยคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้จัดการส่วนตัวของเธอเอง

    “มาตั้งแต่เมื่อไร” เธอเอ่ยถามออกมาก่อนจะเดินตรงไปยังบริเวณตู้เย็นก่อนที่จะเอาน้ำขึ้นมาดื่ม

     

    “สักพัก” ‘ภูเขา’ หรือพูดง่ายๆ เลยเพื่อนสนิทในกลุ่มของเธอเองที่ภูเขาเข้ามารับงานเป็นผู้จัดการของเธอเพราะยังคงเป็นห่วงเพื่อนคนนี้เสมอ อาจเป็นเพราะว่าตะวันต้องเข้าโรงพยาบาลเกือบทุกเดือนเนื่องด้วยภาวะโลหิตจางและโรคนอนไม่หลับจนต้องพึ่งยาเกินขนาดที่ร่างกายจะรับไหว

    ตะวันจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองต้องกินยามากขนาดนี้มานานเท่าไร ไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร จำแทบอะไรไม่ได้เลยหลังจากพื้นที่โรงพยาบาลเมื่อ 5 ปีก่อน

    เธอเดินไปนั่งที่โซฟาภายในห้องรับแขกโดยภูเขาก็นั่งตามลงมาพร้อมกับข้าวเช้าที่ซื้อเข้ามาเขารู้ว่าตะวันยังไม่ได้กินข้าวทั้งยังไม่ได้นอนอีกแน่ ๆ

    “ได้อะไรมามั้ง” เธอถามพร้อมกับยื่นมือไปดูก่อนที่จะเบะปากใส่ภูเขา “อะไรอะโจ๊กอีกแหละกินจนหน้าจะเป็นโจ๊กอยู่แล้วภูเขา”

    “ก็โทรมาแล้วไม่รับเอง กินๆ ไปเหอะ” ภูเขาว่าพลางก่อนจะลุกเดินไปยังโซนห้องครัวเพื่อไปหยิบชามมาใส่โจ๊กให้เพื่อนเธอกินโดยเจ้าตัวก็ยังทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่

    “กินเสร็จแล้วจะพาไปหาของหวานกิน”

     

    “พูดแล้วนะ”

     

    “เออเพิ่งไปเจอคาเฟ่เปิดใหม่มาเดี๋ยวพาไปเพราะกูรู้ว่ามึงแปลไม่ได้แล้วฝืนแปลไป มึงได้เข้าโรงบาลอีกแน่”

     

    “ภูเขามึงเวอร์ไม่ขนาดนั้น”

     

    “ไม่ขนาดนั้นอะไรอาทิตย์ที่แล้วมึงฝืนทำงานจนต้องไปให้น้ำเกลือที่โรงบาลตั้งสองคืน มึงเอาไรมาพูดว่าไม่เวอร์”

    ยอมรับก็ได้ว่าเป็นพวกที่ชอบฝืนทำงานให้เสร็จในเวลาสมองกำลังแล่น ก็ให้ทำยังไงละนิสัยนี้แก้ยังไงก็แก้ไม่หายสักที

    ภูเขาเดินกลับมาพร้อมกับชามในมืออีกสองใบก่อนที่จะลงไปนั่งที่พื้นโดยที่ไม่ถามเจ้าของห้องเลยสักนิด ภูเขาเทโจ๊กใส่ถ้วยก่อนที่จะดันถ้วยไปหาตะวันที่ตอนนี้ลงมานั่งข้างล่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าจะถามว่าทำไมถึงไม่ไปกินที่ห้องครัวกันคงเป็นเพราะความขี้เกียจเป็นหลักเลยก็ว่าได้

    ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีในการจัดการโจ๊กตรงหน้าเสร็จ ตอนแรกตะวันบอกจะเป็นคนจัดการล้างชามเองแต่ก็โดนผู้จัดการหยิบไปล้างพร้อมกับไล่เธอไปอาบน้ำเพื่อที่จะได้ไปคาเฟ่ตามเวลาที่นัดหมายไว้กับ ‘สกาย’ และ ‘นีโม’ เพื่อนของเธออีกสองคน

     

     

     

     

     

    ในยามนี้ทั้งภูเขาและตะวันย้ายตัวเองลงมาจากคอนโดก่อนที่จะพาร่างของตัวเองขึ้นรถของผู้จัดการของเธอในทันทีโดยที่ไม่ลืมเอกสารและโน๊ตบุ๊คที่เธอไม่เคยลืมพกหรือห่างออกจากตัวเลยแม้แต่น้อยให้ทำไงได้ในเมื่อมันชินไปแล้วสำหรับนักแปลอิสระอย่างเธอ

    ทั้งสองใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงในการขับรถมายังสถานที่ที่เธอนัดเพื่อนสนิทอีกสองคนไว้

     

    “ไม่ลืมอะไรใช่ป่ะ” ภูเขาเอ่ยถามก่อนจะมองไปยังตะวันที่ตอนนี้กำลังย้ายตัวเองออกจากตัวรถโดยไม่ลืมหยิบของสำคัญลงไปด้วย

    “ไม่ลืมๆ แกรีบลงเหอะเดี๋ยวสกายกับนีโมตีกันตายก่อน”

     

    “มึงลงไปก่อนเดี๋ยวกูลงตามไป”

     

    เมื่อได้ยินดังนั้นตะวันย้ายร่างของตัวเองออกมานอกรถก่อนที่จะเดินตรงไปยังคาเฟ่ คาเฟ่นี้รู้สึกว่าจะตั้งอยู่ใกล้ๆ กับมหาลัยของเธออีกทั้งสถานที่ยังถูกตกแต่งไปตามโทนสีขาวสบายตาพร้อมทั้งยังมีการตกแต่งตามเทศกาลอีกต่างหาก ตะวันซึมซับความรู้สึกนี้ไว้และหวังว่าความรู้สึกนี้จะส่งผลไปยังงานแปลของเธอ

     

    “Little My ยินดีต้อนรับครับ” พนักงานต้อนรับเอ่ยกล่าวทักทายทันทีหลังเห็นเธอเดินเข้ามายังภายในร้าน เธอก้มหัวเล็กน้อยเป็นเพราะไม่ค่อยชินกับการก้าวต้อนรับแบบนี้ เธอมองไปหากลุ่มเพื่อนของเธอที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปนั่งอยู่โซนในของร้าน

     

    “ไม่ทราบว่าลูกค้ามองหาอะไรอยู่เหรอครับ?” พนักงานต้อนรับเอ่ยกับเธออีกครั้ง

     

    “คือ-” แต่ก่อนที่เธอจะเอ่ยอะไรออกมาเพื่อนตัวดีของเธอก็เดินเข้ามาหาโดยทันที

     

    “กว่าจะมาได้นะตะวัน” ‘นีโม’ ถามกับเธอเพราะที่จริงแล้วทั้งนีโมกะสกายเห็นเธอมาตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้านแล้วอีกทั้งท่าทางที่มองพนักงานเขาจนตาแป๋วอะโคตรน่ารักเลย

     

    “ถึงสักพักแล้วน่าแล้ววนี้เห็นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าเข้ามาตั้งนานแล้วอะ” เธอพองลมออกมาตอนที่นีโมลากพาเธอขึ้นมายังชั้นสองของร้านโดยที่สกายยังคงนั่งคอยอยู่ที่โต๊ะ

     

    “อ้าวแล้วไอ้ภูเขาอะ” สกายเอ่ยถามหลังจากที่ไม่เห็นเพื่อนตัวดีอีกคนของเขา

     

    “คงเดินตามมาอยู่มั้ง แล้วสั่งอะไรไปมั้งเนี่ย” ตะวันเอ่ยถามก่อนจะมองไปยังโต๊ะที่ตอนนี้มีเพียงแค่เครื่องดื่มของโปรดเธอเท่านั้น ตะวันมองไปยังสกายทันที “ทำไมมีแต่เครื่องดื่มอ่ะเราอยากกินเค้กด้วย”

     

    ตะวันพลางว่าพร้อมกับกอดอกมองคนตรงหน้าไปด้วยก็รู้นี้น่าว่าเธอเองก็ต้องการของหวานลงท้องเหมือนกัน

     

    “ก็รอมึงเสด็จมาไง ของหวานมีเยอะมากมึงต้องชอบมากแน่ๆ แต่ก่อนอื่นมึงควรวางกระเป๋ามึงก่อนเลยเดี๋ยวพาลงไปเลือกเค้ก”

     

    สกายบ่นทันทีเพราะเขารู้ว่าเพื่อนตัวดีของเขาชอบเค้กมากแค่ไหนถึงขนาดที่บางทีตู้เย็นในห้องของเธอเต็มไปด้วยขนมเค้กเยอะกว่าของสดภายในตู้อีกเห็นบอกแฟนคลับเอามาให้หรือที่ทั้งทำเองเพื่อไปแจกแฟนคลับด้วย

    ตะวันวางกระเป๋าลงก่อนที่จะลงไปเลือกเค้กพร้อมสกายโดยเดินสวนกับภูเขาที่รายนั้นสั่งเค้กของเจ้าตัวพร้อมทั้งเพื่อนตัวดีไปอีกชิ้น แต่เจ้าตัวยังคงอ้างว่าของแค่นั้นไม่ถึงครึ่งกระเพาะเลยด้วยซ้ำ

     

    ตอนนี้เธอมาหยุดอยู่ที่หน้าตู้เค้กของร้านโดยมีให้เลือกอย่างหลากหลายจนเธอเองเห็นแล้วต้องลอบกลืนน้ำลายเลยทันที น่ากินไปหมดแถมยังเลือกไม่ถูกอีกต่างหาก

     

    “เป็นไงบอกแล้วไม่เชื่อโคตรเยอะ”

     

    “จริงเยอะมากเอาไงดีอะอยากกินทั้งหมดเลย” เธอว่าพลางโดยตายังมองไปยังตู้เค้กโดยไม่วางตา “รู้ละ”

     

    เธอเดินไปยังหน้าแคชเชียร์โดยที่สกายยังเดินตามหลังไปด้วยและถ้าเดาไม่ผิดเจ้าตัวแสบของกลุ่มต้องสั่งมาเกือบทั้งหมดแน่ๆ

     

    “เค้กที่อยู่ในตู้เราเอาทั้งหมดอย่างละชิ้นค่ะ” เธอชี้ไปยังตู้เค้กที่เป็นแหล่งเป้าหมายของเธอ

    “ทั้งหมดเลยนะครับคุณลูกค้าไม่ทราบว่าจะทานที่ร้านหรือรับกลับบ้านดีครับ?” พนักงานที่แคชเชียร์เอ่ยถามเธอ

    “อืม เราเปลี่ยนใจทานที่ร้านอย่างละชิ้นแล้วก็รับกลับบ้านอย่างล่ะชิ้นด้วย” เธอพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะหันไปยังสกายที่ตอนนี้ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ถ้าภูเขารู้มีหวังเขาคงโดนแน่ๆ

     

    “โอเคครับ ทานที่ร้านไม่ทราบว่าให้ขึ้นไปเสริฟ์ที่ชั้นไหนของร้านดีครับ?”

     

    “เอาขึ้นไปเสริฟ์ที่ชั้นสองเลยครับ อ่อเพิ่มอเมริกาโนเย็นอีกหนึ่งแก้วด้วยครับ”

     

    “แกสั่งให้ใครอะ”

     

    “ของแกไงจะทำงานด้วยไม่ใช่อ่อ” สกายว่าก่อนที่จะเจอสายตาที่คุ้นเคยที่มองมายังเขาและตะวัน เป็นไปไม่ได้น่าหมอนั้นจะมาทำงานอยู่ที่นี่เหรอไม่เจอกันเลยตั้งแต่เรื่องครั้งนั้นเลยนะ

     

    “สกายเป็นอะไรเราจ่ายเงินเสร็จแล้วเดี๋ยวเขาเอาขึ้นไปให้ส่วนตัวกลับบ้านเขาบอกจะเก็บไว้หลังจากพวกเราลงมา” ตะวันว่าพลางโบกมือไปมาอยู่ตรงหน้าของสกาย

     

    “เออปะขึ้นเหอะเราแค่เหม่อนิดหน่อยนะ”

     

    พูดจบทั้งเขาและตะวันก็เดินขึ้นไปยังชั้นสองของร้านทันทีโดยไม่รู้ว่าการกระทำทั้งหมดยังคงอยู่ในสายตาของเขาคนนั้น ตุลาเห็นตะวันตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านก่อนที่จะเดินลงมาสั่งเค้กและเดินขึ้นไปยังชั้นสองโดยเพื่อนที่เคยสนิทด้วยกันจนลับสายตา โชคดีแค่ไหนที่ตอนนี้นทีออกไปข้างนอกเพื่อไปซื้อของทำขนมเค้กมาเข้าครัวไม่งั้นก็คงเป็นไปได้ว่า นทีกับตะวันจะได้เจอกันอีกผ่านหน้าแคชเชียร์เป็นแน่ๆ

     

    “พี่ตุลาเหม่ออะไรอะมาช่วยเราเสริฟ์เค้กไปชั้นสองทีลูกค้ามาแค่สี่คนทำไมสั่งเยอะจัง” กันยาหันมาบอกคนเป็นพี่ที่ตอนนี้ทั้งสองมือเต็มไปด้วยจานเค้กแถมทั้งยังถือไม่หมดด้วย ตุลาได้แต่ส่ายหัวให้กับคนน้องก่อนจะเดินไปช่วยถือจานเค้กไปเสริฟ์ให้ลูกค้าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทด้วยกัน

     

    ทั้งสองคนเดินไปยังชั้นสองโดยตุลายังคงเดินนำเพราะเหมือนว่าไอ้เจ้ากันยายังไม่ได้เห็นตะวันแน่ๆ ถึงได้ทำตัวนิ่งมาเสริฟ์ขนาดนี้ ทำไมยิ่งเดินมาใกล้ๆ กับโต๊ะถึงได้ใจเต้นขนาดนี้นะทั้งกลัว ทั้งมองหน้าไม่ได้อีกต่างหากทำยังไงดี จู่ๆ ขาที่เคยก้าวเดินถึงได้หยุดอยู่กับที่ขนาดนี้ตอนนี้ภูเขาหันมาสบตาด้วยเชิงอารมณ์สายตาที่เกลียดจนไม่สามารถปิดมันไว้ได้

     

    ตุลาเดินเข้ามาเสริฟ์โดยสายตายังคงมองไปยังร่างเล็กตรงหน้าที่เอ่ยขอบคุณก่อนที่จะรับเค้กทั้งหมดมาไว้ยังโต๊ะ พร้อมทั้งน้องของเขาที่มองไม่วางตาเหมือนกันจนผมจำเป็นต้องกระตุกมือน้องเอาไว้แต่คงไม่เป็นผลสักเท่าไรในเมื่อน้องชายตัวดีของเขาเอ่ยออกไป

     

    “พี่ตะวัน”

     

    ตะวันหันมามองหน้าพนักงานสองคนในร้านที่เดินเข้ามาเสริฟ์ให้เธอโดยที่ทั้งสองยังคงไม่ไปไหนอีกทั้งยังเรียกชื่อเธออีกด้วย ทำไมถึงรู้จักเธอละเพราะจำได้ว่าเธอเองก็เพิ่งมายังร้านนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน

     

    “พี่ทำไมห่างเหินกันขนาดนั้น ผมกันยาไงพี่”

     

    ตะวันยังคงมองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจจนเธอเอ่ยออกมาทำให้ดวงใจของเขาถึงกับชามือที่เคยจับมือไว้กับพี่ชายของเขารู้สึกได้ว่ามันบีบแน่นจนไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้ประโยคที่ทำให้น้ำตาของเขาร่วงลงมา

    “ขอโทษนะ”

     

    “.....”

     

    “พวกคุณเป็นใครเหรอคะ เราไม่เคยรู้จักพวกคุณมาก่อน”

     

    โคตรเจ็บเลยทั้งที่เราเคยรู้จักกันขนาดนั้นแค่เพียงรอยยิ้มที่เธอส่งมาถึงได้รู้ว่าภายในดวงตานั้นไม่มีอีกแล้วสายตาที่มองมาเพื่อมอบความห่วงใยเอาไว้เป็นเพียงสายตาของคนที่ไม่รู้จักกันเท่านั้นมีเพียงแค่ความใสซื่อที่คงยังประดับไว้ยังดวงตาของเธอ

     

    The sun sets to rise again

    พระอาทิตย์ตกเพื่อที่จะขึ้นอีกครั้ง

     

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×