ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์หวานรัก

    ลำดับตอนที่ #25 : บทที่ 5 เขาเป็นใครกันแน่ (3)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.54K
      25
      20 มี.ค. 64



                    อนินทิตาหัวเราะลั่น ถ้าไม่ติดว่านั่งบนบันได เธอจะลงไปกลิ้งตัวให้สะใจไปเลย

                    “สนุกขนาดนั้น?” รามถามประชด

                    “มาก” เธอตอบกวนโทสะไม่แพ้กัน รอจนรามแยกเจ้าแพนดอร่าที่ลงมาตีกับโซเครติสแล้วจึงถามย้ำ “ว่าไง ยังไม่ตอบเลยว่าทำไมชอบแมว”

                    “ผมจำเป็นต้องตอบเหรอ”

                    “โอ๊ย!” เธอโวยรอบสอง ให้ตายเถอะ...ทำไมเขาเป็นคนแบบนี้!

                    “ก็ได้ๆ” หนุ่มมาดเข้มยกมือยอมแพ้ “ไม่เชิงว่าชอบนักหนาหรอก แต่เพราะเวลาที่ไม่มีอะไร...ผมมีพวกมันเป็นเพื่อน” เขาตอบก็จริง ทว่าดวงตาคมหวานกลับมองเหม่อออกไป สีหน้าของรามเคร่งขรึม เปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว

                    อนินทิตาเฝ้าสังเกตหนุ่มมาดเข้มตรงหน้าตลอดเวลา แววตาหม่นหมองยามคิดถึงอดีตของเขาทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่ารามผ่านอะไรมากันแน่ ถึงได้มีนิสัยสุดขั้วเช่นนี้

                    “คุณ...”

                    “ไม่ใช่แค่แมวหรอกที่ผมเคยอยู่ด้วย กับหมาก็เคยอยู่ ผมชอบทั้งแมวทั้งหมานั่นแหละ ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เหมือนมนุษย์อย่างเราๆ”

                    “ราม” นักจิตวิทยาสาวเรียกชื่อหนุ่มตรงหน้าเบาๆ เมื่อเห็นว่าเขาเหม่อลอย แม้น้ำเสียงจะเจือความเย้ยหยัน แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นต่างหากที่ทำให้เธอทนอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นเดินไปหาหวังจะให้กำลังใจ

                    ทว่าเพียงแค่แตะลงบนบ่ากว้างเท่านั้น รามก็คว้ามือเธอหมับแล้วบีบแรงๆ ดวงตารวดร้าวเมื่อครู่กลับแข็งกร้าววาววับน่ากลัว

                    “ราม!

                    “ขอโทษที” เขาปล่อยมือเธออย่างรวดเร็วราวกับต้องของร้อน “ผมไม่ชอบให้ใครแตะตัว ทีหลังอย่าเข้ามาข้างหลังผม”

                    ถ้าเป็นเวลาอื่นเธอคงจะย้อนไปแล้วว่าเขาเองก็ชอบจู่โจมคนอื่นจากทางด้านหลัง แต่พอเจออารมณ์หม่นของเขาก็อดห่วงไม่ได้ นึกอยากถามว่าเพราะอะไร เกี่ยวกับแผลบนหลังของเขาหรือเปล่า แต่ก็ตัดใจ เพราะรู้ดีว่าต่อให้ถามอย่างไรรามก็คงไม่ยอมบอก

                    หนุ่มสาวต่างก็นั่งจมอยู่ในภวังค์ของตัวเอง จนกระทั่งเจ้าเหมียวสี่ตัวตีกันเองนั่นละถึงได้สติ

                    “เราเข้าบ้านกันไหม” เจ้าของเสียงหวานลองเสี่ยงถามเขาเบาๆ ท่าทางเหมือนคนมีปมของเขาทำให้เธอตัดใจไล่เขาไปไม่ลง อย่างน้อยก็ผัดไปสักชั่วระยะหนึ่งแล้วกัน

                    “ไม่มีคนถามผมแบบนี้มานานแล้ว”

                    “แล้วจะเข้าไหมล่ะ” เธอถามกวนๆ ไม่ชินกับโหมดชีวิตเศร้าของเขาเสียเลย รามตัวจริงเสียงจริงต้องทำให้เธอประสาทเสียวันละสามเวลาหลังอาหารไม่ใช่หรือ

                    ได้ผล...พอเธอกวนประสาทเขาเข้าหน่อย รามก็ทำตาวาววับ แล้วโยนปิกัสโซ่ใส่หญิงสาวอย่างแม่นยำ

                    “กรี๊ด!” คนไม่ชอบแมวร้องลั่น แต่ก็รับเจ้าตัวอ้วนไว้ในอ้อมแขนก่อนที่มันจะตกพื้น แล้วเงยหน้าขึ้นขึงตาใส่ราม “อีตาบ้า!

                    “ถือว่าหายกัน รู้ไหม...ไม่เคยมีใครได้รู้ความลับของผมฟรีๆ หรอก” รามยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาหวานคมทอประกายแพรวพราวแบบที่ทำเอาคนถูกมองขนลุกทันที

                    “แหม...ฉันก็ไม่อยากรู้เท่าไหร่หรอก คุณมาบอกฉันเองนะ” คนปากแข็งลอยหน้าลอยตาตอบ แล้วยื่นปิกัสโซ่คืนให้ รอให้รามพาแมวเข้าบ้านแล้วมาช่วยประคองเธอลุกขึ้น ทั้งที่ความจริงก็ไม่เจ็บเท่าไรและใกล้จะหายดีแล้ว แต่แค่อยากหางานให้เขาก็เท่านั้น

                    “คุณนี่ปากแข็ง”

                    “เปล่านะ”

                    “ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วสบายใจก็คิดไปเถอะ แต่รู้อะไรไหม ทุกอย่างมีราคาของมัน...อนินทิตา”

                    น้ำเสียงลึกลับของเขาส่งผลให้อนินทิตาเงยหน้าขึ้น ตาคมเข้มล้ำลึกอ่านยากของเขาทำเอาสาวคนเก่งถึงกับชะงัก “หมายความว่ายังไง”

                    “ไม่มีอะไรหรอกน่า” รามหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วพาเธอเข้าไปในบ้าน

     

                    แม้จะเป็นวันหยุด แต่กิจวัตรของหนุ่มสาวก็ยังเหมือนเดิม พอพักผ่อนจนพอแล้วอนินทิตาก็กลับมานั่งทำงาน ส่วนรามก็รับหน้าที่ทำอาหารและดูแลบรรดาลูกๆ ของเมลิสสาต่อ

                    “วันนี้อยากกินอะไร” เสียงเขาดังมาจากในครัว

                    อนินทิตาละสายตาจากแลปทอปแล้วหันไปทางห้องครัว เห็นรามในชุดผ้ากันเปื้อนกำลังยืนเท้าสะเอวรอคำตอบ ทำเอาหญิงสาวหัวเราะพรืด

                    “ในครัวยังเหลือวัตถุดิบอะไรให้ทำบ้างล่ะ”

                    “ก็ไม่มีเลยน่ะสิ เราคงต้องออกไปข้างนอก”

                    “แล้วลูกๆ เมนี่ล่ะ” เธอเองก็อยากไปเหมือนกัน เพราะขนมของเธอก็หมดแล้ว แต่ติดที่บรรดาแมวของเมลิสสา ถ้าทิ้งไว้ในบ้านตามลำพัง...ก็พังพินาศไปทั้งหลังแน่

                    “เมให้รถเข็นแมวมาด้วยไม่ใช่หรือ”

                    “นั่นสิ” อนินทิตาเพิ่งนึกได้ เมลิสสาเอาแมวมาฝากหลายครั้งแล้ว มีรถเข็นแมวไว้ให้สองคันเผื่อว่าเธอจะพาแมวออกไปไหน แต่ก็ไม่เคยพาออกไปสักที จนลืมไปเสียสนิท

                    หนุ่มสาวช่วยกันเอารถเข็นแมวออกมาจากห้องเก็บของ ทำความสะอาดจนเรียบร้อย แล้วจึงเอาแมวทั้งสี่ขึ้นรถพาไปยังซูเปอร์มาร์เกตที่ใกล้ที่สุด

                    ...

                    ...

                    “อ่า...เขาไม่ให้เอาสัตว์เข้าไปด้วย” อนินทิตาทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นป้ายหน้าซูเปอร์มาร์เกต เธอเองก็ลืมเสียสนิท ห่วงแค่ว่าไม่อยากทิ้งเจ้าสี่ตัวนี้ไว้ที่บ้าน จนลืมไปว่าเขาก็ไม่ให้เอาเข้าร้านเหมือนกัน

                    “ถ้าอย่างนั้นคุณรออยู่นี่ ผมจะเข้าไปซื้อของ”

                    “ก็ได้ แต่อย่านานนะ” บอกพลางหันไปมองแมวสี่ตัวในตะกร้าแมวที่ตอนหลังของรถด้วยสายตาหวาดๆ นึกไปถึงตอนที่พวกมันรุมรามแล้วก็สยอง ถ้าหากเธอโดนรุม โดนปีนขึ้นมาอยู่บนหัวแบบรามเล่า...

                    หนุ่มมาดเข้มหัวเราะเบาๆ แต่ก็พยักหน้าตกลง “ผมจะรีบมา...ว่าแต่คุณอยากกินอะไร”

                    “อะไรก็ได้”

                    “ลองอาหารอินเดียไหม”

                    “ทำเป็นด้วยหรือ” อนินทิตาทำหน้าเหลือเชื่อ เธอจำไม่ได้หรอกว่าเขาบอกว่าทำอาหารชาติไหนได้บ้าง ก็รู้ว่าเขาทำอาหารเก่ง แต่มันจะเกินหน้าเกินตาเธอไปแล้ว

                    “ดูหน้าผมด้วย” รามทำหน้านิ่ว แทนที่จะตอบดีๆ ก็กลับโยกโย้ตอบไม่ตรงคำถาม

                    “จ้า พ่อคนเก่ง” สาวสวยย่นจมูกใส่ “รีบไปรีบมาสิคุณ อย่าทิ้งฉันไว้กับแมวนานๆ”

                    “ห้านาทีกลับมาแน่นอน...รับรอง”

                    “นี่ซื้อของหรือวิ่งราว” เจ้าของเสียงหวานตะโกนไล่หลัง มองคนประหลาดที่เดินเข้าซูเปอร์มาร์เกตไปอย่างรวดเร็ว

                    อนินทิตาชะโงกมองมองลูกๆ ทั้งสี่ของเมลิสสาที่ยังเอาแต่นอนอยู่ในตะกร้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ดีแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องวุ่นวายเพราะพวกมัน

                    “อนิน!” กำลังคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกจากทางด้านหลัง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งแล้วหันขวับ

                    “เจฟฟ์” ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อย ไม่คิดว่าหนุ่มรุ่นน้องจะกล้าทักเธอก่อน ในเมื่อตอนที่เจอกันครั้งสุดท้ายเจฟฟ์พยายามหนีเธอยิ่งกว่าหนีตาย และหลังจากนั้นเธอก็งานยุ่งเสียจนแทบไม่ได้อยู่ประจำที่สถาบันจิตวิทยา

                    “ผมได้ข่าวว่าคุณโดนรถชนหรือ” หนุ่มแว่นเดินเข้ามาหา ในมือเต็มไปด้วยผลไม้และนมสดที่เพิ่งซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เกต

                    “อือ...ข้ามถนนไม่ทันดูน่ะ”

                    “แล้วมากับใคร”

                    “เพื่อนไง” จนถึงตอนนี้ต่อให้ไม่อยากยอมรับก็คงต้องยอมรับแล้วว่ารามเป็นเพื่อนของเธอ แม้จะเป็นเพื่อนแบบที่ไม่อยากได้สักนิด แต่...มันก็เป็นไปแล้ว

                    “คุณเห็นข้อมูลที่ผมให้ไปหรือยัง”

                    “ตายจริง” คำถามนั้นทำให้อนินทิตาเพิ่งคิดได้ว่าตั้งแต่รับแฟลชไดรฟ์มาจากเจฟฟ์ เธอยังไม่ได้เปิดดูเลย และที่สำคัญ...เธอไม่รู้ว่ามันหายไปไหน

                    “ทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะ”

                    “ฉันหาไม่เจอ ไม่รู้ว่ามันตกจากกระเป๋าสะพายตอนโดนรถชนหรือเปล่า”

                    “โธ่เอ๊ย คิดว่าดูแล้วเสียอีก”

    ท่าทางจริงจังจนถึงขั้นหัวเสียของหนุ่มรุ่นน้องทำเอาอนินทิตาอดสงสัยไม่ได้ ในเมื่อปกติแล้วเจฟฟ์เป็นคนขี้ตื่น ขี้กลัว กลัวไปหมดทุกอย่างแม้กระทั่งงานที่ตัวเองทำ

                    “มีอะไรหรือ”

                    “ประวัติผู้ชายชื่อรามไง ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่หรืออนินว่ามันแปลกมากที่เราหาประวัติผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยทั้งที่เจาะเข้าฐานข้อมูลระดับสูง ไม่ระบุว่าเขาทำงานอะไร แต่พอแฮ็กเข้าระบบของหน่วยงานอื่นๆ ผมกลับเจอบันทึกว่าเขาเคยเดินทางออกนอกประเทศบ่อยมาก ระยะเวลาและประเทศที่ไปก็ตรงกับพวกคณะทูตตลอด...น่าคิด”

                    “หือ...ว่าไงนะ!” เธอไม่แน่ใจว่าฟังถูกหรือไม่ หรือว่าสมองเบลอจนหูเพี้ยนตามไปด้วย รามนี่น่ะหรือเดินทางไปต่างประเทศพร้อมคณะทูต

                    “ได้ยินไม่ผิดหรอก ผมกำลังหาข้อมูลมายืนยัน พวกภาพถ่ายอะไรพวกนี้”

                    “ไหนว่าทีแรกไม่อยากทำ” นักจิตวิทยาสาวตั้งคำถาม ตอนที่เธอขอให้ช่วยครั้งแรก เจฟฟ์เอาแต่อิดออด เจอเธอแต่ละครั้งนี่วิ่งหนีราวกับหนีผีก็ไม่ปาน แต่นี่ไม่ได้ขอก็กลับทำให้เสียอย่างนั้น

                    “เขาน่าสงสัยไง ลึกลับแบบนี้ผมชอบ”

                    “ดูไม่ออกเลยนะว่าชอบงานตื่นเต้นด้วย” เธอหัวเราะพร้อมกับโคลงศีรษะเบาๆ

                    “ก็เพิ่งมารู้ว่าชอบตอนคุณใช้ผมนี่แหละ ไว้ได้ข้อมูลเพิ่มแล้วจะส่งมาให้ทางอีเมลนะ”

                    “ไม่ได้”

                    “ทำไมล่ะ”

                    “ฉันไม่แน่ใจว่าปลอดภัยไหม ก็รู้อยู่ว่าที่ทำงานพวกเราน่ะสอดแนมเก่งอย่างกับอะไร”

                    เจฟฟ์หน้าซีดลงทันที แล้วถามอย่างร้อนรน “หมายความว่าไง เราถูกสอดแนมหรือ แล้วถ้าที่ทำงานรู้ว่าผมโหลดหนังโป๊...”

                    “ใจเย็นเจฟฟ์” อนินทิตาหัวเราะพรืด ไม่คิดว่าท่าทางแก่เรียนจะสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย

                    หนุ่มแว่นทำหน้าเจื่อน เพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดเกินไปแล้ว จึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “งั้นผมเอามาให้ที่บ้าน”

                    “อย่าใส่ไฟล์อะไรมานะ พรินต์ออกมาให้เลย”

                    “โอเค” หนุ่มรุ่นน้องโบกมือแล้วเดินกลับไปขึ้นรถที่จอดห่างออกไปสองบล็อก

                    พอเจฟฟ์เดินออกไปแล้ว อนินทิตาก็ได้แต่เม้มปากครุ่นคิด ถ้าเป็นจริงอย่างที่เจฟฟ์พูด ก็เท่ากับว่าเธอดูคนผิดมาตลอด เธอไม่เคยรู้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงของ ราม รามิเรซ เป็นใครกันแน่



    ไม่มีแบบหนังสือนะคะ



    E-book เล่ห์หวานรัก  https://bit.ly/2O1RwLI 
    โปรโมชั่นลดราคา 40% 7 วันแรกเท่านั้นค่ะ

    รักร้ายอุบายมาร (เชสก์+ผักหวาน) มาแล้ว จิ้มเลยยยย https://bit.ly/2Xe7R0P

    E-book กับดักรักล้อมใจ (วูล์ฟ+นิมา) มาแล้ว จิ้มเลยยยย https://bit.ly/3oIyR5e

    เรื่องแสนรักซ่อนใจ (อัลเบอร์โตxหนูนา) มีวางขายแล้วค่า

    E-book มาแล้ว จิ้มเลยยยย https://bit.ly/2DnWxc6


    E-book ร้ายหวงรัก (ธิติ+คะนึงนิจ) จิ้มเลย https://bit.ly/33g2aC6
     ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×