ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คุณพ่อสายลับ

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 2 อวสานสายเผือก (2)

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 62


    ต่อข้างล่างนะคะ


                    “เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เหมันต์กอดอกแล้วก้าวมายืนเผชิญหน้ากับสาวร่างเล็กที่สูงแค่ปลายคางเขาเท่านั้น


                    คนฟังหายใจไม่ทั่วท้อง ยามถูกจ้องมองด้วยสายตาเรียบเฉยเย็นชาจนมองไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ ณดาคิดไปถึงตอนที่ทั้งตำรวจและป้าทองกวาวยังอยู่ด้วยว่าน่าอึดอัดใจมากพอแล้ว แต่เทียบไม่ได้เลยกับตอนนี้


                    เธอแทบจะเป็นประสาทเพราะสายตาของเขาอยู่แล้ว!


                    สายตาของเขาทำเอาคนเก่งถอยหลังไปเล็กน้อยหวังเว้นระยะห่างระหว่างกัน แต่พอเธอก้าวถอยหนี เขาก็ขยับเข้ามาหาจนชิดกว่าเดิม


                    “เอ่อ...” ระยะแค่นี้ยิ่งทำให้ณดาสังเกตผู้ชายตรงหน้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เครื่องหน้าคมคายที่ซ่อนอยู่ใต้หนวดเคราที่บดบังใบหน้าได้รูป ไม่ว่าจะตาเรียวฉายแววเฉียบคม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเข้มได้รูป ดูแล้วเขาคงอายุไม่มาก แต่ติดที่ทำตัวเซอร์ๆ จนเข้าขั้นสกปรกนี่แหละที่ทำให้ไม่น่ามอง


                    “สำรวจผมพอหรือยัง” เหมันต์ถามเสียงขรึม พร้อมกับยกมือกอดอก

                    “เปล่านะคะ” เธอส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วหลบสายตาคมกล้าของเขา “ฉันขอโทษที่เข้าใจผิดแล้วบุกเข้ามาในบ้านคุณ ตอนนั้นฉันร้อนใจ กลัวว่าเด็กจะมีอันตราย”


                    “เลยมาบุกรุกบ้านผมใช่ไหม” น้ำเสียงของเหมันต์เข้มขึ้นจนคนถูกถามเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเขาอีกครั้ง


                    “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ก็บอกแล้วว่าแค่ห่วงเด็ก” ตัวต้นเรื่องตอบเสียงอ่อย อยากเถียงก็เถียงไม่ออก เพราะเรื่องทั้งหมดเริ่มจากความใจร้อนของเธอเอง มิหนำซ้ำยังไปทำร้ายร่างกายเขาอีก


                    “นั่นลูกผม คุณคิดว่าผมจะทำอะไรเด็ก”


                    “ก็...” เจ้าของเสียงหวานชะงักลงทันทีเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของคนเป็นพ่อเด็ก ที่ทีแรกเธอไม่รู้ คิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิตลักพาตัวเด็กมาทรมานหรือเอาไปขายเสียอีก


                    “แล้วจะรับผิดชอบยังไง” หนุ่มเจ้าของบ้านถาม เมื่อเห็นสีหน้าสลดลงของแม่ตัวดีตรงหน้า


                    ณดาช้อนตามองคนหน้าเข้ม เห็นรอยปื้นแดงเป็นรูปรอยนิ้วมือบนใบหน้าของเขา ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ ถึงจะกลัวเขาแค่ไหน แต่เธอเองก็ผิดที่ใจร้อนและยังไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน


                    “แผลที่หน้าคุณ” นิ้วเรียวจิ้มลงบนแก้มตัวเองแล้วพยักพเยิดกับเขา “ฉันทำให้นะคะ”


                    “แค่เล็กน้อย” เขาบอกปัด แต่พอเห็นแววตามุ่งมั่นของเธอ ก็พยักหน้าเบาๆ ทว่ายังไม่ทันที่จะได้ลงมือทำแผลให้อย่างที่อาสา เสียงโทรศัพท์มือถือของสาวเจ้าก็ดังขึ้นเสียก่อน


                    ณดามองไปยังชื่อที่ปรากฏก็พบว่าปลายสายคือเจนจิรา หรือ เจนนี่ เพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันและยังทำงานอยู่ที่เดียวกัน นึกสงสัยว่าเพื่อนโทร.มาทำไม แต่เพราะรู้สึกถึงสายตาของเจ้าของบ้านที่มองมาตลอดเวลา จึงค่อยๆ ขยับออกห่างเล็กน้อยแล้วกดรับสาย “ว่าไงเจน”


                    “แกไปอยู่ที่ไหนฮะณดา ป่านนี้ยังไม่ถึงงาน จะเริ่มพิธีแล้วนะยะ” ปลายสายแหวลั่น จนณดาต้องเบนหน้าหนีโทรศัพท์ของตัวเอง


                    แต่พอนึกไปถึงที่เพื่อนบอก...


                    ตายแล้ว...เธอมัวแต่ เผือก เรื่องชาวบ้านจนลืมเรื่องงาน!


                    ณดามองไปรอบบ้านหวังจะมองหานาฬิกา อยากรู้ว่าตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว แต่ไม่เจอ จนกระทั่งไปสะดุดที่นาฬิกาข้อมือของชายหนุ่มหน้าเข้ม จึงไม่รอช้าปราดเข้าไปคว้าข้อมือเขาขึ้นมาดู


                    เหลืออีกแค่สิบนาทีจะถึงฤกษ์ตัดริบบินเปิดงาน ต่อให้บินได้ก็ไม่ทันแล้ว!


                    “ตายแล้ว ตายๆๆ ตายแน่ๆ เลยไอ้เจน” ประชาสัมพันธ์สาวร้องเสียงหลง วันนี้เป็นงานสำคัญของห้างสรรพสินค้า เซีย คิงดอมส์ที่เธอทำงานอยู่ ถ้าไปสายแบบนี้มีหวังถูกหัวหน้าเล่นงานอีกแน่นอน ไม่นับ ท่านประธาน ที่ทั้งดุทั้งโหดจนไม่กล้ามองหน้า


                    บอกได้คำเดียว...มีแต่ตายกับตาย!


    ต่อเลยนะคะ


                    “แกอยู่ที่ไหนเนี่ยณดา” เจนจิราถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนฝ่าเสียงไมค์ของพวกพิธีกรในงาน


                    “ไม่ทันแล้วแก มีเรื่องนิดหน่อย ตอนนี้ยังอยู่ที่บ้านอยู่เลย”


                    “เรื่องอะไร”


                    “เรื่องมันยาว ไว้ค่อยเล่านะ ฉันจะลางาน แกไปช่วยยืนยันให้ฉันหน่อยสิ”


                    “แล้วแกจะบอกหัวหน้าแกว่าอะไร”


                    ณดาขมวดคิ้วครุ่นคิด แค่นึกไปถึงหัวหน้าแผนกสาวสวยอึ๋มที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเธอแล้วก็นึกขยาด ทำงานปกติยังหาเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน ถ้าเหตุผลในงานลางานอย่างกะทันหันไม่ดีพอ เธอไม่อยากจะคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมา


                    “ณดา” เจนจิรากระตุ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนเงียบไปนาน


                    “เออๆ บอกว่าติดธุระกะทันหัน เดี๋ยวฉันไปเคลียร์เอง”


                    “เออๆ ไว้เสร็จงานเดี๋ยวฉันไปหาแกที่บ้าน จะลากนังจีจี้ไปด้วย” เจนจิราหมายถึงจิตรเทพ เพื่อนสาวในร่างหนุ่มอวบอ้วนตัวใหญ่แต่หัวใจสีชมพูเหมือนสีผมของเจ้าตัว


                    “เออๆ แล้วเจอกัน” ณดากดวางสายแล้วรีบเก็บโทรศัพท์ ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอสายตาแปลกๆ ของเพื่อนบ้านหนุ่ม เธอก็สำเหนียกได้ทันทีว่าจับแขนเขาอยู่นานสองนาน


                    “ขอโทษค่ะ” บอกแล้วปล่อยท่อนแขนกำยำทันทีราวกับต้องของร้อน เธอยิ้มจืดเจื่อน แล้วถามไปอีกเรื่อง “มีอุปกรณ์ทำแผลไหมคะ”


                    “ถ้ารีบก็ไปเถอะ” เขาบอกขรึมๆ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ จนคนมองไม่แน่ใจว่าเขาพูดจริงหรือเพราะกำลังโกรธกันแน่


                    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันให้เพื่อนลางานให้แล้ว”


                    เหมันต์มองสาวร่างเล็กตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของเธอทำให้เขาเย็นลง แต่จะให้ปล่อยไปเฉยๆ ก็คงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงเข้ามาวุ่นวายกับเขาไม่เลิก


                    “แค่แผล...ช่างมันเถอะ” หนุ่มหน้าดุบอกปัด แต่ยังจับจ้องทุกอากัปกิริยาของสาวตรงหน้าไม่วางตา แล้วก็จริงดังคาด เพราะทันทีที่เขาพูดจบ แม่ตัวดีก็ยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายสุกใส


                    ทว่าณดาก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของเขา


                    “ไปจัดการสนามหน้าบ้านผมให้มันเรียบร้อยก็พอ”


                    “ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ไหมคะ” เจ้าของเสียงหวานยิ้มเจื่อนๆ พยายามสู้สายตาคมกริบของเขาแต่เหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่


                    ตาคมเข้มกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเล็กๆ ของสาวแสบตรงหน้า แล้วพยักหน้าเบาๆ แค่นั้นก็มากพอทำให้ณดาถอนหายใจโล่งอก เธอรีบเผ่นกลับบ้านทันที


                    เมื่อกลับสู่ความสงบ เด็กหญิงตัวน้อยก็เดินกลับมาหาแล้วกระตุกกางเกงผู้เป็นพ่อแรงๆ


                    “แด๊ดดี้” เสียงเล็กที่ดังจากทางด้านหลังเรียกให้ชายหนุ่มละสายตาจากบริเวณหน้าบ้านหันกลับมาสนใจเด็กหญิงตัวน้อยอีกครั้ง


                    “ว่าไง” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย มองลูกสาวด้วยสายตาอ่อนลง แต่ถึงกระนั้นยายหนูก็ไม่ยอมเข้ามาใกล้อยู่ดี


                    “หิวแล้ว” เด็กน้อยตอบเสียงอ่อย


                    เหมันต์ถอนหายใจอีกครั้ง นึกถึงบรรดาข้าวของที่เขาออกไปหามาตุนไว้เป็นอาหารของตัวเองและลูกสาวแต่ตอนนี้ไม่เหลือเลยสักอย่าง ต้นเหตุก็เพราะเพื่อนบ้านจอมจุ้นคนนั้นแท้ๆ


                    “กินซีเรียลไปก่อนได้ไหม”


                    เด็กหญิงแดเนรีสพยักหน้าแรงๆ แล้วเดินนำผู้เป็นพ่อเข้าไปในครัว ส่วนเหมันต์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลางสังหรณ์บอกว่าผู้หญิงคนนี้จะนำความยุ่งยากมาให้อย่างไม่ต้องสงสัย และที่สำคัญคือเขาจะจัดการกับเธออย่างไรดี





    โถวววววววววววววว สัญญาทาสก็มาสินะเนี่ย 

    เอาไงดีณดาชดใช้แค่นี้จะพอเร้ออออออออออออ // ยิ้มเขิน

    รู้สึกถึงความร้ายกาจของแด๊ดดี้อ่ะ ><

    ปูเสื่อรอได้เล้ยยยยยยยย อยากอ่านม้ายยยยย



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×