ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แสนเล่ห์กลรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 สัญญาจากว่าที่เมีย (1)

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 65


     

     

    สองเดือนก่อนหน้านั้น

    การลาออกจากงานไม่ใช่จุดจบ แต่มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น...

    ไม่กี่ปีให้หลังในยุคที่สมาร์ตโฟนเปรียบเสมือนอวัยวะที่สามสิบสาม สื่อโซเชียลเข้าถึงง่ายและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่สัมผัสจากปลายนิ้ว อยากเผยแพร่ข่าวหรือบทความใดๆ ก็ทำได้อย่างง่ายดายเพียงแค่กดไลก์กดแชร์ ทำให้อาชีพต่างๆ หายไปมาก โดยเฉพาะกับสื่อสิ่งพิมพ์ที่อยู่กับคนไทยมานานอย่างหนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร ยักษ์ใหญ่ทางสื่อสิ่งพิมพ์มากมายต้องปรับตัว ไม่อย่างนั้นก็ล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น รวมทั้งหนังสือพิมพ์ที่ตุลยดาทำงานอยู่เช่นกัน

    แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุแท้จริงที่ทำให้เธอตัดสินใจลาออก

    การเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ หรือแม้กระทั่งไปยังต่างประเทศเพื่อทำข่าวกีฬาทำให้เธอรักที่จะเดินทางและออกไปหาสิ่งใหม่ๆ มากกว่าอยู่กับงานเดิมๆ แต่พอโตขึ้น คนที่อยู่ข้างหลังก็แก่ตัวขึ้นทุกวัน เธออยากมีเวลากับพวกท่านให้มากกว่านี้ จึงตัดสินใจลาออก และตัดสินใจออกไปทำงานที่บริษัทโฆษณาที่เดียวกับปิยวัช อดีตช่างภาพคู่หูที่ชิงลาออกไปตั้งแต่ห้าปีก่อน

    ช่วงที่ยังมีเวลาว่างก่อนเข้าทำงานใหม่ ตุลยดาตัดสินใจมาพักผ่อนที่จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ แต่พอรู้ถึงอุรัสยาผู้เป็นเพื่อนสนิทจึงให้เธอมาพักที่บ้านพักตากอากาศติดชายทะเลฝั่งอันดามันที่เฮคเตอร์ โฮเวเดส สามีนักฟุตบอลชื่อดังระดับโลกของอุรัสยาซื้อไว้เมื่อหลายปีก่อน

    ก็ดี...กินหรู อยู่ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แถมได้นอนโง่ๆ ดูทะเลชายฝั่ง

    อันดามันที่สวยติดอันดับโลกไปวันๆ อย่างที่อยากทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็ดีเหมือนกัน

    ดวงตากลมโตมองไปยังบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่สไตล์บาหลี

    รอจนกระทั่งแท็กซี่ยกกระเป๋าออกมาจนหมดแล้ว จึงเดินไปด้านในตัวบ้าน

    แต่...เสียงอะไร

    ตุลยดาขมวดคิ้ว นึกสงสัยว่าใครอยู่ในบ้าน ทำไมมีเสียงดังเหมือนมีคนอยู่ ในเมื่ออุรัสยาตามสามีไปเตะฟุตบอลที่สเปน ราพณ์และนวินดายังอยู่ที่กรุงเทพ และอุรัสยาก็บอกเองว่าไม่มีใครอยู่ ให้เข้าไปได้ตามสบาย

    มือที่ถือคีย์การ์ดชะงักเล็กน้อย ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไรทั้งสิ้น ประตูบ้านก็ถูกเปิดออกโดยฝีมือของใครบางคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

    “เชษ!” ตุลยดาทักพี่ชายฝาแฝดของเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย จนสุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนสนิทของเธอไปด้วย

    “อ้อ...ตาล” แรกทีเดียวเชษฐามีสีหน้างุนงงเหมือนคนเพิ่งตื่น แต่ก็พยักหน้าให้สาวเจ้าเดินเข้ามาในบ้าน

    หญิงสาวมองสำรวจเขาชัดๆ ตรงหน้าคือชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมเข้มทว่าดวงตาหวาน ขนตายาวงอนชนิดว่าผู้หญิงยังอาย ทำให้เขาดูเป็นผู้ชายหน้าหวานสไตล์หนุ่มเกาหลีที่กำลังเป็นที่นิยมสมัยนี้ ดีที่พอไปเรียนต่างประเทศก็เริ่มอาบแดดจนผิวเข้มขึ้นจนเป็นสีแทนแบบคนสุขภาพดี ใบหน้าคมเข้ม ไม่ขาวไม่หวานจนผู้หญิงยังอายเหมือนก่อน ส่งผลให้ดูเท่ขึ้นอีกเท่าตัว

    “ทำไมมองฉันแบบนี้ล่ะตาล อย่าบอกนะว่าหลงเสน่ห์ฉันแล้ว” พอเห็นว่าสาวเจ้าเอาแต่จ้องตาไม่กะพริบ ชายหนุ่มก็ทำตาพราว ทำเอาตุลยดาขนลุก และถามตรงประเด็น

    “ไอ้เอื้อยบอกว่าไม่มีคนอยู่นี่ แล้วแกมาได้ไง”

    “อย่าเอ็ดไป” หนุ่มกะล่อนยกนิ้วชี้แตะริมฝีปาก “ฉันกลับมาก่อน แค่อยากมาเที่ยว”

    “เที่ยวอะไร” ตุลยดาหรี่ตาลงอย่างต้องการจับผิด “หมายความว่าไม่มีใครรู้เลยใช่ไหมว่าแกกลับมาแล้วน่ะ”

    “ถูกจ้า” เชษฐายิ้มจนตาหยี แล้วเดินมาสะกิดไหล่ตุลยดา “ฉันจะไป

    ฟูลมูน แกสนใจไหม”

    “ถามจริง!” แค่ได้ยินชื่อสถานที่ที่เชษฐาจะไปเท่านั้น ตุลยดาก็ทำตาวาวทันที

    “นั่นแน่...อยากไปละสิน้องตาลของพี่”

    “เออสิ ทำงานมาจะแปดปีไม่ได้ไปไหนนอกจากไปตามสนามกีฬา เบื่อจะตาย”

    “ถ้าอย่างนั้นไปกัน แกเอาของไปเก็บสิ ฉันจะดูแลแกเอง แต่มีข้อแม้นะตาล”

    “อะไร” ถ้าคำว่า ‘ข้อแม้’ ออกมาจากคนอื่นเธอคงไม่คิดมาก แต่นี่คือ

    เชษฐา ผู้ชายหน้าหวานชอบทำตุ้งติ้งเวลาอยู่กับน้องสาว แต่ความจริงแล้วเป็นจอมเจ้าเล่ห์หาตัวจับยากคนหนึ่งที่คิดแผนการชั่วร้ายมาแล้วมากมาย แม้แต่กับราพณ์พี่ชายใหญ่ของตัวเองเชษฐาก็ไม่เว้น แล้วเธอจะวางใจได้อย่างไร

    “ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้” เชษฐาหัวเราะลั่น เมื่อเห็นสีหน้าแววตาหวาดระแวงของเพื่อนสนิท

    “ใครบอกว่าฉันกลัวแก”

    “ก็อ้าปากค้างขนาดนี้ แถมปากแกกว้างอย่างกับปากถ้ำ จนแมลงจะบินเข้าไปวางไข่ออกลูกจูงหลานได้แล้ว”

    “อิเชษ!” หญิงสาวฟาดฝ่ามือลงบนต้นแขนกำยำของหนุ่มปากร้ายเต็มแรง

    แทนที่จะโกรธ เชษฐาก็กลับหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม แล้วกอดคอพา

    ตุลยดาเข้ามาในห้องนอน โดยอีกมือก็ไม่ลืมที่จะลากกระเป๋าสาวเจ้ามาด้วย “แกนอนในห้องไปละกัน ฉันจะออกไปนอนข้างนอกเอง”

    “มีห้องเดียวเองหรือ”

    “อือ” คนกะล่อนแบะปากเมื่อนึกไปถึงความรวยของน้องเขย “เฮคเตอร์

    ซื้อไว้สวีตกับไอ้เอื้อยตั้งแต่ไอ้เอื้อยคลอดได้ปีเดียว คงกะจะมีน้องให้แฝดน้อย แต่สงสัยบ่มิไก๊ น้ำยาบูด จนป่านนี้ก็ยังไม่มีน้องให้สองตัวนั้นสักที”

    “แกนี่ก็ช่างว่าคนอื่น ผู้ชายอะไรปากเสีย” ตุลยดามองค้อนลุงเชษของหลานแฝด มีอย่างที่ไหนเป็นลุงแท้ๆ แต่เรียกหลานแฝดว่า ‘ตัว’ เสียอย่างนั้น

    “รู้ได้ยังไงว่าปากเสีย ชิมแล้วหรือยังจ๊ะตาล”

     

     

    เชษมันร้ายยยยยยยยยยยย

    เชษมันแพรวพราวววววววววววววววว

    ตาลเอ๊ยยยย แกจะทันเพื่อนแกมั้ยอ่าาาา ><

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×