ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แสนกลรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ ๑ พรหมลิขิตบันดาลชักพา (1)

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 64


     

    บทที่ ๑ พรหมลิขิตบันดาลชักพา

     

     มีคำกล่าวว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงลุยๆ ประเภทนุ่งยีน สวมรองเท้าผ้าใบสไตล์สปอร์ตเกิร์ล...

     หญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งยืนอยู่หน้ากระจก สวมเสื้อยืดสีขาวคลุมด้วยแจ็กเกตยีนแบรนด์ดัง เธอเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบยีนเป็นชีวิตจิตใจ

     เธอก็เป็นสปอร์ตเกิร์ลคนหนึ่งนะ แต่ไม่เห็นมีใครมาสนใจเลยสักคน...เพราะอะไรล่ะ ผู้หญิงลุยๆ ซ่อมไฟเองได้ ซ่อมรถก็ได้ เรียกได้ว่าไม่ต้องลำบากผู้ชายเลยสักนิด ทำไมป่านนี้ไม่เห็นมีแฟนเลยสักคน...ไหนว่าชอบสปอร์ตเกิร์ลไง

     คิดแล้วก็ได้แต่หัวเราะและส่ายหน้าเบาๆ...หญิงสาวรวบผมยาวถึงกลางหลังขึ้นมัดไว้กลางศีรษะแล้วปล่อยปลายยาวเป็นหางม้า เปิดหน้าผากนูนเกลี้ยงเกลาสวยเด่น เสร็จแล้วจึงหมุนตัวซ้ายขวาตรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง จากนั้นสวมถุงเท้า คว้ารองเท้าผ้าใบและกระเป๋ากล้องวิ่งลงไปชั้นล่างของบ้าน

     “ไอ้เอื้อย แกจะไม่กินข้าวเช้าก่อนไปหรือไงวะ...โอ๊ย!” 

    เสียงโวยวายของพี่ชายฝาแฝดที่เกิดก่อนแค่หนึ่งนาทีดังมาจากในครัว ตามด้วยเสียงร้องโอดโอย ไม่บอกก็รู้ว่าโดนพี่ชายคนโตตบศีรษะจนหัวสั่นหัวคลอนไปแล้วแน่นอน

     เหตุนี้กระมังที่ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เธอ พี่ชายคนโตเป็นนักธุรกิจและนักแข่งรถหน้าตาดุโหด ส่วนพี่ชายฝาแฝดเป็นนักมวยชื่อดังระดับแชมป์โลก!

     เอื้อย หรือ อุรัสยา พัฒนเสถียร หัวเราะลั่น แล้วเดินเข้าไปในครัว ก็พบว่าสองหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำกำลังนั่งประจันหน้ากันที่โต๊ะอาหาร คนตัวสูงหน้าคมท่าทางดุๆ คือ ราพณ์ พัฒนเสถียร พี่ชายคนโตที่เป็นนักกีฬาแข่งรถระดับโลก ส่วนอีกคนคือ เชษฐา พัฒนเสถียร พี่ชายฝาแฝดที่แย่งพื้นที่ในท้องแม่และเกิดก่อนเธอแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น

     “ตามสบายเลยนะพี่ราพณ์ นายเชษ เอื้อยรีบไปทำงานน่ะ” 

    บอกแล้วก็หันหลังเตรียมออกไปทันที แต่เสียงดุๆ ของราพณ์ก็หยุดน้องสาวไว้

     “ลืมที่แม่บอกเราทุกวันตั้งแต่เด็กไปแล้วหรือ”

    หลังจากพ่อแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสิบปีก่อน ราพณ์ก็เป็นคนดูแลน้องทั้งสองตามลำพังนับตั้งแต่นั้น และตั้งกฎเหล็กไว้หนึ่งข้อคือ ถ้าอยู่บ้านกันพร้อมหน้า ก็ต้องกินข้าวเช้าด้วยกันทุกครั้งก่อนแยกย้ายกันไป

     “เอื้อยอ่านนิยายเพลินเลยนอนดึก แถมตื่นสายอีก” อุรัสยาทำหน้ามุ่ย “วันเดียวก็ไม่ได้หรือพี่ราพณ์ เดี๋ยวเข้างานสายนะ”

     “ไม่ได้” ราพณ์บอกเสียงเรียบ นัยน์ตาคมดุฉายแววจริงจังจนน้องสาวต้องยอมเดินมาที่โต๊ะอาหารแต่โดยดี

     “แกน่ะไม่ชอบกินข้าวจนผอมเหลือตัวเท่านี้ เกิดโดนฉุดระหว่างทำงานจะว่ายังไง ฉันไม่อยากมีน้องเขยก่อนเวลาอันควรนะโว้ย”

    เชษฐาโวยลั่น รายนี้พูดจาดีๆ ไม่ได้ ต้องกระโชกโฮกฮากตลอดเวลาราวกับอยู่ในป่าก็ไม่ปาน อุรัสยาได้แต่มองด้วยสายตาไม่พอใจ บางครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่ค่ายมวยเขาไม่สอนเรื่องมารยาทเลยหรือ

     “แล้วแกจะตะโกนเป็นคนป่าทำไมเชษ” ราพณ์ปรามเสียงดุ แล้วหันไปสั่งแม่บ้านให้ตักข้าวใส่จานให้น้องสาว

     “นิดเดียวพอจ้ะ ฉันรีบ” หญิงสาวหนึ่งเดียวในบ้านหันไปบอกแม่บ้าน

     “วันนี้กลับเย็นหรือเปล่าเอื้อย” พี่ชายใหญ่ถาม

     “ยังไม่แน่ใจเลย วันนี้งานแต่งงานเจ้าบ่าวตำรวจใหญ่ มีอาฟเตอร์ปาร์ตีด้วยนะ ถ้าดึกมากเดี๋ยวนอนกับเพื่อนเลย ไม่อยากเมาแล้วขับ”

     “แล้วแกไม่รีบไปเตรียมตัวเรอะ” เชษฐาตั้งข้อสังเกต เรื่องความสวยความงามต้องอยู่คู่กับผู้หญิงไม่ใช่หรือ แต่ยกเว้นน้องสาวฝาแฝดคนนี้ไปแล้วกัน เพราะอุรัสยาไม่ใช่ผู้หญิงปกติ ลองซ่อมรถเปลี่ยนยางล้อรถเองได้นี่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางแน่ ถึกยิ่งกว่าควายตัวเมียเสียขนาดนี้

     “จะรีบทำไม” หญิงสาวยักไหล่ไม่แยแส แล้วตักข้าวต้มกุ้งเข้าปากเร็วๆ โดยไม่ทันระวังว่าร้อนมาก ผลคือสำลักจนคว้าแก้วน้ำมาดื่มแทบไม่ทัน

     “เอาเข้าไปเอื้อย” ราพณ์ส่ายหน้าระอา แต่ก็ลูบหลังน้องสาวอย่างอ่อนโยนราวกับว่าสาวตรงหน้าเป็นแค่เด็กน้อยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่หญิงสาวอายุยี่สิบห้าที่ทำงานเป็นนักข่าวสายอาชญากรรม

     “เฮียก็แบบนี้แหละน้า” เชษฐาหัวเราะหึๆ แล้วส่ายหน้า บ่งบอกว่าระอาฝาแฝดมากเพียงไร “ไอ้เอื้อยมันยี่สิบห้าแล้วเฮีย ไม่ใช่ห้าขวบ”

     

     “อิจฉาหรือไงเชษ” สาวอายุยี่สิบห้ายักคิ้วพลางยิ้มเยาะเย้ยฝาแฝดที่แม้คนละเพศ แต่ก็มีส่วนคล้ายกันพอสมควร ที่เวลานี้กลายเป็นนักมวยหน้าหวานเจ้าสำอางแต่หมัดหนัก!

     “เฮอะ” เชษฐากลอกตา แสร้งทำท่าทางสะดีดสะดิ้งไม่สมกับหุ่นล่ำก้ามปูของตัวเองเลยสักนิด

     “แกเหมือนตุ๊ดมากขึ้นทุกวันแล้วนะนายเชษ” อุรัสยากลืนข้าวต้มกุ้งลงคอแล้วแขวะฝาแฝด 

     “แกก็เหมือนผู้ชายเข้าไปทุกวันแล้วไอ้เอื้อย” นักมวยหนุ่มมองน้องสาวจ้วงข้าวต้มกุ้งเข้าปากแล้วก็ได้แต่ถอนใจ

     “ไม่ดีหรือไง แกกับพี่ราพณ์จะได้ไม่ต้องตามห่วง”

     “ยังไงเอื้อยก็เป็นผู้หญิง เมื่อไหร่จะเข้ามาช่วยงานพี่ พี่ไม่อยากให้เราออกไปตะลอนๆ ทำข่าวเลย” ราพณ์บอกเสียงดุ

     อุรัสยาเงียบไปทันที กับเชษฐาเธอจะกวนประสาท ตบหัว ตีเข่าเขย่าศอกกันอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าพี่ชายคนโตอย่างราพณ์เอ่ยปากขึ้นมาเมื่อไหร่ เธอต้องเงียบทันที เพราะรายนี้ดุเหมือนยักษ์สมชื่อ ‘ราพณ์’ ของเจ้าตัว

     “ก็เอื้อยชอบนี่” น้องสาวคนสุดท้องบอกเสียงอ่อย จากที่จ้วงตักข้าวต้มเข้าปาก ก็เปลี่ยนเป็นตีหน้าสลดแล้วคนข้าวต้มตรงหน้าไปมา ประท้วงด้วยการอดอาหารเสียเลย เพราะรู้ว่าเดี๋ยวพี่ชายก็ใจอ่อน ใช้ไม้นี้ทีไรได้ผลทุกครั้ง และคราวนี้ก็เช่นกัน 

     เมื่อเห็นน้องสาวเอาแต่คนข้าวต้มไม่ยอมกินต่อเสียที ราพณ์ก็ใจอ่อนอย่างที่คนเป็นน้องคาดไว้ไม่มีผิด

     “เอาเถอะๆ แต่อย่าออกไปตะลอนๆ ตอนดึกๆ แล้วกัน” พี่ชายใหญ่กำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     “เลิกแล้ว”

     “ดีแล้ว...พี่เป็นห่วง”

     เจอน้ำเสียงอย่างนี้เข้าไป อุรัสยาก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาคนข้าวต้มตรงหน้าต่อไป แล้วเหลือบมองพี่ชายฝาแฝดที่นั่งตรงข้าม ก็เห็นว่าเชษฐากำลังยิ้มเยาะเย้ยทั้งยังทำหน้าลิงหลอกเจ้าใส่เสียอย่างนั้น

     ‘ไอ้บ้าเชษ’ หญิงสาวขยับปากด่าพี่ชายฝาแฝด แต่เชษฐาจะสะทกสะท้านหรือก็ไม่ ทั้งยังหัวเราะอีกด้วย

     “เออนี่ไอ้เอื้อย...” นักมวยหนุ่มเอ่ยปาก ดึงความสนใจจากน้องสาวได้ในที่สุด

     “อะไรอ้ะเชษ”

     “ฉันได้ยินว่าหนุ่มๆ เดี๋ยวนี้เขาชอบสปอร์ตเกิร์ลไม่ใช่หรือวะ ประเภทนุ่งยีนสวมรองเท้าผ้าใบ แต่ทำไมน้องฉันไม่เห็นมีแฟนสักที”

     “เพราะมีพี่ชายปากหมามั้ง” อุรัสยายักไหล่ แต่แล้วก็ระลึกได้ว่ามีพี่ชายสองคน จึงหันไปยิ้มแบบลุแก่โทษให้ราพณ์ “เอื้อยหมายถึงนายเชษนะ”

     ราพณ์ยิ้ม ไม่พูดอะไร เขานั่งฟังน้องคุยต่อ

     “ฉันว่าไม่ใช่ว่ะ” เชษฐาส่ายหน้า “แกคิดดูนะ แกใส่กางเกงตัวละห้าพัน รองเท้าผ้าใบคู่ละเกือบหมื่น แจ็กเกตยีนแกก็แพงพอกับกางเกง ยังนะ ยังกล้องแกอีก...ตัวละเกือบแสน ฉันว่าเพราะแบบนี้มากกว่าแกเลยไม่มีแฟน ใครจะกล้าเปย์ให้แกวะ”

     “พี่ราพณ์ไง” อุรัสยาตอบหน้าตาเฉย

     “นั่นมันพี่ชายเว้ย แต่ที่ฉันพูดนี่หมายถึงเนื้อคู่ต่างหาก”

     “ไม่มีก็ได้ ไม่เห็นจะตายนี่” สาวคนเก่งยักไหล่ “เกิดก็เกิดมาคนเดียว ทำไมจะอยู่คนเดียวต่อไปไม่ได้”

     “แกลืมไปหรือเปล่าว่าแกเกิดมาพร้อมฉัน” เชษฐาแยกเขี้ยวใส่ อยากจะผลักหัวน้องสาวแรงๆ สักที แต่ก็เกรงสายตาดุๆ ของราพณ์

     “แกทำตัวเป็นพี่ชายที่ดีตรงไหนล่ะนายเชษ” หญิงสาวบอกหน้าตาเฉย กลืนข้าวต้มคำใหญ่แล้วดื่มน้ำตาม จากนั้นจึงใช้หลังมือปาดริมฝีปากอย่างลวกๆ

     “ให้น้องอยู่กับเราแบบนี้ก็ดีแล้วเชษ” ราพณ์ตัดบท ยุติการโต้เถียงของน้องๆ ที่เข้าใกล้กันทีไรเป็นต้องหาเรื่องต่อล้อต่อเถียงกันตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มพูดได้จนถึงทุกวันนี้

     สามพี่น้องกินมื้อเช้ากันอย่างเงียบๆ เพราะพี่ชายใหญ่หน้าดุไม่พูดอะไรอีก ฝาแฝดจึงจำต้องเลิกเถียงกันไปก่อน แต่ยังคงก่อสงครามกันด้วยสายตาตลอดเวลา จนกระทั่งจบมื้ออาหาร หญิงสาวยกมือไหว้พี่ชายคนโต ก่อนจะหันไปยิ้มเยาะเย้ยพี่ชายฝาแฝด แล้วรีบออกไปทำงานทันที วันนี้ยังมีภารกิจอีกมาก

     

    โอ้โหหหหห ดูปากอีตาเชษ

    หรือว่า…ดวงเนื้อคู่น้องเอื้อยจะมาแล้วนะ ><

     

    เหมือนเดิมค่ะ ฝากผลงานเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ

    E-book เพื่อนเจ้าสาวมืออาชีพ ค่ะ  : https://bit.ly/2UDgkgi

    ร้ายหวงรัก (ธิติ+คะนึงนิจ) E-book จิ้มเลย https://bit.ly/33g2aC6

     

    #หากรู้สักนิดว่ารัก #Yoursmile #ยิ้มหวานของคุณกูร (ฐากูร+กตัญญู)

    Dek-D : https://bit.ly/3xTfeLF

    อยู่ๆ เด็กคนนั้นก็บอกว่าเธอ "ท้อง" กับเขา แถมมาถามหาความรับผิดชอบ แต่ให้ตายเถอะ...เขาไม่มีทาง 'กินเด็ก' แน่ๆ!

    “ถ้าเธอท้องกับฉันจริงๆ ก็ต้องบอกได้สิว่าฉันทำ 'ท่า' ไหนเธอถึงท้องได้!”

     

    #อย่าไว้ใจทาง โปรดวางใจรัก (I’ ll always be by your side) (อัศวิน + กุลนิษฐ์)

    Dek-D : https://bit.ly/3tqu8YH

    เพราะถูกคนรักเก่าหักหลัง เธอเลยตกที่นั่งลำบาก แถมยังไปมีอะไรกับผู้ชายท่าทางประหลาด หน้าดุเหมือนโจร ปากก็ร้าย ใจก็ดำ

    "ไปที่ชอบๆ เถอะคุณน่ะ"

    "ไม่ไป...ผมชอบที่นี่ ชอบเวลาอยู่ใน 'ตัว' คุณ"

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×