คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
...ความลับมืดดำมักจะซุกซ่อนอยู่ในยามราตรีเสมอ...
หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกจากอาคารสำนักงานสถาบันจิตวิทยาในเวลาเกือบเที่ยงคืน
ทั้งที่เป็นช่วงวันหยุดปีใหม่ แต่เพราะการจับตัวเดอะดาร์กแฟนทอม อาชญากรที่ทุกฝ่ายตามคดีมากว่าห้าปีได้เมื่อเกือบหนึ่งเดินก่อนจากเหตุการณ์ไล่ยิงกันกลางโฮโนลูลูกลายเป็นข่าวดังที่ได้รับความสนใจไปทั่ว
จนเธอต้องทำงานอย่างหนักจนไม่ได้พักเหมือนอย่างคนอื่น
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นระหว่างที่กำลังเปิดประตูรถ
อนินทิตา โรซาเลส รีบรับสายทันทีเพราะคิดว่าเป็นอดีตเพื่อนที่เคยทำงานด้วยกัน และเธอก็พยายามติดต่อเขามาหลายต่อหลายครั้ง
หญิงสาวถอนใจเล็กน้อย
เพราะคนที่โทร. มาไม่ใช่คนที่เธอรอ แต่เป็นเมลิสสา พี่สาวของเธอนี่เอง “ไงเม”
“เธอไม่ได้หยุดปีใหม่จริงหรือ”
ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อเล็กน้อย
เหตุเพราะเมลิสสาเพิ่งรับแมวตัวที่สี่มาเลี้ยง และอยากให้น้องสาวไปงานปาร์ตีต้อนรับลูกแมวสุดที่รัก
“ไม่ได้หยุดจริงๆ เม ฉันไม่ว่างเลย
เธอก็น่าจะรู้” เมลิสสาคืออดีตแอร์โฮสเตสสายการบินหนึ่งในตะวันออกกลาง
และพบรักกับอดีตทหารหน่วยรบพิเศษที่ปัจจุบันมาเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยเสียเอง
จึงรู้เรื่องลับลวงพรางพวกนี้อย่างดีเช่นกัน
“ปีใหม่ทั้งทีนะ”
“ฉันอยากหยุดจะแย่” แต่แค่นึกไปถึงใบหน้าดุๆ
ของ มาเรีย บิชอป สาวใหญ่หัวหน้าแผนกของเธอแล้ว อนินทิตาก็นึกขยาด
“สัปดาห์หน้าเธอว่างหรือเปล่า”
“น่าจะว่างนะ แต่อาจไปไหนไกลไม่ได้”
คนเป็นน้องสาวรีบออกตัว กลัวเหลือเกินว่าพี่สาวจะบอกให้ไปค้างที่บ้านซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาลูกๆ
หน้าขนของเมลิสสา เธอไม่ชอบแมว ยิ่งแมวของพี่สาวยิ่งไม่ชอบเพราะเลี้ยงดียิ่งกว่าเทวดาเสียอีก
“โอเคๆ ฉันไม่กวนเธอก็ได้ แต่ถ้าว่างต้องรีบติดต่อฉันนะอนิน”
“ได้” เธอรับคำสั้นๆ
แล้วรีบวางสายทันทีก่อนที่เมลิสสาจะเปลี่ยนใจ
เจ้าหน้าที่สาวเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายและเปิดประตูรถ
ทว่าตาเจ้ากรรมกลับมองเห็นเงาร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่หลบฉากออกไปอย่างรวดเร็ว
ใคร!
คิ้วเข้มสวยเหนือดวงตาคมหวานขมวดมุ่น
แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นเธอก็เปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากสำนักงานมุ่งหน้าสู่บ้านพักของเธอใช้เวลาไม่นาน
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ไปถึง ทว่าช่วงเวลาเฉลิมฉลองวันวันส่งท้ายปีและกำลังจะนับถอยหลังเพื่อก้าวสู่ปีใหม่อย่างนี้
ผู้คนจึงพลุกพล่าน รถรายังคงเต็มท้องถนน ข้างทางล้วนประดับประดาไปด้วยแสงไฟ
อีกไม่กี่นาทีเท่านั้นเธอก็จะหลุดจากช่วงที่รถติดที่สุดแล้ว และเป็นเวลาเดียวกับที่จะเริ่มเคานต์ดาวน์เช่นกัน
อนินทิตาเคาะปลายนิ้วกับพวงมาลัยรถ ร้องเพลงคลอตามจังหวะทำนองปีใหม่
ตรงหน้าคือครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งที่กำลังเดินข้ามถนนอย่างเร่งรีบเพราะกำลังจะสิ้นสัญญาณไฟ
เธอยิ้มเล็กน้อย นึกไปถึงเมื่อคราวยังเด็กที่แม่มักจะพากลับไปหายายที่เมืองไทย
แม่ก็จะจูงมือเธอและพี่สาวไว้อย่างนี้ พอไปถึงบ้านยายก็จะได้กินอาหารรสจัดจ้านถึงใจและขนมหวานแสบไส้
แต่อร่อยจนหยุดกินไม่ได้
คิดไปถึงเรื่องในอดีตทีไรเธอก็ได้แต่ยิ้ม
ยิ่งเมื่อเมลิสสา พี่สาวและญาติคนเดียวที่เหลืออยู่จะแต่งงานแยกไปมีครอบครัวแล้ว เธอก็เริ่มเหงานิดๆ
แต่ก็ชินเสียแล้วที่ต้องอยู่ตามลำพัง
ในวันที่รถเยอะ ผู้คนมากมายเช่นนี้
หญิงสาวขับรถไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน จนกระทั่งเข้าเขตย่านที่พักอาศัย กว่าจะถึงบ้านก็ใกล้เริ่มเคานต์ดาวน์เต็มที
เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ควรมืดสนิท ก็กลับเริ่มมีการจุดพลุและเริ่มนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่
และ...
ปัง!
เสียงหนึ่งดังปะปนกับเสียงแห่งการเฉลิมฉลอง
แสงสว่างวาบจากพลุสีสดบนฟ้าเผยให้เห็นผู้ชายคนหนึ่งวิ่งโซเซหนีจากอะไรบางอย่างผ่านหน้าเธอไป
คนอื่นอาจไม่ทันเอะใจว่าเสียงกัมปนาทเมื่อครู่ไม่ใช่เสียงพลุ แต่เป็นเสียงปืนต่างหาก เธอมองซ้ายมองขวาหาผู้ชายคนนั้น ดูว่าเขาหนีอะไรและเป็นอะไรมากหรือไม่ จะได้ช่วยแจ้งเก้าหนึ่งหนึ่งให้ แต่ก็ไม่เห็นใครเลย ผู้ชายคนนั้นหายไปราวกับเป็นแค่ ‘เงา’ ผ่านหน้าไปเท่านั้น
คงไม่มีอะไร...
อนินทิตาตัดใจขับรถต่อไปเพราะอีกแค่ถนนเดียวก็ถึงบ้านของเธอแล้ว
เหตุการณ์ยังดำเนินไปอย่างเป็นปกติ จนกระทั่งมาถึงในย่านพักอาศัย หญิงสาวจอดรถไว้ด้านหน้าทาวน์เฮาส์หลังหนึ่งที่เป็นบ้านของเธอเอง
น่าแปลก...เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกมองอีกแล้ว
ดวงตาคู่กลมโตกวาดมองไปรอบๆ ตัว
แต่ก็มีแต่ความมืด เพื่อนบ้านส่วนใหญ่ก็ฉลองกันในครอบครัว แล้วใครกันที่มองเธอ
หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ
เธอถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครแน่แล้วจึงเดินเข้าบ้าน แต่พลันดวงตาก็เห็นความผิดปกติ
มีอะไรบางอย่างนอนกองอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ...
ดวงตาคู่กลมโตหรี่ลงเล็กน้อย เพ่งมองฝ่าความมืดสลับกับแสงสว่างวาบเป็นบางครั้งเมื่อได้ยินเสียงพลุ
เสียงผู้คนมากมายที่กำลังเฉลิมฉลอง ไม่มีใครสังเกตเลยว่าตรงนี้ไม่ปกติ
แม้ในใจยังหวั่นๆ ระคนสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่
แต่อนินทิตาก็ขยับเข้าไปใกล้ ‘กอง’ นั้นอีกนิด กลิ่นคาวเลือดทำเอาเย็นสันหลังวาบ จะพลิกตัวหันหลังกลับก็ช้าไปเสียแล้ว
เมื่อ ‘กองประหลาด’ ที่ว่ายื่นมือมากระตุกมือเธอทีเดียวล้มโครมลงไปทับกองประหลาดนั้นเต็มแรง
คนหรอกหรือ...และเขากำลังบาดเจ็บด้วย!
“ช่วย...อื๊อ!” อนินทิตาร้องขอความช่วยเหลือ ทว่ากลับถูกฝ่ามือหนากร้านเต็มไปด้วยเลือดตะปบไว้อย่างแรงจนปากชาเห่อ
ความเจ็บทำให้โทสะพุ่งขึ้นสูงทันที โกรธจนลืมกลัวไปแล้ว
อนินทิตาขึงตาใส่ผู้ชายตรงหน้า
แล้วก็ต้องตกใจมากขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อเห็นว่าเขาเป็นใคร เธอพยายามเรียกชื่อเขา
แต่ทำไม่ได้เพราะยิ่งพยายามร้อง เขาก็ยิ่งกดน้ำหนักมือลงมาจนเธอแทบหายใจไม่ออก ทั้งยังพลิกตัวเป็นฝ่ายคร่อมเธอไว้อีกด้วย
ถ้าอยู่อย่างนี้ต่อไปต้องตายแน่ๆ!
สาวร่างเล็กดิ้นขลุกขลัก
แต่แรงผู้หญิงหรือจะสู้แรงผู้ชาย เธอพยายามจะกัดมือเขา แต่เขารู้ทัน
แทนที่จะสู้ได้ ก็ยิ่งถูกแรงมหาศาลกดไว้จนเจ็บหลังไปหมดแล้ว
“มันไม่น่าหนีไปได้ไกล” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นในระยะใกล้
แม้จะเป็นยามที่เสียงแห่งการเฉลิมฉลองดังไปทั่ว
ทว่าคนที่ทำงานกับอาชญากรอย่างอนินทิตากลับได้ยินเสียงนั้นชัดเจน และคนที่กำลังคร่อมร่างเธอไว้ก็คงได้ยินเช่นกัน
ดวงตาคมของเขาเป็นประกายกร้าว แล้วส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้เธอเงียบ แล้วหันไปมองผู้ชายสองคนที่กำลังจะข้ามถนนจากฝั่งโน้นตรงมายังหน้าทาวน์เฮาส์
ถ้ายังอยู่ตรงนี้ต่อไปต้องถูกจับได้แน่นอน
“นี่...” เธอกำลังจะบอกให้เขาไปซ่อนในบ้าน
แต่คงช้าเกินไปเพราะผู้ชายพวกนั้นกำลังมองมาทางนี้พอดี พร้อมๆ
กับที่ริมฝีปากเข้มได้รูปของคนตรงหน้าประกบลงมา
ช่วงเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแทนที่จะหนี
แต่เขากลับจูบเธอแทน…บ้าหรือเปล่า!
อนินทิตาขืนตัวไว้สุดแรง พยายามยกขาขึ้นจะเล่นงานคนบ้าที่อยู่ๆ
ก็กระทำจาบจ้วง ไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่เหมือนเขาจะรู้ทัน
จึงพลิกตัวเป็นฝ่ายนอนราบแล้วให้เธอคร่อมเขาไว้เสียเอง
บ้ากว่านี้ได้อีกไหม...
ถ้าเป็นเวลาอื่นคงโรแมนติกหน้าดู
จูบกันหน้าบ้านท่ามกลางบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองเคล้าด้วยเสียงพลุและดอกไม้ไฟหลากสี
ภาพที่คนนอกมองมาก็คงจะรู้สึกอย่างนี้เช่นกัน แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย
หญิงสาวพยายามส่งเสียงประท้วงและเกร็งตัวจะลุกขึ้น
แต่มือหนากร้านยังคงกดท้ายทอยเธอแน่น บังคับให้เธอจูบเขาอีกต่างหาก
“เป็นบ้าอะไรของคุณ!” เจ้าของเสียงหวานแหวลั่น กำหมัดแน่นและชกเขาทันทีที่เขายอมปล่อย
แต่พลาดเป้าไปนิดเดียวเพราะเขาหลบทัน
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะจูบ
ก็เห็นอยู่ว่าพวกนั้นมันกำลังมองมา”
“ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้หรือไง”
อนินทิตาถามกรุ่นๆ อีกแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงบ้านเธอแล้ว วิ่งเข้าบ้านไปเลยก็ได้
ไม่เห็นต้องเบี่ยงความสนใจด้วยวิธีนี้เลยสักนิด
คนถูกต่อว่าทำหน้าเครียดแล้วตอบสั้นๆ
“ดีที่สุดในวินาทีนี้แล้วละ”
สาวร่างเล็กลุกขึ้นทันทีแล้วมองไปทางถนนก็ไม่พบเงาของผู้ชายสองคนนั้นแล้ว
แต่กลิ่นคาวเลือดที่เปรอะเปื้อนเสื้อผ้านี่สิที่ทำให้เธอคิดได้ว่าเขากำลังเจ็บ!
“คุณต้องไปหาหมอ”
“ผมไม่หาหมอ” เขาบอกปัดทันทีแบบไม่เสียเวลาคิดเลยสักนิด
ทั้งยังมีท่าทีลุกลี้ลุกลนชัดเจน
“แต่แผลคุณ...”
“ใช่ แผลผมเอง” เขาย้อนหน้าตาย
“ฉันรู้ว่าแผลคุณ
แต่ฉันหมายถึงคุณต้องทำแผล”
ไม่มีแบบหนังสือนะคะ
เรื่องแสนรักซ่อนใจ (อัลเบอร์โตxหนูนา) มีวางขายแล้วค่า
E-book มาแล้ว จิ้มเลยยยย https://bit.ly/2DnWxc6
ความคิดเห็น