NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ ONE PIECE ] My name's Raiden Ei

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter II - Episode 4 ( 50% )

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 65





    การก่อกบฏ  การยุยง  การบ่อนทำลาย 



    อาณาจักรอลาบัสต้ากำลังจะล่มสลาย  ...โดยฝีมือของชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอ 



    ลอดผ่านกรงเหล็กฝังหินไคโร  หินที่เป็นเหมือนฝันร้ายของเหล่าผู้ใช้พลังผลปีศาจ หน้าที่ของมันคลับคล้ายคลับคลากับน้ำทะเล เพราะมันจะทำให้ผู้ใช้พลังไม่สามารถใช้พลังได้  โดยส่วนมากเเล้วมักจะใช้คุมขังนักโทษที่เป็นผู้ใช้พลังของผลปีศาจซะมากกว่า



    ไรเดนฟังเเผนร้ายของคนที่คิดจะทำให้คณะปฏิวัติเเละกองทัพของพระราชาประทะกัน ..โดยสั่งให้ลูกน้องคนหนึ่งสวมรอยเป็นพระราชาไปทำลายเมืองหนึ่งของอลาบัสต้า เพื่อใช้มันเป็นตัวปะทุสงครามกับฝ่ายปฏิวัติ 



    คร็อกโคไดล์พูดแผนการทั้งหมดด้วยน้ำเสียงชวนกระตุกขวัญ ให้วีวี่ที่โดนจับเข้ามาในเวลาไล่เรี่ยกับเราได้ฟังเต็มสองหู 



    ...ร่างบางลุกขึ้นจากที่นั่งของตนเองอย่างช้าๆ ผมสีม่วงอมน้ำเงินปกปิดใบหน้าซ่อนดวงตาสีสวยที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ 



    สโม๊กเกอร์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความฉงน ทุกคนในตอนนี้ต่างก็ไม่สามารถทำอะไรได้  ...ภายใต้ลูกกรงขนาดใหญ่  ลูฟี่เเละสโม๊กเกอร์ถูกหินไคโรพวกนั้นกดพลังเอาไว้ ส่วนนามิ อูซปและโซโรนั้นมีพลังไม่มากพอที่จะฝ่าออกไป 



    “ คร็อกโคไดล์!! ฉันจะอัดเเกเดี๋ยวนี้เเหละ ” 



    ลูฟี่พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว เขาพยายามเอาหน้ามุดเข้าไปในช่องว่างระหว่างกรงเเต่ก็ทำไม่ได้  เรื่องเเบบนี้มันโหดร้ายเกินกว่าที่ชายหนุ่มจะรับไหว หากเขาไม่หยุดชายตรงหน้าล่ะก็ อลาบัสต้าได้กลายเป็นจุลจริงๆเเน่ 



    “ หึหึหึหึ.. แล้วจะทำยังไงงั้นเหรอ ? ” 



    คร็อกโคไดล์หัวเราะเสียงเหี้ยม เขาให้ทางเลือกกับวีวี่ที่อยู่ด้านนอกกรงขัง  ว่าจะเลือกช่วยผองเพื่อนหรือจะเลือกช่วยอาณาจักรนี้  ซึ่งชายร่างใหญ่ก็ได้โยนกุญเเจไขลูกกรงลงไปในหลุมด้านล่าง หลุมที่เต็มไปด้วยจรเข้มากมาย  เเละหนึ่งในนั้นก็ได้กลืนกุญเเจเข้าไปเป็นที่เรียบร้อย 



    วีวี่ที่อยู่ในสภาพที่สิ้นหวัง ความโกรธ ความกังวล ความเคียดเเค้น และความอึดอัดใจ ทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปหมดจนเธอไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้ว



    ตึก.. ตึก.. ตึก... 



    รองเท้าไม้ส้นสูงกระทบกันพื้นปูนจนเกิดเสียงก้อง ทุกๆสายตาจับจ้องมายังหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่ลุกขึ้นจากที่นั่งของตนเอง  หลังจากนั่งเงียบฟังเรื่องราวทั้งหมดมาได้สักพัก เธอตัดสินใจเดินตรงไปด้านหน้า ทิศทางคือชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านนอก 



    “ ถอยไป.. ” 



    ไรเดนกล่าวกับลูฟี่ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง  ดวงตาของเธอฉายแววดำมืดจนหน้ากลัว ...ลูฟี่ไม่เคยเห็นหญิงสาวเป็นแบบนี้มาก่อน  เขาก็รู้สึกได้ถึงความกดดันจางๆมาจากตัวของเธอ 



    ไรเดนกำลังโกรธ.. 



    คร็อกโคไดล์หันมามองเธอด้วยความสงสัย ควันจากซิการ์คละคลุ้งไปตามอากาศ  ส่วนลูฟี่นั้นถอยออกไปจากกรงเหล็กตามคำสั่งของเธอเเล้ว แม้จะงุนงงอยู่บ้างก็ตาม 



    “ เอย์ ? ” ชายหนุ่มขานเรียก 



    เสียงช็อตแหลมของไฟฟ้าค่อยๆดังขึ้นเป็นระยะๆ  ...ร่างกายของไรเดนห่อหุ้มไปด้วยสายฟ้าสีม่วงเป็นส่วนๆ คลื่นพลังมหาศาลตีเเผ่ออกมาจากตัวของหญิงสาวโดยเฉพาะอาวุธคู่กายด้านหลังของเธอ ทำให้บางคนจำต้องยกเเขนขึ้นมาบดบังทัศนียภาพของตนเอง เนื่องจากความสว่างจ้าของสายฟ้ารอบกายหญิงสาว



    ราวกับพลังกำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ... 



    คร็อกโคไดล์เบิกตากว้าง เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะสามารถใช้พลังได้ทั้งๆที่อยู่ในกรงหินไคโร 



    “ เอย์ซัง! ”  วีวี่ร้องเรียกเธอด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง



    “ เธอไม่ใช่ผู้ใช้พลังของผลปีศาจสินะ.. ” 



    มีสออลซันเดย์พูด  แม้ว่าสีหน้าของเธอจะไร้อารมณ์จนดูเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ดวงตาขอเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยประกายเเห่งความตื่นตะลึง



    แกร๊กกก ! 



    รอยร้าวระหว่างกำเเพงเเละหน้าต่างเเตกออกเป็นเสี่ยงๆ สโม๊กเกอร์มองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจปนหวาดหวั่น เขากัดซิการ์แน่นเพื่อไม่ให้มันหลุดออกจากปาก เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับ 



    พลังนั่นมันอะไรกัน ? 



    ดวงตาสีม่วงเรืองเเสงวาววาบท่ามกลางคลื่นพลังสายฟ้า ไรเดนกวัดเเกว่งง้าวตวัดใบมีดใส่กรงเหล็กจนขาดเป็นสองท่อน ปลดปล่อยพวกพ้องทั้งหมดให้เป็นอิสระจากหินประหลาดที่กดทับพลังของพวกเขาเอาไว้



    “ แก ! ” 



    คร็อกโคไดล์คำรามลั่น  เปลี่ยนเเปลงร่างกายของตนเองให้กลายเป็นทรายจากผลของปีศาจ ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาทางนี้ด้วยจุดประสงค์มุ่งร้าย 



    โครมม !! 



    ทว่าก็สายไป เมื่อกลุ่มน้ำขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากรูร้าวที่ไรเดนได้กระทำไว้ในตอนเเรก  แรงดันน้ำของมันพัดพาให้พวกเราปลิวกันไปคนละทิศละทาง และแผ่นดินใต้เท้าสั่นสะเทือนจนผู้คนที่อยู่คาสิโนด้านบนพากันเเตกตื่น 



    ชั้นใต้ดินแห่งนี้กำลังจะจม ถือว่าเป็นโชคไม่ดีสำหรับสโม๊กเกอร์เเละลูฟี่เเล้ว 



    ไรเดนว่ายน้ำเข้าไปคว้าตัวกัปตันเรือที่กำลังจะหมดเเรงจากน้ำ  ร่างบางโอบกอดรอบคอชายหนุ่มเอาไว้ก่อนจะพาว่ายออกไป โดยลูฟี่ไม่ลืมบอกให้โซโรช่วยสโม๊กเกอร์ออกมาด้วย 



    ส่วนคร็อกโคไดล์เเละมีสออลซันเดย์นั่น... 



    ถ้าไม่ตายจากการจมน้ำก็คงกลับมาให้ลูฟี่อัดอยู่ดีนั่นเเหละ 





    ทุกคนขึ้นมาบนพื้นผิวน้ำด้านบนได้สำเร็จ ช่างเป็นอะไรที่โชคดีเมื่อซันจิกำลังรอพวกเราอยู่บนบก กุ๊กประจำเรือไม่รอช้าเข้ามาช่วยเหลือพวกเราในทันทีก่อนจะพาทุกคนหนีออกไป โดยช็อปเปอร์กำลังรออยู่ด้านนอกเมือง



    สโม๊กเกอร์ในครั้งนี้ยอมปล่อยให้พวกเราไปโดยไม่คิดไล่ล่าต่อ  อาจจะเป็นเพราะไม่อยากติดหนี้บุญคุณที่ลูฟี่ช่วยเหลือเอาไว้ ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะไรเดนไม่อยากจะเสียเวลาจากตรงนี้อีก 



    เพราะสถานที่ที่เราต้องรีบมุ่งหน้าไปให้เร็วที่สุดก็คืออลูบาร์น่า  เมืองที่พระราชาอาศัยอยู่ เเละเป็นเมืองที่กำลังจะเกิดสงครามระหว่างกองทัพราชากับคณะปฏิวัติในไม่ช้า 



    ไรเดนเเละทุกคนนั่งบนหลังปูทะเลทรายขนาดใหญ่ที่ช็อปเปอร์พามา มันเคลื่อนตัวไต่ไปตามพื้นทรายเพื่อมุ่งหน้าไปยังอลูบาร์น่าอย่างรวดเร็ว  



    ฟิ้วว.. !



    และในขณะเดียวกันนั้น บางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นได้พุ่งเข้ามารัดตัวของวีวี่เอาไว้  ทรายสีน้ำตาลห่อหุ้มร่างบางของหญิงสาวเเน่น มันพยายามจะรั้งดึงให้เธอลงจากหลังปูไปยังพื้นด้านล่าง 



    ลูฟี่พุ่งตัวเข้าไปรับแทนวีวี่ มือหนาผลักร่างเล็กกลับลงมาที่หลังปูเช่นเดิม  กลายเป็นว่าฝ่ายที่ถูกดึงออกไปคือเขาเเทน หัวของลูฟี่ทิ่มลงกับพื้นทรายดังปัก เช่นเดียวกับที่คร็อกโคไดล์เเละมีสออลซันเดย์ผู้ซึ่งหนีออกมาได้ยืนอยู่ตรงหน้า 



    ปูยักษ์หยุดตัวลง ทุกคนมองไปที่ลูฟี่ด้วยความตกใจเเละเป็นห่วง 



    “ ไปกันก่อนเลย ” 



    ไรเดนพูดคำขาด เธอกระโดดลงจากหลังของปูยักษ์  ในขณะที่วีวี่ตะโกนเรียกไม่ให้เธอเดินออกไป  



    “ รีบไปเถอะ  ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของอาณาจักรก็คือเธอ ” 



    วีวี่ชะงักกับคำพูดของไรเดน เเละเธอก็ได้พูดต่อจากประโยคเมื่อกี้  “ เธอเป็นคนเริ่มการต่อสู้ในครั้งนี้ ดังนั้นคนที่ต้องหยุดมันก็คือเธอ ” 



    ไม่บ่อยนักที่หญิงสาวจะพูดด้วยประโยคยาวๆ ...แต่ทว่ามันกับน่าฟังเเละดูน่าเกรงขามมากกว่าเป็นไหนๆ  ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันตั้งใจฟังอย่างไม่คิดสอดเเทรก และเพราะพวกเขาเองก็คิดแบบเดียวกันกับที่ไรเดนพูดมาทั้งหมด 



    ลมทะเลทรายกรรโชกเบาๆพัดให้ผมเเละชุดของทุกคนปลิวไปตามละรอก หญิงสาวหันไปมองเพื่อนๆทุกคน เธอหยิบง้าวออกมาควงก่อนจะจับเข้าที่ด้ามของมันอย่างมั่นคง 



    “ อย่าคิดว่าตัวเองกำลังต่อสู้อยู่คนเดียวล่ะ ..ฉันจะดูเเลทางนี้เอง ” 



    ไรเดนหันกลับไปมองยังทิศที่ลูฟี่เเละคร็อกโคไดล์ยืนอยู่ ร่างบางเดินตรงไปทางนั้นด้วยท่วงท่าสง่างามเเละเยือกเย็นราวกับมัจจุราช ดวงตาสีม่วงไม่สั่นคลอนแม้ต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่สามารถเปลี่ยนเเปลงร่างกายได้ดั่งใจนึกเหมือนกับนาวาเอกสโม๊กเกอร์ 



    ทว่าครั้งนี้ดูเหมือนจะรับมือได้ง่ายเสียยิ่งกว่า 



    “ ไปซะ ”  



    หลังพูดครั้งสุดท้าย ปูยักษ์ก็เคลื่อนตัวออกไปทันที 





    “ พวกแกนี่มันเเส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆ ” 



    ทางด้านอีกฝั่ง คร็อกโคไดล์จ้องมองมาทางนี้ด้วยสายตากดดัน คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันเเน่นจนเห็นได้ถึงเส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นมา ลูฟี่ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง  ..ในขณะที่ไรเดนนั้นเดินมาถึงเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว 



    “ คนที่เเส่ไม่เข้าเรื่องคือแกต่างหาก ”  หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา



    ลูฟี่หักนิ้วของตัวเองดังกร๊อบ  ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเครื่องติดได้ที่เเล้วล่ะนะ 



    “ พวกเรามีเวลาไม่มาก ”  เธอเตือนเพื่อนชาย 



    ลูฟี่ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก เเม้ว่าเขาอยากจะอัดคร็อกโคไดล์ให้หนำใจมากสักเเค่ไหน เเต่มันก็เป็นจริงอย่างที่เธอพูด ดังนั้นเขาจึงตอบรับเธอไป 



    “ อ่า.. ” 



    ไรเดนตวัดสายตามมองผู้หญิงที่อยู่ข้างกายคร็อกโคไดล์เล็กน้อย 



    “ อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ฉันคงต้องไปก่อน ”  มีสออลซันเดย์กล่าวขึ้นหลังจากเฝ้าดูสถานการณ์มาได้สักพัก ทว่าเธอกลับถูกหญิงสาวเอ่ยขัดเอาไว้ซะก่อน



    “ หยุด ” 



    ฉิ้ง ! 



    ไรเดนกล่าวเสียงเย็น คมง้าวที่ตวัดเกี่ยวแนบกับคอบางทำให้อีกฝ่ายชะงักตัว... ขาที่กำลังจะก้าวเดินหยุดอยู่กับที่ตามคำประกาศิตของอีกฝ่าย  ทั้งคู่หันมาสบตากันนิ่ง 



    มีสออลซันเดย์ถอนหายใจออกมาเบาๆ จากพลังที่เห็นในตอนอยู่ชั้นใต้ดินของคาสิโน คนตรงหน้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธออย่างเเน่นอน ดังนั้นเธอจึงยอมยืนอยู่ที่เดิมตามคำพูดของของไรเดน 



    ไรเดนหันกลับมามองคร็อกโคไดล์อีกครั้ง ตอนนี้เขาอยู่ในท่าทางที่โกรธเคืองเป็นอย่างมาก ดูได้จากสีหน้าที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดบนขมับ คมฟันกัดลงที่ซิการ์จนขาดออกเป็นสองท่อน เเละใบหน้าที่ดำทะมึนไปครึ่งแถบ



    “ พวกแกคิดเหรอว่าจะสู้ฉันได้.. ไม่มีใครที่สู้กับฉันในทะเลทรายเเล้วชนะหรอกนะ ”  



    อารมณ์ของคร็อกโคไดล์พุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด เขาทนโดนคนพวกนี้ลูบคมมามากพอแล้ว ถึงเวลาเเล้วที่จะทำให้พวกมันทั้งหมดตายไปพร้อมกับแผ่นดินทะเลทรายแห่งนี้



    ไรเดนก้มหน้าลงเล็กน้อย  “ งั้นเหรอ ? ” 



    ครืนนน...



    อารมณ์โกรธของไรเดนเองก็พุ่งสูงไม่เเพ้กัน คิดจะทำลายอลาบัสต้างั้นเหรอ ? คิดจะทำร้ายเพื่อนๆของเธอด้วยงั้นเหรอ ? 



    คร็อกโคไดล์ ... 



    เปรี้ยงง!!—



    “ อะไรน่ะ !? ”  มีสออลซันเดย์อุทานลั่น 



    ทุกคนเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ..หมู่เมฆไม่ทราบเเหล่งที่มาเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ ครอบคลุมทั่วทั้งเมืองเรนเบสจนบัดนี้ความมืดเข้ากลืนกินพื้นที่โดยรอบ  ท้องฟ้าคำรามลั่นเสียงดังกึกก้องจนทำให้ผู้คนทั้งเมืองต่างพากันมองขึ้นไปด้านบนเป็นสายตาเดียว  



    สายฟ้าสีม่วงฝ่าหมู่เมฆทะมึนลงผ่าใส่พื้นดินเป็นระยะๆ สร้างความโกลาหลให้เเก่ชาวเมืองเป็นอย่างมาก 



    ปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นตลอดสามปีที่ผ่านมา แถมครั้งนี้ดูเหมือนจะรุนเเรงมากกว่าครั้งไหนๆ.. 



    และผงเเดนซ์พาวเดอร์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ขนาดนี้อย่างเเน่นอน...



    “ พ พายุงั้นเหรอ ที่นี่น่ะเหรอ... ” มีสออลซันเดย์พูด ดวงตาของเธอจับจ้องไปบนท้องฟ้าไม่ละไปไหน



    ไม่สิ.. หมายถึง... 



    ฝนกำลังจะตก ?



    เป็นไปไม่ได้... 



    แบบนี้ก็เเย่น่ะสิ 



    “ รู้อะไรไหม ? ” 



    ไรเดนพูดขึ้นท่ามกลางเสียงร้องของท้องฟ้า คร็อกโคไดล์ก้มหน้าลงมามองร่างบาง ฟันของเขาขบเข้าหากันเเน่นจนเกิดรอยนูนที่สันกราม 



    ทรายถ้ามันโดนน้ำน่ะ... ” 



    “ นี่แก... ” 



    จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ ? 




    (มีสออลซันเดย์ก็คือนิโค โรบินเองค้าบ อนาคตลูกเรือคนสวยของกลุ่มหมวกฟาง)


    (พี่เข้จะรุ่งหรือจะร่วง แต่ผมก็อยู่ข้างพี่เข้นะครับ)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×