คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter II - Episode 2
( เจ๊ไรเดนver.ผู้สาววันพีซมาฝากครับ เพื่อจินตนาการที่ดีขึ้น )
ในเช้าวันถัดมา พวกเราออกเดินทางกันต่อเพื่อไปยังเมืองยูบาแห่งราชอาณาจักรอลาบัสต้า เดินทางผ่านทะเลทรายอันร้อนระอุเป็นชั่วโมงๆไม่มีหยุดพัก อาจจะมีได้ดื่มน้ำบ้างเเต่มันก็เเค่นั้น และไรเดนยอมรับเลยว่าไม่สามารถดูถูกความร้อนของทะเลทรายแห่งนี้ได้เลย
..ไม่รู้ทำไมอยู่ๆลูฟี่ถึงได้คิดเกมเป่ายิงฉุบคนชนะเเบกของทั้งหมดขึ้นมา เขาอาจจะเเค่รู้สึกเหงาหรือแค่ไม่มีอะไรทำระหว่างเดินเท้า แถมคนที่ชนะก็ดันเป็นอีกฝ่ายซะด้วย แม้เขาจะงงว่าทำไมคนที่ชนะถึงได้แบกของก็ตาม เเต่นั่นเป็นกฎที่เขาสร้างขึ้นมาโดยพลการทั้งนั้น
ดังนั้นก็ย่อมแน่นอนเเล้วว่าเขาจะต้องรับกรรมในการเเบกของทั้งหมด เชื่อเขาเลยจริงๆ...
เดินมาได้สักพักหนึ่ง อูซปก็เห็นหินผาขนาดใหญ่ที่สามารถใช้เป็นที่พักพิงได้ อีกทั้งยังสามารถบดบังเเดดให้กับพวกเราได้ด้วย ลูฟี่ที่รู้ว่าตนเองกำลังจะได้พักเเละได้กินข้าวก็รีบแบกของทั้งหมดวิ่งไปด้วยความเร็วแสงทันที ปล่อยให้เพื่อนๆคนอื่นๆตามกันไปทีหลัง
และเเล้วเรื่องก็ได้เกิดขึ้นจนได้ เมื่อข้าวของเเละอาหารทั้งหมดที่ลูฟี่แบกไปถูกเจ้านกประหลาดขโมยเข้า มันเป็นอาหารของส่วนของสามวันซึ่งตอนนี้ไม่เหลือแม้เเต่กล่องเดียว แถมพวกเราก็อยู่กลางทะเลทรายกันด้วย
ดังนั้นซันจิเลยกราดด่าเจ้ากัปตันหน้าโง่ที่เขาสถาปนาให้ไปยกใหญ่
ลูฟี่สังเกตเห็นพวกนกนั่นอีกครั้ง มันเหมือนจะเอาอาหารที่ขโมยไปมาเดินเยาะเย้ยพวกเราที่โง่ให้กับมัน เขากัดฟันกรอดด้วยความโกรธก่อนจะวิ่งตามเจ้าพวกนั้นไปในทันที เรื่องโดนขโมยน่ะเรื่องเล็กเเต่เรื่องกินน่ะเรื่องใหญ่ เขายอมไม่ได้เด็ดขาด เอาอาหารของเขาคืนมานะ !
“ คุณลูฟี่คะเดี๋ยวก็หลงหรอกค่ะ ! ” วีวี่ตะโกนเตือน ทว่าชายหนุ่มกลับไม่คิดจะฟังคำใดๆ
จนในที่สุดเจ้าตัวก็หายลับตาไป....
“ เห้อ... เชื่อเขาเลย ” โซโรถอนหายใจ
ทุกคนได้เเต่นั่งรอลูฟี่อยู่อย่างนั้น ... จนเเล้วจนรอดเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมมาสักที โซโรเเละซันจิทนไม่ไหวคิดจะไปตามกลับมาด้วยตนเอง ทว่าอยู่ๆพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงเเรงสั่นสะเทือนของพื้นดินใต้ฝ่าเท้า แผ่นดินรอบข้างเกิดไหวขึ้นมาเป็นระรอกราวกับมีเเรงเคลื่อนตัวอยู่ใต้โลก อีกทั้งทรายที่ตลบอบอวนอยู่ด้านหน้าก็กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเราอย่างเป็นปริศนา
มันเหมือนกำลังวิ่งไล่ตามอะไรบางอย่างอยู่
ปรากฏว่าเป็นเจ้ากัปตันเรือตัวปัญหาที่กำลังขี่อูฐวิ่งหนีอะไรสักอย่างในทราย ไรเดนไม่รอช้าหยิบง้าวด้านหลังออกมาฟันเป็นเเนวนอนใส่เจ้าสิ่งนั้นในระยะไกลทันที ..กลายเป็นคลื่นพลังสายฟ้าสีม่วงพุ่งตรงไปด้านหน้า แฉลบผ่านหัวของลูฟี่ในระยะเผาขนจนเเทบจะจับหมวกฟางเอาไว้ได้ไม่ทัน ตัดผ่าสิ่งนั้นจนขาดเป็นสองท่อนอย่างพอดิบพอดี
เมื่อฝุ่นทรายเริ่มจางหายไป ...ก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่คล้ายกิ้งก่าผสมกับสลาเเมนเดอร์สีม่วง มันถูกแบ่งของเป็นสองส่วนเเละนอนตายอยู่อย่างนั้น ในขณะที่ลูฟี่ขี่อูฐมาถึงพวกเราพอดี
สรุปก็คือ อยู่ๆพวกเราได้อาหารมื้อใหญ่..
วีวี่เเละช็อปเปอร์อ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า สัตว์ตัวนี้ตายเเล้วเหรอ ดูยังไงก็น่าจะอันตรายไม่ใช่เหรอนั่น นั่นมันสัตว์เลื้อยคลานที่ใหญ่ที่สุดในทะเลทรายเเถมกรงเล็บก็เเหลมคมสุดๆไปเลยนะ
โซโรนิ่งอึ้งเล็กน้อย มือยังคาอยู่ที่ดาบเตรียมออกจากฝักอยู่เลย
...บางทีตำเเหน่งนักดาบอันดับหนึ่งของเขาอาจจะเริ่มสั่นคลอนแล้วก็ได้
“ เจ้านั่นขยันสร้างเเต่ปัญหาจริงๆเลย ” เอสนั่งพูดด้วยท่าทีสบายๆ
ขณะเดียวกันเขาก็แอบชำเลืองมองหญิงสาวเจ้าของง้าวเล่มใหญ่เล็กน้อย
แต่พลังเมื่อกี้น่ากลัวอยู่แฮะ..
พวกเราเกือบจะสบายใจกันได้อยู่เเล้ว แต่อยู่ๆก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ผุดขึ้นมาจากทรายด้านหลัง มันคือกิ้งก่ายักษ์อีกตัวที่ผุดขึ้นมาเตรียมพร้อมจะกระซวกพวกเราทุกเมื่อ วีวี่บอกว่าสัตว์ประเภทนี้มักจะออกล่ากันเป็นคู่ แน่นอนว่าด้วยความสมองดีเลย์ของเธอมักจะบอกอะไรช้าไปก้าวหนึ่งเสมอ จนเพื่อนๆค่อนข้างเหนื่อยใจอยู่ไม่น้อย
ตู้มม !
คราวนี้คนที่จัดการไม่ใช่ใครที่ไหน เเต่เป็นเอสที่นั่งอยู่ด้านหลังของพวกเรานั่นเอง เขาใช้เพลิงของตนเองเผาเจ้านั้นให้ตายได้ในครั้งเดียว ทำเอาคนอื่นอึ้งกันอีกรอบ ดูเหมือนว่ารอบตัวของพวกเราจะมีเเต่พวกสัตว์ประหลาดจริงๆ
เเละด้วยความร้อนของเพลิงที่มหาศาลนี้ ทำให้เนื้อกิ้งก่าสุกพร้อมกินได้เลย ช่างน่าประทับใจอะไรอย่างนี้
ไรเดนไหวไหล่เล็กน้อย ก็เธอเป็นสายฟ้าไม่ใช่ไฟ
...หลังจากที่พวกเราสุขสันต์กับการกินเนื้อกิ้งก่าขนาดยักษ์กันเเล้ว ทุกคนก็ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับอูฐที่ลูฟี่พามาด้วยทันที น่ายินดีที่มันสามารถให้คนอื่นนั่งบนหลังของมันได้ ทว่าจะสงวนให้นั่งเฉพาะเเค่ผู้หญิงเท่านั้น เหตุผลก็เพราะไม่ค่อยชมชอบการให้ผู้ชายนั่งซักเท่าไหร่
ที่นั่งมีเเค่สองที่ ไรเดนจึงเสียสละให้วีวี่กับนามิเป็นคนนั่ง เพราะพวกเธออาจจะเหนื่อยกับการเดินตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เเละโชคดีที่ไรเดนนั้นมีร่างกายที่เเข็งเเกร่งกว่าปกติ อาจจะเพราะมันมาจากพร หรืออาจจะเพราะเป็นนักดาบ(ที่ใช้ง้าวด้วย)
และแล้วการเดินทางก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยที่พวกนามินั้นขี่อูฐนำลิ้วไปก่อนเเล้วโดยไม่รอพวกเรา
ตึก ตึก.. ตึก...
“ เป็นไง เห็นพวกนามิบ้างไหม ”
เอสหยุดฝีเท้า เขาก้มหน้าลงเพื่อพักหายใจสักเล็กน้อย ท้องฟ้าตอนนี้เเปรเปลี่ยนเป็นสีส้มเเสดงถึงช่วงเวลายามเย็น ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามคนด้านหลังถึงพวกนามิที่มุ่งหน้ากันไปก่อนจนตอนนี้พ้นสายตาพวกเราไปนานแล้ว
“ ไม่เห็น ”
เป็นเสียงหวานที่เต็มไปด้วยความเย็นชา เขารู้ได้ในทันทีว่านี่เป็นเสียงของใคร ..ไรเดนที่นานทีจะพูดขึ้นมาคนนั้น ร่างสูงหันไปหาหญิงสาวด้านหลัง ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม น่าเเปลกใจที่เธอเป็นคนพูดกับเขา แทนที่ปกติเเล้วคนอื่นจะเป็นคนพูดเสียมากกว่า
“ งั้นเหรอ ถ้างั้นลูฟี่— ..เอ๊ะ ? ”
เอสหุบยิ้มลงแทบจะทันที เมื่อตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงเเค่ร่างสูงตระหง่านของไรเดนเพียงคนเดียวเท่านั้น
ไรเดนตอบด้วยสีหน้าตาย “ ไม่เห็นเลยสักคนเดียว ”
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างบทสนทนา... ทั้งสองจ้องหน้ากันสลับกันไปมา ความรู้สึกวูบโหวงเเปลกๆตีเเผ่เข้ามาหาทั้งคู่
“ หน่านี๊... ” ชายหนุ่มอุทาน
ดูเหมือนว่าพวกเราจะคลาดกับคนอื่นซะเเล้วล่ะ
ไรเดนเเละเอสต่างก็พากันเดินหาทุกๆคนไปทั่ว ตั้งเเต่ฟ้าสว่างยันฟ้าลับก็ยังไม่เจอใครเลยสักคน จนในที่สุดพวกเราก็ตัดสินใจพักกันก่อนออกเดินทางต่อ
กองไฟเล็กๆถูกก่อขึ้นกลางทะเลทราย โขดหินขนาดพอดีใช้เป็นที่นั่งพักพิงชั่วคราว ยังดีที่เอสมีเต็นท์ของตัวเองซึ่งอยู่ในกระเป๋าเป้สะพายด้านหลัง ทว่ามันก็เเค่เต็นท์เดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงจบที่ต้องนอนด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พวกเราสองคนไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่ต้องโฟกัสก่อนเป็นอันดับเเรกคือการเอาชีวิตรอดในทะเลทรายอันกว้างใหญ่เเละการตามหาพวกลูฟี่ที่ไม่รู้จะไปหลงอยู่ที่ไหน เธอเเละเอสตกลงกันเเล้วว่าพวกเราจะเดินทางไปยังเมืองอิโดะกันก่อน หากพวกพ้องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลพวกเราแล้วละก็คงจะมาที่เมืองนี้เหมือนกัน
“ นี่ ขอถามอะไรหหน่อยสิ ” เอสเป็นคนเเรกที่เปิดบทสนทนาขณะนั่งข้างกองไฟ
ไรเดนเงยหน้าขึ้นนิดหน่อย เตรียมรับกับคำถามที่ร่างสูงต้องการคำตอบ
“ ทำไมเธอถึงมาอยู่กับพวกลูฟี่ได้ล่ะ ? ”
“ เพราะพวกเรามีเป้าหมายที่คล้ายกัน ” เธอกล่าวอย่างไม่คิดอะไรมาก
“ งั้นเหรอ ” เอสยิ้ม เขาพอจะเข้าใจ
ที่เเกรนด์ไลน์มีหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย ผู้คนที่มายังที่เเห่งนี้ก็ล้วนแล้วเเต่มีเป้าหมายที่เเตกต่างกัน การที่ลูฟี่สามารถรวบรวมพรรคพวกแบบนี้ได้ถือว่าน่าประทับใจไม่น้อย เเละเขาเองก็ภูมิใจในตัวของน้องชายมากเหมือนกัน
เสียงไม้ลั่นในกองไฟเป็นเสียงที่ดังที่สุดนะตอนนี้ ทั้งคู่ต่างก็อยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม บรรยากาศที่ทั้งสองมีให้กันไม่ใช่ความอึดอัดใจ เเต่เป็นความสบายใจที่ไม่คิดว่าคนเเปลกหน้าที่พึ่งเจอกันไม่นานจะมีให้กันได้
ทุกคนต่างก็มีเซฟโซนเป็นของตัวเอง
“ นี่ ”
คราวนี้เป็นไรเดนที่พูดขึ้นมาบ้าง
“ หืม ? ” เอสขานเสียง
“ ตลอดเวลาที่ผ่านมา.. นายใช้ชีวิตมาเเบบไหนงั้นเหรอ ”
ชายหนุ่มทำสีหน้าอึ้งเล็กน้อย
..ในเวลากลางคืนที่มีเพียงเเค่เเสงจันทร์เเละเเสงจากกองไฟคอยให้ความสว่าง เอสเห็นใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปราศจากความเเข็งกระด้างที่ปกติไรเดนมักจะมีให้ผู้อื่น
เขาไม่นึกว่าเธอจะถามอะไรแบบนี้ออกมา เพราะโดยทั่วไปภายนอกที่เขาเห็นนั้น หญิงสาวไม่ใช่คนที่จะดูสนใจชีวิตหรืออดีตของใครสักเท่าไหร่ น่าแปลกที่เธออยากรู้เกี่ยวกับชีวิตของเขา
ดวงตาสีรัตติกาลอ่อนลงเล็กน้อย เอสยิ้มนิดหน่อย..
“ มันก็ไม่ได้ดีหรอก แต่ก็ไม่ได้เเย่อะไร ”
...เขาเริ่มต้นเล่าถึงช่วงชีวิตของตนเองตั้งเเต่เกิดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ไรเดนเป็นผู้ฟังที่ดีคอยฟังเรื่องราวพวกนั้นอย่างตั้งใจไม่มีกล่าวเเทรก ทั้งสองต่างก็มีท่าทีที่ผ่อนคลายลงจากตอนเเรกอย่างเห็นได้ชัด เเละก็เป็นครั้งเเรกที่เอสได้เห็นมุมอื่นๆนอกจากมุมไร้อารมณ์ของเธอ เเม้ว่านั้นจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
“ นี่.. เอย์ ถ้าเกิดว่าอาชญากรที่เลวร้ายที่สุดอย่างโกลด์ โรเจอร์มีลูกจะเป็นยังไง ? ” เขาถามหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม
ไรเดนตอบเสียงเรียบ เธอหันหน้าหนีเขาอย่างไม่ใส่ใจ “ ใครจะมีลูกหรือว่าลูกจะมีพ่อเเม่เป็นยังไงฉันก็ไม่สนหรอก ”
“ ฮ่าฮ่าฮ่า ! ก็สมกับเป็นเธอดีนะ ”
เอสหัวเราะเบาๆ เขาไม่ได้คาดหวังกับคำตอบอะไรพวกนี้อยู่เเล้วล่ะ
ใครจะคิดยังไงเกี่ยวกับสายเลือดของราชาโจรสลัดมันก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับเขาอีกต่อไปเเล้ว
...เพราะตอนนี้เขามีครอบครัว มีพวกพ้อง มีคนที่รัก แค่นี้มันก็เพียงพอสำหรับเขาเเล้ว...
แต่เขาด็รู้สึกยินดี.. ที่อย่างน้อยไรเดนก็ไม่ได้มีท่าทีด้านลบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
เกี่ยวกับเด็กปีศาจที่ถ้าเกิดมาจากตัวอันตรายที่สุดของโลก
ตะวันทอเเสงส่องจ้าอยู่เหนือศีรษะ พวกเราออกเดินทางกันไปยังเมืองอิโดะเพื่อหาเสบียงเเละรอพวกลูฟี่ที่อาจจะเดินทางมา ที่นี่มีคนที่เเอบอ้างตัวว่าเป็นคณะปฏิวัติอยู่กลุ่มหนึ่ง พวกมันสัญญาจะปกป้องที่นี่โดยอาศัยความเชื่อใจของชาวบ้านและหากินอย่างสุขสบาย
เอสสั่งสอนพวกนั้นไปนิดหน่อยก่อนจะได้รับเสบียงมาแบบฟรีๆ เขารับปากว่าจะจัดการกับพวกโจรสลัดทะเลทรายให้เพราะพวกนั้นปอดแหกเกินไป สุดท้ายเมื่อเดินทางออกมาจากเมืองก็พบกับพวกลูฟี่พอดิบพอดี
“ เอย์ซวางงงง♡ คิดถึงจังเลยครับบ!!! ”
ซันจิเเทบจะวิ่งเข้ามากระโดดกอดหญิงสาว ทว่าก็ถูกโซโรสกัดดาวรุ่งเอาไว้ซะก่อน
“ ดีใจจังเลยนะคะที่ทั้งคู่ปลอดภัย ” วีวี่ยิ้ม
จะว่ายังไงดีล่ะ.. บางทีเธออาจจะควรดีใจที่พวกเราทั้งหมดปลอดภัยมากกว่าดีใจที่เอสกับไรเดนปลอดภัยก็ได้นะ
ก็ทั้งสองคนน่ากลัวกว่าพวกอสูรกายที่อยู่ในทะเลทรายนี้ซะอีก...
เอสอธิบายสถานการณ์ในเมืองให้ฟัง วีวี่ที่ได้รู้ว่ามีพวกแอบอ้างเป็นคณะปฏิวัติก็คิดแผนการที่จะทดสอบคนพวกนั้นขึ้นมา ถึงจะเป็นฝ่ายไหนก็ช่างขอเเค่สามารถปกป้องเมืองได้ก็พอ เธอถึงจะวางในใจการให้คนพวกนั้นอยู่ที่นี่ต่อไปได้
พวกลูฟี่เริ่มต้นการทดสอบจิตใจพวกนั้นในทันที ถึงเเม้ในช่วงเเรกพวกมันจะหวาดกลัวกันไปบ้าง แต่ในท้ายที่สุดก็ฮึดสู้ขึ้นมาได้ใหม่จนลูฟี่ต้องยอมล่าถอยไป สบายใจให้คนพวกนั้นอยู่ที่นี่ต่อไปได้
✿
(เนื้อเรื่องมันยืดเกินไปหรือเร็วเกินไปก็บอกได้นะครับ)
(ฮ้าา.. อยากบรรยายฉากสู้ไรเดนเเล้วววว)
(ตอนนี้สั้นไปหรือคิดไปเองนะ หื่มม)
(หรือพระเอกเรื่องนี้จะเป็นพี่เอส!? ล้อเล่นครับ5555)
ความคิดเห็น