NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ ONE PIECE ] My name's Raiden Ei

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter II - Episode 2

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 65









    ( เจ๊ไรเดนver.ผู้สาววันพีซมาฝากครับ เพื่อจินตนาการที่ดีขึ้น )






    ในเช้าวันถัดมา พวกเราออกเดินทางกันต่อเพื่อไปยังเมืองยูบาแห่งราชอาณาจักรอลาบัสต้า เดินทางผ่านทะเลทรายอันร้อนระอุเป็นชั่วโมงๆไม่มีหยุดพัก อาจจะมีได้ดื่มน้ำบ้างเเต่มันก็เเค่นั้น และไรเดนยอมรับเลยว่าไม่สามารถดูถูกความร้อนของทะเลทรายแห่งนี้ได้เลย



    ..ไม่รู้ทำไมอยู่ๆลูฟี่ถึงได้คิดเกมเป่ายิงฉุบคนชนะเเบกของทั้งหมดขึ้นมา เขาอาจจะเเค่รู้สึกเหงาหรือแค่ไม่มีอะไรทำระหว่างเดินเท้า แถมคนที่ชนะก็ดันเป็นอีกฝ่ายซะด้วย แม้เขาจะงงว่าทำไมคนที่ชนะถึงได้แบกของก็ตาม เเต่นั่นเป็นกฎที่เขาสร้างขึ้นมาโดยพลการทั้งนั้น



    ดังนั้นก็ย่อมแน่นอนเเล้วว่าเขาจะต้องรับกรรมในการเเบกของทั้งหมด เชื่อเขาเลยจริงๆ... 



    เดินมาได้สักพักหนึ่ง อูซปก็เห็นหินผาขนาดใหญ่ที่สามารถใช้เป็นที่พักพิงได้ อีกทั้งยังสามารถบดบังเเดดให้กับพวกเราได้ด้วย  ลูฟี่ที่รู้ว่าตนเองกำลังจะได้พักเเละได้กินข้าวก็รีบแบกของทั้งหมดวิ่งไปด้วยความเร็วแสงทันที ปล่อยให้เพื่อนๆคนอื่นๆตามกันไปทีหลัง 



    และเเล้วเรื่องก็ได้เกิดขึ้นจนได้ เมื่อข้าวของเเละอาหารทั้งหมดที่ลูฟี่แบกไปถูกเจ้านกประหลาดขโมยเข้า  มันเป็นอาหารของส่วนของสามวันซึ่งตอนนี้ไม่เหลือแม้เเต่กล่องเดียว แถมพวกเราก็อยู่กลางทะเลทรายกันด้วย 



    ดังนั้นซันจิเลยกราดด่าเจ้ากัปตันหน้าโง่ที่เขาสถาปนาให้ไปยกใหญ่



    ลูฟี่สังเกตเห็นพวกนกนั่นอีกครั้ง มันเหมือนจะเอาอาหารที่ขโมยไปมาเดินเยาะเย้ยพวกเราที่โง่ให้กับมัน เขากัดฟันกรอดด้วยความโกรธก่อนจะวิ่งตามเจ้าพวกนั้นไปในทันที เรื่องโดนขโมยน่ะเรื่องเล็กเเต่เรื่องกินน่ะเรื่องใหญ่ เขายอมไม่ได้เด็ดขาด เอาอาหารของเขาคืนมานะ ! 



    “ คุณลูฟี่คะเดี๋ยวก็หลงหรอกค่ะ ! ”  วีวี่ตะโกนเตือน ทว่าชายหนุ่มกลับไม่คิดจะฟังคำใดๆ 



    จนในที่สุดเจ้าตัวก็หายลับตาไป.... 



    “ เห้อ... เชื่อเขาเลย ”  โซโรถอนหายใจ 



    ทุกคนได้เเต่นั่งรอลูฟี่อยู่อย่างนั้น ... จนเเล้วจนรอดเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมมาสักที  โซโรเเละซันจิทนไม่ไหวคิดจะไปตามกลับมาด้วยตนเอง ทว่าอยู่ๆพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงเเรงสั่นสะเทือนของพื้นดินใต้ฝ่าเท้า แผ่นดินรอบข้างเกิดไหวขึ้นมาเป็นระรอกราวกับมีเเรงเคลื่อนตัวอยู่ใต้โลก  อีกทั้งทรายที่ตลบอบอวนอยู่ด้านหน้าก็กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเราอย่างเป็นปริศนา 



    มันเหมือนกำลังวิ่งไล่ตามอะไรบางอย่างอยู่ 



    ปรากฏว่าเป็นเจ้ากัปตันเรือตัวปัญหาที่กำลังขี่อูฐวิ่งหนีอะไรสักอย่างในทราย ไรเดนไม่รอช้าหยิบง้าวด้านหลังออกมาฟันเป็นเเนวนอนใส่เจ้าสิ่งนั้นในระยะไกลทันที ..กลายเป็นคลื่นพลังสายฟ้าสีม่วงพุ่งตรงไปด้านหน้า แฉลบผ่านหัวของลูฟี่ในระยะเผาขนจนเเทบจะจับหมวกฟางเอาไว้ได้ไม่ทัน ตัดผ่าสิ่งนั้นจนขาดเป็นสองท่อนอย่างพอดิบพอดี 



    เมื่อฝุ่นทรายเริ่มจางหายไป  ...ก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่คล้ายกิ้งก่าผสมกับสลาเเมนเดอร์สีม่วง มันถูกแบ่งของเป็นสองส่วนเเละนอนตายอยู่อย่างนั้น ในขณะที่ลูฟี่ขี่อูฐมาถึงพวกเราพอดี 



    สรุปก็คือ อยู่ๆพวกเราได้อาหารมื้อใหญ่.. 



    วีวี่เเละช็อปเปอร์อ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า สัตว์ตัวนี้ตายเเล้วเหรอ ดูยังไงก็น่าจะอันตรายไม่ใช่เหรอนั่น นั่นมันสัตว์เลื้อยคลานที่ใหญ่ที่สุดในทะเลทรายเเถมกรงเล็บก็เเหลมคมสุดๆไปเลยนะ 



    โซโรนิ่งอึ้งเล็กน้อย มือยังคาอยู่ที่ดาบเตรียมออกจากฝักอยู่เลย  



    ...บางทีตำเเหน่งนักดาบอันดับหนึ่งของเขาอาจจะเริ่มสั่นคลอนแล้วก็ได้ 



    “ เจ้านั่นขยันสร้างเเต่ปัญหาจริงๆเลย ”  เอสนั่งพูดด้วยท่าทีสบายๆ 



    ขณะเดียวกันเขาก็แอบชำเลืองมองหญิงสาวเจ้าของง้าวเล่มใหญ่เล็กน้อย 



    แต่พลังเมื่อกี้น่ากลัวอยู่แฮะ.. 



    พวกเราเกือบจะสบายใจกันได้อยู่เเล้ว แต่อยู่ๆก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ผุดขึ้นมาจากทรายด้านหลัง  มันคือกิ้งก่ายักษ์อีกตัวที่ผุดขึ้นมาเตรียมพร้อมจะกระซวกพวกเราทุกเมื่อ วีวี่บอกว่าสัตว์ประเภทนี้มักจะออกล่ากันเป็นคู่ แน่นอนว่าด้วยความสมองดีเลย์ของเธอมักจะบอกอะไรช้าไปก้าวหนึ่งเสมอ จนเพื่อนๆค่อนข้างเหนื่อยใจอยู่ไม่น้อย 



    ตู้มม ! 



    คราวนี้คนที่จัดการไม่ใช่ใครที่ไหน เเต่เป็นเอสที่นั่งอยู่ด้านหลังของพวกเรานั่นเอง เขาใช้เพลิงของตนเองเผาเจ้านั้นให้ตายได้ในครั้งเดียว ทำเอาคนอื่นอึ้งกันอีกรอบ ดูเหมือนว่ารอบตัวของพวกเราจะมีเเต่พวกสัตว์ประหลาดจริงๆ 



    เเละด้วยความร้อนของเพลิงที่มหาศาลนี้ ทำให้เนื้อกิ้งก่าสุกพร้อมกินได้เลย ช่างน่าประทับใจอะไรอย่างนี้



    ไรเดนไหวไหล่เล็กน้อย ก็เธอเป็นสายฟ้าไม่ใช่ไฟ



    ...หลังจากที่พวกเราสุขสันต์กับการกินเนื้อกิ้งก่าขนาดยักษ์กันเเล้ว ทุกคนก็ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับอูฐที่ลูฟี่พามาด้วยทันที น่ายินดีที่มันสามารถให้คนอื่นนั่งบนหลังของมันได้ ทว่าจะสงวนให้นั่งเฉพาะเเค่ผู้หญิงเท่านั้น เหตุผลก็เพราะไม่ค่อยชมชอบการให้ผู้ชายนั่งซักเท่าไหร่ 



    ที่นั่งมีเเค่สองที่ ไรเดนจึงเสียสละให้วีวี่กับนามิเป็นคนนั่ง เพราะพวกเธออาจจะเหนื่อยกับการเดินตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เเละโชคดีที่ไรเดนนั้นมีร่างกายที่เเข็งเเกร่งกว่าปกติ อาจจะเพราะมันมาจากพร หรืออาจจะเพราะเป็นนักดาบ(ที่ใช้ง้าวด้วย) 



    และแล้วการเดินทางก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยที่พวกนามินั้นขี่อูฐนำลิ้วไปก่อนเเล้วโดยไม่รอพวกเรา 










    ตึก ตึก.. ตึก...



    “ เป็นไง เห็นพวกนามิบ้างไหม ” 



    เอสหยุดฝีเท้า เขาก้มหน้าลงเพื่อพักหายใจสักเล็กน้อย ท้องฟ้าตอนนี้เเปรเปลี่ยนเป็นสีส้มเเสดงถึงช่วงเวลายามเย็น ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามคนด้านหลังถึงพวกนามิที่มุ่งหน้ากันไปก่อนจนตอนนี้พ้นสายตาพวกเราไปนานแล้ว



    “ ไม่เห็น ” 



    เป็นเสียงหวานที่เต็มไปด้วยความเย็นชา เขารู้ได้ในทันทีว่านี่เป็นเสียงของใคร ..ไรเดนที่นานทีจะพูดขึ้นมาคนนั้น  ร่างสูงหันไปหาหญิงสาวด้านหลัง ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม น่าเเปลกใจที่เธอเป็นคนพูดกับเขา แทนที่ปกติเเล้วคนอื่นจะเป็นคนพูดเสียมากกว่า 



    “ งั้นเหรอ ถ้างั้นลูฟี่— ..เอ๊ะ ? ” 



    เอสหุบยิ้มลงแทบจะทันที เมื่อตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงเเค่ร่างสูงตระหง่านของไรเดนเพียงคนเดียวเท่านั้น



    ไรเดนตอบด้วยสีหน้าตาย  “ ไม่เห็นเลยสักคนเดียว ” 



    เกิดความเงียบขึ้นระหว่างบทสนทนา... ทั้งสองจ้องหน้ากันสลับกันไปมา ความรู้สึกวูบโหวงเเปลกๆตีเเผ่เข้ามาหาทั้งคู่





    “ หน่านี๊... ” ชายหนุ่มอุทาน 



    ดูเหมือนว่าพวกเราจะคลาดกับคนอื่นซะเเล้วล่ะ  










    ไรเดนเเละเอสต่างก็พากันเดินหาทุกๆคนไปทั่ว ตั้งเเต่ฟ้าสว่างยันฟ้าลับก็ยังไม่เจอใครเลยสักคน จนในที่สุดพวกเราก็ตัดสินใจพักกันก่อนออกเดินทางต่อ 



    กองไฟเล็กๆถูกก่อขึ้นกลางทะเลทราย  โขดหินขนาดพอดีใช้เป็นที่นั่งพักพิงชั่วคราว ยังดีที่เอสมีเต็นท์ของตัวเองซึ่งอยู่ในกระเป๋าเป้สะพายด้านหลัง  ทว่ามันก็เเค่เต็นท์เดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงจบที่ต้องนอนด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 



    พวกเราสองคนไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่ต้องโฟกัสก่อนเป็นอันดับเเรกคือการเอาชีวิตรอดในทะเลทรายอันกว้างใหญ่เเละการตามหาพวกลูฟี่ที่ไม่รู้จะไปหลงอยู่ที่ไหน  เธอเเละเอสตกลงกันเเล้วว่าพวกเราจะเดินทางไปยังเมืองอิโดะกันก่อน  หากพวกพ้องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลพวกเราแล้วละก็คงจะมาที่เมืองนี้เหมือนกัน 



    “ นี่ ขอถามอะไรหหน่อยสิ ”  เอสเป็นคนเเรกที่เปิดบทสนทนาขณะนั่งข้างกองไฟ 



    ไรเดนเงยหน้าขึ้นนิดหน่อย เตรียมรับกับคำถามที่ร่างสูงต้องการคำตอบ 



    “ ทำไมเธอถึงมาอยู่กับพวกลูฟี่ได้ล่ะ ? ” 



    “ เพราะพวกเรามีเป้าหมายที่คล้ายกัน ” เธอกล่าวอย่างไม่คิดอะไรมาก 



    “ งั้นเหรอ ” เอสยิ้ม เขาพอจะเข้าใจ 



    ที่เเกรนด์ไลน์มีหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย ผู้คนที่มายังที่เเห่งนี้ก็ล้วนแล้วเเต่มีเป้าหมายที่เเตกต่างกัน การที่ลูฟี่สามารถรวบรวมพรรคพวกแบบนี้ได้ถือว่าน่าประทับใจไม่น้อย เเละเขาเองก็ภูมิใจในตัวของน้องชายมากเหมือนกัน



    เสียงไม้ลั่นในกองไฟเป็นเสียงที่ดังที่สุดนะตอนนี้ ทั้งคู่ต่างก็อยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม บรรยากาศที่ทั้งสองมีให้กันไม่ใช่ความอึดอัดใจ เเต่เป็นความสบายใจที่ไม่คิดว่าคนเเปลกหน้าที่พึ่งเจอกันไม่นานจะมีให้กันได้ 



    ทุกคนต่างก็มีเซฟโซนเป็นของตัวเอง 



    “ นี่ ”  



    คราวนี้เป็นไรเดนที่พูดขึ้นมาบ้าง 



    “ หืม ? ”  เอสขานเสียง 



    “ ตลอดเวลาที่ผ่านมา.. นายใช้ชีวิตมาเเบบไหนงั้นเหรอ ” 



    ชายหนุ่มทำสีหน้าอึ้งเล็กน้อย 



    ..ในเวลากลางคืนที่มีเพียงเเค่เเสงจันทร์เเละเเสงจากกองไฟคอยให้ความสว่าง  เอสเห็นใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปราศจากความเเข็งกระด้างที่ปกติไรเดนมักจะมีให้ผู้อื่น



    เขาไม่นึกว่าเธอจะถามอะไรแบบนี้ออกมา  เพราะโดยทั่วไปภายนอกที่เขาเห็นนั้น  หญิงสาวไม่ใช่คนที่จะดูสนใจชีวิตหรืออดีตของใครสักเท่าไหร่ น่าแปลกที่เธออยากรู้เกี่ยวกับชีวิตของเขา 



    ดวงตาสีรัตติกาลอ่อนลงเล็กน้อย เอสยิ้มนิดหน่อย.. 



    “ มันก็ไม่ได้ดีหรอก แต่ก็ไม่ได้เเย่อะไร ” 



    ...เขาเริ่มต้นเล่าถึงช่วงชีวิตของตนเองตั้งเเต่เกิดมาจนถึงปัจจุบันนี้  ไรเดนเป็นผู้ฟังที่ดีคอยฟังเรื่องราวพวกนั้นอย่างตั้งใจไม่มีกล่าวเเทรก ทั้งสองต่างก็มีท่าทีที่ผ่อนคลายลงจากตอนเเรกอย่างเห็นได้ชัด เเละก็เป็นครั้งเเรกที่เอสได้เห็นมุมอื่นๆนอกจากมุมไร้อารมณ์ของเธอ เเม้ว่านั้นจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม 



    “ นี่.. เอย์  ถ้าเกิดว่าอาชญากรที่เลวร้ายที่สุดอย่างโกลด์ โรเจอร์มีลูกจะเป็นยังไง ? ”  เขาถามหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม 



    ไรเดนตอบเสียงเรียบ เธอหันหน้าหนีเขาอย่างไม่ใส่ใจ  “ ใครจะมีลูกหรือว่าลูกจะมีพ่อเเม่เป็นยังไงฉันก็ไม่สนหรอก ”  



    “ ฮ่าฮ่าฮ่า ! ก็สมกับเป็นเธอดีนะ ” 



    เอสหัวเราะเบาๆ เขาไม่ได้คาดหวังกับคำตอบอะไรพวกนี้อยู่เเล้วล่ะ 



    ใครจะคิดยังไงเกี่ยวกับสายเลือดของราชาโจรสลัดมันก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับเขาอีกต่อไปเเล้ว 



    ...เพราะตอนนี้เขามีครอบครัว มีพวกพ้อง มีคนที่รัก แค่นี้มันก็เพียงพอสำหรับเขาเเล้ว...



    แต่เขาด็รู้สึกยินดี.. ที่อย่างน้อยไรเดนก็ไม่ได้มีท่าทีด้านลบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ 



    เกี่ยวกับเด็กปีศาจที่ถ้าเกิดมาจากตัวอันตรายที่สุดของโลก 










    ตะวันทอเเสงส่องจ้าอยู่เหนือศีรษะ  พวกเราออกเดินทางกันไปยังเมืองอิโดะเพื่อหาเสบียงเเละรอพวกลูฟี่ที่อาจจะเดินทางมา  ที่นี่มีคนที่เเอบอ้างตัวว่าเป็นคณะปฏิวัติอยู่กลุ่มหนึ่ง พวกมันสัญญาจะปกป้องที่นี่โดยอาศัยความเชื่อใจของชาวบ้านและหากินอย่างสุขสบาย 



    เอสสั่งสอนพวกนั้นไปนิดหน่อยก่อนจะได้รับเสบียงมาแบบฟรีๆ  เขารับปากว่าจะจัดการกับพวกโจรสลัดทะเลทรายให้เพราะพวกนั้นปอดแหกเกินไป สุดท้ายเมื่อเดินทางออกมาจากเมืองก็พบกับพวกลูฟี่พอดิบพอดี 



    “ เอย์ซวางงงง♡ คิดถึงจังเลยครับบ!!! ”  



    ซันจิเเทบจะวิ่งเข้ามากระโดดกอดหญิงสาว ทว่าก็ถูกโซโรสกัดดาวรุ่งเอาไว้ซะก่อน 



    “ ดีใจจังเลยนะคะที่ทั้งคู่ปลอดภัย ”  วีวี่ยิ้ม 



    จะว่ายังไงดีล่ะ.. บางทีเธออาจจะควรดีใจที่พวกเราทั้งหมดปลอดภัยมากกว่าดีใจที่เอสกับไรเดนปลอดภัยก็ได้นะ 



    ก็ทั้งสองคนน่ากลัวกว่าพวกอสูรกายที่อยู่ในทะเลทรายนี้ซะอีก... 



    เอสอธิบายสถานการณ์ในเมืองให้ฟัง วีวี่ที่ได้รู้ว่ามีพวกแอบอ้างเป็นคณะปฏิวัติก็คิดแผนการที่จะทดสอบคนพวกนั้นขึ้นมา ถึงจะเป็นฝ่ายไหนก็ช่างขอเเค่สามารถปกป้องเมืองได้ก็พอ เธอถึงจะวางในใจการให้คนพวกนั้นอยู่ที่นี่ต่อไปได้ 



    พวกลูฟี่เริ่มต้นการทดสอบจิตใจพวกนั้นในทันที ถึงเเม้ในช่วงเเรกพวกมันจะหวาดกลัวกันไปบ้าง แต่ในท้ายที่สุดก็ฮึดสู้ขึ้นมาได้ใหม่จนลูฟี่ต้องยอมล่าถอยไป สบายใจให้คนพวกนั้นอยู่ที่นี่ต่อไปได้ 





    (เนื้อเรื่องมันยืดเกินไปหรือเร็วเกินไปก็บอกได้นะครับ)

    (ฮ้าา.. อยากบรรยายฉากสู้ไรเดนเเล้วววว)

    (ตอนนี้สั้นไปหรือคิดไปเองนะ หื่มม)

    (หรือพระเอกเรื่องนี้จะเป็นพี่เอส!? ล้อเล่นครับ5555)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×