NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ ONE PIECE ] My name's Raiden Ei

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter IV - Episode 4

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 65





    ภาพเกาะที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเราสร้างความตื่นตะลึงให้แก่พวกของลูฟี่เป็นอย่างมาก 



    วอเตอร์เซเว่น  เมืองหลวงเเห่งน้ำนั้นสมกับชื่อเรียกขานของมันจริงๆ น้ำพุขนาดใหญ่ใจกลางเกาะที่พุ่งทะยานขึ้นสูงเเละกระจายลงเป็นวงกว้างตามเเรงโน้มถ่วง ไหลลงมาเรื่อยๆจนถึงพื้นทะเลส่วนล่าง บวกกับรอบเกาะที่ประกอบไปด้วยบ้านเรือนซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยปูนสีเทา กับหลังคาสีเเดงสดเป็นซะส่วนใหญ่



    เรือเเมรี่ไม่รอช้าที่จะเเล่นเข้าไปยังถิ่นที่ตั้งของเกาะ โดยหวังว่าการมาในครั้งนี้จะทำให้พวกเราได้พบกับช่างต่อเรือดีๆสักคนเป็นพรรคพวก  ..คนที่บ้าพอจะเป็นโจรสลัดร่วมเดินทางไปในเเกรนด์ไลน์ด้วยกัน



    นามิ ลูฟี่เเละอูซปขนทองคำสมบัติที่ได้มาจากเกาะเเห่งท้องฟ้าลงเรือไปเพื่อเเลกกับเงิน เเละส่งจดหมายให้กับคุณไอซ์เบิร์กในทีเดียว  ส่วนไรเดนนั้นในฐานะที่เป็นคนดูเเลโรซินันเต้มาตลอดเส้นทาง แม้ว่าคนบนเรือเองก็เริ่มที่จะสนิทกับชายหนุ่มขึ้นมาบ้างเเล้วก็ตาม  



    เธอลงเรือไปเพื่อที่จะพาเขาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็น เพราะนอกจากสิ่งต่างๆที่สามารถใช้ร่วมกันบนเรือได้เเล้ว ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้เช่นกัน



    ยกตัวอย่างเช่นเสื้อผ้า แน่นอนว่าคนตัวใหญ่เเละตัวสูงอย่างโรซินันเต้นั้นไม่สามารถใช้เสื้อผ้าของผู้ชายคนอื่นบนเรือได้ ดังนั้นเขาจึงต้องอยู่ในเสื้อผ้าแบบเดิมของตนเองตลอด  เวลาจะซักใส่เเต่ละทีนั้นช่างลำบากยากเย็นเเสนเข็นเสียเหลือเกิน มีครั้งหนึ่งที่เขาต้องเจียดตัวเองเพื่อไปขอชุดกระโปรงยืดได้ของโรบินมาคลุมตัวเอาไว้ก่อน 



    เเม้จะไม่มีใครล้อ เเต่มันก็ค่อนข้างน่าอาย 



    ดังนั้นเมื่อมาถึงเมืองวอเตอร์เซเว่นเเล้ว ก็เป็นโอกาสอันดีที่โรซินันเต้จะได้ซื้อข้าวของเครื่องใช้ของตนเองไว้ 



    แน่นอนว่าเป็นเงินยืมไรเดน 



    เขามาตัวเปล่า ดังนั้นจะมีเงินติดตัวได้อย่างไร ? 



    ก็อยากจะเกรงใจอยู่หรอกนะ  แต่อย่าลืมซะล่ะว่าไรเดนนั้นรวยมาก 



    มากถึงขนาดที่ว่าต่อให้สร้างเรือแมรี่ซักสิบลำ ขนหน้าเเข้งก็ไม่มีทางร่วงได้... 



    ...อย่างไรก็ตาม ที่นี่เป็นเมืองเเห่งน้ำ ผู้คนส่วนใหญ่เดินทางกันทางลำคลองซึ่งเปรียบเสมือนถนนยาวครอบคลุมไปทั่วทั้งเกาะ  เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ด้วยความจำเป็น ดังนั้นพวกเราจึงต้องเดินทางกันด้วยเรืออานขนาดเล็กค่อนกลางที่เช่ามา ซึ่งถูกชักจูงโดยสัตว์ทะเลลักษณะคล้ายม้าผสมแมวน้ำตัวหนึ่ง 



    มันคือบูล



    ทั้งสองเลือกซื้อข้าวของจำเป็นสำหรับโรซินันเต้กันก่อน ก่อนจะเเวะหาของกินตามข้างทางในย่านการค้าอีกซักเล็กน้อย  ขณะเดียวกันก็นั่งเรือชมเมืองไปรอบๆด้วยความสนใจ 



    อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเกาะที่เเปลก เพราะมันดูเหมือนว่ากำลังจะจมลงไปในทะเลได้ทุกเมื่อ สิ่งปลูกสร้างทุกอย่างล้วนสร้างอยู่บนน้ำ ส่วนประกอบส่วนใหญ่ล้วนมีน้ำเป็นตัวพึ่งพา  แต่ถึงอย่างนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันงดงามมากแค่ไหน 



    อีกอย่างหนึ่งเลยก็คือ เกาะเเห่งนี้ค่อนข้างครึกครื้นกันเป็นพิเศษ ผู้คนเอ่ยทักทายกันด้วยสีหน้าท่าทางเเจ่มใส ต้อนรับทุกคนที่เดินผ่าทางมา ไม่มีร่องรอยของความกังวล ไม่มีร่องรอยของความลังเลใจ เเละมีบ้างที่พวกเราจะถูกทักเเซวเพราะความโดดเด่นอันแสนแปลกตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายร่างสูงที่สวมหน้ากากเอาไว้อย่างโรซินันเต้ กับหญิงสาวที่พกง้าวเล่มใหญ่กว่าตัวอย่างไรเดน



    ทั้งสองใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการชมวิวรอบเมือง ขณะรอพวกลูฟี่ไปหาช่างต่อเรือ ก็มีเวลามากมายให้ได้เที่ยวเล่นตามใจชอบ  โรซินันเต้เกือบจะลืมพวกพ้องไปชั่วขณะแต่ก็ถูกไรเดนฉุดเอาไว้ได้  พวกเราจึงรีบเที่ยวรีบกลับ 



    ในระหว่างนั้นก็ได้เจอกับนักล่าค่าหัวกลุ่มหนึ่งที่มาจากตระกูลแฟรงค์กี้...   



    พวกมันต้องการค่าหัวของไรเดนที่สูงถึงหนึ่งร้อยห้าสิบล้านเบรี  แต่ทว่ายังไม่ทันให้ได้ถึงตัว ก็โดนด้ามง้าวเล่มยาวของเธอฟาดเข้าให้ซะก่อน จนพวกนั้นกระเด็นปลิวออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องออกแรงให้มากความ 



    เมื่อไม่มีตัวขวางทาง ก็ได้เวลาที่ทั้งสองคนจะต้องกลับ



    ก่อนที่พวกเธอจะได้เจอกับเรื่องที่น่าปวดหัวตามมา...   






    แน่นอนว่าตามสไตล์หลักของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ไม่มีที่ไหนที่ไปแล้วไม่ได้เรื่องกลับมา  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างวีรกรรมสุดน่าจดจำในแต่ละที่บนเกาะ 



    อย่างเเรกเลย เรือโกอิ้งเเมรี่ไม่สามารถซ่อมได้อีกต่อไปแล้ว.. ความเสียหายของมันมากเกินกว่าที่ช่างซ่อมเรือของที่นี่จะรักษาได้โดยยังเหลือเคล้าเดิมเอาไว้  



    จำเป็นต้องบอกลาสถานเดียว ..



    ซึ่งนั่นเป็นการตัดสินใจของลูฟี่ ความต้องการของกัปตันเรือของพวกเรา และไรเดนก็ไม่มีอะไรที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเธอเข้าใจมันดี คนอื่นๆก็เช่นกัน 



    พวกเราไม่มีใครเห็นต่าง แม้จะผูกพัน แต่ความจริงก็เป็นสิ่งที่น่าเจ็บปวดใจ 



    ในฐานะผู้นำ คำพูดกัปตันถือเป็นคำขาด 



    จะยกเว้นก็เพียงแต่อูซป ...รายนั้นเขาคัดค้านเกี่ยวกับแนวคิดของลูฟี่หัวชนฝา  ในบรรดาทุกคนบนเรือ เขาเป็นผู้ที่ผูกพันกับเรือลำนี้มากที่สุด คอยซ่อมคอยดูเเลทนุถนอมแมรี่เสมอมาแม้จะเผชิญหน้ากับอะไรก็ตาม ทำให้ทั้งสองเกิดการทะเลาะกันยกใหญ่



    ใหญ่ถึงขนาดที่ว่าอูซปนั้นได้ขอออกจากกลุ่มโจรสลัดไปเลยด้วยความน้อยใจ 



    ไม่นานนักทั้งสองก็ได้ท้าประลองกัน โดยที่อูซปเป็นคนขอท้าสู้ ใครที่ชนะจะเป็นคนได้เรือแมรี่ไป 



    ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกัน ฝีมือของลูฟี่เเละอูซปนั้นต่างกันเกินไป ไม่ต้องเดาผลก็รู้คำตอบว่ากัปตันของเรือจะต้องเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะไปอย่างแน่นอน  



    และถึงแม้ว่าลูฟี่จะชนะ เขาก็ไม่ต้องการเรือแมรี่อีกต่อไป เต็มใจยกให้อูซปแต่โดยดี ก่อนจะเดินจากมา.. 



    บรรยากาศรอบกลุ่มดิ่งลงถึงจุดต่ำสุด ไม่เว้นเเม้เเต่โรซินันเต้เองที่ซึ่งพึ่งเข้ากลุ่มมาได้ไม่นานนี้




    และอย่างที่สอง... โรบินได้ลอบสังหารนายกเทศมนตรีของเมืองวอเตอร์เซเว่น  ไอซ์เบิร์ก  .



    ข่าวนี่น่าตกใจนี้ได้สร้างความตกตะลึงให้กับโรซินันเต้เเละไรเดนเป็นอย่างมาก ความโกลาหลได้แพร่กระจายไปสู่สังคมวงกว้างอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไอซ์เบิร์กนั้นเป็นตัวตนที่สำคัญสำหรับชาวเมืองวอเตอร์เซเว่นทุกคนเป็นทุนเดิม  



    เเรงจูงในของโรบินคืออะไร ? ทำไมเธอถึงได้ลงมือกระทำอุกอาจเช่นนี้ เธอกำลังทรยศกลุ่มงั้นเหรอ ?



    และเนื่องจากที่โรบินนั้นเป็นสมาชิกของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ความผิดทั้งหมดจึงตกมาที่พวกเราในทันทีที่ข่าวถูกประกาศออกมา ทุกความเกลียดชังพุ่งตรงมายังทุกคนที่อยู่ในกลุ่ม พวกเราจึงไม่มีพื้นที่สำหรับเกาะเเห่งนี้อีกต่อไป



    ลูฟี่ไม่เชื่อว่าโรบินจะทำอะไรแบบนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงมุ่งตรงไปยังสถานที่ที่ไอซ์เบิร์กอยู่ในทันที ทั้งนี้ก็เพื่อค้นหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ กับเป้าหมายคือการตามหาโรบินให้เจอ โดยที่ลูฟี่นั่งบูลกับนามิไป ส่วนคนอื่นๆก็เเยกทางกัน 



    ทว่าในขณะที่พวกเรากำลังเเล่นบนน้ำอยู่นั้น แฟรงค์กี้  หัวหน้าของพวกที่มาหาเรื่องไรเดนในครั้งก่อนก็ได้มาเจอกับลูฟี่ 



    ด้วยการพูดคุยของสองคนนี้ กับบรรยากาศที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ไม่นานนักทั้งคู่ก็ต่อสู้กันในที่สุด



    ตู้มม !! 



    แฟรงค์กี้ทำลายบูลของลูฟี่เเละนามิจนพังยับเยิน ทั้งคู่ลอยขึ้นฟ้าไปและเตรียมที่จะตกลงมาบนน้ำ นามิไม่เป็นไรเเต่ลูฟี่นั้นน่าเป็นห่วง เมื่อเห็นท่าไม่ดีไรเดนจึงกระโดดเข้าไปช่วยกัปตันเเละคุณต้นหนเรือในทันที ก่อนจะหมุนตัวหลบการโจมตีอีกระรอกของไซบอร์กตรงหน้า  



    เธอวางทั้งคู่ลงกับพื้นอย่างปลอดภัย นามินั่งแหมะบนพื้นปูน ส่วนลูฟี่นั้นยืนขึ้นตั้งท่าเตรียมต่อสู้อย่างรวดเร็ว ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายเเข็งกร้าวเนื่องจากอะไรบางอย่าง และไรเดนก็พอจะเข้าใจสถานการณ์



    “ คนที่ทำร้ายอูซปเเละขโมยเงิน 200 ล้านเบรีไป ! ” 



    แม้ว่าจะเเยกทางกับอูซปไปแล้ว เเต่ยังไงพวกพ้องก็ยังคงเป็นพวกพ้องอยู่เช่นเดิม ก่อนหน้านั้นที่จะเกิดเรื่องการทะเลาะเบาะเเว้งขึ้น กลุ่มแฟรงค์กี้ได้เข้ามาขโมยเงินที่ได้จากการเเลกเปลี่ยนทองคำจำนวนสามร้อยล้านเบรีไปสองในสามส่วน ก่อนที่จะทำร้ายอูซปจนได้รับบาดเจ็บสาหัส  ไม่เเปลกที่ลูฟี่จะโกรธเเค้นพวกของตระกูลแฟรงค์กี้มาก 



    ...ด้วยการทะเลาะของทั้งสองคน ผลกระทบจากการต่อสู้จึงตีแผ่ออกเป็นวงกว้าง อู่ซ่อมเรือพังทลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี



    โครมม !! ตู้มมม !!! 



    ในส่วนของทางด้านไรเดนนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือโรบิน ซึ่งเพื่อนๆกำลังตามหาตัวเธอกันอยู่ การต่อสู้ของลูฟี่นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถขัดได้ โดยเฉพาะลูฟี่ที่กำลังโกรธจัด หากเขาไม่ได้สะสางปัญหาของตนเองให้จบสิ้น ความหงุดหงิดจะเข้ามาเเทนที่อย่างแน่นอน 



    ปล่อยให้เขาต่อสู้กับแฟรงค์กี้ไปน่ะดีเเล้ว ในส่วนของเรื่องนี้ เธอเเละทุกคนที่เหลือจะจัดการให้เอง 



    เมื่อคิดถึงเรื่องนี้  บางที... เป้าหมายอีกอย่างหนึ่งที่ควรเล็งไป 



    ผู้เสียหาย ไอซ์เบิร์ก 



    หากลอบเข้าไปค้นหาคำให้การจากปากของเจ้าตัวได้ ไม่เเน่ว่าอาจจะมีเบาะเเสอะไรบางอย่างก็เป็นได้ 



    ในระหว่างที่ทางด้านลูฟี่กำลังวุ่นวายกันอยู่ ไม่เเน่พวกของไอซ์เบิร์กอาจจะไปที่นั้นกันในทันทีเลยก็ได้ เนื่องจากประเด็นของกลุ่มหมวกฟางที่เป็นที่ต้องสงสัยเรื่องการลอบฆ่าไอซ์เบิร์ก 



    เธอต้องใช้จังหวะนี้เข้าไป... 










    “ คุณไอซ์เบิร์กคะ ดิฉันขออนุญาตออกไปทำธุระสักครู่นะคะ ในระหว่างนี้ก็อย่าขยับตัวมากล่ะ ” 



    หญิงสาวผมสีทองในมาดเลขาดันเเว่นขึ้นเบาๆ เธอยืนขึ้นจากเก้าอี้ไม้ข้างเตียงเต็มความสูงง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องเมื่อได้รับคำตอบรับเบาๆจากไอซ์เบิร์ก 



    เธอคนนี้คือคาลิฟา  เลขาสาวคนสนิทของนายกเทศมนตรีแห่งเมืองวอเตอร์เซเว่น 



    แกร๊ก..กก.. 



    ตึก ตึก ตึก.. ตึก.... 



    หลังจากที่ปิดประตูเรียบร้อยพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เดินจากไป  ...บางอย่างที่ผิดปกติก็ได้เกิดขึ้นภายในห้องทันทีราวกับกำลังรอเวลา  จากเดิมที่ควรมีบุคคลเพียงเเค่คนเดียวที่นอนอยู่ ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามีร่างของใครบางคนมายืนใกล้กับหน้าต่างบานใหญ่ หลบมุมกำแพงห้องอยู่พอสมควร เเขนทั้งสองข้างกอดอกเอาไว้อย่างหลวมๆ



    “ คราวก่อนที่นิโค โรบินมา ...คราวนี้ก็เป็นเธองั้นเหรอ ” 



    ไอซ์เบิร์กพูดกับบุคคลปริศนาตรงหน้า 



    “ เงียบเเล้วฟังให้ดี ”  หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 



    ไรเดนจ้องมองชายวัยกลางคนที่นอนรักษาตัวอยู่บนเตียง ท่าทางของเขาไม่ได้นิ่งสงบเท่าที่ควรนักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ตะโกนโหวกเหวกโวยวายออกไปเเต่อย่างใด 



    “ ฉันเเค่มาถามข้อมูลเกี่ยวกับเพื่อนของฉัน ”  หญิงสาวกล่าว



    “ เพื่อนงั้นเหรอ ? มาถามจากคนที่ถูกเพื่อนของเธอลอบสังหารเมื่อวานนี้เหรอ ช่างเป็นกลุ่มคนที่แปลกเสียจริง... ”  ราวกับกำลังประชดประชัน



    ไรเดนไม่ได้เเสดงท่าทีหรือความเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอพูดต่อโดยไม่สนใจ 



    “ รู้อะไรไหม.. ฉันสามารถฆ่านายตอนนี้จากระยะนี้ได้ไม่ยาก  หากพวกเราต้องการฆ่านายจริงๆ จะเสียเวลาโรบินมาทำไม ” 



    ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ทำให้เธอราวกับเพชรฆาตที่พร้อมจะสังหารเหยื่อตรงหน้าได้ทุกเมื่อ



    และเมื่อได้ยินเช่นนั้น ไอซ์เบิร์กก็ไม่รอช้าที่สวนกลับขึ้นมาทันที  



    “ คำขู่แบบนั้นฉันได้ยินมันมานักต่อนักแล้วล่ะ ไม่ใช่เพราะว่าพวกเธอต้องการบางสิ่งบางอย่างจากฉันหรอกเหรอ ?  ยังไงก็ตามคนตายมันพูดไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ” 



    “ ความต้องการของพวกเรามีเเค่การซ่อมเรือโกอิ้งเเมรี่เท่านั้น.. เมื่อมันไม่สามารถซ่อมได้อีก พวกเราเพียงเเค่ต้องถอดใจและหาเรือลำใหม่ ไม่มีใครรู้ว่าคุณมีอะไรในมือ และถึงมี.. พวกเราก็ไม่ได้สนใจ ” ไรเดนพูดต่อโดยไม่ต้องคิด 



    “ จะให้ฉันเชื่อได้อย่างไร ? ไม่เเน่ว่าพวกเธออาจจะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลโลกก็ได้ ” 



    “ พวกเราเป็นโจรสลัด และโจรสลัดเป็นศัตรูของรัฐบาลโลก ..อย่างไรก็ตาม โรบินหายไปตั้งเเต่วันเเรกที่พวกเราขึ้นเกาะมา ดังนั้นพวกเราจึงต้องการข้อมูลของเธอ  ส่วนเรื่องของนายน่ะ โจรสลัดย่อมมีชื่อเสียงที่ไม่ดี ไม่ว่าจะถูกกล่าวหาว่าอย่างไรก็ตาม พวกเราไม่ได้สนใจ ” 



    ไอซ์เบิร์กเงียบไป.. เขาเริ่มใช้ความคิดในหัวอีกครั้งหนึ่ง 



    ถ้าหากว่าสิ่งที่ไรเดนพูดมานั้นเป็นความจริงทั้งหมดแล้วละก็ หมายความว่าโรบินนั้นได้หายออกจากกลุ่มไปก่อนหน้านั้น  ก่อนจะไปร่วมมือกับใครสักคนที่ต้องการของบางอย่างจากเขา หรือไม่ก็ต้องการที่จะสังหารเขา 



    ของบางอย่าง... 



    แบบแปลนพลูตัน 



    เเละในไม่นานมานี้ มันเป็นของที่รัฐบาลต้องการเป็นอย่างมาก เนื่องจากอานุภาพของมัน ที่สามารถทำลายเกาะๆหนึ่งได้ด้วยการยิ่งเพียงเเค่นัดเดียว เเละเพื่อความปลอดภัยของพวกพ้อง โรบินจึงจำใจต้องเข้าร่วมกับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล เพื่อไม่ให้รัฐบาลทำร้ายพวกเขา เเละนั้นก็สมเหตุสมผลเเล้ว 



    ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง.. กลุ่มหมวกฟางก็เเค่เเพะรับบาป เขาเป็นแค่กลุ่มโจรสลัดธรรมดา ที่มีบุคคลอันตรายอย่างนิโค โรบินอยู่ในทีม 



    เเต่ถึงอย่างนั้น.. พวกเขาก็ยังคงให้ความสำคัญกับเธอ 



    หากตัดมุมมองบางอย่างออกไป ถือว่าเธอเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่ง ที่อย่างน้อยก็ยังมีคนคอยอยู่เคียงข้างเธอ



    นิโค โรบินในตอนนี้ บางทีอาจจะไม่ได้อันตรายอย่างที่คิดเเล้วก็ได้ 



    เป็นเวลากว่าหลายนาทีที่ไอซ์เบิร์กจมอยู่กับความคิด 



    และในที่สุด.. เขาก็เปิดปากพูดอีกครั้ง.... 



    ขณะเดียวกัน.. ไรเดนก็ได้รู้บางสิ่งจากปากของไอซ์เบิร์ก เขาพูดเกี่ยวกับอะไรบางอย่างให้เธอฟังจนเธอได้เข้าใจอย่างถ่องเเท้  แบบเดียวกับที่ไอซ์เบิร์กเองก็ได้รู้บางสิ่งจากปากของเธอเช่นกัน ...






    เเอ๊ดด... 



    “ ฉันกลับมาเเล้วค่ะ.. คุณไอซ์เบิร์ก ” 



    คาลิฟาเปิดประตูเข้ามา เธอกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง ตรวจสอบคววามผิดปกติที่อาจจะเกิดในขณะที่เธอไม่อยู่ ทั้งสถานที่ตั้งของสิ่งของ ร่องรอยอะไรก็ตามที่อาจจะหลงเหลืออยู่  แต่เมื่อเช็คดูอย่างละเอียดเเล้ว ก็ไม่พบกับสิ่งผิดปกติเลยเเม้เเต่น้อย ดังนั้นเธอจึงนั่งลงกับเก้าอี้ไม้ดังเดิม คอยเฝ้าดูอาการของไอซ์เบิร์กต่อไป 



    ชายวัยกลางคนเหลือบมองเลขาสาวข้างกาย 



    “ บางที.. นี่อาจจะเป็นการเปลี่ยนเเปลงครั้งใหญ่ ”



    “ หืม ? ”  คาลิฟาส่งเสียงสงสัย งุนงงในคำพูดของเขาเล็กน้อย 



    หมายถึงกลุ่มหมวกฟางนิโคโรบินที่ลอบเข้ามาทำร้ายงั้นเหรอ ? 






    ในขณะที่ไรเดนกำลังเดินเลียบเคียงตามซอกซอยของเมืองอยู่นั้น ในหัวเธอก็คิดถึงเรื่องที่ไอซ์เบิร์กพูดให้ฟังเมื่อสักครู่นี้ ก่อนจะเธอจะออกมาอย่างเงียบๆ 



    เมื่อเป็นเช่นนี้เเล้ว ก็มีอยู่เรื่องเดียวที่เธอต้องทำในตอนนี้...



    ต้องไปชิงมันมา 




    แบบแปลนพลูตัน 








    (เดี๋ยวเจ๊! ไปชิงเลยเหรอ เจ๊คิดไรก่อน)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×