NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ ONE PIECE ] My name's Raiden Ei

    ลำดับตอนที่ #19 : Chapter IV - Episode 3

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 65





    ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็คอยประเมินสถานการณ์กัน อาโอคิจิยังคงท่าทีเช่นเดิมไม่เปลี่ยนไปไหนแม้ว่ากำลังพลของตนเองจะมีน้อยกว่า นั่นก็คือความเฉื่อยชาที่ดูไม่หยี่ระต่อสิ่งใด ความยุติธรรมแบบเอื่อยเฉื่อย  คือสิ่งที่เขายึดถือเชื่อมั่น แม้ว่านั่นจะดูเป็นเพียงคาแรกเตอร์ภายนอกของเขาซะมากกว่าก็ตาม 



    อาโอคิจิยังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้มาเพื่อจับตัวพวกเรา  แต่เหตุผลหลักๆที่เขามาที่นี่นั้นก็เพราะว่าต้องการจับตามองนิโคโรบินที่หายตัวไปในช่วงวิกฤตการณ์ของอลาบาสต้าในครั้งนั้น



    เขาต้องการยืนยันจุดยืนของโรบินในตอนนี้ เพราะเธอคือคนที่เขาเคยปล่อยตัวไปแล้วครั้งหนึ่งในอดีต ..เด็กสาวที่มีค่าหัวตั้งเเต่อายุแปดขวบ และค่าหัวที่เเสดงถึงความเเข็งแกร่งเเละความอันตรายต่อรัฐบาลโลก ในตอนนี้ทางกองทัพยังไม่ค่อยให้ความสนใจพวกเรามากเท่าไหร่นัก แต่ถ้าหากจะให้ตามล่ากันจริงๆล่ะก็ พวกเราทุกคนไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน  



    ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ลูฟี่ตั้งตนเป็นศัตรูกับอาโอคิจิ  เพราะเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะนำเอาตัวโรบินออกไปจากพวกเรา ..ชายหนุ่มเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าปะทะกับชายร่างสูงได้ทุกเมื่อ  ทว่าก็โดนเพื่อนๆฉุดห้ามเอาไว้ซะก่อน เหตุผลคืออีกฝ่ายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเราในตอนนี้ 



    “ อาระๆ จริงสิ  เธอน่ะ... ” 



    อาโอคิจิหันมาสนใจที่ตัวของไรเดน หญิงสาวในชุดกิโมโนแปลกตาซึ่งพกง้าวสีม่วงเล่มใหญ่เกินตัว เจ้าของค่าหัวหนึ่งร้อยห้าสิบล้านเบรีในครั้งเเรกที่ออกทะเล ม้ามืดของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางและไม่ทราบประวัติที่มาที่ไปอย่างชัดเจน 



    ถูกต้องแล้วล่ะ... ไรเดน เอย์เป็นผู้หญิงที่ไม่มีประวัติที่แน่ชัด รู้เพียงเเค่ว่าเธอเป็นหญิงสาวที่มาจากเกาะคามินาริ*ก็เท่านั้น 



    เกาะที่คนนอกเข้าไม่ได้  เขาว่ากันว่าหากไม่ได้รับอนุญาตจากเทพสายฟ้าผู้ปกครองที่นั่น  ก็จะถูกหมอกหนาปกคลุมบดบังเส้นทางจนไม่สามารถเดินเรือไปไหนต่อได้อีก บ้างก็ว่าอาจจะติดอยู่ในนั้นตลอดกาลเลยก็มี



    “ เป็นพี่สาวที่เซ็กซี่น่าดูเลยนะ ”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆไร้รสชาติ คำพูดราวกับว่ากำลังเเอ้มหญิงสาวอยู่ก็ไม่ปาน 



    อะ—ไร—น้า ! ”  ซันจิตะโกนขัดขึ้นมา นัยตาทั้งสองข้างลุกเป็นไฟพร้อมที่จะกัดใครก็ตามที่ขวางทาง 



    อาโอคิจิทำท่ายกมือป้องกันเอาไว้เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรของซันจิ หยดน้ำเม็ดหนึ่งผุดขึ้นมาที่ศีรษะเล็กน้อย



    “ อาระๆ โทษทีๆ ...เธอคือไรเดน เอย์สินะ ขอเตือนอะไรอย่างหนึ่งไว้ก็เเล้วกัน  ”  



    เขาพูดทิ้งท้าย จากเดิมที่นั่งอยู่ที่พื้นก็ได้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มือข้างหนึ่งถือเสื้อโค้ทสีขาวของตนเองเอาไว้ เตรียมพร้อมเหมือนจะจากไปในเร็วๆนี้ 



    “ มีคนคอยจับตามองเธอเป็นพิเศษอยู่ อะไรที่มันสะดุดตาเกินไปอาจจะทำให้เธอหรือเพื่อนของเธอเป็นอันตรายได้  —เธอเองก็เหมือนกัน นิโค โรบิน ”  ประโยคสุดท้ายหันมาพูดกับหญิงสาวผมดำประจำกลุ่มที่ยังคงมีความหวาดระเเวงต่อชายหนุ่มอยู่



    โรบินสะอึกเล็กน้อย  ..ในท้ายที่สุดเขาก็ได้จากไปแต่โดยดี

    โดยที่เเม้จะเป็นทหารเรือ เเต่ก็ไม่ได้จับเราหรือสร้างภัยคุกคามต่อพวกเราที่เป็นอาชญากรเเต่อย่างใด ตามที่ได้บอกไปเมื่อตอนต้นว่ามาเพียงเเค่พักผ่อนสบายอารมณ์เฉยๆเท่านั้น



    และก่อนจะไป อาโอคิจิไม่ลืมที่จะเหลือบกลับมามองไรเดนเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาครุ่นคิด แต่ก็เลิกสนใจไปในเวลาไม่นาน 



    ‘ ครั้งนี้ก็ต้องปล่อยนิโคโรบินให้หลุดมือไปอีกแล้ว... ช่างเถอะ ถือว่าตอบเเทนเรื่องคร็อกโคไดล์ก็เเล้วกัน ’  เขาคิด ยังไงซะเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้อยู่แล้ว 



    โรบินหลุบตาลงต่ำเหมือนคนที่กำลังเก็บอะไรเอาไว้ในใจ บางที่เธออาจจะเคยมีประสบการณ์ที่ย่ำแย่บางอย่างมาก่อนก็เป็นได้ ไม่แปลกสำหรับเด็กที่ถูกตามล่ามาตั้งเเต่เด็กๆ  ..และไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ลูฟี่ก็ยังคงยืนกรานที่จะให้ไรเดนเเละโรบินร่วมทางไปด้วยเช่นเดิม ไม่ว่าการที่เธอขึ้นเรือมา จะเป็นโชคร้ายหรืออันตรายอะไรก็ตามที่อาโอคิจิได้บอกเอาไว้ 



    เพราะเป็นแบบนี้ ก็เลยถือว่าเป็นการรวมตัวของกลุ่มโจรสลัดไม่ใช่หรืออย่างไร ? 



    โจรสลัดไม่ใช่กลุ่มคนปกติที่มีศิลธรรมอันดีหรือรัศมีความยุติธรรมตั้งเเต่เเรกอยู่แล้วล่ะ  อย่างน้อย.. ก็ถือว่าเป็นพวกพ้องที่ร่วมเดินทางกันเพื่อเป้าหมายของตัวเอง



    ทุกๆคนเดินกลับมาที่เรือโกอิ้งแมรี่เมื่อเตรียมเสบียงอาหารมาตุนกันเสร็จเรียบร้อย วันนี้ดีที่ไม่ได้มีการปะทะใดๆเกิดขึ้นแม้จะเจอเข้ากับตัวอันตรายอย่างพลเรือเอกอาโอคิจิก็ตาม ล็อกโพสต์ที่เเขนของนามิเต็มชี้ทิศเเละพร้อมจะเดินทางไปยังเกาะต่อไปกันเเล้ว พวกเราตัดสินใจพักกันต่ออีกสักหน่อย ก่อนจะเดินเรือออกจากเกาะร้างแห่งนี้ไปต่อ










    “ เชื่อคำของเขาเถอะ ”  



    โรซินันเต้กล่าว พวกเราทั้งคู่หลบมุมอยู่ในห้องสำหรับปฏิบัติการทางเเพทย์ของช็อปเปอร์ แสงไฟจากเทียนดวงเล็กสาดกระทบร่างกายทำให้เกิดเงาขนาดใหญ่ที่ฝาผนัง  ...ภายใต้ความสามารถของผลปีศาจ ชายหนุ่มที่ใบหน้าไร้สิ่งใดปกปิดเช่นเดิมก้มหน้าลงต่ำ 



    “ ฉันได้ตามหนังสือพิมพ์มาบ้างเเล้วล่ะ ..ข่าวของพวกเธอ การเติมโตที่รวดเร็วของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางและวีรกรรมต่างๆที่ได้สร้างมา มันมากพอแล้วที่จะทำให้พวกเธอถูกตามล่าจากพวกระดับสูง ” 



    โรซินันเต้เตือนด้วยสีหน้าที่จริงจังผิดจากเดิม มือของเขาคีบบุหรี่เอาไว้หนึ่งมวลเสริมสร้างบุคลิกให้ดูมาดนิ่งยิ่งขึ้นไปอีก การกล่าวเตือนในเรื่องนี้ไม่เกินจริงเลยเเม้เเต่น้อย หลักฐานเมื่อสักครู่ก็ได้รับรู้จากการที่พวกเราเจอเข้ากับพลเรือเอกอาโอคิจิ



    “ งั้นเหรอ.. ”  ไรเดนหลับตาลงอย่างรับฟัง ก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง  “ ไหม้เเล้ว ” 



    ร่างสูงทำสีหน้าสงสัย ขณะเดียวกันก็ได้กลิ่นตุๆของอะไรบางอย่างเตะเข้ามาที่จมูกจนต้องทำจมูกฟุดฟิด น่าสงสัยว่ามันจะเป็นกลิ่นของการเผาไหม้อะไรสักอย่าง  และเมื่อเขาหันไปมองตามกลิ่น ก็พบเข้ากับชุดของเขาที่กำลังลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีส้มบริเวณไหล่



    “ ว้ากก !! ”  



    โรซินันเต้เเด้ดิ้นไปมา ขัดกับท่าที่ของไรเดนที่ยังคงนิ่งสนิทราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โต 



    ยังดีที่เขาทำให้บริเวณนี้เงียบสงัด ไม่เช่นนั้นทั้งเรือได้วุ่นวายกันแน่ 





    กว่าจะสามารถดับไฟลงไปได้ก็ทำเอาเขาเกือบเเย่ ชายหนุ่มนั่งหงอยงอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด บุหรี่ถูกดับทิ้งไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย 



    “ เป็นเด็กซุ่มซ่ามน่ะ.. แก้ยังไงก็เเก้ไม่หาย ”



    “ อืม ”   



    เกิดความเงียบขึ้น.. 



    เป็นบรรยากาศปกติที่เวลาสนทนากับคนอย่างไรเดนแล้วจะต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้กันทุกคน ไม่รู้ว่าเพราะหญิงสาวยังคิดคำพูดไม่ออก หรือเป็นเพราะเธอไม่รู้จะต่อบทสนทนาอย่างไร แต่นั่นก็ไม่ยากแล้วที่จะทำให้สถานการณ์มันเดดเเอร์ขึ้นมา



    มันเป็นความรู้สึกที่น่าลุ้น 



    ลุ้นว่าไรเดนจะพูดอะไรออกมา หรือเธอจะเงียบไปไม่ต่อบทสนทนาอะไรอีก 



    เปลือกตาของไรเดนเบิกขึ้นนิดหน่อย เป็นสัญญาณของการพูดในครั้งใหม่ 



    “ ไหม้  ”  



    โรซินันเต้เอียงคอ อะไรที่ว่าไหม้อีก— 



    “ เหวอ !! ” 



    เขาหันไปมองที่เเขนเสื้อของตนเอง ก็พบว่ามันจ่ออยู่ที่ใต้แก้วต้มกาแฟซึ่งมีไฟลุกโชนอยู่ ร่างสูงสะบัดมือพยายามดับไฟอีกรอบ โชคดีที่คราวนี้มันไม่ได้รุนแรงเท่าครั้งเมื่อกี้ นั่นจึงทำให้มันดับง่าย  โดยที่ไรเดนก็ยังคงสีหนาเดิมของตนเองไว้ได้เป็นอย่างดี



    โรซินันเต้หอบหายใจ  นาทีชีวิตจริงๆ... 



    “ ส่วนเรื่องนั้นน่ะ ”  หญิงสาวกล่าวต่อ 



    ชายหนุ่มกลับมาสนใจที่เธอ



    “ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ล้วนเเต่อยู่ที่การตัดสินใจของกัปตันเรือพวกเราและสถานการณ์นั้นๆ ...อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด การเป็นโจรสลัดย่อมมีความเสี่ยงเป็นธรรมดา ” 



    ไรเดนพูดยาวกว่าปกติ เธอดับไฟที่ต้มกาเเฟให้เรียบร้อย ก่อนจะนำมันออกมาเทใส่เเก้วกระเบื้องสีขาวเตรียมดื่ม ท่ามกลางสีหน้าอันตื่นตะลึงของโรซินันเต้ซึ่งไม่คาดคิดกับคำตอบของเธอ 



    กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางส่วนใหญ่เเล้วพวกสายต่อสู้ก็เป็นพวกเลือดร้อนกันทั้งสิ้น ไม่ว่าพวกนั้นจะทำอะไรใครเล่าจะห้ามได้ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกัปตันเรือ ลูฟี่ผู้ซึ่งสามารถปะทะได้กับผู้คนในทุกสถานการณ์  แม้ว่านั่นจะเป็นคนที่เก่งสุดยอดหรือเป็นใครใหญ่มาจากไหนก็ตาม 



    เป็นความบ้าบิ่น ที่จะบอกว่าโง่ก็ใช่ 



    เเต่เพราะเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ เลยทำให้พวกเรารวมตัวกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ 



    ไรเดนเคยได้ยินจากปากของนามิมาบ้าง ถึงการรวบรวมเหล่าสมาชิกลูกเรือแต่ละคนของลูฟี่ และเเม้ว่าเธอจะไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์มาก่อนเพราะเป็นคนสุดท้ายที่เข้ากลุ่มก่อนจะเข้าเเกรนด์ไลน์ แต่เธอก็พอจะนึกภาพออกว่าสถาการณ์มันเป็นอย่างไร 



    ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ลูฟี่ไม่เคยไปโดยไม่สร้างวีรกรรมไว้อย่างแท้จริง 



    แต่ถึงอย่างนั้น.. ก็อย่าได้ดูถูกความสามารถของทุกคนในทีมเชียวล่ะ... 





    .....——



    “ ? ”  



    ในขณะที่ไรเดนและโรซินันเต้กำลังนั่งดื่มกาแฟยามเช้าอยู่นั้น ทั้งสองก็รู้สึกได้ว่าเรือที่แล่นอยู่กำลังเอียงลงอย่างชัดเจน  สังเกตที่ข้าวของไม่ค่อยจะมีน้ำหนักส่วนใหญ่ลาดเอียงลงตามเเรงโน้มถ่วงของมัน หลายสิ่งหลายอย่างหล่นกองลงกับพื้นจนกลัวว่ามันจะเสียหายจนน่าเสียดาย  



    เรือกำลังเปลี่ยนทิศ 



    พวกเราลุกขึ้นจากที่นั่ง โรซินันเต้หยิบเอาหน้ากากขึ้นมาสวมใส่เช่นเดิมเตรียมออกไปดูสถานการณ์ด้านนอก บางทีมันอาจจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นก็เป็นได้ เพราะตอนเเรกนามิได้สั่งการให้เรือเดินไปตามเข็มทิศที่ล็อกโพสต์ชี้เอาไว้ ไม่มีทางจะเปลี่ยนทิศอย่างกระทันหันแน่นอน 



    เอี๊ยด— 



    หญิงสาวเปิดประตูออกมาจากห้องหมอ ..ก็พบกับชายทั้งสี่คนซึ่งประกอบไปด้วยโซโร ช็อปเปอร์ อูซปเเละลูฟี่ที่กำลังช่วยกันเปลี่ยนทิศของของหางเสือกันอยู่  โดยที่ฝั่งของนามิเองก็ออกจากห้องครัวมาดูสถานการณ์ด้านนอกด้วยเช่นกัน 



    “ เจ้าบ้า ! อย่าเปลี่ยนทิศเรือตามใจชอบสิ ! ”  เมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไร นามิจึงไม่รอช้าตะโกนว่าผู้เป็นกัปตันทันที 



    “ ดูสิเอย์ ! พวกเราเจอกบที่กำลังว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์ด้วยล่ะ ! ”  ทว่าลูฟี่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไหร่



    “ หนอยแน่.. ! ” นามิกำหมัดโกรธจัด 



    “ เราจะเอามันมาย่างกินทั้งตัวให้ได้ ! ”  เขาพูดต่อด้วยความหิวโหย  



    เอามากินเหรอ !?  



    โซโรเเละช็อปเปอร์มองกัปตันเรือด้วยความคาดไม่ถึง 



    และในระหว่างที่พวกเรากำลังตามตัวเจ้ากบยักษ์อยู่นั้น นามิก็สังเกตเห็นได้ถึงประภาคารแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าของพวกเรา เธอลดกล้องส่องทางไกลลงมาเเละมองมันด้วยความสับสนงุนงง 



    เหตุใดจึงมีประภาคารตรงนี้ได้ ? 



    ลูฟี่ยังไม่ลดละความพยายามที่จะตามตัวเจ้ากบยักษ์ตัวนั้นไป ทำให้พวกเราต้องเปลี่ยนทิศเรือออกนอกเส้นทางอย่างช่วยไม่ได้  ...จนแล้วจนรอด ในท้ายที่สุดพวกเราก็ชนเข้ากับบางสิ่งบางอย่างเข้าอย่างจัง ทำให้ตัวเรือโคลงเคลงเสียสมดุลไปหมด 



    โครม !!



    ทุกๆคนล้มระเนระนาดลงไปกองกับพื้น  เมื่อสามารถตั้งตัวได้ ซันจิไม่รอช้าที่จะถามไถ่อาการของเลดี้ทุกคนบนเรือซึ่งล้มลงไป  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไรเดนที่ยังคงยืนตระหง่านอยู่ได้แม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ราวกับว่ารองเท้าของเธอติดหนึบอยู่กับพื้นเรือ และโรซินันเต้ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหน้าคมำล้มลงขาชี้ฟ้าไปเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว 





    ชายผมทองจับเข้าที่ขมับของตัวเองเล็กน้อย ขณะพยายามลุกขึ้นทรงตัว รู้สึกเหมือนว่าหัวจะโขกเข้ากับอะไรบางอย่าง  เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบกับมือเรียวของใครสักคนที่ยื่นมาทางนี้ 



    พอเขาเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เจอกับใบหน้าเรียบนิ่งของไรเดนซึ่งกำลังยืนบดบังเเสงอาทิตย์อยู่ 



    หรือนี่จะเป็นนางฟ้า ?  ไม่สิ เลดี้ทุกคนเป็นนางฟ้าน่ะถูกแล้ว 



    “ อ..ขอบคุณครับ เอย์ซวัง♡ ”  



    ซันจิจับเข้าที่เรียวมือสวย เขากอบกุมมันเอาไว้อย่างหลวมๆ รู้สึกอยากจะทะนุถนอมสิ่งๆนี้เอาไว้เป็นอย่างดี  



    มันนุ่มเกินกว่าที่จะเป็นมือของคนจับอาวุธหนักๆอย่างง้าวหรือทวน 



    ไรเดนมองด้วยความสงสัย หากลุกขึ้นยืนเองได้ทำไมต้องกุมมือเธอเอาไว้ด้วย ? 



    แก๊ง แก๊ง ๆๆ !! 



    “ เอ๊ะ.. อะไรน่ะ เสียงนี้ ? ”  นามิอุทานขึ้น 



    เสียงของมันเหมือนกับการตีระฆังของอะไรสักอย่าง 



    ปู๊นนน ปู๊นนนนน ! 



    และเเล้วพวกเราก็ได้รู้คำตอบ เมื่อทุกคนเจอเข้ากับรถไฟกลางทะเลที่กำลังเดินขบวนอยู่บนน้ำสายหนึ่ง  ...เรือโกอิ้งแมรี่เกือบถูกชนเข้าอย่างจัง แต่ทว่าก็สามารถเลี้ยวกลับออกมาได้อย่างหวุดหวิด เป็นนาทีระทึกขวัญที่ตามกันมาอย่างติดๆอีกครั้ง 



    ก่อนที่พวกเราจะพบเข้ากับคุณป้าคนหนึ่ง คุณป้าโคโรโระ  เธอเป็นผู้ดูเเลที่นี่ เเละเมื่อกี้คือขบวนรถไฟทางน้ำซึ่งจะเดินทางไปในเเต่ละสถานที่ มันมีไว้ใช้สำหรับโดยสารผู้คน รวมทั้งการขนส่งทางไปรษณีย์เองก็เช่นกัน 



    คุณโคโรโระบอกว่าถ้าไปตามล็อกโพสต์ที่เข็มทิศชี้ก็จะถึงเกาะวอเตอร์เซเว่น  เมืองหลวงเเห่งน้ำซึ่งเต็มไปด้วยอู่ซ่อมเรือเเละช่างต่อเรือขนาดใหญ่  ที่นั่นมีช่างซ่อมมากมายให้พวกเราได้เลือกสรรค์ใช้บริการ และเธอก็ได้ให้เเผนที่เกาะคร่าวๆกับจดหมายเเนะนำมาด้วยอีกหนึ่งฉบับ ให้พวกเราไปส่งให้กับคนที่ชื่อไอซ์เบิร์กเพื่อขอให้เขาซ่อมเรือให้ 



    จะว่าไปเรือเเมรี่ก็ควรค่าเเก่เวลาที่จะต้องซ่อมเเล้วล่ะ... 



    ดังนั้นพวกเราจึงได้ออกเดินทางต่อเพื่อไปยังวอเตอร์เซเว่นกันในทันที... 





    *เกาะคามินาริ  / เกาะสมมติ  บ้านเกิดของไรเดนใน Chapter I - Episode 1,2   ; ภูมิประเทศคล้ายเกาะ Seirai แต่กว้างขวางกว่ามาก 


    (กำลังคิดอยู่ว่านอกจากสตอรี่ของลูกเรือแต่ละคนเเล้ว จะพาเดินเนื้อเรื่องไปเร็วๆแบบแรงทะลุนรกเลยดีไหม อย่างน้อยก็จะได้ให้ไปถึงเกาะชาบอนดี้เร็ว ๆ เพราะนี่ก็เริ่มตันนิดๆเเล้ว  อีกอย่างก็กลัวว่าทุกๆคนจะเบื่อกันซะก่อน )

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×