NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ ONE PIECE ] My name's Raiden Ei

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter II - Episode 5

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 65





    การเดินทางในครั้งนี้ง่ายกว่าที่คิดอยู่มาก เนื่องจากทะเลทรายที่พวกเรากำลังวิ่งอยู่ขณะนี้เต็มไปด้วยฝนที่ตกกระทบตามพื้นดิน  ลูฟี่เปลี่ยนกลับมาสวมเสื้อคลุมเพื่อใช้บดบังฝนบางส่วนอีกชั้นหนึ่ง ผ้าสีฟ้าพันหมวกเอาไว้ที่คางเพื่อกันไม่ให้มันปลิวไปตามกระเเสลมบางส่วน ร่างกายสั่นสะท้านกับความหนาวเล็กน้อย เเต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดีกว่าอากาศที่ร้อนแผดเผา



    แม้ว่าจะค่อนข้างสบายตัวกว่าครั้งก่อน แต่การจะเดินเท้าจากเรนเบสไปยังอลูบาร์น่านั้น เเน่นอนว่าย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงภายในสองสามวัน นอกเสียจากว่าจะมียานพาหนะมาให้พวกเราได้นั่งขี่เหมือนอย่างปูยักษ์ที่ช็อปเปอร์พามา  



    โป๊ก 



    “ รู้เเล้ว ! ” 



    ลูฟี่ทุบหมัดลงบนมือ ท่าทางของเขาราวกับคนที่พึ่งตรัสรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง ไรเดนเหลือบมองชายหนุ่มเล็กน้อยเเละตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อ ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรกับความคิดของเจ้าตัวสักเท่าไหร่ บางทีเขาอาจจะกำลังคิดอะไรพิเรนทร์ๆซึ่งไม่สมกับเป็นหัวหน้าอยู่ก็ได้ 



    เเละเมื่อร่างสูงฉีกยิ้มกว้างออกมา..



    “ ชิชิชิ ! เรามาล่าสัตว์ในทะเลทรายซักตัวกันเถอะ เอย์ ! ” 



    ว่าเเล้วเขาก็เปลี่ยนทิศทางการวิ่งของตนเอง มือหนายื่นเข้ามาคว้าเอาคอเสื้อของไรเดนเอาไว้อย่างเเน่นหนา ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางอื่นที่ไม่ใช่ทางไปอลูบาร์น่าทันที โดยลากหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวไปด้วย



    เขากำลังหิวสินะ... 










    และกว่าพวกเราจะเดินทางมาถึงอลูบาร์น่าอันเป็นที่ตั้งของพระราชวังกันได้นั้น  ก็ปาเข้าไปเเล้วสี่วัน ...เนื่องจากลูฟี่ที่ชอบเถลไถลไปนู่นไปนี่อยู่เรื่อย บวกกับเหตุการณ์ที่พวกเราเกือบจะพลัดหลงกัน จนตอนนี้กลายเป็นว่าสถานการณ์ทุกอย่างตรงนี้ได้คลี่คลายลงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย 



    “ ลูฟี่ ! เอย์ซัง ! ” 



    วีวี่ที่ยืนอยู่ตรงบรรไดของประตูใหญ่วิ่งลงมาหาพวกเราทั้งสองซึ่งอยู่ตรงหน้า  สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโล่งอกโล่งใจเเละความดีใจอย่างมากที่สุด คงเป็นเพราะว่าพวกเราหายไปตั้งเกือบห้า นั่นจึงทำให้พวกพ้องที่นี่อาจเป็นห่วงกัน 



    “ โอ้ส !  วีวี่ ชิชิชิ!! ”  



    ลูฟี่ยิ้มกว้างเเล้วเดินเข้าไปหา ตามด้วยไรเดน



    หญิงสาวมองเพื่อนทั้งสองของเธอที่ปลอดภัยดีด้วยน้ำตาที่เริ่มปริ่มออกมาเบาๆ เธอเข้ามากอดลูฟี่เข้าเต็มอก ส่งผ่านความปิติยินดีที่ในตอนนี้พวกเราก็สามารถปกป้องอลาบัสต้าได้เเล้ว ก่อนจะเล่าว่าทุกคนนั้นจัดการศัตรูทั้งหมดกันยังไง เเละเล่าถึงการเสียสละของเเต่ละคนที่ทำเพื่อเธอ ทำให้ผู้เป็นกัปตันยิ้มไม่หยุด 



    “ จริงสิ.. ฝนเมื่อวันก่อนเป็นของเอย์ซังสินะคะ ” 



    วีวี่หันมาพูดกับไรเดนที่ยืนอยู่ด้านข้าง เเน่นอนว่าฝนพวกนั้นที่มีต้นกำเนิดมาจากเธอตกติดต่อกันเป็นเวลากว่าสามวันโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ทุกคนต่างก็อึ้งกันมากจนทำให้สงครามหยุดลงไปชั่วขณะเลยล่ะ วีวี่จึงสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ 



    เจ้าของปรากฏการณ์พยักหน้าเบาๆ ทำให้คนผมสีฟ้าหัวเราะออกมา 



    “ คิกคิก.. พอดีว่าเห็นสายฟ้าเป็นสีม่วงจากที่ไกลๆน่ะค่ะ ..ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ” 



    เธอยิ้มให้ไรเดน เป็นรอยยิ้มที่ละทิ้งความเจ็บปวดเเละความทุกข์ทุกอย่างลงไปจนหมด ทำให้บรรยากาศโดยรอบรู้สึกสดชื่นกว่าที่ผ่านมา 



    วีวี่เชิญให้พวกเราเข้าไปกินอาหารกันด้านใน บอกว่าเพื่อนๆทุกคนกำลังรอทั้งสองอยู่ที่ห้องอาหารใหญ่ โดยเลือกเส้นทางที่ไม่ให้พวกเราเข้าไปประทะกับพวกทหารที่มาตรวจสอบที่นี่ 



    เมื่อพูดถึงอาหาร ลูฟี่ก็มีอาการที่กระปรี้กระเปร่ามากกว่าปกติ รีบเดินตามวีวี่ไปติดๆ ปากก็พูดถึงอาหารไปไม่ยอมหยุด 



    การทานอาหารเป็นไปอย่างวุ่นวาย ทุกๆคนถามเกี่ยวกับสารทุกข์สุกดิบของไรเดนตลอดสี่วันที่ผ่านมา(ไม่ถามลูฟี่เพราะเอาเเต่กิน) ซึ่งไรเดนก็ตอบบ้างกินบ้าง ท่าทางสงบนิ่งเเละมีความเป็นผู้ดีต่างจากลูฟี่โดยสิ้นเชิง เเต่ก็น่าเเปลกที่ชายหนุ่มไม่ได้คิดที่จะเเตะต้องอาหารในจานของเธอเลยสักนิดอดียว กลับกันที่คนอื่นมักจะโดนมือยางยืดยื่นเข้าไปคว้าเอาเข้าปากตลอด 



    และเเล้วก็จบกันที่เเยกย้ายกันไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น โดยเเบ่งชายหญิงออกไปกันคนละห้อง ซึ่งไรเดนนั้นต้องอาบน้ำร่วมกับวีวี่เเละนามิในห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ 



    เธอเเช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำตรงกลาง ในขณะที่วีวี่เเละนามินั่งขัดตัวกันอยู่ด้านบน ทั้งสองสาวต่างก็เล่าเรื่องให้กันเเละกันฟัง เเละมีเธอที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ 



    ไรเดนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ยอมรับเลยว่าตั้งเเต่ที่เธอเข้ามาในกลุ่มหมวกฟาง ก็ทำให้ชีวิตทั้งชีวิตของเธอรู้สึกมีชีวาขึ้นกว่าเเต่ก่อน เเละเธอเองก็มีความสุขมากจริงๆ 



    ใบหน้านวลอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ...ก่อนจะรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองเธออยู่สองคู่ด้วยกัน



    “ ? ” 



    ไรเดนหันหน้าขึ้นไปมอง ก็พบกับนามิและวีวี่ที่มองลงมาที่เธอ  เเละทั้งสองคนต่างก็มีสีหน้าเดียวกัน นั่นก็คือความอึ้ง 



    “ เอย์/เอย์ซังยิ้ม?! ” x2



    เเละก่อนที่ทั้งสองคนจะพากันวี้ดว้ายออกมาอย่างนอกหน้า



    “ งดงามมาก ! รอยยิ้มน่ะเหมาะกับเธอที่สุดเเล้ว ! ” นามิ 



    “ พอมองดีๆเเล้วก็ไม่คิดว่าเอย์ซังจะสวยขนาดนี้ ”  วีวี่ป้องปากด้วยความปลื้มปริ่ม ราวกับได้เห็นสมบัติอันล้ำค่าของชาติที่ตามหามานาน 



    ไรเดนรีบหันขวับกลับไปทันที โดยทั้งสองเเอบสังเกตเห็นว่าใบหูของเธอขึ้นสีหน่อยๆ 



    ‘ เขินสินะ.. น่ารักจัง ’  นามิ/วีวี่ 










    ร่วมสู้ร่วมเดินทางกันมาตั้งนาน ผูกพันกันก็มาก ทว่าโจรสลัดก็ยังคงเป็นโจรสลัด จำต้องอยู่กับทะเลเป็นเรื่องปกติ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องออกจากอาณาจักรอลาบัสต้ากันเเล้ว ทุกคนกล่าวลาวีวี่ ก่อนจะออกเดินทางโดยใช้ยานพาหนะของราชวงศ์ เป็ด? นก? ห่าน? 



    อ่า.. หน่วยนกเป็ดน้ำ... 



    เเละก่อนที่พวกเราจะเดินทางกัน ก็ได้รับข่าวจากหอยทากสื่อสาร  ว่าเรือของพวกเรานั้นถูกขโมยไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยฝีมือของมีสเตอร์ทู หรือก็คือบอนจัง  นักเต้นบอลเล่ห์ลูกน้องของคร็อกโคไดล์ที่สามารถเเปลงร่างเป็นใครก็ได้ที่สัมผัสตัว 



    เจ้านั่นบอกว่าถ้าอยากได้เรือคืนก็ให้พวกเราไปที่เเม่น้ำซานดร้า  เเม้น้ำที่ผ่ากลางของเกาะอลาบัสต้า  



    เมื่อไปถึง... ก็พบกับบอนจังที่รออยู่เเล้ว ทุกคนไม่ได้มีสีหน้าที่เเปลกใจอะไร ต่างก็ช่วยกันยกของขึ้นไปไว้บนเรือ อย่างน้อยการที่เจ้าตัวเอาเรือมาไว้ที่นี่ ก็เป็นการกันไม่ให้พวกของกองทัพที่ตอนนี้ได้ข่าวว่าปิดล้อมรอบเกาะไปแล้วยึดเรือของพวกเราไป 



    เเละเหตุผลที่บอนจังเก็บเรือเอาไว้ให้ ก็เพราะว่าเขาคิดว่าพวกเราเป็นเพื่อน 



    ก็ถือว่ามีความคิดที่ดี.. เเต่ใครๆก็รู้ว่าเจ้านั่นเเค่ต้องการหาพวกเพิ่มเพราะถูกทหารเรือล้อมเกาะเอาไว้ต่างหาก 



    ยกเว้นพวกซื่อบื่อที่ต้อนรับอีกฝ่ายกันอย่างใจกว้างน่ะนะ... 



    ไรเดนเเละโซโลมองเรืออีกลำของบอนจังที่ซ่อนอยู่ด้วยสีหน้าว่างเปล่า 










    ช่างเรื่องไร้สาระ  พวกเราออกเรือกันอย่างรวดเร็วโดยหวังว่าจะออกจากที่นี่ก่อนเวลาเที่ยงวันของพรุ่งนี้ เเละทุกคนก็คิดจะเเวะไปรับวีวี่กันด้วยหากว่าเธอตัดสินใจที่จะไปเป็นโจรสลัดกับพวกเรา 



    เเน่นอนว่าเมื่อทหารเรือล้อมรอบเกาะเอาไว้เเล้ว ก็ย่อมต้องเกิดการประทะกันระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นธรรมดา  ..เเต่ทว่าด้วยพลังของทุกคนที่ช่วยเหลือกัน ก็ทำให้พวกเราฝ่าออกไปได้อย่างรวดเร็ว เเม้จะมีตัวยุ่งยากโผล่เข้ามาบ้างก็ตาม  



    ไรเดนฟาดง้าวของตนเองด้วยมือเดียวอย่างมั่นคง ส่งผ่านคลื่นพลังกระจายออกไปเป็นเเนวยาว วาดฟันเรือของฝ่ายศัตรูจนขาดออกเป็นสองท่อนเเละจมลง พลังของเธอมีประโยชน์เป็นอย่างมากเมื่อพูดถึงระยะไกล เเถมประสิทธิภาพของมันก็ดีกว่าปืนใหญ่เป็นเท่าตัว 



    คนพวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลยสักนิดเดียว.. 



    บอนจังอ้าปากค้างให้กับภาพตรงหน้า อีกฝ่ายมองเธอเเละเรือของศัตรูสลับกันไปมา 



    “ นี่เธอเป็นใครกันเเน่เนี่ย ! เดี๊ยนอึ้งไปหมดเเล้วนะย๊ะ! ” 



    ไรเดนก้มมองอาวุธของตนเองด้วยสีหน้าอ่านไม่ออก บางทีเธอเองก็ไม่เเน่ใจเหมือนกัน 



    เธอไม่รู้เกี่ยวกับความน่าสะพรึงกลัวของทะเลเเห่งนี้ ไม่รู้ว่าผู้คนที่เดินทางอยู่ในเเกรนด์ไลน์นั้นเเข็งเเกร่งกันมากเเค่ไหน นั่นจึงทำให้ไรเดนไม่สามารถรู้ได้เลยว่าความเเข็งเเกร่งของเธออยู่ที่ระดับใด 



    ซึ่งการที่เธอจะรู้ได้นั้น ..ก็ต่อเมื่อเธอเจอคู่ต่อสู้ที่เเข็งเเกร่งกว่าเท่านั้น 



    เเละเมื่อวันนั้นมาถึง เธอจะรู้สึกยังไงกันนะ? 



    หวาดกลัว ?  ตื่นเต้น ? 



    หรือดีใจ ? 



    เธอเป็นเพียงเเค่คนธรรมดาที่มีความรู้สึก ความรู้สึกที่จะทุกข์ ความรู้สึกที่จะเจ็บ ความรู้สึกที่จะตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอมีพวกพ้อง มีเพื่อนที่รักใคร่ 



    ถ้าหากเธอไม่อยากตาย เธอก็ต้องเเข็งเเกร่งให้มากกว่านี้



    ในเมื่อเธอไม่รู้ ความเเข็งเเกร่งจึงเป็นหนทางเดียว... 



    เธอจะต้องเป็นคนที่กระหายในความเเข็งเเกร่ง 



    เพื่อปกป้อง เเละป้องกันตัว 



    เเละเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสีย 





    พวกเราเดินเรือไปเจอกับวีวี่ตามเวลานัดที่อีกฟากของเกาะ  เเต่ทว่าเเทนที่วีวี่จะออกร่วมเดินทางกับพวกเราทุกคนด้วยนั้น กลายเป็นว่าเธอเพียงเเค่มาบอกลาเท่านั่น  



    อาณาจักรอลาบัสต้ายังคงต้องการเธออยู่ เเละเธอรักประเทศของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่คิดที่จะจากไปไหน เเละจะอยู่ต่อคอยดูเเลอาณาจักรของเธอต่อไป 



    อาณาจักรของพวกเธอทุกคน...



    พวกเราเคารพการตัดสินใจของวีวี่ เเละวางใจที่จะให้เธอออยู่ที่นี่ เเม้จะน่าเสียดาย เเต่พวกเราก็จะไม่รั้งเธอเอาไว้  ...หันหัวเรือกลับเเล้วมุ่งหน้าออกไปทันที 



    เเละก่อนที่จะจากไป.. ทุกคนไม่ลืมที่จะชูเเขนขึ้นเหนือหัว โชว์สัญลักษณ์บางอย่างใต้ผ้าที่พวกเราพันเอาไว้ในครั้งที่มาอลาบัสต้าตอนเเรก 



    กากบาท.. อันเป็นสัญลักษณ์ของพวกพ้อง... 



    “ ออกเรือ !! ”  ผู้เป็นกัปตันตะโกนก้อง 



    ลาก่อนอลาบัสต้า  ถ้ามีโอกาสก็จะมาใหม่ 





    ___________________________ 



    [ บทขยายเพิ่มเติม ] 



    “ ให้ฉันเข้าร่วมเป็นพรรคพวกด้วยเถอะนะ ” 



    ทุกคนมองหญิงสาวที่นั่งอยู่อย่างสบายใจบนเก้าอี้ไม้  นิโค โรบิน ที่ไม่รู้ว่าขึ้นเรือมาตอนไหนถือวิสาสะขอเข้าพวกด้วย  ไรเดนไม่มีความเห็นเกี่ยวกับเธอคนนี้ เเละการตัดสินใจทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับลูฟี่ ดังนั้นเธอจึงเพียงยืนมองอยู่ห่างๆเท่านั้น 



    เเน่นอนว่าลูฟี่ตอบตกลง เเต่ทุกคนที่เห็นว่าเธอเป็นศัตรูมาก่อนก็ไม่คิดยอม ทว่าโรบินที่กำจุดอ่อน(ด้านความชอบ)ก็สามารถปราบทุกคนได้อยู่หมัด เว้นเเต่โซโรนิดหน่อย 



    เธอรู้สึกได้ว่าโรบินนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายอะไร 



    เเละอีกอย่าง...



    ในดวงตาของเธอ... 



    ดวงตาที่ไร้ซึ่งสีสันของชีวิตคู่นั่นที่เหมือนกับไรเดน



    ดูเหมือนว่าจะมีประกายขึ้นมาหน่อยๆเเล้วล่ะ 



    ___________________________ 



    [ บทขยายเพิ่มเติม 2 ] 



    ..ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนสดชื่นของยามเช้า ร่างสูงหกฟุตของชายคนหนึ่งนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อใช้มันเป็นที่บดบังเเสงเเดด กระเป๋าเเละมีดสั้นหางสิงโตถูกวางเอาไว้ข้างกาย พร้อมกับกองไฟที่มอดดับไปแล้วกองเล็กกองหนึ่ง



    มือหนาสวมล็อกโพสต์เเละกำไลข้อมือถือกระดาษสองเเผ่น  สายตาจ้องมองมันอยู่นาน ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมาเบาๆ  



    — มังกี้ ดี ลูฟี่ 

         100 , 000 , 000 เบรี 



    และอีกคน... 



    — ไรเดน เอย์ 

         150 , 000 , 000 เบรี 



    เจ้าพวกนั้น.. ดูเหมือนจะทำเรื่องที่น่าประทับใจเอาไว้น่าดู 



    เอสหัวเราะออกมาเบาๆ







    (ขึ้นชื่อว่ากลุ่มหมวกฟาง เข้าเเล้วหลุดมาดกันทุกคน ไม่เว้นเเม้เเต่เจ๊ไรเดนของเรา)




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×