NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ ONE PIECE ] My name's Raiden Ei

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter II - Episode 4 ( 100% )

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 65





    ซ่าา..าาา... 



    คร็อกโคไดล์ผงะถอยหลัง จากคลื่นฝนที่สาดกระทบลงมาตามร่างกาย  กลิ่นชื้นเเละพื้นทรายเปียกชุ่มไปด้วยพายุฝนขนาดใหญ่จนทำให้เมืองทั้งเมืองชุ่มชื้นผิดเคล้ากับที่แห่งนี้ ทะเลทราย  



    เสียงของคนทั้งเมืองเรนเบสร้องลั่นตะโกนดังไกลจนมาถึงหูของพวกเราทุกคน ส่งผ่านความความรู้สึกปลื้มปิติดีใจในน้ำเสียงอย่างสุดซึ้ง 



    สีหน้าของชายร่างใหญ่มือตะขอเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม  แผนการเเละผลประโยชน์ที่เขาอุตส่าห์สั่งสมมันมาทั้งหมดล้วนพังทลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี 



    โดยฝีมือของพวกคนไร้ชื่อกลุ่มเดียว 



    ..หากข่าวนี้เผยเเพร่กระจายออกไปสู่สาธารณะชนวงกว้าง คงไม่พ้นให้คนทั้งโลกหัวเราะเยาะตนเป็นเเน่ 



    ช่างมันประไร..  ยังไงซะ สิ่งเดียวที่เขาให้ความสนใจก็คือของสิ่งนั้นเท่านั้น! 



    ข้อเท็จที่จริงว่าทรายของคร็อกโคไดล์ไม่สามารถใช้ในขณะที่มีน้ำกระทบกับมันได้  และหากคร็อกโคไดล์ยังคงดึงดันจะเปลี่ยนเเปลงร่างกายของตนเองให้เป็นทรายอยู่ละก็ ไม่เเน่ว่าอาจจะปลิวไปกับลมพายุของไรเดนก็เป็นได้ 



    เสียเปรียบโดยสมบูรณ์ 



    ตึก ตึก..



    “ เอย์ ฉันจะจัดการเจ้านี่เอง ! ” 



    ลูฟี่เสนอตัวรับหน้า  ร่างสูงยืนตระหง่านต้านกับเเรงลมเเละสายฝนอย่างไม่คิดเกรงกลัว เส้นผมสีดำเเละชุดปลดกระดุมเปิดอกสีเเดงพัดพลิ้วไปด้านข้างกอปรกับท้องฟ้าที่เเลบสว่างขึ้นมาชั่วขณะ ปิดท้ายด้วยเสียงครึ้มคำรามของหมู่เมฆดำด้านบน เสริมสร้างความน่าเกรงขามมากกว่าปกติเป็นเท่าตัว  



    ดวงตากลมขมวดคิ้วจ้องไปยังคร็อกโคไดล์ด้วยความมุ่งมั่นเเละความมั่นใจเต็มเปี่ยม นี่คือการต่อสู้ของเขา สังเวียนของเขา ความตั้งใจเดิมที่อยากจะอัดอีกฝ่ายยังคงไม่เปลี่ยนเเปลงไปไหน ตราบใดที่คนตรงหน้ายังคงเป็นศัตรู 



    เป็นศัตรูของพวกพ้อง



    ลูฟี่จ้องเขม็งเข้าไปยังดวงตาของคู่ต่อสู้จนเห็นได้ถึงประกายไฟแลบผ่าน  ไม่เเน่ใจว่าต้องการข่มขวัญอีกฝ่ายหรือไม่



    เปล่าประโยชน์ที่ไรเดนจะห้าม ด้วยความหัวดื้อและไม่ค่อยจะฟังใครของกัปตันเรือ ดังนั้นเธอจึงถอยตัวออกห่าง ปล่อยให้การดวลในครั้งนี้เป็นของลูฟี่เเละคร็อกโคไดล์ ท่ามกลางความโกรธาและเสียงกรีดร้องของท้องฟ้าซึ่งเป็นสักขีพยายานในการดวลครั้งนี้



    “ ดูเหมือนว่าจะมาได้เเค่นี้สินะ ” 



    มีสออลซันเดย์มองภาพตรงหน้า ด้วยสายฝนที่เทกระหน่ำสาดลงมาอย่างหนักหน่วง สภาพอากาศแบบนี้มีเเต่จะทำให้ฝ่ายคร็อกโคไดล์เป็นต่อ  ถึงจะมีฝีมือที่เก่งกาจซักเพียงใด แต่ถ้าหากเจอสิ่งที่ตนเองเเพ้ทางอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็ใช่ว่าจะสามารถยืนหยัดต่อสู้ต่อไปได้เหมือนเดิม



    การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นในทันทีที่ชายสวมหมวกฟางกระโจนใส่ ลูฟี่แลกหมัดกับอีกฝ่ายไปหลายกระบวนท่าเท่าที่จะงัดออกมาได้ หมัดยางยืดเเละตะขอทองที่มือของคร็อกโคไดล์ประทะเข้าหากันเป็นพัลวัน  ..เเละเเม้ว่าชายร่างใหญ่จะเสียเปรียบเป็นอย่างมากเนื่องเพราะสภาพเเวดล้อมโดยรอบ  ทว่าเขาก็ไม่ได้คิดหนีหรือคิดยอมเเพ้เเต่อย่างใด กลับกัน.. นั่นยิ่งทวีคูณความโกรธให้เเก่คร็อกโคไดล์มากยิ่งขึ้นไปอีก



    พลั่ก—!  ตู้มม!! 



    “ เจ้าหมวกฟาง.. ! ” 



    “ คร็อกโคไดล์!! ” 



    ต่างคนต่างก็อารมณ์รุนเเรง มุ่งเข้าห้ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ฝีมือการต่อสู้ระยะประชิดของคร็อกโคไดล์ถือว่าอยู่ในขั้นร้ายกาจ  ทว่ามันก็เพียงเเค่นั้น เมื่อปัจจัยหลักๆในการต่อสู้ของชายร่างใหญ่นั้นคือพลังของผลปีศาจโดยเดิม  



    เสียงกระหึ่มของการต่อสู้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง บวกกับพายุฝนที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกระหน่ำลงมาเลยสักนิด



    ไม่ต้องใช้เวลานานก็สามารถรู้ผลได้อย่างรวดเร็ว  ...คร็อกโคไดล์ในตอนนี้อยู่ในสภาพบอบช้ำอย่างเห็นได้ชัดจากการที่โดนเพื่อนชายของเธอต่อยเข้าไปหลายหมัดติดต่อกัน ขณะที่ลูฟี่นั้นยังคงปลอดภัยมีรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อย ร่างกายหอบเเฮ่กจากการใช้พลังงานไปบ้าง โดยรวมเเล้วถือว่าดูดีกว่าอีกฝ่ายมาก 



    ซึ่งนั่นก็ทำให้ทุกคนได้รู้อีกว่าอีกฝ่ายนั้นเเพ้น้ำถึงขนาดชนิดที่ว่าไม่สามารถใช้พลังจากผลไม้ปีศาจได้เลยสักนิดเดียว แต่ก็ถือว่าสมกับเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัด  เสียเปรียบมากขนาดนี้เเล้วก็ยังสามารถยืนหยัดต่อสู้กับลูฟี่ที่มีพละกำลังทางกายภาพของจริงเเบบนี้ได้เรื่อยๆ 



    คงต้องขอยอมรับ



    ตุบ ! 



    คร็อกโคไดล์ล้มลงกองหมดสภาพอยู่บนผืนทรายเปียก อกแกร่งใต้สูทชั้นดีสั่นกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ เขาเเพ้เเล้ว  ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเเผนการต่อไปนี้ที่เขาวางไว้เเต่เดิมอาจจะไม่เป็นผลอีกต่อไป ถ้าหากลูกน้องซึ่งอยู่อลูบาร์น่าเองก็เเพ้ไปด้วย 



    เพราะยัยผู้หญิงนี่เเท้ๆ..  เขาถึงกลับต้องพ่ายเเพ้อย่างยับเยินเเบบนี้ 



    พลังในการสร้างพายุฝนนี่มันอะไรกัน... จากผลปีศาจงั้นเหรอ ?



    เป็นเขาที่ดูเบาคนพวกนี้มากเกินไป ...



    สายตาคมจ้องมองขึ้นไปยังร่างเพรียวบางที่ยืนอยู่ด้านบน ใบหน้านิ่งสงบซึ่งมองต่ำลงมายังเขาช่างดูหยิ่งยโสซะจนคิดอยากจะทำลายให้สิ้นซาก เม็ดฝนที่กระทบเข้ากับใบหน้ารอยแผลไม่สามารถบดบังดวงตาสีม่วงสว่างดวงนั้นได้เลย 



    ถึงจะรู้สึกเจ็บใจอยู่ลึกๆ  เเต่เขาก็คิดว่ามันสวยดี  ท่ามกลางแสงอึมครืมแบบนี้ 



    คร็อกโคไดล์หลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาเเละมองไปยังชายสวมหมวกฟางอีกคน ..ถ้าหากไม่มีไอฝนบ้าๆบอๆนี่ คงเป็นฝ่ายเขาที่ได้รับชัยชนะไปแล้ว 



    ลำพังเเค่พลังเตะต่อยไร้น้ำจะไปสู้อะไรเขาได้





    ไรเดนมองร่างที่นอนแน่นิ่งตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า  พายุฝนเริ่มสงบลงบ้างเเล้ว เหลือเพียงเเค่ผลพลอยได้ของห้วงพลังซึ่งกลายเป็นฝนธรรมดาตามฤดูกาลเท่านั้น เเละตอนนี้เธอก็ไม่รู้เเล้วว่าระยะทางของฝนพวกนี้จะไปไกลเเค่ไหน



    บางทีอาจจะไกลออกไปสู่ทะเลเหมือนครั้งที่บ้านเกิดของเธอก็เป็นได้ 



    ไรเดนปาดผมที่เเนบติดใบหน้าออกไปทางด้านหลังเล็กน้อย  คาดว่าพวกของวีวี่ก็น่าจะไปถึงอลูบาร์น่ากันเเล้ว ที่เหลือก็คงต้องเชื่อใจในตัวของพวกพ้องคนอื่นๆว่าจะควบคุมสถานการณ์ตรงนั้นกันยังไง 



    เเละไรเดนก็หวังว่ามันจะเป็นไปได้ด้วยดี 





    ทางด้านของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง มีสออลซันเดย์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้นัก 



    เธอมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าอ่านไม่ออก มองดูสองบุคคลที่สามารถล้มคร็อกโคไดล์ได้อย่างง่ายดาย คนเเรกซึ่งมีพลังกายอันล้นเหลือเเละความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม ส่วนอีกคนก็มีแก่นพลังอันลึกลับมหาศาล ซึ่งมากพอที่จะสามารถสร้างปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เหนือธรรมชาติขึ้นมาได้ 



    คนพวกนี้.. เป็นเเค่คนธรรมดาไร้ชื่อจริงๆงั้นเหรอ... 



    มีสออลซันเดย์— ไม่สิ...



    นิโค โรบินก้มหน้าลงเพื่อซ่อนดวงตาของตนเองจากบุคคลที่เหลือ โดยใช้ทั้งหมวกคาวบอยสีขาวเเละผมหน้าม้าสีรัตติกาลปกปิดเอาไว้  ริมฝีปากของเธอเหยียดตรง ร่างกายที่เปียกโชกไปด้วยน้ำฝนไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวเลยเเม้เเต่นิดเดียว 



    ปากสวยอ้าขึ้นเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทว่าสุดท้ายก็หุบลงไป  ...เลือกที่จะพูดอย่างอื่นเเทน 



    “  ในเมื่อเซอร์คร็อกโคไดล์เเพ้เเล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเราจะร่วมงานกันต่อ.. ”  



    คราวนี้ทุกสายตาจับจ้องทิ่มเเทงมาที่เธอเป็นเเนวเดียว โรบินยกมือขึ้นจับปีกหมวกของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองลูฟี่เเละไรเดนด้วยสีหน้าเรียบ 



    “ ในตอนเเรกที่ฉันร่วมมือกับคร็อกโคไดล์ ก็เพื่อตามหาโพเนกีฟที่ซ่อนอยู่ในอาณาจักรนี้เท่านั้น.. เเต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอะไรเเล้วล่ะ ” 



    หญิงสาวบอกจุดประสงค์ทุกอย่างให้กับทั้งสองฟัง ลูฟี่เเละไรเดนต่างก็มมีสีหน้าเดียวกัน นั่นก็คือความงุนงง 



    โพเนกีฟ ?



    “ จะอะไรก็ช่างเถอะน่า ! เเต่ถ้าคิดจะทำลายอาณาจักรของวีวี่ละก็ฉันจะอัดให้หมด ” 



    —ซ่าาา..าาา.... !



    ‘‘ .... ” 



    โรบินจ้องมองเข้าไปยังดวงตากลมเล็กของอีกฝ่าย เธอพยายามค้นหาความนัยเเอบแฝงเเต่ก็พบกับความจริงใจในสายตาของผู้ชายคนนี้  เพียงเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งเเละอาณาจักรที่จะพังเเหล่ไม่พังเเหล่ ช่างน่าประทับใจจริงๆสำหรับโจรสลัดที่เเต่เดิมทีก็ไม่น่าจะใช่พวกที่สนใจอะไรซึ่งไม่คุ้มกับผลประโยชน์ของตัวเอง



    หญิงสาวหลับตาลงเล็กน้อย



    “ งั้นเหรอ...  ถ้าอย่างงั้นก็รีบไปช่วยเพื่อนๆของพวกนายเถอะ คร็อกโคไดล์เป็นคนที่รอบคอบกว่าที่คิด เพื่อนๆของเธออาจจะรับมือกันไม่ไหวก็ได้ ”  



    ลูฟี่ที่ได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วกันเป็นปมทันที ปากมุ้ยเบะขึ้นตั้งใจว่าจะยื่นหน้าเข้าไปต่อว่าอีกฝ่ายข้อหาบังอาจดูหมิ่นเพื่อนๆของตน กล้าดียังไงถึงมาบอกว่าเพื่อนๆของพวกเขาอาจจะรับมือกันไม่ไหวน่ะ !



    ทว่าก็ถูกมือเรียวจับเข้าที่บ่าเอาไว้ซะก่อน 



    “ รีบไปกันเถอะลูฟี่ พวกทหารกำลังมาเเล้ว ” 



    ไรเดนจดจ้องสายตาไปยังด้านหน้าซึ่งข้ามหัวคร็อกโคไดล์กับโรบินไป  ตอนนี้ปรากฏทารกลุ่มหนึ่งนำทัพโดยผู้หญิงซึ่งเคยอยู่กับสโมกเกอร์ตอนไล่ล่าพวกเรา ทาชิกิ  พวกนั้นกำลังวิ่งมาทางนี้พร้อมด้วยอาวุธเตรียมประจัญบานครบมือ ดูก็รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไร 



    ตัวน่ารำคาญอีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่พวกทหารเรือ



    เเละทหารกับโจรสลัดอยู่ร่วมกันไม่ได้ 



    สำหรับตอนนี้... 



    ลูฟี่เองก็เริ่มเห็นท่าไม่ดีเเล้วเหมือนกัน อย่างน้อยตอนนี้ก็ต้องไปเจอเพื่อนๆก่อนล่ะนะ ดังนั้นเขาจึงรีบหันหลังก่อนใครเพื่อนทันที ปล่อยให้ชายร่างใหญ่ที่พึ่งเอาชนะมาได้นอนเเหมะอยู่ตรงนั้น พร้อมด้วยโรบินที่ยืนอยู่ข้างๆ 



    ฝนยังตกอยู่ เจ้านั่นคงใช้พลังผลปีศาจเคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้  ..ส่วนอีกคน ถ้าหากไม่อยากโดนจับก็คงหาทางหนีเอาเองนั่นเเหละ 



    “ โอ้ส! ถ้างั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะ ลาก่อนล่ะเจ้าวานิ! ” 



    ผู้หญิงคนนั้น... ลูฟี่ไม่ได้สนใจอะไรอยู่เเล้ว  



    เเละไรเดนเองก็สัมผัสไม่ได้ถึงจิตมุ่งร้ายอะไรด้วย ไม่รู้ว่าความต้องการของเธอคืออะไร เเต่ถ้าไม่ได้คิดจะทำลายอลาบัสต้า ก็ไม่ใช่กงการอะไรที่เธอต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว 




    ทั้งสองร่างจากไปแล้ว.. เหลือเพียงเเค่โรบินที่ยืนมองคนพวกนั้นวิ่งออกไปเรื่อยๆ  ในขณะเดียวกันเสียงของกลุ่มทหารด้านหลังก็เริ่มไล่เข้ามาใกล้เเล้ว



    หญิงสาวเหลือบมองคร็อกโคไดล์เป็นครั้งสุดท้าย  ...ก่อนจะหลบหนีออกไปในที่สุด 



    ถึงจะร่วมมือกัน เเต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ดี 



    ว่าพวกเราไม่เคยไว้ใจกันเลย 





    (ถ้าเป็นคนธรรมดาคงเป็นหวัดไปแล้ว)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×