คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter I - Episode 1
“ คานาโอะ **** คือชื่อของเธอ ? ”
“ ค่ะ ”
วี๊ด.. วิ๊ว~...
..เหล่าฝูงนกสีขาวกระพรือปีกบินโฉบเหนือหัวส่งเสียงร้องหวีดเเหลม สายลมอ่อนๆพัดพาความเย็นสบายมาสู่สิ่งมีชีวิตภายในเกาะอันอุดมสมบูรณ์ แสงแดดจ้าสาดส่องกระทบผืนดินธรรมชาติจนเกิดสีสัน
ทว่า...
ก็ใช่ว่าแสงจะสามารถสาดส่องถึงทั่วทุกที่
มีแสงสว่าง ก็ย่อมต้องมีความมืด...
ใบไม้สีชมพูอ่อนปลิดปลิวผ่านร่างของหญิงสาวผมสีม่วงเข้ม ชุดกิโมโนแบบประยุกต์สีเดียวกันสะบัดพริ้วตามแรงลมเอื่อยๆ ใต้ต้นซากุระต้นใหญ่ที่ปกคลุมบดบังเเสงแดดจนทำให้เกิดร่มเงา ร่างอรชรนั่งคุกเข่าพับเพียบอยู่ตรงนั้นอย่างสงบเสงี่ยม
หญิงสาวผู้อยู่ใต้เงามืด
“ เข้าใจเเล้วค่ะ ”
เธอหลับตาเปล่งเสียงหวานทว่าไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวา ร่างบางไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นพิเศษนอกจากการนั่งอยู่เฉยๆ ...ราวกับกำลังสนทนากับใครบางคนด้วยความเงียบสงบ
สังเกตจากพื้นที่โดยรอบนี้ มีเพียงเเค่หญิงสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น และนี่ก็เป็นเวลาซักพักแล้วที่เธอโต้ตอบกับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หลังจากจบบทสนทนาอันน่าพิศวง ร่างเล็กจึงขยับขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เธอสะบัดชายผ้าปัดฝุ่นเล็กน้อย ทอดสายตามองตรงไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย ดวงตาสีม่วงเข้มไร้เเสงเเห่งชีวิต จดจ้องไปยังท้องทะเลอันกว้างไกล คลื่นสาดกระทบกับชายฝั่งเป็นระรอกขาวสวยงาม
ตึก ตึก ตึก..
เท้าเรียวขยับก้าวเดินออกจากร่มเงาของต้นซากุระ ปลายเส้นผมสะบัดตามท่วงทำนองการเดิน ริมฝีปากเหยียดตรงสีหน้าท่าทางงดงามเกินคำบรรยายราวกับราชนิกุลผู้สูงส่ง เมื่อก้าวขาออกสู่เเสงสว่างของยามเช้า รองเท้าไม้ส้นสูงที่กระทบกับผืนดินพลันเกิดเเสงเเฉลบสีขาวม่วงขึ้นมาราวกับสายฟ้า
ครืนน...
เมฆสีดำเริ่มก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า เสียงฟ้าร้องเป็นสัญญาณเตือนของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า สายฟ้าสีม่วงผ่าฟาดลงยังกลางของเกาะเป็นระยะๆ สายลมเฉื่อยในตอนเเรกเริ่มโหมกระหน่ำกรรโชก บรรยากาศในตอนนี้ราวกับเทพที่กำลังพิโรธอยู่ก็ไม่ปาน..
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กำลังแปรปรวนด้วยสายตานิ่งสงบ เม็ดฝนเม็ดเล็กตกกระทบกับใบหน้าขาวนวล ..ก่อนจะเริ่มพากันหลั่งเม็ดฝนตกลงมาเยอะขึ้น ..เยอะขึ้น
ดวงตาสีม่วงเข้มพลันเรืองเเสงสว่าง ตัดกับบรรยากาศที่กำลังมืดมิดลงอย่างช้าๆ...
ซ่าา.. ซ่าา...
พายุกำลังโหมกระหน่ำ
อีกครั้ง...
ครืนน.. เปรี้ยง!—
ซา..ซ่าาา... !
“ อะไรเนี่ย! เมื่อกี้ท้องฟ้ายังสดใสอยู่เลย ”
หญิงสาวเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนบ่นอุบอิบให้กับสภาพอากาศที่อยู่ๆก็แปรปรวนไป ใบหน้าสวยหวานหลับตาหลบเม็ดฝนที่กำลังตกใส่ร่างกาย จากเดิมท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งกลับกลายเป็นว่าอยู่ๆฝนก็ตกลงมาอย่างน่าฉงน ทั้งๆที่ถิ่นเเถบนี้ไม่น่าจะเป็นเเบบนี้ไปได้ แถมจากที่คาดคำนวนเอาไว้เเล้วว่าวันนี้มันไม่น่าจะมีพายุเข้านี่นา คิดอยากจะเกิดก็เกิดขึ้นเลยงั้นเหรอ
แน่นอนว่าคนอื่นๆเองก็คิดแบบเดียวกันกับเธอ เรือขนาดกลางโครงเครงไปมาตามแรงของคลื่นและลมพายุ น่าหวาดเสียวว่าอีกเดี๋ยวมันจะพลิกคว่ำจมลงไป พายุลูกนี้ค่อนข้างใหญ่และอันตรายเลยทีเดียว
มากจนเธอรู้สึกกลัวจับใจ...
“ โอ่ะ.. นามิ นั่นเกาะนี่ ”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นจับหมวกฟางของตัวเองเพื่อกันไม่ให้มันปลิวไปกับลม กัปตันของเรือลำนี้ชี้ไปยังเงาดำทะมึนด้านหน้าของเรือ เเรงลมประทะกับใบหน้าเเละสายฝนที่สาดกระทบทำให้มองดูทิวทัศน์ได้ค่อนข้างลำบาก ทว่าพวกเราทุกคนก็พยายามหรี่ตามองไปยังทิศทางที่นิ้วของกัปตันชี้อย่างสุดความสามารถ
นามิยิ้มกว้างออกมาเมื่อสังเกตเห็นเงาของเกาะที่กำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้ “ จริงด้วยลูฟี่ ! ดูเหมือนว่าเกาะนั้นกำลังจะเจอกับมรสุมพายุอยู่ แต่ก็ดีกว่าลอยอยู่กลางทะเลล่ะนะ.. งั้นเรารีบเดินเรือไปที่เกาะนั้นกันเถอะ! ”
“ โอ้ส! ” ทุกคนตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน ได้เเต่หวังกันว่าเกาะนั้นจะมีผู้คนอาศัยอยู่
ณ ใจกลางของเกาะ
ร่างระหงยืนทอดสายตามองสายฟ้าสีม่วงที่กระหน่ำฟาดลงมายังใจกลางของเกาะเป็นระยะๆ ที่เเห่งนี้คือหุบเขาสูงใหญ่ที่มีปล่องหลุมขนาดกว้างอยู่ตรงกลาง อันเป็นเเหล่งลำเลียงสายฟ้าลงสู่ใจกลางด้านในที่ไม่อาจรู้ได้ว่าในนั้นมันมีอะไรอยู่
ยามใดที่มีสายฟ้า มันก็จะผ่าลงแค่ที่นี่เพียงที่เดียวบนเกาะ คอยเป็นตัวล่อฟ้าป้องกันไม่ให้มันไปผ่าลงที่อื่นโดยรอบ ทุกคนบนเกาะจึงพากันเรียกมันว่าหุบเขาล่อฟ้า ตรงตัวตามคุณสมบัติของมัน
“ .... ? ”
หญิงสาวหันกายและสายตามองไปยังทิศทางหนึ่งเมื่อรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง ด้วยตำแหน่งของเธอที่อยู่บนที่ราบสูงของเกาะ ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นทะเลได้รอบด้าน และเเม้ว่าตัวของเธอจะกำลังยืนตากฝนอยู่ หรือท้องฟ้าบรรยากาศตอนนี้จะมืดมิดเพียงใด ก็ไม่ได้ทำให้ทัศนวิสัยของเธอบกพร่องไปเลยสักนิด
มีบางสิ่งกำลังพยายามจะฝ่าพายุเข้ามา...
“ ... ”
เธอหลับตาลงอย่างชั่งใจ ก่อนจะก้าวเท้าเดินลงจากหุบเขาไปยังที่ตั้งอยู่ของเมือง อันเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนบนเกาะ
และสุดท้ายก็ตัดสินใจปล่อยให้คนพวกนั้นเข้ามายังเกาะแห่งนี้ได้โดยง่าย...
ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ มีเพียงเเค่เสียงของฝนตกกระทบกับพื้นดิน ..ด้วยพายุฝนที่รุนเเรงขนาดนี้ คงไม่มีคนบ้าที่ไหนกล้าออกมาเดินเล่นอยู่ด้านนอกอย่างเเน่นอน หากไม่อยากเปียกฝนหรือตัวปลิวเพราะลมแรงล่ะนะ
จะยกเว้นก็เพียงเเต่...
“ ไรเดนซามะ!.. ทำไมถึงออกมาตากฝนเเบบนี้ล่ะเจ้าคะ? ”
หญิงวัยกลางคนเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับร่มสีแดงคันหนึ่ง เธอวิ่งเเจ่นรีบร้อนเข้ามากางให้กับเจ้าของชื่ออย่างรวดเร็ว ไรเดนหันไปสบตากับหญิงผู้มากน้ำใจเล็กน้อย ร่มที่กางอยู่เหมือนจะเล็กเกินว่าที่คนสองคนจะอยู่ด้วยกันได้ ดังนั้นเธอจึงดันร่มกลับคืนไปให้ทางฝั่งเจ้าของแทน เพื่อที่จะไม่ให้เธอเปียกฝนตามไปด้วยอีกคน
“ แค่จะมาตรวจดูอะไรนิดหน่อยน่ะ.. ”
“ โถ่.. เวลาเเบบนี้ข้าว่าไม่น่าเหมาะหรอกเจ้าค่ะ ” หญิงวัยกลางคนย่นคิ้วลง
ไรเดนเลือกที่จะเงียบ เธอมองไปยังทิศทางของชายฝั่งด้านนอก ลมในตอนนี้เริ่มเเรงจนชายผ้าของทั้งสองสะบัดปลิว ร่มเองก็ดูท่าจะโครงเครงไม่น้อย หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้ง จากลมเเรงเเรกๆสักพักก็เริ่มเบาลง และหยุดพัดไป...
“ อ๊ะ.. หยุดแล้ว... ” หญิงวัยกลางคนพึมพำ
ไปแปลกใจ.. เพราะพายุลูกนี้เกิดจากหญิงสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น
ใต้ต้นซากุระนั้น.. ทำให้จิตใจของไรเดนค่อนข้างแปรปรวนไม่น้อยเลย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมรสุมพายุขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ครั้นจะให้หยุดเลยก็คงทำไม่ได้ เพียงเพราะอารมณ์ยังไม่คงที่พอ..
“ กลับเข้าบ้านไปก่อนเถอะ.. อีกเดี๋ยวพายุก็คงหยุดเเล้ว ”
เธอพูดกับอีกฝ่าย ก่อนจะเดินหน้าต่อไป.. ปล่อยให้หญิงวัยกลางคนยืนมองอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าชั่งใจนิดหน่อย
เเม้ว่าร่างกายของหญิงสาวจะชโลมไปด้วยน้ำฝนทั้งตัว เสื้อผ้าสีโทนมืดที่เเนบลู่ไปกับร่างกายอรชรจนเห็นส่วนเว้าโค้งชัดเจน เเละเส้นผมสีม่วงยาวเปียกปอน ทว่าก็ไม่อาจบดบังรัศมีความสง่างามที่แผ่ขยายออกมาได้เลย ไรเดนรู้ตัวว่าตนเองไม่ใช่คนปกติทั่วไปจึงไม่กลัวที่จะเป็นหวัดหรือไม่สบายจากการตากฝน ต่างจากหญิงคนนั้นที่เข้ามาช่วยเหลือด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เธอไม่ต้องการให้เจ้าตัวมาลำบากเปียกฝนเพราะคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างเธอหรอกนะ
บนเกาะนี้ ฐานะของไรเดนคือคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์เก่าเเก่ที่ตอนนี้เหลือเพียงเเค่เธอคนเดียว คฤหาสน์ของเธออยู่บนที่ราบสูงซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยต้นซากุระลายล้อม ห่างจากเมืองของผู้คนอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนภูเขา
และสถานะของเธออีกอย่าง จะกล่าวก็คือการช่วยเหลือผู้คนในด้านกำลังรบ ทุกๆคนบนเกาะแห่งนี้ล้วนแล้วแต่รู้ว่าไรเดนนั้นมีฝีมือในการต่อสู้ที่สูงเป็นอย่างมากแม้จะตัวคนเดียว ซึ่งวีรกรรมหลักๆของเธอเลยก็คือการขับไล่พวกโจรหรือคนที่คิดมุ่งร้าย ไม่ว่าจะเป็นโจรสลัดหรือโจรภูเขาก็ตาม
ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างได้รับการเคารพจากผู้คนมากมายเลยทีเดียว
“ เอาล่ะ พวกเราจอดเรือกันไว้ตรงนี้แหละ ”
นามิหันไปพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้มโล่งใจ ในที่สุดพวกเราก็ฝ่าพายุเข้ามาได้สักที แถมยังปลอดภัยครบสามสิบสองด้วย
...ในตอนเเรกที่พวกเรากำลังจะเดินเรือเข้ามานั้น อยู่ๆก็มีหมอกหนาสีขาวที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาบดบังสายตาจนทำให้มองไม่เห็นทิศทาง ราวกับว่ามันกำลังพยายามจะป้องกันเกาะจากสิ่งต่างๆรอบนอก เป็นสถานที่ที่นามิรู้สึกพิศวงที่สุดในทะเลอีสต์บลูเลยก็ว่าได้
ทว่าเหมือนฟ้าให้ใบอนุญาตเบิกทาง เปิดทางให้พวกเราสามารถล่องเรือเขาไปยังเกาะได้ โดยการที่จู่ๆหมอกหนาก็ค่อยๆจางหายไป ปรากฏวิวทิวทัศน์อันงดงามของเกาะขนาดใหญ่ รอบนอกของเกาะไปจนถึงเนินลาดชันมีเมืองของผู้คนตั้งอาศัยอยู่
เเละสิ่งที่สะดุดตาสะดุดใจมากที่สุดก็คงจะไม่พ้นภูเขาลูกใหญ่ตรงใจกลางเกาะ ซึ่งมีสายฟ้าสีม่วงขนาดมหึมาฟาดลงเป็นระยะๆ
“ โฮ่ย.. ตรงนั้นมีคนอยู่ ”
ชายผมเขียว หนึ่งในลูกเรือพูดขึ้นเมื่อสายตาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างตรงหน้า ภายในเรือมองลงไปยังพื้นดินประมาณห้าร้อยเมตร ปรากฏร่างเงาของมนุษย์คนหนึ่งที่กำลังยืนมองอยู่นิ่งๆ ไม่ทราบเจตนาแน่ชัด
“ ตรงไหนเหรอโซโร? ” ลูฟี่สาดส่องสายตาหาไปทั่วบริเวณ
“ ตรงนั้นไง! โอ่ะ.. ผู้หญิงเหรอ? ”
ชายผิวเเทนผมหยักโศกชี้ไปยังทางด้านหน้า สังเกตส่วนเว้าโค้งของร่างที่เห็นได้ชัดเจน ทำให้อนุมานได้ในทันทีเลยว่าคนคนนั้นจะต้องเป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน
ซึ่งในขณะเดียวกันก็ทำให้คนบางคนที่ได้ยินหูผึ่งขึ้นมา
ปึง!
“ อะไรนะ! เลดี้งั้นเหรอ! ”
ชายร่างสูงผมเหลืองเท้าเเขนลงกับหัวเรือจนเกิดเสียง ก่อนจะยื่นตัวออกไปมองเงานั้นให้ชัดๆอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำทะเลวาวโลดด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ มาถึงก็เจอเข้ากับเพชรเม็ดงามซะแล้ว
“ โฮ่ย! เก็บอาการหน่อย.. เจ้าบ้าซันจิ ! ” โซโรแดกดันอีกฝ่าย
“ ว่าแต่เป็นใครกันนะ.. ทำไมถึงมายืนในสถานการณ์ที่พายุกำลังเข้ากันล่ะ แปลกจัง... ”
นามิมองร่างนั้นอย่างใช้ความคิด จะเป็นมนุษย์แน่เหรอ? หรือคนที่มีจุดประสงค์ร้ายกันนะ.. ไม่มีใครเคยมาที่เกาะเเห่งนี้ ดังนั้นอะไรก็ล้วนเเต่เกิดขึ้นได้ ระวังตัวหน่อยจะดีกว่า
พวกเราทั้งหมดตัดสินใจลงจากเรือเเละเดินไปหาร่างนั้นด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้ก็เพื่อหาคำตอบในสิ่งที่ต่างคนต่างก็สงสัย
___________________________
ไรเดนมองบุคคลทั้งห้าที่กำลังเดินเข้ามา พวกเขาทุกคนต่างก็ระเเวดระวังกันพอสมควร ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องเเล้วเมื่อเจอคนแปลกหน้าไม่มีที่มาที่ไป
“ ขอโทษนะ.. เเต่คนที่อยู่ตรงนั้นน่ะ ช่วยออกมาหน่อยสิ ”
หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวของคนกลุ่มนั้นพูดขึ้น ชายผมเขียวจับคาตานะข้างกายของตัวเองเอาไว้หลวมๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดตลอดเวลา ส่วนคนอื่นๆก็ยืนรอการตอบรับจากเธอ
ท่ามกลางสายฝนที่กำลังโปรยปรายอยู่ตอนนี้ ต่างคนก็ต่างเปียกโชกไปตามๆกัน ถึงเเม้ว่าอีกฝ่ายอยากจะเข้าเมืองไปพักผ่อนให้เร็วเพียงใด เเต่ความปลอดภัยของเรือเเละพวกพ้องต้องมาก่อนเสมอ
หญิงสาวเดินออกจากที่หลบซ่อนของตัวเอง ร้องเท้าพื้นไม้กระทบกันผืนทรายจนเกิดรอยเท้า ใบหน้าขาวผ่องภายใต้เงามืดเปิดเผยออกมาเยือนแสงอย่างช้าๆ
ในขณะเดียวกัน.. เงาของใบมืดคมกริบวาววับท่ามกลางความมืดจนทำให้พวกนั้นผงะถอยหลังไปเล็กน้อย
นามิมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความอึ้ง จะว่าตกใจก็เลือกไม่ถูกว่าจะตกใจกับอะไรก่อนดี ...ระหว่างหญิงสาวที่มีใบหน้างดงามที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา หรือจะง้าวเล่มใหญ่สีม่วงที่ถูกสะพายไว้ด้านหลัง
โซโรกำดาบเเน่นเมื่อรู้ว่าเธอมีอาวุธ ต่างจากซันจิที่ตัวเเทบจะหลอมละลายไปกับสายฝน ดวงตาทั้งสองข้างประกายเเววรูปหัวใจออกมาทันที
“ ล.. เลดี้~~~!! ♡♡ ”
ถ้าไม่ติดที่ว่าตอนนี้พวกเรากำลังเฝ้าระวังหญิงสาวปริศนาตรงหน้าอยู่ เขาก็คงวิ้งเเจ่นเข้าไปหยอดคำรักคำหวานให้กับเธอคนนั้นเเล้ว อะไรถึงดลใจหญิงสาวหน้าตางดงามมายืนต้อนรับพวกเขากันนะ
แต่ถืออาวุธไว้ขนาดนั้นคงไม่ได้มาอย่างปรารถนาดีนักหรอกมั้ง...
“ เธอเป็นใคร แล้วต้องการอะไรจากพวกเรา ? ” นามิเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนา
ไรเดนเจาะจงสายตามองไปยังหญิงสาวตรงหน้า ความกดอากาศแบบเเปลกๆทำให้นามิต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างห้ามไม่ได้
คนคนนี้.. อันตราย...
“ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไม่มาที่นี่ ...ในเมื่อคนน่าสงสัย ไม่สิ บุคคลอันตรายอย่างพวกเธอเข้ามายังเกาะเเห่งนี้ ”
ทุกคนสะอึก บุคคลอันตรายที่ว่านี้ก็คงไม่พ้นสัญลักษณ์บนใบเรือที่เป็นรูปหัวกะโหลกสวมหมวกฟาง อันเป็นสัญลักษณ์ของโจรสลัดที่เห็นได้ทั่วไปในยุคนี้
“ โอ๊ะ ? รู้จักพวกเราด้วยเหรอ ? ”
ลูฟี่ผู้ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรชี้มาที่ตัวเอง ตอนนี้ฝนเริ่มซาลงเเล้ว สภาพบรรยากาศเริ่มกลับมาคงที่อีกครั้ง มวลเมฆที่บดบังเเสงอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป แทนที่ด้วยเเสงงสว่างจากแสงแดด ทำให้อะไรๆก็เริ่มชัดเจนขึ้น
“ คนที่จัดการโค่นดอน คลิ้กเเละอาร์ลองได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน โจรสลัดค่าหัว 30 ล้านเบรีที่เป็นที่จับตามองในตอนนี้ ...คงมีค่าพอจะขึ้นเเท่นให้กลายเป็นบุคคลอันตราย ” ไรเดนตอบคำถามชายหนุ่มด้วยความนิ่งสงบ
ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเธอจะเริ่มคงที่เเล้ว...
“ อ..เอ่อ.. พวกเราไม่ใช่บุคคลอันตรายอะไรหรอกนะ เเล้วก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายอะไรด้วย พวกเราเเค่หลบพายุเข้ามาพักที่เกาะก็เท่านั้นเอง ”
นามิเเก้ต่างให้กับเพื่อนชายเเละพรรคพวก ตอนนี้เธอไม่ต้องการจะมีเรื่องกับใคร โดยเฉพาะผู้อยู่อาศัยที่อาจจะมีความสำคัญต่อเกาะที่พวกเรากำลังจะใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวด้วย
ไรเดนหลับตาลง “ คำพูดของโจรน่ะเหรอ.. ”
ร่างบางหันหลังให้กับคนพวกนั้น เธอชายตามองพวกเขาเล็กน้อย
“ ...หึ ช่างเถอะ มาสิ จะนำทางไปที่ร้านอาหารเอง ”
ทั้งหมดเป็นเพียงเเค่การลองเชิง
ลองเชิงเหล่าตัวเอกของโลกใบนี้
ว่าเเล้วเธอก็ก้าวเท้าเดินนำพวกเขาไป ไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองอีก หากพวกเขาไม่ไว้ใจเธอก็ปล่อยไป แต่ถ้าหากพวกเขาต้องการไกด์นำทางก็คงตามมาเอง
“ โอ้ อาหารเหรอ ได้สิ.. ”
ลูฟี่เดินตามไปอย่างไม่คิดเอะใจอะไรเมื่อพูดถึงของกิน จะว่าไม่เกรงกลัวเลยหรือซื่อบื้อเกินไปกันนะ ทว่าทุกคนก็รู้ดีว่ากัปตันของเรือเป็นคนยังไง จึงไม่ค่อยจะแปลกใจสักเท่าไหร่ เช่นเดียวกันชายอีกคน.. ที่ต่อมาจึงตามไปด้วยเชฟประจำเรืออย่างซันจิที่ยังคงตกอยู่ในห้วงเเห่งความชื่นมื่น
“ ผู้หญิงเย็นชาช่างร้อนเเรงจริงๆ ♡ ”
“ เฮ้ เดี๋ยวก่อนสิพวกนาย ! ”
อูซปมองเพื่อนๆของตัวเองที่เดินตามผู้หญิงคนนั้นไปอย่างเป็นห่วงเล็กน้อย ถ้าเกิดว่าเธอคนนั้นพาพวกเราเข้าไปฆ่าหมกป่าจะทำยังไง ..แต่มาคิดดูอีกทีพวกเราก็มีตั้งห้าคนนี่นา แต่อีกฝ่ายก็อาจจะแอบซ่องสุมกำลังพลเอาไว้ก็ได้นะ! เอ.. แต่พวกเราก็ใช่ว่าจะกระจอกซักหน่อยนี่...
เขาที่ไม่รู้จะทำยังไงจึงรีบเดินตามไปด้วยอีกคน ย้ากก เอาไงเอากัน !
“ ชิ! เจ้าพวกบ้านั่น.. ” โซโรสบถเบาๆ เเต่ถึงอย่างนั้นก็เคารพในการตัดสินใจของกัปตันเรือ จึงเดินตามไปพร้อมกับนามิเป็นคนสุดท้าย
ทั้งหมดเดินตามไรเดนเข้าไปยังเมืองขนาดใหญ่ ท้องฟ้าในตอนนี้ค่อนข้างปลอดโปร่งราวกับเมื่อกี้ไม่เคยมีพายุเกิดขึ้นมาก่อน เป็นภาพปกติที่คนที่นี่เห็นจนชินตา ชาวเมืองในตอนนี้เริ่มทยอยออกจากบ้านเรือนมาสานต่อกิจวัตรประจำวันที่ยังคงค้างคา ในขณะที่หลายๆคนก็เริ่มมองมาทางนี้อย่างสนใจ
“ ไรเดนซามะ อรุณสวัสดิ์ครับ! ”
บ้างก็เอ่ยทักทายหญิงสาว บ้างก็เข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเนื่องจากร่างกายที่เปียกปอนของเธอ และบ้างก็ถามถึงบุคคลแปลกหน้าที่เธอพามาด้วย ทุกๆคนที่ตามอยู่ด้านหลังต่างก็มองภาพตรงหน้าอย่างใช้ความคิด
ดูเหมือนว่าคนที่พวกเรากำลังติดตามอยู่จะเป็นที่เคารพของผู้คนมากเลยนะ
อาจจะดูเเลที่นี่อยู่? งั้นก็ไม่เเปลกที่เธอจะเพ่งเล็งในตัวของพวกเราที่เป็นโจรสลัด
ดังนั้นทุกคนจึงเริ่มวางทิฐิลง เมื่อคิดกลับกันแล้วก็ทำให้เข้าใจได้อย่างแจ่มชัด
เดินมาได้ไม่นาน ก็พบเข้ากับร้านขนาดกลางเเห่งหนึ่ง เปิดเข้าไปด้านในก็จะพบกับโต๊ะมากมาย พอมองลึกขึ้นไปอีกจะเป็นเคาเตอร์ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งเฝ้าอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน
เธอเป็นผู้หญิงที่ใส่ชุดเเตกต่างงจากชาวบ้านอยู่พอสมควร เป็นหนึ่งในคนต่างถิ่นที่เข้ามาทำกิจการที่นี่
“ อ้าว ท่านไรเดน พาเเขกมาด้วยงั้นเหรอ? ”
เธอถามหญิงสาวด้วยความคุ้นเคย โดยการเเอบเบนสายตามองไปยังทั้งห้าด้วยเเววตากรุ่นไปด้วยความขี้เล่นเล็กน้อย
“ เลดี้~♡ ”
ซันจิเเสดงอาการออกรอกหน้าอย่างชัดเจน สถานที่ที่มีหญิงสาวใบหน้างดงามจนโลกตะลึง กับสาวสวยอีกคนที่ดูท่าทางเป็นมิตร นี่มันสวรรค์ชัดๆ
ชายหนุ่มริ้มร่าหัวเราะราวกับเป็นคนบ้า จนนามิอดไม่ได้ที่จะเคาะหัวเจ้าตัวลงไปโขกกับพื้นหนึ่งที
“ คนพวกนี้ต้องการที่พักเเละอาหาร ” ไรเดนจัดเจงคำพูดเสร็จสรรพ ก่อนที่เธอจะเดินออกไป
เจ้าของร้านหลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้ม “ เข้าใจเเล้วล่ะ ”
เธอเดินผ่านพวกเขาโดยมีภาพประกอบเป็นชายผมเหลืองที่กำลังทำท่าร่ำไห้กับการจากไปของเธอ กับอีกสี่คนที่มองเธอก่อนออกไป
‘ ไม่น้า มาดมัวเเซลของฉันน~ ’
ไรเดนเดินไปเรื่อยๆอย่าไร้จุดหมาย ในขณะที่เสื้อผ้าเองก็เริ่มเเห้งลงจนกลายเป็นเเห้งสนิทอย่างผิดธรรมชาติ อันเป็นผลพวงมาจากพลังของเธอเอง ...วันนี้หญิงสาวต้องใช้ความคิดอยู่กับตัวเองค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องราวของในอดีตเเละปัจจุบัน
“ ทำไมคุณถึงต้องการให้ฉันมาอยู่ที่นี่ล่ะ.. ”
“ เพราะเดิมที่เธอเป็นคนของที่นี่ตั้งเเต่แรก ”
“ แล้วทำไมถึงมอบพลังให้กับฉัน... ”
“ เพราะมันจะเป็นกุญเเจในการไขไปสู้เส้นทางข้างหน้าของเธอ ”
...
“ เธอมีความฝันรึเปล่า? ความฝันของเธอคืออะไรกันล่ะ ”
“ ฉัน... ” หญิงสาวตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มประหม่า ทว่าอีกเสียงกลับไม่ได้ต้องการจะคาดคั้นอะไรมากนัก จึงปล่อยให้หญิงสาวได้ใช้เวลาคิดไปเรื่อยๆ
“ ที่ที่เธออยู่คือแดนใหม่ ไม่ใช่โลกเก่า ”
กึก..
ไรเดนหยุดชะงักเท้าของตัวเอง หลังจากที่แยกตัวออกมาจากพวกกลุ่มหมวกฟาง เรื่องนั้นก็วกกลับเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง เรื่องที่เธอนั่งพูดคุยกับใครคนหนึ่งใต้ต้นซากุระ
ความฝัน..
ในโลกที่เธอรู้จักเเค่เพียงผ่านๆตาน่ะเหรอ
หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อย... เธอหลับตาพร้อมกับสูดอากาศอันแสนบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด ก่อนจะพรั่งพรูลมหายใจออกมาเบาๆ
บางที.. การยึดติดกับอดีตมากไปก็อาจจะไม่ได้ช่วยอะไร
ดังนั้นเธอจึงหันหลังกลับไปอีกครั้ง ก่อนเดินตรงไปยังร้านอาหารที่เธอพึ่งจากออกมาด้วยจุดประสงค์ที่เปลี่ยนไป...
✿
(ลงก่อนเเต่ยังไม่ได้เกลาภาษา)
ความคิดเห็น