NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ ONE PIECE ] My name's Raiden Ei

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter I - Episode 5

    • อัปเดตล่าสุด 30 ส.ค. 65




    ปังง!! 



    “ ว๊ากกกก !!! ” 



    “ เจ้าบ้าลูฟฟฟฟฟฟี่ !!! ” 



    หลังการยิงปืนใหญ่จบลง.. เสียงกรีดร้องประสานของทุกคนก็ได้ดังขึ้นมาจากทางด้านหัวเรือ จับใจความได้คร่าวๆว่าลูฟี่น่าจะทำอะไรบางอย่างกับปืนใหญ่ เขายิงมันไปที่วาฬยักษ์ตัวนั้นด้วยความโง่เขลา  เธอรีบวิ่งออกไปดูสถานการณ์ด้านนอกทันที  



    ปึง!! 



    เรือแมรี่สั่นสะเทือนตามเเรงกระเเทกของสิ่งกีดขวาง หญิงสาวเกือบจะทรงตัวไม่อยู่เพราะตัวเรือที่เอียงตามเเรงชน เธอจับเข้าที่ราวระเบียงเพื่อเป็นเเหล่งยึดเเละเงยหน้ามองภาพตรงหน้า



    เรือชนเข้ากับตัววาฬอย่างจัง จนทำให้หัวแพะของเรือหักโค่นลงมา 



    ทุกคนอึ้ง...  เเละไม่จำเป็นต้องรอให้ได้สติกันครบถ้วน พวกเขารีบใช้ไม่พายพายเรือออกจากวาฬตัวนั้นทันที 



    หากอยู่ในยามปกติ ทุกคนก็คงจะพายกันได้ไม่เต็มกำลังแบบนี้ด้วยซ้ำ นี่สินะที่เขาเรียกว่าเมื่อยามวิกฤต อะไรก็ทำได้หมด... 



    ไรเดนเดินลงไปรวมตัวกับทุกคน พวกเขาหอบหายใจเเฮ่กด้วยความตื่นเต้นระคนระทึกขวัญ สัตว์ที่มีขนาดตัวที่สามารถงับเรือเข้าไปได้ทั้งลำแบบนี้ เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง 



    ทุกคนคิดแบบนั้น  ยกเว้นอยู่คนหนึ่ง.. 



    “ หนอยเเน่! กล้ามาพังที่ประจำของฉันงั้นเหรอ! หมัดยางยืดดด ”  ลูฟี่ใช้หมัดของตัวเองยืดเข้าไปต่อยที่ดวงตาของวาฬตัวนั้นด้วยความโกรธทันที



    อ๊ากกกก!! คนอื่นๆยกเว้นเธอต่างพากันช็อค น้ำตาของพวกเขาอยู่ดีๆก็ไหลนองหน้าอย่างห้ามไม่ได้ และถ้าหากเธอสามารถเข้าไปในจิตใจของทุกๆคนบนเรือได้ ก็อาจจะพบกับเสียงกร่นด่าสาปเเช่งลูฟี่ไปเเล้วร้อยส่วน 



    วาฬตัวใหญ่เมื่อรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด จึงเลื่อนสายตาลงมามองเรือลำที่เล็กกว่าดวงตาของมัน มันคำรามต่ำกึกก้องกังวาลไปทั่วท้องทะเลจนทำให้ทุกคนต้องยกมือขึ้นมาอุดหู  ...คลื่นน้ำอยู่ๆก็รุนเเรงจากเดิมเป็นเท่าตัว เรือแมรี่ในตอนนี้ไม่สามารถบังคับทิศทางได้อีกต่อไป  มันไหลไปตามกระแสน้ำเชี่ยวกราดเพื่อลงไปยังลำคอของวาฬตัวยักษ์ที่กำลังอ้าปากดูดกลืนทุกอย่างเข้าไป



    “ อ๊ากกกกก !! ตายเเน่พวกเราาาา !!! ” ทุกคนต่างตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน 



    “ เหวอออ ! ” 



    และเนื่องจากความเร็วของน้ำเเละกระเเสลมในปากของวาฬ  ทำให้ลูฟี่เเละไรเดนนั้นปลิวออกจากตัวเรือในทันที  ร่างบางหมุนกายพุ่งตัวเข้าไปรับชายหนุ่มเอาไว้อย่างรู้งาน ขาทั้งสองข้างก้าวกระโดดลงบนพื้นผิวน้ำเเละวิ่งออกไปด้านนอก ก่อนที่มันจะงับปากปิดลง กลืนกินพวกพ้องที่เหลือเข้าไปในท้องของมัน



    ลูฟี่ใช้เเขนยางยึดพุ่งไปด้านบนเพื่อขึ้นไปบนหัวของวาฬพร้อมกับไรเดนที่ติดแขนไปด้วย เขากระทืบเท้าลงที่หัวอันเบ้อเริ่มเพื่อบังคับให้มันคายเพื่อนของพวกเราคืนมา ...หญิงสาวยืนมองดูการกระทำของชายหนุ่มอย่างเงียบๆ วาฬตัวนั้นเริ่มดำน้ำดิ่งลงไปในทะเลอย่างช้าๆ และลูฟี่ว่ายน้ำไม่ได้เเน่ๆหากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเธอ 



    ซึ่งเขาจะไม่ยอมขึ้นบกแน่ ถ้าเขายังไม่ได้เจอกับพวกพ้องของตัวเอง



    ไรเดนสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่คล้ายกับประตูตรงหัววาฬ เธอสะกิดเขาเบาๆเป็นการเรียก เเละพวกเราก็ตัดสินใจเข้าไปในนั้น ก่อนที่วาฬจะจมลงไปในที่สุด... 










    โอเค.. มันอาจจะบ้าไปหน่อยที่มีท้องฟ้าอยู่ในท้องของวาฬ  ทว่าตอนนี้มันก็เป็นเรื่องจริงที่เห็นอยู่กันอย่างเต็มตาแล้ว ..แต่พอดูให้ชัดๆอีกครั้ง ก็จะเห็นว่ามันเป็นเพียงภาพวาดเท่านั้น 



    พวกเราทั้งคู่เข้ามาหาเพื่อนๆในท้องของวาฬ  ซึ่งในระหว่างนั้นก็พบเข้ากับมิสเตอร์ไนน์เเละมีสเวนสเดย์ซะก่อน เป้าหมายของพวกเขาคือต้องการล่าวาฬตัวนี้  ลูฟี่จึงต่อยเเล้วจับมัดเอาไว้บนเรือ ส่วนชายเเก่ที่อาศัยอยู่ในท้องวาฬ.. ฟังไม่ผิดหรอก ชายเเก่ที่อยู่ในท้องวาฬพูดเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์ตัวนี้... วาฬลาบูนตัวนี้ให้ฟัง 



    มันเป็นวาฬที่มาจากเวสต์บลู ในตอนเเรกลาบูนว่ายน้ำตามเรือโจรสลัดที่ดีลำหนึ่งมา พวกนั้นเป็นเพื่อนของวาฬตัวนี้  ...ทว่าเพื่อการผจญภัยในเเกรนด์ไลน์ที่เต็มไปด้วยอันตรายแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจทิ้งให้มันอยู่ที่นี่กับชายแก่  โดยสัญญาเอาไว้ว่าจะกลับมาหาอีกครั้ง  แต่ทว่านี่ก็ผ่านมา 50 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีวี่เเววของโจรสลัดพวกนั้นกลับมาอีกเลย  ซึ่งบางทีอาจจะออกไปจากเเกรนด์ไลน์เเล้วก็ได้



    ถึงจะรับรู้ว่าพรรคพวกไม่อยู่เเล้วก็ตาม แต่วาฬลาบูนตัวนี้ก็ยังคงรอ.. รอจนกว่าโจรสลัดกลุ่มนั้นจะกลับมาอีกครั้ง ....และเนื่องจากสิ่งนั้น มันจึงทำร้ายตัวเองโดยการเอาหัวโขกเข้าที่กำเเพงเรดไลน์จนเกิดรอยเเผลเป็นที่หัวหลายจุด ดังที่เห็น



    ลูฟี่ที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด จึงตัดสินใจทำพันธสัญญากับลาบูน ว่าเขาจะเข้าไปที่เเกรนด์ไลน์เเล้ววนรอบโลกหนึ่งรอบ จากนั้นจึงจะกลับมาเพื่อเป็นคู่ต่อสู้ให้กับมัน  ดังนั้นเลยต้องการให้มันรอเขาอยู่ที่นี่โดยไม่ทำร้ายตัวเองอีก 



    หลังจบเรื่องนี้ ลูฟี่และพวกพ้องจึงออกเดินทางต่อ และเนื่องเพราะแกรนด์ไลน์นั้นไม่ใช่สถานที่ปกติเหมือนทะเลทั่วไป สภาพอากาศของมันจะเเปรปรวนเเละสับสนเป็นอย่างมาก หิมะตก ฟ้าผ่า พายุเข้า แดดจ้า ทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน การเดินเรือจึงต้องเป็นไปอย่างเข้มงวด 



    พวกเราไม่สามารถเชื่ออะไรได้ นอกเสียจากล็อคโพสต์  เข็มทิศที่ชายเเก่คนนั้นให้มา มันจะพาเราไปยังเกาะต่างๆในเเกรนด์ไลน์ 



    สองคนนั้นที่ลูฟี่เคยจับเอาไว้ได้ก้มหัวขอร้องให้พวกเราพาพวกเขาติดเรือไปด้วย โดยต้องการให้พวกเราพาไปส่งที่เกาะวิสกี้พีก  และเเน่นอนว่ากัปตันเรือใช้สถานที่เเห่งนั้นเป็นโลเคชั่นเเห่งเเรกในการเดินทางในแกรนด์ไลน์










    วิสกี้พีก 



    ตรงหน้าของพวกเราคือเกาะที่เต็มไปด้วยภูเขากระบองเพชรขนาดใหญ่ มันเป็นเกาะเเปลกประหลาดที่บางทีอาจจะเห็นได้เเค่ในเเกรนด์ไลน์เท่านั้น เรือแมรี่ล่องเข้าไปเรื่อยๆตามเส้นทางผ่ากลางของเกาะ  ซึ่งในระหว่างนั้นก็พบเข้ากับม่านหมอกบดบังทัศนียภาพ แต่มันก็ยังพอให้มองเห็นเส้นทางได้ 



    มิสเตอร์ไนน์เเละมีสเวนสเดย์แยกตัวออกไปแล้วเรียบร้อย 



    สายตาของไรเดนมองเห็นถึงอะไรบางอย่างที่อยู่เป็นกลุ่มก้อนหลายๆอัน มันเป็นเงาของผู้คนรอบๆตัวที่กำลังจ้องมองมายังเรือของพวกเรา ซึ่งปรากฏให้เห็นมากมายจนน่าขนลุก  ...ทว่าเมื่อพวกเราเข้าไปจนถึงด้านใน ทัศนียภาพใหม่ที่มองเห็นหลังผ่านม่านหมอกเข้า ก็พบกับผู้คนมากมายที่ยืนต้อนรับพวกเราราวกับฮีโร่ผู้ทรงเกียรติ เสียงโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วบริเวณจนน่าแปลกใจ 



    พวกเขาอ้างตัวว่าที่นี่เป็นเมืองเเห่งการต้อนรับ 



    เหล่าชาวเมืองเข้ามาพูดคุยต้อนรับพวกเรากันอย่างใจกว้าง เขาเชิญชวนให้ทุกคนไปร่วมกินอาหารเเละพูดคุยด้านใน ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าเเปลกใจไม่น้อย จะคิดเข้าข้างว่าเพราะอยู่ในเเกรนด์ไลน์เสมอไปก็ไม่น่าจะได้ เนื่องจากพวกนั้นเองก็เป็นมนุษย์เหมือนๆกัน จะว่าชาวเมืองพวกนี้เป็นคนที่โอบอ้อมอารีมากไปงั้นเหรอ 



    มีบางอย่างแปลกๆ... 



    ไรเดนหรี่ตาลง เธอแตะเข้าที่ด้ามง้าวด้านหลังเล็กน้อย  ขณะเดียวกัน.. ดวงตาของเธอก็ได้สบเข้าที่ดวงตาคมดุจเหยี่ยวของโซโร  พวกเราสื่อสารกันผ่านทางสายตา ทั้งคู่ต่างรู้สึกแบบเดียวกัน ตอนนี้คงต้องตามน้ำพวกนั้นไปก่อน



    คนอื่นๆดูเหมือนจะหลงกลพวกนั้นไปได้อย่างง่ายดาย ไรเดนเเอบสังเกตบรรกาศเเละคอยทำทีเป็นสังสรรค์กับพวกนั้น ซันจิเข้าไปพัวพันกับสาวๆหลายๆคน ส่วนนามิเล่นเเข่งดื่มเพื่อเอาเงินรางวัล ลูฟี่เอาเเต่กินอาหารไม่ยอมหยุด เเละอูซปที่เอาเเต่โม้ถึงเรื่องราวของตัวเองให้คนอื่นฟัง 



    หลงกลโดยสมบูรณ์ 



    ตกดึก.. ทุกๆคนในกลุ่มดูเหมือนจะหมดสภาพกันไปแล้ว ชาวเมืองพวกนั้นตรวจสอบอะไรอีกเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปด้านนอกจนหมด ไรเดนถือโอกาสเดินออกไปยืนแอบฟังที่พวกนั้นคุยกันซักหน่อย ในขณะที่โซโรนั้นได้เเยกตัวออกไปอีกทางก่อนแล้ว 



    ‘ คร๊อกก~ เอย์ซวังง♡ ผมเองก็อยากกอดคุณเหมือนกานน คร๊อกก ฟี้~ ’ 



    ‘ ง้ำๆๆ ขออีกจานนน.. คร๊อกกก เอิ้ก! ’ 



    หญิงสาวมองทุกคนที่หลับอยู่ตรงนั้นเล็กน้อย เธอไม่คิดที่จะปลุกให้พวกเขาตื่นจากห้วงเวลาอันฝันหวานเเต่อย่างใด 



    ในขณะเดียวกัน.. เธอก็ได้ยินเสียงเอะอะออกมาจากด้านนอก 



    พวกนั้นจับโซโรได้  จึงทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้น และเเน่นอนว่าฝีมือของชายหนุ่มในตอนนี้เหนือชั้นเป็นอย่างมาก เขาสามารถล้มพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องให้ถึงมือเธอเลยสักนิด 



    ร่างระหงออกเดินจากที่พักและกระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนดาดฟ้าของตึก ดวงจันทร์ลูกใหญ่ส่องเเสงอยู่เหนือหัว ร่างของเธอขาวผ่องเปล่งประกายเมื่อต้องกับเเสงจันทร์ เธอมองการต่อสู้ตรงนั้นด้วยความบันเทิง เเละเมื่อต่อสู้จบ ทั้งเธอเเละโซโรก็มานั่งอยู่ด้วยกันด้านบน โดยเขามีเหล้าองุ่นอยู่หนึ่งขวดในมือ กับลูฟี่ที่เป็นลูกหลงจากการต่อสู้นอนกรนอยู่ด้านล่าง 



    โซโรมองดาบปีศาจที่เขาพึ่งได้รับมาจากโล้กทาวน์ ประสิทธิภาพของมันสูงอย่างน่าเหลือเชื่อ  หญิงสาวเหลือบสายตามองมันเล็กน้อย เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่พูดน้อยแต่ต่อยหนัก ดังนั้นจึงไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างเรา



    รึเปล่า? 



    “ เป็นดาบที่ดีจริงๆ ”  โซโรพูดกับตัวเอง เขายิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะหันหน้ามามองเธอ  



    “ ดาบนั่นก็ด้วย ที่อยู่ใน เอ่อ.. อกของเธอน่ะ ” ว่าเเล้วใบหน้าของเขาก็ขึ้นริ้วจางๆ



    ไรเดนมองหน้าเขา  เมื่อพูดถึงดาบของเธอ เธอจึงก้มหน้าลงมองที่หน้าอกของตัวเอง ร่างสูงคงจะหมายถึงดาบสายฟ้าอันนั้น ที่เธอดึงตอนอยู่ที่เกาะเรือรบ 



    “ อืม ” เธอตอบเขาสั้นๆ 



    ไม่มีการพูดต่อ พวกเรานั่งเงียบเเละมองนู่นมองนี่ไปเรื่อย  ...จนในที่สุด ก็เหมือนจะมีบุคคลใหม่เดินเข้ามายังที่เเห่งนี้ เขาเป็นบุคลากรจากบริษัทเดียวกันกับพวกที่โซโรพึ่งจัดการไป ทว่าเป้าหมายของพวกนั้นเหมือนจะไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทรยศต่างหาก



    ผู้หญิงผมฟ้า มีสเวนสเดย์  ไม่สิ.. หรือจะให้เรียกว่าเจ้าหญิงวีวี่แห่งอาณาจักรอลาบัสต้าดีล่ะ ?



    พวกนั้นจัดการคนที่เหลือเเละไล่ตามเจ้าหญิงไป  โซโรยิ้มเยาะให้กับภาพตรงหน้าเล็กน้อย เขายืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะกระโดดลงจากตึกไปแล้วลากตัวลูฟี่ที่กำลังหลับไม่รู้ร้อนรู้หนาวเข้ามายังอีกฝั่ง 



    หนึ่งในนั้น..  คนที่อ้างตัวว่าเป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงวีวี่ได้ขอร้องให้โซโรไปช่วยเธอ  ซึ่งเเน่นอนว่าโซโรปฏิเสธคำขอร้องของอีกฝ่าย เขาไม่คิดที่จะชายตามองหรือสนใจคนพวกนั้นด้วยซ้ำ แต่นามิที่โผล่มาจากไหนไม่รู้กลับรับปากซะงั้น 



    สุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องวิ่งไปช่วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากนามิข่มขู่เขาเรื่องเงินที่ต้องคืนอีกสองเท่า 



    ไรเดนยืนขึ้น เธอปัดฝุ่นตามตัวเล็กน้อยและกระโดดลงมาจากดาดฟ้าอย่างนิ่มนวล นามิสังเกตเห็นเธอจึงยิ้มให้ 



    “ ว่าอยู่ว่าหายไปไหน แล้วไม่ไปสู้กับนายนั่นเหรอ? ” 



    ไรเดนที่ได้ยินดังนั้นจึงตอบด้วยสีหน้าตาย  “ ก็อยากไปอยู่หรอก แต่กลัวว่าการต่อสู้มันจะจบเร็วเกินไปน่ะ ” 



    จุด จุด จุด...



    “ เหอะเหอะ... ”  นามิขำเเห้ง เจ้าพวกมีฝีมือนี่มันน่าหมั่นไส้จริงๆ 





    นามินั่งคุยกับองครักษ์ของเจ้าหญิงวีวี่เกี่ยวกับเรื่องของบาร็อคเวิร์ค  องค์กรที่ต้องการสร้างเมืองในอุดมคติขึ้นมา ..ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้ถึงตัวตนของผู้นำที่อยู่เบื้องหลังได้  เเละคอนเซ็ปต์ขององค์กรนี้คือการปกปิดตัวตน โดยเฉพาะเป็นอย่างยิ่ง..มิสเตอร์ซีโร่ บอสใหญ่ของพวกนั้น ทว่าเจ้าหญิงวีวี่ที่แอบลักลอบเเทรกเเทรงเข้าไปในองค์กรกลับสามารถล่วงรู้ได้  จึงโดนตามล่าอยู่ในขณะนี้ 



    ไรเดนยืนฟังเงียบๆ  เธอตัดสินใจเดินทางไปหาโซโรที่กำลังเข้าไปช่วยเหลือวีวี่อยู่ ทว่าเมื่อเดินไปถึงก็พบกับลูฟี่เเละโซโรที่ต่อสู้กันด้วยเห็นผลบางอย่าง  นามิที่เดินตามมาด้วยจึงเข้าไปทุบเรียบสติพวกนั้นกันคนละที 



    ในตอนนี้ ทั้งลูฟี่ นามิ โซโร วีวี่เเละเธอได้มานั่งคุยกันเกี่ยวกับบาร็อคเวิร์คอีกครั้ง  ...วีวี่เฉลยออกมาอย่างหมดเปลือกว่าบอสขององค์กรคือใคร และพวกนั้นต้องการอะไรจากอลาบัสต้า ทั้งๆที่นั่นอาจจะทำให้พวกเราทุกคนถูกหมายหัวเอาได้ (และเเน่นอนว่าพวกที่หลุดรอดไปได้วาดภาพพวกเราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว) นามิจึงเขย่าตัวเธอด้วยความโกรธเกรี้ยวทันที



    เมื่อเป็นแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้  ลูฟี่ตัดสินใจจะพาวีวี่ไปส่งที่เกาะอลาบัสต้าเอง พวกเราจึงออกเดินทางกันนับตั้งเเต่ตอนนั้นเป็นต้นมา... 






    ...และเเล้วก็ได้เกิดเรื่องขึ้นระหว่างการเดินเรือ เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นเรือแมรี่มาโดยไม่ได้รับอนุญาต เธอบอกว่าเป็นพาร์ทเนอร์ของมีสเตอร์ซีโร่ หรือชื่อเต็มก็คือคร็อกโคไดล์  หนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัดค่าหัวเดิม 80 ล้านเบรี 



    เธอคนนั้นยอมรับว่าเป็นคนเปิดทางให้วีวี่ได้รู้ตัวตนของคร็อกโคไดล์  อีกทั้งยังเป็นคนบอกคร็อกโคไดล์ว่ามีคนล่วงรู้ตัวตนของตัวเองอีกด้วย พวกเราไม่รู้ว่าเธอทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ 



    เธอคนนั้นยื่นเอเทอนอลโพสต์มาให้วีวี่ ..มันคือเข็มทิศที่จะชี้เกาะของตำเเหน่งเกาะเพียงตำเเหน่งเดียวอย่างถาวรเท่านั้น เเตกต่างจากล็อคโพสต์ หญิงสาวเเนะนำถึงเส้นทางที่ปลอดภัยให้กับพวกเราทุกคน ทว่าลูฟี่กลับไม่ยอมรับมันเเละขยุ้มมันจนเเตกคามือ เขาตัดสินใจที่จะไปยังลิตเติ้ลการ์เด้น สถานที่ที่ล็อคโพสต์ชี้บอกตั้งเเต่เเรก



    ส่วนไรเดนนั้น เนื่องจากเธอไม่ได้นอนมาทั้งคืนจึงเผลอหลับไปก่อน.. พอตื่นขึ้นมาจึงไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรด้วย ไม่เช่นนั้นเธอคงสะบั้นหัวผู้หญิงคนนั้นตกเรือไปนานเเล้ว... 










    หลายสิ่งหลายอย่างได้เกิดขึ้นมากมายขณะที่พวกเราเดินทางไปยังเกาะต่างๆ ได้เจอสิ่งเเปลกๆที่ยังไม่เคยได้พบด้านนอกแกรนด์ไลน์มาก่อน ทุกคนร่วมผจญภัย ร่วมสู้และร่วมสนุกกันจนในที่สุดพวกเราก็มาถึงจุดมุ่งหมายปลายทางกันเสียที สถานที่ที่จะไปส่งตัวเจ้าหญิงวีวี่



    อลาบัสต้า.



     โทนี่ ช็อปเปอร์  กวางเรนเดียร์จมูกน้ำเงินผู้ซึ่งเป็นลูกเรือคนใหม่ของเรือโกอิ้งเเมรี่ เขาเป็นเเพทย์ประจำเรือที่มีฝีมือชั้นยอด ทั้งยังเป็นผู้ใช้ผลปีศาจอีกด้วย 



    และไม่ว่าจะด้วยสัญชาตญาณหรือลางสังหรณ์ แต่ไรเดนก็รู้สึกได้เลยว่ามันจะต้องมีเรื่องวุ่นวายตามมาอย่างเเน่นอน 





    (สคริปไปตั้งสองเกาะแหนะ ข้ามส่วนสำคัญไปก็น่าจะหลายส่วนอยู่ แต่ถ้าให้บรรยายหมดเลยก็คงไม่ไหว(จำไม่ได้ด้วยเเหละ))

    (ตอนนี้เหมือนจะเน้นบรรยายไปตามไทม์ไลน์อย่างเดียว หวังว่าจะไม่เบื่อกันนะครับ)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×