NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ ONE PIECE ] My name's Raiden Ei

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter I - Episode 2

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ย. 65





    “ อ๊ะ.. ไปเปลี่ยนชุดมาเหรอ เร็วจัง... ” 



    ลูฟี่เอ่ยขึ้นหลังจากสังเกตเห็นไรเดนที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับชุดที่เเห้งสนิท นิ้วก้อยยกขึ้นเเคะจมูกไปพลางในระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ อดยอมรับไม่ได้เลยว่าชุดนั้นมันเหมาะกับหญิงสาวมากจริงๆ ถึงแม้จะรู้สึกว่ากระโปรงค่อนข้างจะสั้นไปหน่อยก็ตาม แต่จุดสังเกตมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นหรอกนะ 



    ทุกๆคนหันไปมองตามคำพูดของลูฟี่ เป็นอีกครั้งที่ซันจิเเสดงท่าทางเลิฟซีนฟินนาเล่ออกมา ดวงตากลายเป็นรูปหัวใจ



    ‘ อ๊าา มาดมัวเเซลสุดงดงามของผม~ ♡ ’



    หญิงสาวเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่โต๊ะของพวกกลุ่มหมวกฟาง ก่อนจะถือวิสาสะทำการนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆนามิ ซึ่งนามิเองก็ใจดีเเบ่งปันพื้นที่ให้กับอีกฝ่ายโดยการเขยิบเก้าอี้ออกให้นิดหน่อย รู้สึกสงสัยไม่น้อยว่าไรเดนยังต้องการอะไรจากพวกเขาอยู่ 



    “ ขอถามหน่อยสิ ” หญิงสาวเปิดประเด็น



    “ ถามเหรอ? ได้สิ ” นามิตอบเเทนทุกคน 



    ไรเดนไล่สายตามองทุกคนรอบโต๊ะที่กำลังจ้องมาที่เธอ “ พวกนายมีเป้าหมายอะไร ” 



    และดูเหมือนว่าทุกคนจะเข้าใจคำถามที่จะสื่อของเธอผิดไปหน่อย อูซปเท้าเเขนกับโต๊ะพลางโพล่งตอบหญิงสาวด้วยความฉุนเฉียวเล็กน้อย เขาพยายามแก้ต่างให้กับบรรดาพรรคพวกของตัวเองว่าไม่ได้มาร้าย เห็นแบบนี้ก็นึกว่าเป็นมิตรกันเเล้วซะอีก



    “ บอกเเล้วไงว่าพวกเราเเค่มาพักกันเฉยๆน่ะ ! ” 



    “ เฮ่ย พูดกับเลดี้ให้มันดีๆหน่อยสิเจ้าบ้า ! ” ซันจิหันไปแยกเขี้ยวต่อว่าอีกฝ่าย



    ลูฟี่ที่ไม่ได้สนใจการกระทำของทั้งซันจิเเละอูซปหันมามองที่เธอ ก่อนจะยิ้มกว้างเเล้วตอบอย่างเป็นกันเอง ในขณะเดียวกันอาหารก็เริ่มถูกลำเลียงมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ



    “ พวกเราจะไปที่แกรนด์ไลน์กันน่ะ ! อ้อ แต่จะไปที่โล้กทาวน์ก่อนอ่ะ ” 



    ว่าพลางก็นึกถึงคำพูดของนามิที่บอกว่าจะให้ไปที่เกาะโล้กทาวน์ก่อนเข้าเเกรนด์ไลน์ 



    “ อย่างงี้นี่เอง ” ไรเดนเองก็ไม่ได้ฉุนเคืองในคำพูดของอูซปมากนัก หันมาโต้ตอบกับลูฟี่ด้วยสีหน้านิ่งๆ



    แป๋ว... 



    อูซปหัวเราะเเห้งในใจ มือยกขึ้นเกาหัวเเกร๊กๆ นี่พวกเราเข้าใจผิดกันเหรอเนี่ย... 



    “ อื้อ! ว่าเเต่เธอถามทำไมเหรอ? อ้าม—.. ” 



    ลูฟี่เป็นฝ่ายถามต่อ พร้อมทั้งอ้าปากงับชิ้นเนื้อที่ไม่รู้ว่าหยิบขึ้นมาตั้งเเต่เมื่อไหร่เข้าปาก แก้มทั้งสองข้างป่องนูนเคี้ยวตุ้ยๆอย่างน่ารักน่าชัง



    ไรเดนชั่งใจ เธอยกมือขึ้นทาบที่หน้าอกของตัวเองเบาๆ



    “ ..อาจจะเป็นคำขอที่น่าอายไปหน่อย เเต่ฉันอยากจะขอติดเรือไปด้วย ” 



    “ งั้นเหรอ.. ได้สิ แล้วเธอจะไปที่ไหนล่ะ ? ” ครั้งนี้นามิเป็นคนตอบแทน บางทีพวกเราอาจจะล่องเรือผ่านทางนั่นก็ได้ แวะสักหน่อยคงไม่เป็นไร 



    แกรนด์ไลน์น่ะ ” 



    หญิงสาวหลับตาพยักหน้าเบาๆ “ อ่าๆ ได้อยู่แล้วล่—.. ห ห๋า !! ” 



    นามิลืมตาอ้าปากค้าง พอๆกับอูซปที่อยู่ในสภาพช็อคไม่ต่างกัน อาหารในมือหลุดลงกระทบจานเสียงดังเเกร๊ง ด้านซันจิที่ได้ยินก็หลุดออกจากภวังค์สีชมพูในทันที เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อยเลยที่ไรเดนอยากจะไปที่แกรนด์ไลน์ด้วย ลูฟี่หันมามองหน้าเธอนิดหน่อยและหยุดมหกรรมการกินไป ส่วนโซโรที่นั่งหลับตาอยู่ได้ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย 



    กลายเป็นว่าทุกสายตาเพ่งเล็งมาที่เธอกันอย่างจริงจัง 



    ไม่มีใครกล้าเอ่ยตอบ เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะตัดสินใจได้ เป็นบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกกดดันไปโดยปริยาย ราวกับเธอเป็นนักโทษที่กำลังรอการตัดสินจากผู้มีอำนาจสูงสุด 



    คำตอบมีเพียงเเค่สองอย่าง คือ ได้หรือไม่ 



    ลูฟี่จ้องหน้าเธอนิ่งๆราวกับกำลังใช้ความคิด...



    ก่อนจะยิ้มร่าและหัวเราะออกมา 



    “ ชิชิชิ!.. ได้สิ  ” 



    ว่าแล้วก็หันกลับไปสวบอาหารตรงหน้าต่อด้วยความเร็วแสง ท่ามกลางความเหนื่อยใจของทุกคน ..โดยทุนเดิมชายหนุ่มก็ไม่ใช่บุคคลที่จะคิดอะไรให้มากความอยู่เเล้ว จะเรียกว่าเป็นคนคนนึงที่คิดง่ายทำง่ายเลยก็ว่าได้ ลูกเรือทุกคนเองก็พอจะคาดเดาได้ว่าเจ้าตัวจะตอบอะไร จึงทำใจมาก่อนเเล้ว 



    “ เอ่อ.. ว่าแต่ทำไมเธอถึงอยากไปที่แกรนด์ไลน์ล่ะ ? ”  นามิถามด้วยความสงสัย ที่นั่นไม่ใช่ที่สำหรับจะไปเล่นๆได้หรอกนะ 



    ไรเดนยกเเก้วน้ำขึ้นมาดื่ม เธอตอบคำถามนั้นด้วยความใจเย็น 



    “ เพื่อทำตามความฝันของตัวเองน่ะ ” 



    “ .... ”



    ทุกคนยกเว้นลูฟี่นั่งเงียบและมองเธอ.. ในขณะเดียวกันที่ไรเดนนั้นได้หลุบสายตาลงไปมองน้ำในเเก้วอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด



    และคราวนี้ก็เป็นนามิที่ยิ้มออกมาบ้าง เธอเริ่มเปิดใจให้กับไรเดนอย่างช้าๆ  “ จริงเหรอ ! แสดงว่าพวกเราก็มีเป้าหมายเดียวกันงั้นสินะ ” 



    บรรยากาศเริ่มกลับมาปกติอีกครั้ง



    พวกเรานั่งทานอาหารเเละพูดคุยกันอยู่สักพักใหญ่ๆ บรรยากาศจากตอนเเรกที่ติดกรุ่นๆเล็กน้อยพลันมลายหายไปจนหมดสิ้น ทุกคนคิดว่าไรเดนเองก็ไม่ใช่คนที่แย่อะไร  เธออาจจะเย็นชาไปหน่อยเเละเเค่ทำตามหน้าที่ของเธอ อาจจะทำอะไรตามใจตัวเองไปนิดเเต่ก็ใช่ว่าคนในทีมจะไม่มีคนเเบบนั้น(หมายถึงลูฟี่) หลังจากที่ลูฟี่ตกปากรับคำให้เธอเป็นลูกเรืออีกคนจึงต้องทำความรู้จักคุ้นชินกันให้มาก เพื่อที่จะไม่ได้เป็นปัญหาเรื่องความสามัคคีกันในภายหลัง 



    และในคืนนั้น.. ทุกคนได้รับสิทธิพิเศษในการไปพักที่คฤหาสน์ของไรเดน เช้าวันถัดมาจึงเริ่มออกเดินทางกันต่อ โดยมีสมาชิกอีกคนที่กำลังจะร่วมเดินทางไปด้วย 



    ไรเดนเลือกที่จะออกจากเกาะไปอย่างเงียบๆ มีเพียงคนที่รู้ว่าเธอจะไปเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเจ้าของร้านอาหารที่พวกเราพึ่งไปนั่งกินกันเมื่อวานนี้ หลังจากที่หญิงสาวได้จากไปแล้ว เจ้าตัวก็คงจะเอาไปบอกกับคนอื่นๆในเมืองเองนั่นเเหละ



    “ ไม่ไปบอกลาเเบบนี้จะดีเหรอ ? ผู้คนที่นี่ดูเคารพเธอมากเลยนะ ” นามิพูดกับไรเดน บางที่เธออาจจะผูกพันกับคนที่นี่



    “ ไม่ล่ะ แบบนี้ดีเเล้ว ” ไรเดนตอบอย่างไม่คิดอะไร



    เธอไม่ต้องการที่จะยึดติดกับเกาะแห่งนี้ ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่อยากไปไหนอีกเลย 



    “ ...เอางั้นก็ได้ งั้นพวกเรารีบออกเดินทางกันเถอะ ” 



    หญิงสาวกระโดดสูงขึ้นไปยังเรือที่มีชื่อว่าโกอิ้งแมรี่ เรือสำเภาขนาดกลางที่มีหัวเรือเป็นแพะ(?) ภายในเรือค่อนข้างตกเเต่งได้อย่างคลาสสิคสมกับเป็นเรือสำเภาทั่วๆไป แต่ละคนที่ขึ้นเรือมาต่างก็แยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเองกันคนละทิศคนละทาง 



    ไรเดนไม่ลืมที่จะพกอาวุธประจำกายของเธอมาด้วย เหมือนกับโซโรที่เหน็บดาบไว้ข้างเอวตลอดเวลา เธอเองก็มีง้าวเล่มใหญ่สะพายไว้ด้านหลังเช่นกัน 



    พรึ่บ ! 



    ใบเรือถูกปล่อยลงกางออกอย่างเต็มที่ ปรากฏสัญลักษณ์ของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ธงสีดำปลิวสไวตามเเรงลมที่ประทะเข้ามา สมอถูกรื้อถอนขึ้นเตรียมออกเดินเรือ 



    ไรเดนมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง เป็นครั้งเเรกที่เธอจะได้ออกจากเกาะแห่งนี้อย่างเป็นทางการ แถมยังอยู่ในฐานะลูกเรือของคนอื่นด้วย เช่นนั้นสายฟ้าก็คงจะไม่ได้มาเยือนที่นี่ไปอีกระยะหนึ่ง



    เเต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไร.. 



    ความฝันของเธองั้นเหรอ... 



    “ เดินเรือได้ ! ” 



    ไรเดนหลับตาลงอย่างช้าๆ ใบหน้ารับกับลมที่กำลังประทะเข้ามาเรื่อยๆ เรือลำกลางเริ่มขับเคลื่อนไปตามเส้นทางที่กำหนด ผมเปียสีม่วงยาวสะบัดปลิวเป็นลอนคลื่น พวกเราเดินเรือฝ่าม่านหมอกที่บดบังเกาะออกไปอย่างรวดเร็วเเละง่ายดาย หมอกหนาที่จับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนคลายตัวเปิดทางให้อย่างรวดเร็วราวกับสั่งได้ 



    “ อย่างงี้นี่เอง เข้ายากออกง่ายสินะ ” ซันจิกล่าว.. มือล้วงกระเป๋าตามสไตล์ของเจ้าตัว 



    เปล่า.. ผิดเลยล่ะ... 



    ไรเดนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสีม่วงเข้มวาวฉานประกายเรืองเเสงสว่าง



    ความฝันของเธอ คือการตามหาเป้าหมายของชีวิต...










    เกาะโล้กทาวน์  อีสต์บลู



    พวกเราล่องเรือออกจากเกาะบ้านเกิดของลูกเรือคนใหม่กันมาได้สักพักแล้ว..  สายตาเองก็เริ่มเห็นแววของเกาะที่เป็นจุดหมายหมายทางของพวกเรา และตามคำบอกเล่าเรื่องราวของนามิผู้เป็นต้นหนเรือ เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นเเละจุดจบ  ..เพราะมันเป็นทั้งสถานที่เกิดของราชาโจรสลัดอย่าง โกลด์ โรเจอร์  และเป็นวาระสุดท้ายของเขาก่อนจะถูกประหารเช่นกัน 



    ไรเดนมองเกาะที่อยู่ตรงหน้าไกลๆ..  เธอเองก็พอจะรู้เรื่องราวมาบ้าง 



    น่าเสียดาย.. ที่โลกเก่า  เธอเพียงเเค่รู้จักอนิเมะเรื่องนี้แบบผ่านๆเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเธอคงจะได้รู้เรื่องราวเบื้องลึกอะไรมากกว่านี้ 



    ...ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเธอไม่รู้อนาคตของวันพีซ จึงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นได้  ดังนั้นชีวิตนี้ของเธอจึงเป็นการใช้ชีวิตไปโดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมัน โลกวันพีซไม่ใช่เพียงแค่การ์ตูนรายสัปดาห์เเต่เป็นทั้งชีวิตของเธอ และนอกเหนือจากตัวละครเอกอย่างลูฟี่เเละผองเพื่อนทั้งสี่คน ..นอกจากนั้นเธอก็ไม่รู้จักใครหรือที่ไหนอีกแล้ว 



    เรือโกอิ้งเเมรี่เเล่นเข้ามาจอดเทียบท่าชายฝั่งใกล้ๆ  โซโรลุกขึ้นถอนสมอเรือลงเพื่อเป็นแหล่งยึดเรือไม่ให้ลอยไปไหน หลังจากที่จัดเเจงอะไรกันเรียบร้อยเสร็จสรรพเเล้ว ทุกคนต่างก็เเยกตัวกันออกไปทำธุระของตนเองในเมือง 



    ไรเดนที่ไม่ได้มีความต้องการอะไรเป็นทุนเดิมอยู่เเล้วตัดสินใจเดินตามนามิไป ทั้งคู่พากันเข้าร้านเสื้อผ้าและลองชุดเป็นว่าเล่น นามิพาเธอแวะนู่นเเวะนี่ไปเรื่อยจนได้ของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด 



    “ นี่.. ว่าแต่เธอมีเงินรึเปล่า ? ” นามิถาม หญิงสาวคงจะไม่ได้เป็นยาจกอีกคนที่ลืมพกเงินมาหรอกนะ



    ไรเดนพยักหน้าให้เบาๆ ในโลกที่ใช้เงินตราในการเเลกเปลี่ยนกับสิ่งของต่างๆ เธอไม่คิดที่จะมาด้วยตัวเปล่าอยู่แล้ว ก่อนจะล้วงมือหยิบถุงเงินสีม่วงเข้มที่ถูกซ่อนเอาไว้ออกมาเปิดให้ดู ซึ่งข้างในเต็มไปด้วยทองคำเเละเพชรพลอยส่องเเสงเปล่งประกาย



    เฮื๊อกก ! นามิแทบตาถลนออกมาจากเบ้า เธอมองของมีค่ามากมายที่ไรเดนเปิดออกมาด้วยความตกตะลึง นี่มันเศรษฐี เศรษฐีนีชัดๆ! 



    ไรเดนกล่าวต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ จริงๆแล้วฉันมีของพวกนี้อีกมากมายมหาศาล ตอนนี้มันยังอยู่ในที่เเห่งนั้น ” 



    “ อะ... ” นามิคิ้วปากกระตุกพร้อมกัน จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก



    ย๊ากกก ! นามิทึ้งหัวของตัวเองด้วยความอิจฉาระคนกรุ่นเคือง ถ้ามีมากมายขนาดนั้นใช้ไปยันชาติหน้ายังได้เลย ที่เเห่งนั้นคือที่เเห่งไหน? ทำไมไม่เอามันมาด้วยเล่า! มันจะทำให้พวกเรากลายเป็นเศรษฐีกินดีมีสุขในชั่วชีวิตเลยนะย๊ะ! 



    นามิมองไรเดนที่ทำหน้าตางงๆด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นี่สินะนิสัยของคนรวยที่มองไม่เห็นคุณค่าของทรัพย์สินตัวเอง อ่า.. ช่างมันเถอะ... 



    หญิงสาวหันหลังเดินต่อไปอย่างคนท้อแท้ เงินจ๋า... ฮืออ... 



    ___________________________



    “ ? ” 



    ‘ เหวอออออออ !! ’



    ไรเดนที่ยืนอยู่ด้านหลังนามิเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ...ก่อนจะพบว่ามีร่างร่างหนึ่งกำลังลอยหวือผ่านพวกเราไปอย่างรวดเร็ว หมวกฟางที่คุ้นเคย เสื้อผ้ากับท่าทางนั่น ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นกัปตันเรือของเรา... 



    ทำไมถึงไปลอยอยู่อย่างนั้นล่ะ.. ที่นี่มีเครื่องเล่นโลดโผนด้วยงั้นเหรอ? 



    อืม.. อาจจะกำลังสนุกอยู่ ช่างเถอะ... 



    ว่าเเล้วก็เดินตามนามิไป พลางมองสิ่งรอบกายด้วยความสนอกสนใจ เมืองที่เจริญรุ่งเรืองเเบบนี้เธอไม่ได้เห็นมานานแล้วล่ะตั้งเเต่มาอยู่ที่นี่ และเเน่นอนว่าไรเดนนั้นทุนเดิมเป็นคนแสดงสีหน้าท่าทางไม่เก่งอยู่เเล้ว ทุกคนจึงเห็นเพียงแค่ว่าเธอมองสิ่งรอบข้างด้วยดวงตาเฉยเมย แต่นั่นก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่สร้างความมีเสน่ห์ให้กับเธอ 






    นามิเดินมาสักพักก็เจอเข้ากับอูซป ก่อนจะรู้ตัวว่าไรเดนนั้นได้หายไปจากสายตาเสียแล้ว จึงเเลซ้ายเเลขวาค้นหาด้วยความตกใจ  ในขณะเดียวกันก็เหมือนจะมีคนกำลังมุงดูอะไรสักอย่าง บางทีไรเดนอาจจะอยู่ในนั้นก็ได้ พวกเราจึงฝ่าฝูงชนเข้าไปดู 



    “ อ๊ะ นั่นซันจินี่.. ลงเเข่งทำอาหารเหรอ ” อูซปพูดขึ้น ทว่าสายตาของนามิกลับจดจ้องไปที่อื่นแทน 



    “ ไรเดน ! เธอไปทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะห๊ะ ” 



    หญิงสาวตะโกนเรียกเจ้าตัวที่เข้าไปนั่งข้างๆกรรมการนักชิมอย่างสงบเสงี่ยม ท่ามกลางฝูงชนทั้งผู้ชายเเละผู้หญิงต่างก็มองหญิงสาวด้วยความหลงใหลในความงดงาม อย่าบอกนะว่าเธอจะกินอาหารกับเขาด้วยน่ะ ยัยนี่จะตลกหน้าตายเกินไปแล้ว!



    “ โอ้ว ดาร์ลิ้งของผม! เเม่ยอดยาหยีมาชิมอาหารฝีมือผมงั้นเหรอครับ  สัญญาว่าจะทำอย่างสุดความสามารถเลยครับบบ ♡ ” 



    ซันจิผู้คงเส้นคงวาในเรื่องของความหลงผู้หญิงวิ่งเข้ามาหาไรเดนอย่างร่าเริง  ร่างสูงสไลด์ตัวเข้ามาจุมพิตที่หลังมือของหญิงสาวอย่างถือวิสาสะท่ามกลางสายตาอันร้อนแรงด้วยความอิจฉาของใครๆหลายๆคน ถึงจะมาลงเเข่งเพราะอยากได้ของรางวัลสำหรับผู้ชนะก็เถอะ แต่พอเป็นแบบนี้เเล้วมันก็อดรู้สึกปึ๋งปั๋งขึ้นมาไม่ได้



    ทำอาหารให้เลดี้คนสวยกินจะให้ทำอย่างลวกๆได้ยังไง จริงไหม? 



    “ ฮึ่ย.. เจ้าพวกบ้านั่น มีใครปกติกันสักคนไหมเนี่ย... ”  นามิล่ะอยากจะบ้าตาย 



    การเเข่งขันเป็นไปได้อย่างราบรื่น เป็นการเเข่งขันทีละคู่ๆเพื่อคัดเลือกบุคคลไปยังรอบชิงชนะเลิศ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ เเต่พวกเราก็เชียร์ซันจิกันอย่างเต็มที่ไม่เเพ้คนอื่นๆที่เชียร์คนที่ตัวเองชอบ อาหารจานเเล้วจานเล่าถูกเสิร์ฟให้กรรมการชิมและลงคะเเนน รวมถึงไรเดนผู้ได้รับสิทธิ(ถือวิสาสะ)พิเศษเข้าไปร่วมชิมด้วยเช่นกัน



    “ ง่ำ.. ”  



    ไรเดนตักอาหารเเสนอร่อยเข้าปากทีละคำๆด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เธอลงคะเเนนให้เต็มทุกคนอย่างไม่คิดหวงแหน ความจริงเเล้วเธอก็เเค่อยากจะกินอะไรอร่อยๆเเถมฟรีด้วยก็เท่านั้นเอง ไม่ได้อยากจะมาเป็นกรรมการตัดสินอะไรนี่หรอกนะ



    ทุกคนล้วนแล้วเเต่เป็นเชฟชื่อดังที่ทำอาหารอร่อย ได้กินแบบไม่เสียตังค์มันช่างเป็นอะไรคุ้มค่าสุดๆ 



    ทว่าเธอเองก็ไม่นึกเหมือนกันว่าเชฟประจำเรืออย่างซันจิจะสามารถทำอาหารออกมาได้อร่อยขนาดนี้ อาจจะอร่อยที่สุดเท่าที่เธอเคยกินมาเเล้วก็ได้  ลูฟี่และคนอื่นๆมีเชฟแบบนี้มาทำอาหารให้กินทุกวันมันช่างเป็นอะไรที่โชคดีจริงๆ



    ‘ ต่อไปนี้ก็ขอฝากท้องด้วยแล้วกัน ’ ไรเดนคิดในใจ  



    การเเข่งดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนถึงรอบชิงเเชมป์ และแน่นอนว่าผู้ชนะเลิศไม่ใช่ใครที่ไหนเเต่เป็นซันจิ นักชิมหลายๆคนก็พอจะเดาได้อยู่แล้วหลังจากที่ได้ชิมอาหารของรอบก่อนๆมา จึงลงความเห็นอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกดูเหมือนว่าซันจิจะถูกท้ามาจากใครบางคนจึงลงเเข่งทำอาหาร(เหรอ?) ไรเดนไม่ได้สนใจอะไรมากนักจึงลุกขึ้นเดินออกไปทันที วันนี้เธอรู้สึกสำราญกับอาหารมากกว่าปกติจึงรู้สึกอิ่มเอมไม่น้อย 



    ขอบคุณสำหรับอาหาร.. 



    ตึก ตึก ตึก ตึก !



    “ มายควีนครับ~ เป็นยังไงบ้างอาหารที่ผมทำอร่อยรึเปล่า ” 



    ซันจิที่มาพร้อมกับปลาขนาดยักษ์ยิ้มร่าและวิ่งตามเธอต้อยๆราวกับเด็กน้อยที่กำลังรอคำชมจากผู้ปกครอง ตอนนี้พวกเรากำลังจะเข้าไปรวมกลุ่มกับอูซปและนามิที่รออยู่ 



    ไรเดนชะงักฝีเท้าลงอย่างกระทันหัน ทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดเท้าตามด้วยความสงสัย หรือว่าเธอจะลืมของเอาไว้งั้นเหรอ?  



    หญิงสาวหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง ..ก่อนจะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและพูดบางอย่างออกมาเบาๆ 



    “ อร่อยมาก.. ซันจิ ” 



    “ .... ”



    ฟิ้ว~.. 



    ...สายลมพัดแผ่วเข้ามาอย่างอ่อนโยน พัดพาทั้งเส้นผมเเละเสื้อผ้าให้ปลิวไปตามทิศทางของมัน ซันจิที่ยืนอึ้งเผลอทำบุหรี่ในปากหลุดร่วงไปตั้งแต่เมื่อไหร่เเล้วก็ไม่รู้ ..นี่เป็นครั้งเเรกที่เขาเห็นเธอยิ้ม แม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มที่น้อยมากจนเเทบจะมองไม่ออกก็ตาม 



    ในขณะเดียวกัน.. ภาพบางอย่างก็เหมือนจะซ้อนทับเข้ามาในสายตา ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เเตกต่างกันโดยสิ้นเชิง... 



    “ อื้ม~ อร่อยมาก ♡ ”  ใบหน้าซีดเผือดหลับตาลงอย่างยิ้มเเย้ม เธอยังคงกล่าวว่ามันอร่อย เเม้ว่าเมื่อกี้พึ่งจะกินอาหารที่เต็มไปด้วยคราบโคลนหรือน้ำฝนก็ตาม 



    เพียงเท่านั้น.. ก็จุดประกายไฟเเห่งความดีใจของใครคนหนึ่งได้ 



    “ จริงเหรอครับ? คุณเเม่ครับ~!! ” เด็กชายยิ้มร่าเข้าไปกระโดดกอดมารดาผู้ให้กำเนิด 



    มันเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ดีของซันจิ.. ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วมันจะเต็มไปด้วยภาพจำเเย่ๆก็ตาม 



    ในขณะที่เขากำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ส่วนตัวของตัวเอง เสียงหวานของใครคนหนึ่งก็เหมือนจะชักนำให้เขาหลุดออกมาจากมัน 



    “ ไปกันเถอะ ” ไรเดนพูดกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบ ก่อนจะหันกลับไปเดินต่อ 



    ถึงรอยยิ้มจะต่างกัน ใบหน้าท่าทางจะแตกต่างกัน สถานที่และสิ่งแวดล้อมจะไม่ได้มีความคล้ายคลึงกันเลย แต่กลับให้ความรู้สึกที่เหมือนกันอย่างน่าประหลาด.. 



    ซันจิหลับตาลง เขายิ้มให้กับภาพตรงหน้าเล็กน้อย ..ความคิดถึงบรรยากาศเก่าๆทำให้เขาจมดิ่งไปกับมันชั่วครู่ 



    ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะวิ่งตามไรเดนไป  “ ครับผม~ ไรเดนซังงงง ♡ ” 










    “ ฮ่า.. ดูเหมือนว่าพวกเราจะหนีพ้นกันเเล้วนะ ” 



    นามิพูด รอบเรือของพวกเราไม่พบกับเรือลำอื่นที่ขับตามมาเเล้ว 



    ...หลังจากที่พวกเรามารวมกลุ่มกัน ก็เหมือนว่าจะเกิดบางอย่างขึ้นกับลูฟี่ ทั้งซันจิเเละโซโรจึงเเยกตัวออกไปสมทบ ส่วนนามิ อูซปและไรเดนรีบวิ่งไปดูเรือของพวกเราทันที ในขณะเดียวกันก็เจอเข้ากับพวกของกองทัพและโจรสลัดกลุ่มอื่น พวกนั้นไล่จับเรากันอย่างบ้าคลั่งราวกับเเค้นกันมาสิบปี



    พวกเราทั้งสามขึ้นเรือกันได้สำเร็จ แต่ก็ต้องพบเจอกับหมู่เมฆเเละสายลมของพายุที่กำลังโหมกระหน่ำเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง  มันมาอย่างกระทันหันเหมือนกับครั้งนั้นของเกาะที่ไรเดนเคยอาศัยอยู่ ไรเดนรู้ดีว่ามันไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ อีกทั้งมันไม่ได้มาจากเธออีกด้วย 



    แสดงว่ามีคนคอยอยู่เบื้องหลัง..  



    หลังจบจากพายุฝนขนาดใหญ่ที่พัดพาให้เรือโกอิ้งแมรี่ลอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้  ลมพายุกรรโชกแรงก็พุ่งเข้าพัดรอบทั้งเมืองทันที มันรุนเเรงมากถึงขนาดที่ทำให้อะไรก็ตามปลิวไปอย่างง่ายดาย และช่างเป็นโชคดีเหลือเกินที่พวกเราทั้งหมดถูกปลิวมาอยู่ที่เดียวกัน 



    “ ทุกคนน!! ” นามิตะโกนเรียกพวกพ้อง เรือของเราเริ่มลอยออกมาไกลเกินกว่าจะเข้าฝั่งแล้ว ไรเดนซึ่งยืนอยู่ในก็เรือคอยมองพวกนั้นที่กำลังหาทางขึ้นมาบนเรือ โดยสาดส่องสายตาคอยระวังหลังให้



    โชคดีที่ความสามารถยืดตัวของลูฟี่ค่อนข้างเป็นประโยนช์ เขายืดเเขนเเละเด้งตัวพาพวกนั้นขึ้นเรือมาได้สำเร็จโดยมีเสียงร้องของทุกคนเป็นฉากประกอบ  ก่อนที่พวกเราจะรีบเผ่นออกจากเกาะกันอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงหัวเราะของลูฟี่เเละเสียงกร่นด่าของชายหนุ่มทั้งสามคน 










    สถานการณ์กลับสู่ปกติอีกครั้ง พวกเราล่องเรือกันไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน  ถึงเเม้จะบอกว่ากำลังจะมุ่งหน้าเข้าสู่เเกรนด์ไลน์ก็เถอะ แต่สิ่งนั้นมันก็ต้องใช้เวลา 



    ...ซึ่งในระหว่างนั้นอูซปก็เหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเข้า เมื่อลูฟี่นำขึ้นเรือมาก็พบว่าเป็นเด็กผู้หญิงท่าทางไม่สู้ดีคนหนึ่ง 



    กลายเป็นว่าพอเรานำเองเด็กผู้หญิงคนนั้นขึ้นเรือมา ก็ต้องเจอกับมหกรรมการไล่ล่าจากกองทัพเรืออีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มันกลับต่างตรงที่ว่าจำนวนเรือของมันเยอะกว่าครั้งไหนๆ  ...กว่าจะสามารถหนีพ้นก็ดันต้องมาติดอยู่ในไคล์มเบล ถิ่นของเหล่าเจ้าทะเลนี่อีก 



    ที่นี่เป็นน่านน้ำนิ่งสงบใกล้กับเเกรนด์ไลน์ อันเปรียบเสมือนฝันร้ายของเรือทุกลำที่พลัดหลงเข้ามา เเละเอปิส  ชื่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนพาพวกเราออกจากวิกฤตนี้ เเละส่งเธอกลับไปยังเกาะเรือรบอันเป็นบ้านเกิดได้สำเร็จ



    พวกเราได้รับเชิญให้ไปพักที่บ้านของคุณปู่ผู้ทำซาลาเปาคนหนึ่ง เรื่องราวของมันกรในตำนานเเละเรื่องเล่าอะไรสักอย่างของเกาะนี้ถูกส่งทอดมาให้พวกเราได้ฟังโดยชายแก่ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ไรเดนรับรู้ได้ในทันทีว่ามันจะไม่จบเพียงเเค่เล่าอย่างสั้นๆเเน่ เธอจึงถือวิสาสะลุกจากที่นั่งเเล้วเดินออกไปรับลมด้านนอกดีกว่า 



    ทุกคนที่นั่งอยู่คนละมุมบ้านต่างก็มองเธอ



    “ ไรเดนซังผู้ไม่สนใจอะไรช่างวิเศษไปเลย ♡ ”  ซันจิไม่ลืมทิ้งท้ายด้วยความลุ่มหลง 





    หญิงสาวเดินออกมาตามทางเดินเรื่อยๆ ก่อนจะสังเกตเห็นรอยลากของอะไรบางอย่างที่ถูกลากออกจากห้องครัวไป ปรากฏว่าลูฟี่เเละนามิก็ได้เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมๆกัน ทั้งสองเหมือนจะข้องใจกับรอยลากนั้นเช่นเดียวกันกับเธอ



    พวกเราทั้งสามต่างมองหน้ากันไปมาอย่างเเสดงความคิดเห็นโดยไม่ใช้คำพูด จากนั้นจึงตัดสินใจเดินตามรอยนั้นไปเรื่อยๆเพื่อหาคำตอบ...





    ไรเดนเดินมาถึงถ้ำขนาดใหญ่ใจกลางหุบเขาสูง ลอยลากมันเดินมาหยุดอยู่ตรงนี้และตรงเข้าไปยังด้านใน ดังนั้นพวกเราจึงเดินเข้าไปในนั้นทันทีอย่างไม่ต้องออกความคิดเห็น เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับเอปิสที่กำลังสนทนากับใครบางคนอยู่ ...ลูฟี่เป็นคนเดินเข้าไปดูเป็นคนเเรกกลับต้องชะงักตัวด้วยความประหลาดใจ ต่อมาจึงตามด้วยนามิ 



    ..ทั้งสองมีสีหน้าที่ตะลึงงันเหมือนๆกัน ทำให้เธอต้องเดินเข้าไปดูด้วยตาของตัวเอง 



    ผ่าง...



    สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นอนคุดคู้อยู่ในถ้ำสภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ท่าทางของมันเหมือนกำลังป่วยเเละหมดเเรงราวกับคนเเก่ที่อายุเยอะ เอปิสในตอนเเรกที่ตกใจกับการมาของพวกเราจึงพยายามเข้ามาไปบดบังสิ่งมีชีวิตตัวนั้นอย่างหวงเเหน 



    ลูฟี่เเละนามิคุยกับเด็กสาวถึงเรื่องราวอยู่สักพักหนึ่ง สุดท้ายเธอจึงยอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังออกมาอย่างหมดเปลือก ในขณะที่ไรเดนนั้นก็กำลังยืนพิงกำเเพงถ้ำ ฟังบทสนทนาของทั้งสามอย่างเงียบๆ 



    สิ่งมีชีวิตตนนี้คือมังกรพันปีในตำนานที่พวกกองทัพกำลังตามหาโดยใช้เธอเป็นสื่อกลาง เอปิสเรียกมันว่าปู่ริวจิ เเละต้องการจะพาปู่ริวจิกลับบ้านเกิดของตัวเอง ..ทว่าด้วยความที่เธอยังเด็ก เเละปู่ริวจิเองก็หมดเเรงเนื่องจากอยู่ไกลบ้านเกิดของตนเอง จึงทำให้ลำบากในการพาตัวกลับไปเป็นอย่างมาก อีกทั้งสถานที่เเห่งนั้นก็ใช่ว่าจะหาเจอได้อย่างง่ายดาย



    ไรเดนยืนเงียบ จากที่เธอรู้จักกับลูฟี่เเละคอยสังเกตท่าทางของเขามาตลอด ก็พอจะรู้ว่าเจ้าตัวจะตอบอย่างไร 



    เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด.. ลูฟี่ยิ้มรับเเละสัญญาว่าจะพามังกรตัวนี้กลับไปยังเกาะของมันให้เอง โดยมีนามิเป็นคนสนับสนุนให้ด้วยความจิตใจดี ทั้งคู่เดินลงเขาไปยังบ้านพักของชายเเก่เพื่อเรียกพวกพ้องทั้งหมดให้ขึ้นมา ในขณะที่เอปิสเเละไรเดนยังคงอยู่ที่นี่ 



    หญิงสาวเหลือบสายตามองไปที่มังกรตนนั้น เเละมันเองก็เหมือนจะรับรู้ได้ถึงสายตาของเธอจึงเหลือบดวงตาสีทองขึ้นมามองตอบ พวกเราสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะเป็นเธอที่เก็บตากลับไป 



    ความรู้สึกที่อยากจะกลับบ้าน... 



    ดวงตาของไรเดนพลันไร้อารมณ์.. แย่หน่อยนะที่เธอไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นเลย 





    ....ลูฟี่เเละนามินำทางพรรคพวกทั้งหมดเข้ามาในถ้ำแห่งนี้ พวกเขาที่พึ่งเคยเจอมังกรเป็นครั้งเเรกต่างก็เเสดงสีหน้าท่าทางช็อคค้างกันออกมา อูซปเหมือนจะเป็นเดือดเป็นร้อนมากกว่าคนอื่นรีบไปหลบหลังโขดหินด้วยความกลัวทันที 



    “ เพราะเข้าใกล้เเกรนด์ไลน์ ก็เลยเจอพวกสิ่งมีชีวิตแบบนี้น่ะเหรอ.. ”  โซโรกล่าวด้วยน้ำเสียงทึ่งๆ



    นามิเล่าเรื่องทุกอย่างให้คนอื่นฟัง สิ่งที่พวกเรากำลังทำมันดูเหมือนจะง่ายดาย ทว่าในขณะนี้พวกของกองทัพเรือก็ได้เข้าเทียบท่ากันมาอย่างกระทันหัน ทำให้มันยุ่งยากขึ้นไปอีก ทั้งการจะลำเลียงมังกรตัวใหญ่ๆตัวหนึ่งไปก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ



    “ งั้นก็ทำรถเข็นซะสิ ” ไรเดนออกความเห็น ทำให้ดวงตาของเอปิสเป็นประกาย 



    นามิยิ้ม  “ นั่นเเหละที่ฉันกำลังคิด ฝากด้วยนะ ลูฟี่ โซโร ซันจิ ” 



    ว่าเเล้วก็หันไปพูดกับชายหนุ่มผู้มากไปด้วยกำลังทั้งสามคน 



    “ ได้เลยครับ ไรเดนซัง นามิซัง! ♡ ”  ซันจิตอบรับอย่างเเข็งขัน 





    หลังจากที่พวกเราสร้างรถเข็นขนาดใหญ่กันเสร็จ นามิจึงให้โซโรเเละอูซปไปเอาเรือของพวกเรามายังที่นี่ ทั้งนี้ก็เพื่อจะลำเลียงปู่ริวจิขึ้นไป  



    ...และหลังจากที่พวกนั้นลงจากเขาไปแล้ว พวกเราทั้งห้า(กับอีกหนึ่งตัว)ก็ยืนรอกันอย่างใจจดใจจ่ออยู่ได้สักพักหนึ่ง ก่อนจะพบว่าพวกของกองทัพเรือได้เดินทางเข้ามาล้อมที่นี่กันหมดเเล้ว 



    “ แย่เเล้ว! ทำยังไงดี ” เอปิสอุทานร้องด้วยความหวาดกลัว เธอไม่อยากให้ปู่ริวจิเป็นอันตราย 



    “ ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้ทั้งสามคนนั้นเป็นคนจัดการกันไปเถอะ ” นามิปลอบโยนเด็กสาว 



    ในขณะเดียวกันนั้นลูกปืนหลายนัดก็ถูกยิงเข้ามาทางนี้อย่างไม่มีหยุด ปู่ริวจิกางปีกออกบดบังไม่ให้หญิงทั้งสองได้รับอันตรายจากกระสุน เเละลูฟี่ก็ได้เป็นคนเข้าไปรับลูกกระสุนทั้งหมดนั้นเเทนทุกคน โดยการดีดให้มันเด้งกลับไปคนละทิศละทาง อันเป็นผลจากร่างกายที่เป็นยางของเขา 



    ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว !



    “ ไม่ได้ผลหรอกน่า !! ” ลูฟี่ตะโกนก้อง



    ไรเดนหลบกระสุนพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย เช่นเดียวกันกับซันจิ 



    “ เป็นครั้งเเรกเลยนะครับที่จะได้สู้กับไรเดนซัง ”  ร่างสูงพูดด้วยสีหน้าท่าทางปกติ อันหาได้ยากยิ่งในตัวของซันจิ 



    “ อืม ” หญิงสาวส่งเสียงตอบรับเบาๆ 



    “ ไรเดนซังผู้เย็นชาก็ช่างวิเศษเหมือนกันครับ! ♡ ”  และเเล้วชายหนุ่มก็กลับมาเป็นเช่นเดิม... 



    พวกนั้นจัดการกลุ่มของทหารเรือจนล้มลงไปกองกับพื้นกันอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องให้ถึงมือของไรเดนเลยสักนิด ซึ่งนั่นก็ดีเพราะอย่างน้อยมันก็ไม่ทำให้พวกเราเสียเวลา 



    ชายทรงผมยกสูงเดินเข้ามาหาพวกเรา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหนึ่งในเเกนนำของกองทัพที่กำลังตามล่าพวกเรา ทหารรับจ้างที่ได้รับจ้างให้มาตามหากระดูกมังกรพันปี เขาเป็นผู้ที่กินผลปีศาจเช่นเดียวกับลูฟี่ สามารถสร้างใบมีดขึ้นมาได้เรื่อยๆ ซึ่งความคมเเละอานุภาพของมันเทียบเท่ากับดาบชั้นเลิศเลยก็ว่าได้ 



    ทั้งซันจิเเละลูฟี่ต่างก็ได้รับบาดแผลจากใบมีดมาคนละเเผล ยกเว้นเธอที่สามารถหลบได้อย่างง่ายดาย 



    คงต้องขอบคุณความสามารถที่คนคนนั้นเป็นคนมอบมันให้กับเธอ.. พลังอันเเข็งแกร่ง.. เเละชื่อใหม่นี้ที่เขาเองก็มอบให้ ไรเดน  ...รวมถึงประสบการณ์ในครั้งที่ยังอยู่บนเกาะบ้านเกิดเเละคอยดูเเลหมู่บ้าน ทำให้หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจเลยทีเดียวว่าตนเองสามารถล้มเจ้าหมอนั่นได้อย่างเเน่นอน



    ทว่า.. ดูเหมือนตอนนี้จะไม่มีเหตุผลให้เราต้องสู้เเล้ว... 



    “ ลูฟี่ ซันจิ รีบไปกันเถอะ ”  ไรเดนหันหลังเดินกลับไป 



    ทั้งคู่หันหน้ามามองเธอด้วยความงุนงงเล็กน้อย ..แต่เเล้วทั้งลูฟี่เเละซันจิต่างก็ยิ้มร่าออกมา ก่อนที่พวกนั้นจะรีบวิ่งแจ่นกลับไปยังรถเข็นเพื่อทำตามขั้นตอนต่อไปในทันที 



    “ ไรเดนซวังงง!! ♡ ”



    “ มาเเล้ว ! ” นามิยิ้มกว้างเมื่อมองเห็นเรือที่กำลังแล่นเข้ามาใกล้ยังตำเเหน่งที่พวกเราตกลงกันไว้ 



    ปึง!



    ซันจิดันรถเข็นโดยใช้ขาตัวเองเป็นเเรงถีบกับก้อนหินใหญ่เพื่อให้มันสามารถพุ่งไปด้านหน้าได้อย่างรวดเร็ว พวกเราทั้งหมดลอยพุ่งออกจากตรงนั้นทันทีที่ซันจิส่งเเรงไปยังขา แพรถเข็นขนาดใหญ่ดิ่งลงเป็นทางตรง มุ่งหน้าลงจากหุบเขาสูงเพื่อไปยังเรือโกอิ้งเเมรี่อันเป็นจุดหมายปลายทาง ซึ่งในระหว่างนั้นก็ประทะเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่ที่บดบังเส้นทางด้านหน้าเอาไว้  เเละก็เป็นหน้าที่ของทั้งลูฟี่เเละซันจิในการที่จะจัดการกับมันไปให้พ้นๆทาง 



    “ ว๊ากกกก!! ” 



    “ ฮ่า ฮ่าฮ่าๆ ! ” ลูฟี่หัวเราะ 



    ไรเดนหลับตานั่งนิ่งอยู่บนแพรถเข็นด้วยความสงบเงียบ ร่างของทุกคนกระเด้งกระดอนไปมาตามเเรงสะเทือนของเส้นทางที่ขรุขระ ทว่าเธอยังคงท่าทางของตัวเองเหมือนเดิมแม้ร่างจะกระเด้งขึ้นก็ตาม เป็นภาพที่ดูตลกไม่น้อย 



    พวกเราฝ่าชนเรือของกองทัพจนทำให้เสาเรือของพวกนั้นหักโค่นลงไป ก่อนจะลงไปยังเรือเเมรี่ได้สำเร็จปลอดภัยไร้รอยแผล ทุกๆคนยกเว้นไรเดนหัวเราะกันอย่างสนุกสนานกับความระทึกขวัญเมื่อกี้นี้ หากพลาดไปอีกสักนิดเดียวล่ะก็ พวกเราก็คงจะพุ่งไปทางอื่นกันเเทน 



    “ บ้าดีเดือดโดยเเท้.. ”  โซโรคิ้วกระตุก รู้สึกว่าดีเเล้วที่เขาได้เป็นฝ่ายมาเอาเรือ



    สุดท้ายพวกเราจึงรีบทำการเผ่นออกจากเกาะเเห่งนี้กันในทันที ก่อนที่พวกทหารพวกนั้นจะสามารถตั้งตัวได้ทันซะก่อน 



    แม้จะไม่รู้ทางไปลอสไอร์แลนด์  สถานที่อันเป็นบ้านเกิดของมังกรพันปีตัวนี้ก็ตาม... 




    (อาจจะมีคำผิดหรือภาษาไม่สละสลวยบ้าง)

    (ขออนุญาตบรรยายเนื้อเรื่องหลักแบบรวบรัดตัดตอน เพราะผมรู้สึกว่ามันอาจจะทำให้เนื้อเรื่องมันยืดเกินไป เดี๋ยวตัวละครอื่นไม่ได้ออก)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×