ตอนที่ 17 : บทที่6 รหัสลับ
บทที่6 รหัสลับ
ร่างใหญ่นั่งไตร่ตรองคำพูดของเพื่อนรักตลอดเส้นทางที่นั่งอยู่บนรถเพื่อเดินทางกลับคฤหาสน์พร้อมกับลอบมองเสี้ยวหน้าคนตัวเล็กที่นั่งหันหน้าออกนอกหน้าต่าง
“อาการที่เราเป็นอยู่เรียกว่าคนตกหลุมรักจริงๆนะหรือ”
อดิลถามตัวเองในใจแต่ด้วยระยะทางที่ใกล้เกินไปเลยยังไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง พอลงรถได้ก็จูงมือสาวเจ้ามุ่งหน้าขึ้นด้าบนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จุดหมายปลายทางคือห้องนอนใหญ่ของตนนั่นเอง
“อะไรอีกเนี่ยคุณ ฉันไม่ได้ง่วงนะ ขึ้นมาบนนี้ทำไมกัน”
เสียงหวานว่าอย่างหงุดหงิด เมื่อคนบ้าอำนาจนึกอยากจะดึงเธอไปไหนก็ดึง
“ผมต้องการทำแผล คุณไม่ได้ยินที่หมอเคลวินบอกหรือไง”
ชายหนุ่มบอกความประสงค์ และถามเตือนความจำตอนที่หมอเคลวินออกมาจากห้องแลบ ซึ่งเคลวินอ้างว่ามีคนไข้ด่วนต้องรีบไปดู เลยวานให้ณดาดาวช่วยทำแผลแทน
“ได้ยิน แต่ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามนี่คะ แผลแค่นี้ใครๆก็ทำได้เดี๋ยวฉันไปเรียกราญามาทำให้”
เจ้าของผลงานเย็บหกเข็มปฏิเสธความช่วยเหลือแบบหน้าตาย ขณะที่พยายามถอดรองเท้าบู๊ทออกทีละข้างอย่างยากเย็น
“ไหนใครๆชอบพูดว่าคนไทยมีน้ำใจ ไม่เห็นจะจริงซักนิด ทำคนหัวแตกแท้ๆแค่ช่วยล้างแผลยังไม่คิดจะทำ”
ได้ผล ไม่ใช่ว่ารู้สึกผิดหรอกนะแต่เลือดไทยร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างณดาดาวหรือจะยอมให้ประเทศชาติต้องเสียชื่อเสียง
“ก็ได้ๆ ฉันขอไปล้างมือล้างเท้าเดี๋ยว”
ให้หลังร่างบางที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ คนตัวใหญ่ก็นั่งยิ้มจนแก้มแทบปริ ที่พูดให้เธอยอมล้างแผลได้สำเร็จ
สักพักพอเสียงประตูห้องน้ำเปิดคนที่นั่งยิ้มเลยรีบทำสีหน้าให้เป็นปกอย่างรวดเร็ว
ร่างบางนั่งลงข้างๆแล้วเปิดถุงนำอุปกรณ์ทำแผลออกมาวางอย่างคล่องแคล่ว การทำแผลเล็กน้อยแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่เคยเรียนการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาตั้งแต่สมัยเรียนอย่างณดาดาว อีกทั้งยังเคยอาสาไปช่วยหน่วยกู้ภัยพร้อมกับพี่สาวอยู่บ่อยๆ
มือบางค่อยๆลอกเทปปิดแผลออกอย่างเบามือแล้วดึงผ้าปิดแผลออก จากนั้นจึงใช้สำลีพันไม้สำเร็จรูปชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอบแผลเย็บสองรอบ จากนั้นจึงใช้สำลีพันไม้อันใหม่ชุบน้ำเกลือเพื่อทำความสะอาดบริเวณรอยเย็บ เห็นแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ รู้ว่าพรหมจรรย์เป็นสิ่งที่เรียกร้องเอากลับคืนไม่ได้ ในเมื่ออีกฝ่ายทำไปเพราะความเข้าใจผิดเธอเลยไม่คิดถือโทษโกรธเคือง ยังไงเธอก็เป็นคนมีเหตุผลเพียงพอที่จะแยกแยะถูกผิด
ทุกการเคลื่อนไหวอยู่ในสายตาคนตัวใหญ่ตลอดเวลา ทำให้สัมผัสได้ว่า ลึกๆแล้วผู้หญิงคนนี้มีจิตใจอ่อนโยนไม่น้อยเลย เพราะถึงแม้เธอจะรู้ดีว่าแผลนี้ได้มาอย่างไร แต่ทุกการกระทำกลับเป็นไปด้วยความนุ่มนวลอย่างสม่ำเสมอ
“ขอบคุณครับ และขอโทษด้วยที่ผมบอกว่าคนไทยไม่มีน้ำใจ”
หลังจากติดผ้าปิดแผลถูกปิดไว้ดังเดิม ร่างใหญ่จึงขอบคุณเสียงนุ่มพร้อมกับโปรยยิ้มทรงเสน่ห์มาให้ ทำเอาณดาดาวถึงกับตาพล่าไปพักใหญ่ทีเดียว
ตั้งแต่เจอหน้ากันไม่เคยเห็นชายหนุ่มยิ้มในลักษณะนี้มาก่อนเลย แถมยังพูดจาพาทีด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอีกต่างหาก
“ผู้ชายที่รู้จักขอโทษไม่ว่าตัวเองจะถูกหรือผิด คือผู้ชายที่น่ารักค่ะ”
พอเห็นว่าชายหนุ่มพูดจาเข้าหู ณดาดาวจึงยอมพูดดีด้วย และเมื่ออีกฝ่ายขอโทษจากใจจริงเธอก็ยินดีที่จะให้อภัย แต่ประโยคถัดมานี่สิทำเอาสาวเจ้าหาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ
“น่ารักแล้วคิดจะรักไหม”
ได้ทีเลยรุกใหญ่ ยิ่งเห็นแก้มนวลใสเริ่มซับสีระเรื่อยิ่งรู้สึกชอบใจ
“เอ่อ...คุณพูดเหมือนกำลังจีบฉันเลยนะคะ”
พอหาเสียงตัวเองเจอ ณดาดาวจึงถามกลับไปเสียงอ้อมแอ้ม
“ไม่รู้สิ ส่วนมากมีแต่ผู้หญิงที่วิ่งเข้าหา คำว่าจีบเลยไม่เคยอยู่ในหัวผมเลย”
“เหรอ...แหมอุตส่าห์จะซึ้งอยู่แล้วเชียว”
ณดาดาวประชดด้วยการลากเสียงยาวแล้วหัวเราะน้อยๆกับคำพูดที่แสนจะมั่นหน้า ครู่ต่อมากลับต้องสะดุดหูกับประโยคที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน
“แล้วถ้าผมบอกว่า...จะหัดจีบคุณเป็นคนแรกล่ะ”
“มุขนี้ไม่ตลกหรอกนะคะ ฉันกับคุณแตกต่างกันลิบลับ ฉันไม่ต้องการเป็นของเล่นของใครค่ะ ฉันเชื่อว่าคุณแค่ติดใจในความสดใหม่ นานๆไปเดี๋ยวคุณก็เบื่อ อย่าเอาความรู้สึกเพียงชั่ววูบมาตัดสินอนาคตของตัวเองสิคะ มันจะได้ไม่คุ้มเสีย”
ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากผู้หญิงที่อายุเพียงแค่ยี่สิบสอง มันช่างบาดลึกและกินใจยิ่งนักสำหรับคนฟัง ทำให้ต้องเก็บเอาไปคิดเป็นการบ้านอีกข้อ ผู้หญิงคนนี้ขยันสร้างข้อกังขาในใจเขาจริงๆ พบกันแค่เพียงสองวันก็ทำให้เขาสับสนจนไม่รู้ว่าจะหาคำตอบให้กับข้อไหนก่อนดี
“ไว้ผมจะเก็บคำพูดของคุณไปพิจารณาก็แล้วกัน”
ร่างใหญ่บอกก่อนที่จะลุกไปล้างเท้าในห้องน้ำบ้าง พอกลับออกมาจึงเห็นว่า คนตัวเล็กทำท่าลุกลี้ลุกลนเหมือนรอคอยอะไรสักอย่าง
“เป็นอะไรนิ่ม”
“ฉันอยากได้กระดาษกับปากกาค่ะ คุณบอกว่าจะให้คนส่งข่าวไปบอกครอบครัวของฉัน ช่วยส่งวันนี้ได้ไหมคะ ฉันหายตัวไปสองวันท่านคงเป็นห่วงแย่แล้ว”
เรื่องนี้อยู่ในหัวณดาดาวตลอดเวลา พอเห็นว่ามีจังหวะเธอจึงทวงถามทันที
“เชิญไปนั่งเขียนที่โต๊ะในห้องทำงานของผมได้เลย ในนั้นมีของที่คุณต้องการอยู่ครบ หลังจากมื้อเที่ยงผมจะให้อีธานเอาไปส่งในเมืองให้”
อดิลบอกพร้อมกับเดินนำไปห้องทำงานที่เชื่อมติดกันอีกฝั่งกับห้องนอนใหญ่ ร่างเล็กจึงเดินตามไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่กล้าเชื่อคนแปลกหน้าอย่างสนิทใจหรอกนะว่าจะส่งเธอกลับบ้านหลังจากสองสัปดาห์จริงๆ ยังไงเธอก็ต้องหาทางส่งข่าวให้กับคนทางบ้านรู้ให้ได้ว่าเธออยู่ที่ไหน แต่จะใช้วิธีการใดก็ต้องมาคิดกันอีกที เพราะรู้ว่ายังไงเสีย สิ่งที่เธอเขียนต้องได้รับการตรวจสอบก่อนที่จะส่งอย่างแน่นอน
“นี่กระดาษกับปากกาครับ”
หางเสียงที่สุภาพนุ่มนวลอย่างจงใจเป็นครั้งที่สอง ทำให้คนตัวเล็กต้องหันไปมองด้วยความประหลาดใจ ครั้งแรกตอนที่ทำแผลเสร็จเธอคิดว่าตัวเองหูฝาด แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เพราะเธอได้ยินชัดเต็มสองหู แต่ก็ไม่มีเวลามาใส่ใจมากนัก เพราะตอนนี้ การส่งข่าวให้ทางบ้านรับรู้นั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวรับมาแล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงานสุดอลังการของชายหนุ่ม แล้วหันไปมองหน้าร่างใหญ่เป็นเชิงว่าเธอต้องการความเป็นส่วนตัว อดิลเห็นดังนั้นเลยเดินเลี่ยงออกมายังห้องนอนของตนเองแต่โดยดี คิดว่ายังไงเสียตนเองก็ต้องเห็นข้อความที่เธอเขียนอยู่ดี ถึงจะอ่านภาษาไทยไม่ได้ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะชายหนุ่มมีตัวช่วยในเรื่องนี้อยู่แล้ว
“ไม่ผิดหวังจริงๆที่เลือกราญา”
เมื่อความสงบเข้ามาเยือน สมองอันชาญฉลาดของเธอจึงคิดวิธีการส่งข่าวอันแนบเนียนออก เมื่อเขียนสิ่งที่ต้องการเสร็จเรียบร้อยก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนาว่า ขอให้มีสักคนฉลาดพอที่จะแปรความหมายในกระดาษที่เธอสื่อออกไปทีเถอะ!
********************
รหัสลับจะลับซักแค่ไหน จะเกินความสามารถเจ้าพ่อเหมืองไปได้หรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้จ้า