ตอนที่ 34 : วันนี้ที่รอคอย(3)
วันนี้ที่รอคอย(3)
เวลานี้ที่ฝั่งตะวันตกผู้คนกำลังหลับใหลแต่ที่เมืองไทย มาดามดารินกับอีกหลายชีวิตกำลังรอคอยคนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดดวงตาอย่างใจจดใจจ่อ ไม่นานบุรุษพยาบาลก็เข็นเตียงออกมาพร้อมแพทย์ผ่าตัดด้านจักษุ
"ผมขอให้ได้รับข่าวดีนะครับ เพราะดูจากการผ่าตัดแล้วน่าจะให้ผลทางบวกถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์"
นายแพทย์ใหญ่กล่าวกับมาดามดาริน
"ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ฉันก็หวังอย่างนั้นค่ะ"
ดอนแฮริสันกุมมือภรรยาไว้มั่นเพื่อเป็นกำลังใจให้อีกแรง รีแกนได้แต่ภาวนาว่าขอให้คนที่เข้ารับการผ่าตัดทั้งสองฝ่ายได้รับข่าวดีกันทั้งคู่ นายสนเดินตามบุรุษพยาบาลที่เข็นภรรยาไปยังห้องพักฟื้นด้วยหัวใจที่อิ่มเอม ในที่สุดไอ้ตัวแสบลูกสาวเพียงคนเดียวก็ทำสำเร็จ จะมีอะไรที่สุขใจไปกว่านี้สำหรับคนจนๆ ที่ได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่
ครบหนึ่งสัปดาห์ตามกำหนด คนเจ้าเล่ห์หาเรื่องตอดเล็กตอดน้อยสาวเจ้าทุกวันเป็นกิจวัตรเหมือนว่าถ้าขาดแล้วจะนอนไม่หลับ จนเธอเริ่มทำใจให้ชินได้บ้าง การได้นอนซุกอกแกร่งในทุกๆคืนมันช่างรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยในความรู้สึกของเธอ แต่วันนี้ร่องรอยความเจ้าเล่ห์ไม่หลงเหลือให้เห็น มีแต่ใบหน้าที่ฉายชัดถึงความกังวล คงเพราะความล้มเหลวสองครั้งที่แล้วทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่มั่นใจ ก่อนเปิดผ้าปิดตาแดนตรัยขอคุยกับมาลัยแก้วเป็นการส่วนตัว คุณหมอจึงเปิดโอกาสให้แต่โดยดี
"ฉันอยากจะขอร้องอะไรเธอสักอย่าง"
"ว่ามาเลยค่ะ หากไม่เกินความสามารถฉันก็ยินดี"
"ไม่ว่าการผลผ่าตัดจะออกมาเป็นเช่นไร ฉันอยากให้เธออยู่ตรงหน้าฉันเป็นคนแรก ตอนเปิดผ้าปิดตาได้รึเปล่า"
สาวน้อยรู้สึกปริ่มเปรมในหัวใจกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะนั่นมันหมายถึงว่าชายหนุ่มให้ความสำคัญกับเธอมาก ถึงขนาดอยากเห็นหน้าเป็นคนแรก
"ได้อยู่แล้วค่ะ คุณจะต้องเห็นหน้าฉันเป็นคนแรกอย่างแน่นอน"
มาลัยแก้วบีบมือตอบเพื่อให้กำลังใจ
และแล้วเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง คุณหมอเริ่มเปิดผ้าออกทีละชั้น เหลือไว้เพียงชั้นสุดท้ายคือ ฝาครอบตาพลาสติก ภายในห้องถูกปรับความสว่างให้ลดลงเหลือเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์ เพื่อให้คนไข้ได้ปรับระดับความเคยชินในความมืดของดวงตา ช่วงระยะเวลาที่คุณหมอค่อยๆแกะ เทปผ้าที่ฝาครอบพลาสติกออก ทุกชีวิตภายในห้องพากันลุ้นจนแทบลืมหายใจเลยทีเดียว โดยเฉพาะสาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม วันนี้ผมยาวสลวยของเธอถูกมัดรวบขึ้นสูง ปล่อยปลายเป็นหางม้า อวดลำคอระหงและใบหน้านวลใสชัดเจน ร่างเล็กนั่งห่างจากร่างใหญ่แค่ช่วงศอก เมื่อปราการสุดท้ายถูกปลดปล่อย นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจ้องภาพตรงหน้าตาไม่กระพริบเป็นนานสองนาน จนทุกคนเริ่มตกใจแกมผิดหวังเข้าใจว่า การผ่าตัดคงเหลวอีกตามเคย โดยหารู้ไม่ว่าคนที่ไม่ยอมกระพริบตานั้นเพราะคิดว่าตนเองตาพร่าเบลอจนเห็นนางฟ้ามานั่งอยู่ตรงหน้าต่างหาก มาลัยแก้วยื่นมือบางขึ้นประคองสองแก้มสาก
"ไม่เป็นไรนะคะคุณดีน ครั้งนี้ไม่สำเร็จก็ยังมีครั้งหน้าอีก"
น้ำตาที่คลอเต็มสองหน่วยบังตาเลยไม่ทันได้สังเกตว่า ดวงตาสีฟ้าเริ่มกระพริบเพราะตกใจที่เห็นเธอร้องไห้ มือใหญ่ยกขึ้นโอบประคองสองแก้มนุ่ม แล้วบรรจงแนบริมฝีปากหนาลงที่ริมฝีปากบางแผ่วเบาแล้วผละห่างเพื่อปลุกปลอบ โดยที่คนตัวเล็กตั้งตัวไม่ทัน พอตั้งสติได้เสียงหวานจึงแหวขึ้น
"คนบ้า! คุณจะแกล้งฉันไปถึงไหน แล้วมีสิทธิ์อะไรมาจูบฉันฮ้า!"
แดนตรัยยิ้มกว้างเต็มดวงหน้า ไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับคำต่อว่าเลยสักนิด พาให้ทุกคนในห้องโล่งใจไปตามๆกัน ที่ชายหนุ่มมองเห็นเป็นปกติ แล้วก็ต้องตกใจกับพฤตติกรรมหื่นห่ามของคนหน้ามึน หลังจากพูดประโยคถัดมาจบ
"นั่นจูบที่ไหนกัน เค้าเรียกว่าปากแตะปากถ้าจูบต้องแบบนี้"
การสาทิตแบบละมุนละไมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มาลัยแก้วอ้าปากเพื่อประท้วงยังผลให้ชายหนุ่มมีโอกาสได้จูบจริงแบบเต็มๆ เหล่าพยาบาลในห้องได้แต่ยืนบิดไปมาอย่างขวยเขินกับภาพที่เห็น
“ยินดีด้วยนะครับ ที่การผ่าตัดครั้งนี้ประสพความสำเร็จ”
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อแดนตรัยผละจากการปล้นจูบคนตัวเล็ก
“ต้องขอบคุณคุณหมอนะครับ ที่มีความสามารถมาก”
แดนตรัยยิ้มกว้างรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่กลับมามองเห็นอีกครั้ง
“เอาเป็นว่าตอนบ่ายหมอจะตรวจบาดแผลหลังการผ่าตัดให้ พรุ่งนี้หมอจะให้
เจ้าหน้าที่ทำการทดสอบสายตาเพื่อความแน่ชัดนะครับ ว่าการมองเห็นของคุณแดนตรัยอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือเปล่าพร้อมกับแนะนำการปฏิบัติตัวหลังจากการผ่าตัดสองสัปดาห์ด้วย ระหว่างนี้ไม่ควรใช้สายตาเป็นเวลานานเกินไป ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวไปตรวจคนไข้รายอื่นต่อนะครับ”
“เชิญตามสบายครับคุณหมอ”
ทุกคนทยอยเดินออกจากห้องเงียบๆ เหลือเพียงสองหนุ่มสาวที่ยังเคลียร์กันไม่เรียบร้อย คนโดนปล้นจูบนั่งอ่อนระทวยในวงแขนแข็งแรงบนตักแกร่ง แขนขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แรงต่อต้านที่มีในตอนแรกมันหดหายไปหมดหรือเป็นเพราะข้างในส่วนลึกหัวใจมันไม่ยอมต่อต้านก็ไม่ทราบได้ แดนตรัยรับรู้ในทันทีว่านี่คือจูบแรกของเธอ ที่เธอทำตัวก๋ากั่นคงเป็นเพียงกำแพงที่สร้างขึ้นเท่านั้น เป็นเวลาครู่ใหญ่กว่าแรงเต้นของหัวใจจะเข้าสู่ภาวะปกติ มาลัยแก้วเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าคมพบว่าชายหนุ่มจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว
"คุณดีนร่ายเวทย์มนตร์ใส่ฉันหรือยังไงคะ ฉันถึงมีสภาพแบบนี้"
สาวน้อยช้อนตาขึ้นถามอย่างใสซื่อ ปล่อยให้คนหน้าไม่อายรวบร่างเล็กขึ้นมาไว้บนตักแกร่งโดยไม่ขัดขืน ช่างเป็นภาพน่ารักในสายตาคนมอง และก็น่า....
"ถ้าฉันมีเวทย์มนตร์อย่างที่เธอว่าจริงๆก็ดีนะสิ จะได้ร่ายคาถาให้เธอมาหลงรัก หึหึ "
รู้ทั้งรู้ว่าชายหนุ่มแกล้งพูดจาหวานเลี่ยน แต่มันก็ห้ามอาการหน้าแดงไม่ได้อยู่ดี
จึงได้แต่พูดอุบอิบเบาๆ
"แหมเพิ่งได้เห็นหน้าก็ทำท่าจะร่ายรัก พูดยังกับว่าฉันเป็นรักแรกพบอย่างนั้นล่ะค่ะ"
หืม 'รักแรกพบ' งั้นหรือ ชายหนุ่มคิดว่าคำนี้มันไม่ใช่หรอก ความรู้สึกดีๆมันเกิดขึ้น ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าด้วยซ้ำไป แล้วจะเรียกว่ารักแรกพบได้อย่างไร เพียงแต่ยังตอบไม่ได้ว่าความรู้สึกแบบนั้นมันเรียกว่ารักได้รึเปล่า เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหน และความรู้สึกที่ว่ามันก็แตกต่างจากความรักที่มีต่อมัมกับแด๊ด อาจคล้ายคลึงกันบ้างแต่ไม่เหมือนซะทีเดียว แต่ที่แน่ๆเพียงแค่เห็นหน้าเธอแว้บแรก ความรู้สึกว่าอยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของมันก็ตีตื้นขึ้นมาทันที แค่นั้นจริงๆนะ
"รักหรือไม่ฉันยังตอบไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้เธอตอบคำถามฉันมาก่อน ในเมื่อเธอทำงานสำเร็จแล้ว จะกลับเมืองไทยเลยรึเปล่า หืม.."
"แน่นอนค่ะ มีคนที่ฉันรักรออยู่"
เสียงหวานตอบฉะฉานแบบไม่ต้องคิด เป็นคนฟังที่เริ่มคิดหนัก'คนรัก' ที่เธอว่าหมายถึงใครกัน แล้วเวลาพูดถึงทำไมตามันเปล่งประกายซะจนน่าอิจฉา พาให้เสียงที่ถามออกไปนั้นทั้งห้วนและสั้น
"ใคร!"
"แม่กับพ่อฉันเองค่ะ และเพื่อนสนิทอีกหนึ่งคน"
คนที่กลั้นหายใจฟังคำตอบบัดนี้รู้สึกโล่งจนบอกไม่ถูก เพราะทีแรกเข้าใจว่าอาจเป็นคนรักที่หมายถึงแฟน ก็เด็กสมัยนี้ไวไฟใช่เล่น เป็นประจำเดือนตั้งแต่สิบขวบก็มี จะเข้าใจอย่างนั้นคงไม่แปลก
"ระหว่างที่รอมัมกลับมาจากทำธุระ คงอีกสองวันทนอยู่กับฉันไปก่อนก็แล้วกัน"
"ทำไมคุณดีนพูดแบบนั้นล่ะคะ ฉันอยู่ดูแลคุณด้วยความเต็มใจ ไม่จำเป็นต้องฝืนทนสักนิดค่ะ ถึงแม้ว่าคุณดีนจะคอยกลั่นแกล้งก็เถอะ"
แดนตรัยหัวเราะขอบใจกับถ้อยคำช่างเจรจาของเธอ มันก็จริงอย่างที่เธอว่าแรกๆยอมรับว่าตั้งใจแกล้งเธอจริงๆจะได้ล้มเลิกความคิดที่จะมาดูแลคนตาบอดฟังจากอายุนั่นปะไร แค่สิบแปดปีฟังยังไงก็คือเด็กชัดๆ แล้วยังปากที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นอีก แต่มาถึงตอนนี้ต้องขอบใจในความเด็ดเดี่ยวที่ต้องการจะเอาชนะใจคนของเธอ เพราะมันทำให้ชายหนุ่มมาถึงวันนี้ได้และที่สำคัญตอนนี้ก็รู้สึกว่าเริ่มจะติดใจกลิ่นน้ำนมในปากเธอเข้าแล้วสิ
"พูดถูกใจแบบนี้ต้องให้รางวัล"
"อุ้บ! ฮื้อ.. คนนิสัยไม่ดี คุณเห็นฉันเป็นอะไรฮ้า! นึกอยากจะกอดก็กอด นึกอยากจะจูบก็จูบจนปากช้ำหมดแล้วเนี่ย"
เสียงหวานแหวว่า ใบหน้านวลแดงก่ำ แต่คนถูกว่ากลับยิ้มหน้าระรื่น
"แล้วเธออยากเป็นอะไรดีล่ะ ฉันขอเสนอตำแหน่งที่ว่างอยู่ตอนนี้ คือเจ้าสาว เพราะตำแหน่งคู่ควงกับคู่นอนมีคนจองหมดแล้ว"
"ยี๋ ใครจะอยากเป็นเจ้าสาวของตาแก่มักมากอย่างคุณดีนกันคะ มีสารพัดตำแหน่งเลยค่ะ"
มาลัยแก้วทำท่าตัวสั่นชันขน จนคนมองรู้สึกหมั่นไส้
"ถึงจะแก่แต่ก็แซ่บนะจะบอกให้ ไม่งั้นสาวๆคงไม่ต่อคิวกันยาวหรอก"
"พอเลยค่ะ ในสมองคุณคิดเรื่องอื่นมั่งก็ได้ ไม่ใช่คิดแต่เรื่องอย่างว่าไปนอนพักสายตาได้แล้วค่ะ เปิดตาใหม่คุณไม่ควรใช้สายตานานๆนะคะ คุณหมอบอกว่ามันจะไม่ดี "
นั่นไงสุดท้ายเธอก็ยังเป็นห่วงคนอื่นอยู่ดี แบบนี้ชายหนุ่มจะห้ามหัวใจไม่ให้หวั่นไหวไปกับเธอได้ยังไงกันล่ะ ยัยทโมน
อีกฟากของซีกโลก มาดามดารินถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้รับรายงานจากมือขวาของลูกชาย นับว่าเป็นข่าวที่ดีที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้ สั่งให้รีแกนเตรียมของแก้บนยกใหญ่ เพราะเดินทางมาคราวที่แล้วนางบนบาลไว้ถึงเจ็ดวัดเจ็ดวา ดอนแฮริสันพาภรรยาไปจนครบทุกวัด ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้ แต่ถ้าเป็นความสบายใจของภรรยาสุดที่รักแล้ว ชายสูงวัยก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ
"โอ้..ฉันดีใจที่สุดเลยค่ะแฮริสัน"
"ผมรู้ที่รัก ผมก็ดีใจไม่น้อยไปกว่าคุณเลย"
"เราติดค้างเธอค่ะ สาวน้อยนั่น เธอทำให้ลูกชายเราได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง เราจะต้องตอบแทนเธอ"
ทีแรกแฮริสันคัดค้านการเดินทางเนื่องจากอยากอยู่พร้อมหน้าในวันที่ลูกชายเปิดตา แต่พอมาดามเล่าถึงข้อแลกเปลี่ยนระหว่างตัวเองกับสาวน้อยให้รับรู้ จึงยอมออกเดินทางอย่างไม่มีข้อแม้
"แน่นอนที่รัก"
ดอนแฮริสันโอบกอดภรรยาไว้แน่น เมื่อเห็นเธอน้ำตาคลออีกรอบ คนเรานี่ก็แปลกเสียใจก็ร้องไห้ ดีใจก็ร้องไห้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดน้ำตาก็ยังมีอิทธิพลต่อคนมองเสมอ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารักมากๆ
เนี่ยยังบอกไม่ได้อีกเหรอคะ คุณดีน