ตอนที่ 30 : สมน้ำสมเนื้อ(2)
สมน้ำสมเนื้อ(2)
ทางด้านคนที่รอทานมื้อเที่ยงที่คฤหาสน์ พอทราบเรื่องจากรีแกนแองเจลล่าถึงกับควันออกหู ที่แดนตรัยให้ความสำคัญเด็กเมื่อวานซืนนั่นมากกว่าตน แต่มีหรือที่คนอย่างเธอจะยอมแพ้ง่ายๆ ในเมื่อมีตัวช่วยอยู่ทั้งคน ร่างระหงจึงเดินนวยนาดเพื่อไปออดอ้อนผู้มีอำนาจสูงสุดของคฤหาสน์
"คุณลุงขา ดูพี่ดีนทำสิคะ ปล่อยให้แองจี้รอเก้อ แองจี้อุตส่าห์เข้าครัวด้วยตัวเองเลยนะคะ"
แฮริสันมอบยิ้มอบอุ่นเพื่อปลอบใจหญิงสาวและรับปากว่าจะจัดการลูกชายให้
"ไม่ต้องเสียใจไป ลุงจะโทรไปสั่งให้ดีนกลับมาทานมื้อค่ำเพื่อชดเชยความผิด ดีไหม"
"เอ่อ..ก็ได้ค่ะ"
หญิงสาวจำต้องรับคำแบบขอไปที ใจจริงแล้วเธอต้องการดินเนอร์สุดหรูที่ นั่งกินตามลำพังกับชายหนุ่มมากกว่า จะได้มีโอกาสสร้างคะแนนให้กับตนเอง ถึงชายหนุ่มจะมองไม่เห็นแต่ใครสนกันล่ะ ทรัพย์สินที่มากมายมหาศาลนั่นต่างหากที่เรียกความสนใจแก่เธอ เพราะคิดว่าชาตินี้ใช้ยังไงก็คงไม่หมด
เวลาผ่านไปสามชั่วโมงเต็ม แต่คนที่เดินหน้าบานกลับมามีของติดมือไม่กี่ชิ้น จิมมี่เลิกคิ้วตีหน้าเชิงมีคำถามกับฝาแฝด แต่แจ็คกลับแบมือไหวไหล่เล็กน้อย ไม่มีคำอธิบายใดๆ แล้วชี้นิ้วไปทางสาวน้อยแปลเป็นนัยว่า ให้เธอบอกเอง กลิ่นกายสาวที่คุ้นจมูกใกล้เข้ามา แดนตรัยจึงแบมือใหญ่รอให้เธอวางมือเล็กลง แต่มาลัยแก้วกลับวางสิ่งที่ซื้อมาลงไปในมือชายหนุ่ม แล้วเลื่อนไปใกล้ๆจมูกโด่งคมสันแทน เมื่อสูดดมกลิ่นเข้าปอดก็รู้ทันที กลิ่นดอกมะลิหอมอ่อนๆที่ปะทะจมูกทำให้สมองปลอดโปร่ง พลันมือใหญ่ก็จับมือเล็กบางพลิกหงายแล้วค่อยๆประกบมือที่มีดอกมะลิลงในมือเธอ เสร็จแล้วก็จับมือเล็กขึ้นมาสูดดมแรงๆ ไปหนึ่งที
"แบบนี้หอมชื่นใจกว่าตั้งเยอะ "
มาลัยแก้วยืนอ้าปากหวอหาคำพูดตัวเองไม่เจอ นึกอยากจะตั๊นหน้าหล่อๆนั่นนัก คนอะไรหน้าด้านหน้าทน ถึงตัวจะมองไม่เห็นก็ควรจะนึกถึงจิตใจคนที่เห็นชัดๆเต็มสองตาบ้าง ว่าจะอับอายมากแค่ไหน ถึงเธอจะชอบทำตัวก๋ากั่นแต่ก็มักทำในที่รโหฐานที่อยู่กันสองต่อสองเท่านั้น จะชักมือกลับก็ดันจับไว้ซะแน่น หันไปมองรอบๆตัวพบว่าบอดีการ์ดหลายนายอมยิ้มกันทุกคน โดยเฉพาะสามหนุ่มคนสนิทที่ยิ้มกว้างอย่างเปิดเผย จึงได้แต่ยืนฮึดฮัดอย่างขัดใจ จนเสียงห้าวทุ้มที่นั่งอยู่ถามขึ้นนั่นแหละ
"ไหนบอกมาสิว่า ชอบปิ้งสามชั่วโมงได้อะไรมาบ้าง"
"ได้ดอกไม้กับอุปกรณ์ร้อยมาลัยค่ะ"
"หืม?...สามชั่วโมงได้แค่นั้น"
"เอ่อ....แล้วก็...."
สาวน้อยไม่ยอมตอบ เปลี่ยนเป็นเข้าไปกระซิบข้างหูชายหนุ่มแทน ก็ใครจะไปกล้าพูดดังกันเล่า ของอีกอย่างที่เธอซื้อมาน่ะมันคือของส่วนตัวของผู้หญิง
"อือฮึ.. แค่นั้น?"
"ค่ะ"
"อะไรกันสามชั่วโมง กับวงเงินห้าแสน เธอได้แค่ดอกไม้กับผ้าอนามัย!"
"ทำไมคุณดีนต้องโวยวายเสียงดังด้วยคะ ห๊ะ! วงเงินห้าแสน! เงินตั้งมากมายจะให้ใช้ในเวลาสามชั่วโมง คุณจะบ้าหรือไง เห็นฉันเป็นพวกชอบใช้เงินแบบล้างผลาญหรือยังไงกันคะ คุณไม่รู้หรอกว่าเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้น มันสามารถเปลี่ยนชีวิตคน คนนึงได้เชียวนะคะ"
เสียงบอกเล่าในตอนท้ายเริ่มสั่นเครือ พร้อมใบหน้าที่เศร้าสลด เธอต้องก้มหน้าเพื่อซ่อนน้ำตาที่มันเริ่มคลอใต้หน่วยตาดวงสวย เพราะกำลังคิดไปถึงใครบางคนที่สำคัญในชีวิต ก็เพราะเงินค่าผ่าตัดห้าแสนนี่ยังไง ที่ทำให้เธอต้องพลัดบ้านเกิดเมืองนอน รีแกนมองออกว่าท่าทางสาวน้อยที่เปลี่ยนไปเกิดจากสาเหตุใด พาให้รู้สึกเห็นใจเธอยิ่งนักแต่ก็ปริปากพูดไม่ได้ ส่วนร่างใหญ่พอได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของคนตัวเล็กก็ต้องตกใจ รีบแก้ตัวพัลวันด้วยเสียงทุ้มนุ่มหู
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอพูดถึงอะไร เพียงแค่คิดว่าผู้หญิงส่วนมากมีความสุขกับการได้ช้อปปิ้ง ไม่ได้คิดดูถูกเธอเลย จริงๆนะ ฉันอยากให้เธอผ่อนคลายบ้างก็เท่านั้น วันๆอยู่กับคนตาบอดอย่างฉันเธอคงจะอึดอัดไม่น้อย"
คำสารภาพจากใจของร่างใหญ่ ทำให้สาวน้อยยิ้มทั้งน้ำตาที่รู้ว่าชายหนุ่มแคร์ความรู้สึกเธอมากขนาดนี้ จึงโผเข้ากอดร่างแกร่งปล่อยโฮอย่างลืมอาย ขนาดเธอยืนยังสูงกว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ร่างบางที่อยู่กลางระหว่างขาแข็งแรงยังผลให้การกอดนั้นแนบชิด ชายหนุ่มกอดเธอตอบอย่างแนบแน่น เหมือนกลัวว่าเธอจะหลุดจากอ้อมแขน ใบหน้าทั้งคู่แนบชิดซอกคอของกันและกันจนรู้สึกได้ถึงกลิ่นกายประจำตัว สักพักเสียงกระแอมในลำคอดังขึ้นจากรีแกน ทำให้มาลัยแก้วได้สติว่ากำลังทำตัวไม่เหมาะสมจึงรีบผละออกห่าง
"อะแฮ่ม!"
"อะไรติดคอนายรีแกน ฉันจะช่วยเอาเท้าเขี่ยออกให้!"
คนที่โดนขัดจังหวะ กระแทกเสียงใส่ลูกน้องด้วยความหวังดี เมื่อสาวน้อยผละจากอกแกร่ง 'คอยดูเหอะ ไม่ถึงทีมันมั่งก็ให้มันรู้ไป' แดนตรัยคาดโทษหัวหน้าบอดีการ์ดในใจ
"ไม่มีอะไรติดครับ ผมแค่จะบอกว่าดอนแฮริสันโทรมา ให้คุณดีนไปทานมื้อค่ำที่คฤหาสน์วันนี้ และก็ยังบอกอีกว่าห้ามปฏิเสธครับ "
มาลัยแก้วแอบเบ้ปากเล็กน้อย เข้าใจว่าแม่นางฟ้าตกสวรรค์คงตามตื้อไม่เลิก พลาดจากมื้อเที่ยงยังรอจนถึงมื้อค่ำ ' ดีเหมือนกันเธอจะเอาคืนให้เจ็บแสบ จะได้รู้ฤทธิ์คนอย่างไอ้นาวซะบ้าง!' สาวน้อยคิดแผนร้ายในใจ
นั่งรถได้สักพัก หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน อาจเป็นเพราะโดนเซ้าซี้ให้นอนช่วงบ่ายเป็นประจำ ทำให้ชายหนุ่มเริ่มปิดปากหาวติดๆกัน
"ฉันง่วงจัง ของีบหน่อยนะ"
ยังไม่ได้รับการอนุญาตใดๆ ร่างใหญ่ก็เลื้อยตัวลงนอนหนุนตักนุ่มเอาดื้อๆ สาวน้อยมองไปทางตอนหน้าก็พบว่าฉากกั้นระหว่างห้องคนขับกับห้องโดยสารไม่รู้ว่าเลื่อนปิดไปตั้งแต่ตอนไหน คนตัวเล็กเผลอถอนหายใจอย่างโล่งอก เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงหายใจจากศีรษะทุยก็ดังสม่ำเสมอ มาลัยแก้วใช้นิ้วเรียวเล็กลูบเสี้ยวหน้าคมเล่นอย่างเผลอไผล ไม่นานรถก็วิ่งสู่ประตูคฤหาสน์เทรนตันในเวลาต่อมา
"คุณดีนคะ ตื่นได้แล้วค่ะ"
เสียงหวานเรียก คนที่ตื่นก่อนหน้านั้นสักพักกลับนอนเฉย ตักนุ่มนิ่มขนาดนี้ใครจะอยากลุกกันล่ะ เมื่อจิมมี่และแจ็คลงมาเปิดประตูรถให้เจ้านายหนุ่มนั่นแหละ คนท่ามากจึงยอมลุกขึ้นนั่ง ไม่วายบ่นเสียงอุบอิบ
"กำลังนุ่มสบายเลย ฮึ่ม!"
"ว่าไงนะคะ! อะไรนุ่มสบาย"
เสียงหวานแหวขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดอกุศลแต่มีหรือที่คนมากเล่ห์จะยอมรับ
"ใครพูดว่านุ่มเมื่อไหร่กัน ฉันบอกว่ากำลังหลับสบายต่างหาก เธอนี่ท่าจะหูเพี้ยนนะยัยทะโมน"
แดนตรัยแสร้งพูดกลบเกลื่อน พลางถามลูกน้องทั้งสองเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์
"แจ็ค! จิมมี่! เมื่อกี้พวกนายได้ยินหรือเปล่า ฉันพูดว่าไง "
ทั้งสองตอบประสานเสียงดังฟังชัดพร้อมกันว่า
"หลับครับ!/หลับครับ!"
ทั้งๆที่ในใจจะขัดแย้งว่า'นุ่ม' เต็มๆสี่หูสองคนก็ตาม ในเมื่อเจ้านายชี้ว่านกก็ต้องเป็นนก แต่ถ้าเจ้านายชี้นกแล้วบอกว่าไม้ละก็ อาจจะต้องหางานใหม่ทำอย่างแน่นอน ทางด้านมาลัยแก้วได้แต่ทำหน้างง 'เราคงหูฝาดจริงๆนั่นแหละ'
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารักทั้งคู่เลย