ตอนที่ 27 : เสียงจากแดนไกล(2)
เสียงจากแดนไกล(2)
รีแกนได้รับคำสั่งให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ ที่คฤหาสน์เทรนตันตามเดิม เนื่องจากเหตุการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ยังคั่งค้าง จิมมี่ลอบมองอยู่นานก็ยังไม่เห็นว่าหัวหน้าบอดีการ์ดจะขยับกายจากที่เดิม ทั้งๆที่แจ็ค แฝดผู้น้องนั้นเดินทางมาถึงตั้งนานแล้ว เวลาผ่านไปพักใหญ่ รีแกนถอนหายใจเสียงดังครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างใหญ่ตัดสินใจลุกพรวดพลาดเพื่อออกจาก
เพนเฮาส์ แต่เสียงหวานที่เรียกไว้ ทำให้เท้าใหญ่มีอันต้องสะดุด
"พี่รีแกน! เดี๋ยวก่อนค่ะ"
"หืม...น้องมะนาวมีอะไร ไหนคุยกันแล้วว่าอยู่ได้สบายมากยังไงล่ะ"
"ฉันอยู่ได้ค่ะ แต่คนที่อยู่ไม่ได้คือพี่รีแกนมากว่า ถ้าขาดสิ่งนี้"
สาวน้อยว่าพลางยื่นบางอย่างในมือ ใส่มือให้ชายหนุ่มพร้อมปิดมือใหญ่ให้กำไว้แน่น
อาการลับๆล่อๆของทั้งคู่ ยังผลให้แฝดนรกคอยื่นคอยาวดุจนกกระยาง ยิ่งเป็นความลับยิ่งชวนให้อยากรู้ รีแกนสวมกอดน้องสาวคนสวย ผละจากกันได้ก็เดินดุ่มออกจากห้องชุด เมื่อเข้าไปอยู่ในลิฟท์เพียงลำพัง ก็รีบเเบมือดูสิ่งที่อยู่ข้างในทันที ตัวเลขสิบหลักบนกระดาษแผ่นเล็กทำเอาชายหนุ่มคิ้วขมวด
คิดว่าเป็นรหัสลับหรืออย่างไร แต่พอพลิกดูอีกด้าน ใบหน้าหล่อเหลาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง พลันสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจก็หายไปในพริบตา 'ชูการ์'
แจ็คเข้าไปรายงานตัวกับเจ้านายหนุ่มในห้องทำงาน พร้อมกับจิมมี่แฝดผู้พี่
เมื่อทั้งสองเปิดประตูเข้ามา มาลัยแก้วจึงเลี่ยงออกไปอย่างรู้หน้าที่ ไม่ลืมส่งยิ้มแหยๆไปให้สองหนุ่มที่มองยังไงก็แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร
"สวัสดีครับคุณดีน เป็นยังไงบ้างครับ มีพยาบาลเอ๊าะๆมาคอยดูแล ดูกระชุ่มกระชวยขึ้นเยอะนะครับ"
"ไอ้นี่ทะลึ่งไม่เปลี่ยน แกมาก็ดีแล้ว เรื่องนั้นไปถึงไหนทำไมไม่คืบหน้าเสียที"
แดนตรัยถามถึงหมาลอบกัดที่ไม่กล้าเผยโฉม ตอนนี้ธุรกิจมืดที่ชายหนุ่มดูแลเป็นอันต้องหยุดชะงัก เพราะไม่อยากให้ลูกน้องในปกครองต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง โดยที่ไม่มีหัวเรือใหญ่คอยบังคับบัญชา ดอนแฮริสันผู้เป็นบิดาอยากให้ลูกชายเลิกประกอบธุรกิจมืด กลัวว่ามาดามดาลินจะระแคะระคายเข้าสักวัน แต่ลูกชายกลับอ้างว่ายังสนุกกับมัน ดอนแฮริสันรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจ แต่ก็ไม่อยากพูดสะกิดบาดแผลว่า 'ไม่ใช่ธุรกิจมืดหรอกหรือ ที่ทำให้ลูกชายของแด๊ดต้องมีสภาพเช่นนี้'
"ได้เรื่องแล้วครับ ทีมของเราสืบทราบมาว่า ลูกน้องหนึ่งในสามคนที่ลอบวางระเบิด ตอนนี้มันหนีไปกบดานที่ประเทศไทย โชคคงเข้าข้างเราทำให้มันตัดสินใจเช่นนั้น ตอนนี้ผมประสานงานไปที่คนเก่าแก่ของมาดามให้ออกตามล่าตัวมันแล้ว คาดว่าอีกไม่นานต้องได้ตัวมันอย่างแน่นอนครับ"
"ดีมาก ทำได้ดี ฉันจะเอาคืนมันให้สาสม กับคนที่กล้าทำกับฉันแบบนี้"
ใบหน้าหล่อเหลาของมาเฟียหนุ่มเริ่มถมึงทึง เมื่อพูดถึงศรัทตรูด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม
แต่พอคิดไปถึงอีกเรื่องใบหน้าดุร้ายกลับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างรวดเร็ว
"อ้อ! มีอีกเรื่อง พวกนายสองคนช่วยติดป้ายชื่อทุกครั้งด้วยเวลาอยู่ที่นี่ ฉันกลัวว่ายัยทะโมนจะสับสน เพราะเธอยังไม่ชิน"
จบคำสั่งจากเสียงทรงอำนาจ แจ็คและจิมมี่ต้องหัวเราะในลำคอ ไม่คิดไม่ฝันว่ามาเฟียจอมโหดจะใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยเช่นนี้
"มันน่าขำตรงไหน พวกนายถึงได้หัวเราะ"
แดนตรัยถามด้วยความหมั่นไส้
"จะไม่ให้ขำได้ยังไงครับ เจ้านายรู้ตัวรึเปล่าว่าตั้งแต่มีคนดูแลเป็นสาวน้อยแรกรุ่นเนี่ย เจ้านายกลายเป็นคนละเอียดอ่อนขึ้นเยอะ แทบไม่เหลือมาดมาเฟียจอมโหด"
แจ็คว่า
"ไม่ต้องมาพูดมาก สั่งอะไรก็รีบไปทำ เดี๋ยวก็สั่งพักงานซะนี่"
เจ้านายหนุ่มแสร้งทำเสียงเข้มข่มขู่เพื่อกลบเกลื่อน แต่ในใจก็อดคิดตามไม่ได้'หรือเราจะเป็นอย่างที่แจ็คพูดจริงๆ' พอคิดถึงคนทะโมนขึ้นมาก็ทำให้คิดอะไรดีๆออก
"จิมมี่! มื้อเที่ยงช่วยสั่งอาหารไทยนะ ขอเป็นก๋วยเตี๋ยว"
หืม?...แจ็คที่กำลังจะเปิดประตูห้องทำงานออกไปต้องชะงักกับคำสั่งที่ได้ยิน แต่ไหนแต่ไรเจ้านายชอบกินก๋วยเตี๋ยวที่ไหนกัน ออกจะบ่นอยู่ประจำเวลาที่มาดามดารินสั่งมาให้กินบอกว่ากินยาก อาหารอะไรต้องใช้ไม้คีบ แฝดผู้น้องจำต้องหันกลับมากระซิบถามจิมมี่ว่า เกิดอะไรขึ้นเจ้านายถึงมีรสนิยมที่เปลี่ยนไป และคำตอบที่ได้รับจากแฝดผู้พี่ก็ทำให้ลูกน้องหนุ่มต้องกลั้นหัวเราะแทบตายรีบเปิดประตูเพื่อไปปล่อยก๊ากเอาข้างนอกห้องทำงาน
"ก็เพราะว่าก๋วยเตี๋ยวมันกินยากไง จะได้มีคนช่วยป้อน"
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอ้ยยยฟินนนนน