คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ในที่สุด...[รีไรท์]
วันนี้เป็นเช้าวันอาทิตย์ที่สดใส เด็กที่อยู่ที่หอพักต่างพักผ่อนกันตามสบายบ้างก็ชวนกันออกไปเที่ยว ดูหนัง ฃ็อปปิ้ง หรือออกเดท
“Kisetsu wa iro wo kaete ikudo megurou tomo Konokimochi wa karenai hana no you ni yurameite Kimi wo omou
Kana de au kotoba wa Kokochi yoi senritsu Kimi ga soba ni iru dakede ii
Hohoen da hitomi wo nakusanai tame nara Tatoe hoshi no mabataki ga mienai yoru mo.....”
((ยืมเพลงของวงที่เราชอบมาอ่ะนะ ^^” :: ผู้แต่ง))
เสียงฮัมเพลงเบาๆดังผ่านริมฝีปากของเด็กสาวที่ตอนนี้ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แน่ล่ะก็วันนี้เป็นวันที่เธอเฝ้ารอคอยมานานแสนนานนี่ แค่คิดว่าจะได้เจอหน้าคนๆนั้นตัวจริง ก็ใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกอยู่แล้ว ยิ่งถ้าทำได้อย่างที่คิดไว้ละก็....อ่ะไม่เอาแล้วไม่คิดต่อแล้ว รีบแต่งตัวแล้วไปที่หน้าโดมเร็วๆดีกว่า ไปถึงที่โน่นยังต้องเตรียมตัวอีกตั้งแยะ
บริเวณหน้าโดมxxxx
“เย้! มาทันก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงแน่ะ” มิชิโยะหันไปมองรอบๆเพื่อหาบริเวณที่พอจะนั่งได้ เมื่อได้ทำเลเหมาะๆก็ไม่รอช้าที่จะหย่อนก้นลงนั่งทันที “ฟู่! โอ้ยๆๆๆตื่นเต้นเป็นบ้า คนโน้นแต่งตัวน่ารักจัง ” เด็กสาวมองดูผู้คนที่มารอเข้าชมคอนเสริตบริเวณหน้าโดมไปเรื่อยๆ เธอใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในห้องน้ำที่หน้าสถานีรถไฟเพื่อแต่งตัวตามที่เธอคิดเอาไว้
ผมที่ดัดเป็นคลื่นเล็กน้อย ใช้สเปรย์ฉีดผมให้ออกสีน้ำตาลนิดหน่อย ริมฝีปากทาลิปไว้บางๆให้ดูเหมือนริมฝีปากแดงตามธรรมชาติ เอาผ้ามาพันรอบหน้าอกให้แฟบเพื่อให้ดูเหมือนผู้ชาย เสื้อและกระโปรงผ้าฝ้ายเนื้อบางสีขาวสะอาดตา แว่นกันแดดอันโตที่หาซื้อมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ(แม้ว่าตอนเข้าฮอลล์จะต้องถอดออกก็ตาม - -“)
ที่นั่งของเธอนับว่าเป็นที่ๆดีมากมันเป็นบัตรที่ได้จากการส่งชิงโชคได้มาเธอนั่งอยู่แถวที่ 3 นับจากด้านหน้าเวที....ตอนเริ่มแล้วฉันจะหัวใจวายตายมั๊ยเนี่ย!!.....มิชิโยะคิดพลางถูมือไปมาอาการตื่นเต้นมีอยู่ทุกขณะ ยิ่งเวลาใกล้เข้าไปเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกดีใจที่ได้มาอยู่ ณ ตรงนี้
.......อยากจะได้เห็นตัวจริงซักครั้งก็ยังดี อยากให้เขาได้รู้ว่าเรามีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้.......
ช่วงเวลาที่ผ่านไปราวกันฝัน มิชิโยะเหม่อมองไปยังเวทีที่เขาคนนั้นเพิ่งก้าวลงจากเวทีหลังจากร้องเพลงสุดท้ายจบ จนกระทั่งคนเริ่มทยอยออกจากโดมไปพอสมควร เธอก็สะดุ้งราวกันนึกอะไรได้ก่อนจะรีบแทรกกายออกมากด้านนอกอย่างรวดเร็ว มิชิโยะคิดทบทวนอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบร้อนวิ่งไปด้านหลังของโดมที่เธอเพิ่งเข้าไปเมื่อครู่ นั่นเป็นทางออกที่นักร้อง...เขาคนนั้นจะต้องออกมาเพื่อขึ้นรถที่เตรียมเอาไว้สำหรับไปยังที่ต่อไป...
มีคนมาด้านหลังโดมนี้เยอะพอสมควร บรรดาแฟนเพลงทั้งหลายต่างส่งเสียงกรีดร้องเมื่อเห็นศิลปินที่ตนชื่นชอบ วงดนตรีที่กำลังมาแรงในตอนนี้....วงดนตรีที่ประกอบด้วยชายหนุ่ม 4 คน... มิชิโยะพยายามเบียดคนอื่นๆเพื่อให้ได้เข้าไปยังด้านหน้าให้ได้มากที่สุดมีเสียงวี๊ดว้ายมาตลอด ในที่สุดเธอก็ได้มาอยู่ข้างหน้าได้สำเร็จ ทันทีที่นักร้องนำของวงเดินมาใกล้ตรงที่มิชิโยะยืนอยู่ เธอก็กระโดดข้ามรั้วเชือกที่กันเอาไว้และหลบเหล่าสต๊าฟที่คอยกันแฟนเพลงทั้งหลายเอาไว้ได้สำเร็จแล้วพุ่งตัวไปทางชายหนุ่มนักร้องร่างบาง ก่อนจะประทับริมฝีปากของตนเองลงไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายได้สำเร็จ ชวนให้ทุกคนที่นั่นอึ้งกันไปตามๆกัน หญิงสาวรีบพ่ะออกมาจากร่างของอีกฝ่าย ดัดเสียงให้ทุ้มกว่าปกติเล็กน้อย “ขอบคุณนะ” ทันทีที่จบประโยคเธอก็รีบวิ่งฝ่าออกไปทางที่เล็งเอาไว้เป็นทางหนีเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันที่เธอจะวิ่งไปไกลเท่าไหร่ก็มีเสียงกรี๊ดดังมาจากบริเวณที่เกิดเหตุเมื่อครู่
“ฮ่ะ...ฮะๆๆๆ....บ้าสุดๆเลยกล้าทำไปได้ไงฟะเนี่ย” มิชิโยะรีบวิ่งเต็มเหยียดไปให้ถึงสถานีรถไฟ โชคดีที่รถไฟมาพอดีเธอจึงรีบวิ่งขึ้นก่อนที่แฟนคลับบางคนของนักร้องคนนั้นจะตามทัน แล้วแน่นอนว่าถ้าตามทันล่ะก็ศพเธอไม่สวยแน่ๆ
เธอเลือกลงสถานีชิบุย่า ถึงการแต่งตัวของเธอจะค่อนข้างเป็นจุดสนใจของหลายๆคนที่เดินผ่าน...แต่ก็ยังดีกว่าเมื่อกี้ที่เป็นจุดสนใจของอวัยวะเบื้องล่างของแฟนคลับอ่ะนะ...มิชิโยะเดินเล่นดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยๆ มีหลายสายตาที่มองเธออย่างสงสัย
“นี่เธอสนใจจะหารายได้พิเศษหน่อยม่ะ?” คนที่เข้ามาทักเธอคือผู้ชายหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง พูดพร้อมทั้งยื่นนามบัตรให้
มิชิโยะหันไปมองตามเสียงเรียก มองนิ่งที่ชายตรงหน้า ก่อนจะหันกลับเดินต่ออย่างไม่สนใจใบหน้าที่มีรอยยิ้มการค้านั่น “เฮ้!ๆ อย่าเมินแบบนั้นซิ เงินดีน๊า ไปยืนหน้ากล้องนิดๆหน่อยๆก็ได้แล้ว” ชายคนนั้นยังไปเลิกล้มพยายามพูดหว่านล้อมไปเรื่อยๆ เดินตามเธอมาอย่างไม่ลดละ มิชิโยะหยุดเดินแล้วหันกลับ ชายหนุ่มยิ้มดีใจคิดว่าเธอคงนึกเปลี่ยนใจมาทำงานที่ตนเองเสนอแต่ กลับได้ยินเสียงทุ้มน้อยๆผ่านมาจากริมฝีปากบางนั่น “ผมไม่สนใจ กรุณาอย่าตามกวนใจได้มั๊ย?” เด็กสาวดัดเสียงให้ดูเหมือนผู้ชาย พร้อมทั้งจับมือของอีกฝ่ายให้มาสัมผัสกับหน้าอกที่ใช้ผ้าพันเอาไว้อย่างแน่น เพื่อที่จะได้ตัดปัญหา เพราะคิดว่าถ้าอีกฝ่ายเห็นเป็นผู้ชายอาจจะหนีไปก็ได้ แต่เธอคิดผิด “ว้าว! ล้อเล่นรึป่าวผู้ชายหรอกหรอ แต่ไม่เป็นไร ถ้าหน้าตาแบบนี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน” มิชิโยะอึ้งไปครู่...ไอ้หมอนี่กับผู้ชายก็ไม่เว้นซักหน่อยเลยหรอฟร้ะ?... “ไม่!” มิชิโยะตอบกลับเสียงแข็ง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ลดล่ะพยายามจะพาเธอไป
‘พลั่ก!’
ในที่สุดความอดทนก็มาถึงขีดสุด มิชิโยะปล่อยหมัดชกน๊อคเอ๊าท์ไปที่ดั้งจมูกของหนุ่มจอมตื้อเข้าไปเต็มๆ จนอีกฝ่ายหงายหลังสลบลงไปนับดาวในหมัดเดียว “ก็บอกว่าไม่ ตื๊ออยู่ได้!”
‘แปะๆๆ’
เสียงตลบมือดังใกล้ๆเรียกความสนใจให้แก่หญิงสาวให้หันไปมอง ก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทเนื้อดี กำลังตลบมือให้เธออยู่ “หมัดเดียวน็อค เมื่อกี้ก็สงสัยอยู่ว่าใช่ผู้ชายจริงรึเปล่ารู้สึกว่าจะจริงแฮะ” ((เวรกรรม...ช้านม่ายช่ายปู้จายน๊า!!!!!!!!!!T^T...แต่มันบอกไม่ได้อ่ะ - -“)) มิชิโยะหันค้อนขวับ “แต่ท่าทางแบบนี้มองดูเหมือนผู้หญิงแฮะ” ยังไม่วายหันมาพูดกวนโอ้ย “อ่ะ...โทษทีๆ ไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่มองคุณมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว จะถามว่าสนใจจะเป็นดารามั๊ย?” มิชิโยะยังมองอย่างไม่ไว้วางใจ...เจ้าหมอนี่ก็อีกคนหรอ...
“ดาราอย่างว่าละก็ นายไปหาเอาที่อื่น ถ้าไม่อยากเป็นอย่างเจ้างี่เง่านี่” อีกฝ่ายมองไปยังร่างที่นอนไม่ได้สติตรงพื้นอย่างขยาดเกาหัวแกร่กๆ “เอ่อ....ไม่ใช่แบบนั้น นี่นามบัตรผมเป็นโปรดิวฯกำลังหาดาราหน้าใหม่น่ะ อย่างเธอนี่คิดว่าคงเป็นได้สบายๆเลย” เจ้าตัวว่าพร้อมยื่นนามบัตรมาให้ มีชื่อของเจ้าของนามบัตรคือ ไซกิ ชินาโนะ ชื่อบริษัทooo จัดได้ว่าดังมากในญี่ปุ่นแต่...
“ฉันไม่รู้จัก เอาไว้คิดดูก่อนแล้วกัน ไปล่ะ” สำหรับเธอที่เพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงเดือนจะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าบริษัทอะไรเป็นอะไร ขนาดที่ประเทศของเธอๆยังแทบไม่รู้จักเลยนี่ - -“....ซึ่งถ้าเธอรู้คงจะรีบตอบตกลงในทันที เพราะบริษัทนี้เป็นที่เดียวกับที่นักร้องที่เธอชื่นชอบทำงานอยู่ด้วย....
ทันทีที่ได้ยินคำตอบชายหนุ่มก็แทบหัวทิ่ม ในญี่ปุ่นนี้ยังมีคนไม่รู้จักบริษัทของเขาอีกหรอเนี่ย มิชิโยะทำท่าจะเดินจากไปชายหนุ่มรีบคว้าแขนของเธอไว้ทันที “แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ ขอเบอร์โทรติดต่อไว้ด้วยได้มั๊ย?” มิชิโยะยิ้มให้กับคำถาม...เจ้าตัวคงคิดว่าจะปั้นเด็กหนุ่มหน้าสวยล่ะมั้งถ้ารู้ความจริงขึ้นมาจะเป็นไงนะแต่ แบบนี้ก็น่าสนุกดี... “เอาไว้ถ้าเจอกันอีกทีแล้วจะบอกล่ะกัน แล้วก็ถ้านายรู้อะไรหลายๆอย่างล่ะก็คงจะไม่อยากเจอฉันอีกก็ได้” เธอสลัดมือออกจากชายหนุ่มแล้วออกวิ่งอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป้าหมายคือ กลับหอพัก ทิ้งไว้ให้ชายหนุ่มได้แต่มองตามร่างบางที่วิ่งหายไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เป็นดังคาด วันต่อมาหนังสือนิตยสารวัยรุ่นหลายฉบับกล่าวถึงเหตุการณ์ที่หญิงสาวได้ไปก่อเอาไว้ เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยชื่อของเธอเท่านั้น ในหนังสือบอกว่าเป็นหญิงสาวที่อาจหาญ ที่บุกไปขโมยจูบของนักร้องชื่อดังของญี่ปุ่น แต่ใน internet กลับมีเสียงทักท้วงว่าเป็นเด็กหนุ่มเพราะอ้างจากผู้อยู่ในเหตุการณ์บางคนที่บังเอิญได้ยินเสียงของเธอ กับมีหลายคนมองรูปที่มีการถ่ายเอาไว้ในตอนนั้นแล้วเห็นว่าไม่มีหน้าอกเหมือนผู้หญิง แต่ก็ยังไม่มีการยืนยัน
มิชิโยะมองดูเนื้อหาในหนังสือในมืออย่างอารมณ์ดี ((หนังสือที่ยืมคนอื่นเขามา - -“)) “มิชิโยะจัง อ่านไร’อยู่อ่ะ?” ริโอะเดินมาหาเด็กสาวที่ตอนนี้นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับผลงานของตนเอง
“เปล่าจ้ะ ก็อ่านมันไปเรื่อยๆ....นี่ขอบใจนะ” ท้ายประโยคหันไปหาเจ้าของหนังสือพร้อมทั้งคืนหนังสือให้ “ไปกันเถอะ หิวจะตายอยู่แล้ว”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันเวลาผ่านไปข่าวต่างๆก็แปรเปลี่ยนไปตามเวลา ใครๆก็แทบจะไม่ได้สนใจหรือใส่ใจกับข่าวที่ผ่านเลยไปแล้ว แต่มีอยู่คนหนึ่งที่กำลังปวดหัวกับข่าวที่เขาได้ยินมาเมื่อเดือนก่อน ข่าวเกี่ยวกับคนที่เขาเข้าใจว่าเป็นเด็กหนุ่มหน้าสวยคนนั้น
“บ้าเอ้ย! มีข่าวแบบนี้แล้วจะทำไงได้ล่ะเนี่ย อุตส่าห์เจอคนที่คิดว่าต้องรุ่งแน่ๆแล้วเชียวน๊า” ชายหนุ่มเจ้าของนาม ไซกิ ชินาโนะ หรือที่ใครๆต่างเรียกอย่างติดปากว่า ‘ชิน’ ยังคงโอดโอยอยู่กับข่าวที่เขาเห็นในหน้าหนังสือเกือบทุกฉบับ ในวันถัดมาจากที่เขาได้เจอเด็กคนนั้น
“จะบ่นให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะสู้เอาเวลาไปหาเด็กใหม่ไม่ดีกว่าหรอไง” อุมิ เพื่อนที่ทำงานอยู่ด้วยกันเริ่มรำคาญกับเสียงโอดโอยของชายหนุ่มที่มีมาได้ทุกวัน
“หาเด็กใหม่....ไม่ๆๆๆ ไม่มีทางคนนี้แหล่ะรับรองถ้าลองจับตัวได้ต้องดังชัวร์ๆ แต่ว่าข่าวนี่มัน อ้ากกกกกกกกกกก” ยังๆมันยังไม่เลิก
“เอ้าๆ ถ้าติดใจขนาดนั้นก็ลองเอามาปั้นดูก่อน ถ้าผลมันออกมาเป็นยังไงค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน” อุมิชี้ทางสว่างให้แต่ก็ยังไม่วายมีปัญหาอีกนั่นแหล่ะ
“ก็ถ้าหาตัวเจอ ก็คงจะมานั่งบ่นอยู่นี่หรอก นี่ลองไปตระเวนมาทั่วทุกโรงเรียนแล้วเนี่ย ไม่เห็นเจอซักที่ ชั้นจะบ้าตาย หรือว่าเด็กคนนี้ไม่ได้อยู่โตเกียว นายคิดว่าไง” ชินหันไปขอความเห็นจากเพื่อนสนิท
“มีทางเป็นไปได้ แล้วนายแน่ใจว่าหาทั่วแล้ว?”
“คิดว่าน่ะนะ ก็นายคิดดูชั้นเอารูปนี้ไปให้ดู แต่ก็ไม่มีใครบอกว่ารู้จักซักคน” อุมิแย่งรูปที่ว่ามาดู เป็นรูปที่เด็กหนุ่มที่เพื่อนตนเล็งไว้กำลังจูบกับนักร้องนำวงหนึ่งในสังกัดของบริษัทตน “ก็ขืนรู้จัก ฉันว่าเจ้าหนูนี่คงไม่เหลือแล้วล่ะ โดนสะกำจากบรรดาแฟนคลับแหง๋ๆ อ้าวแล้วนั่นจะไปไหนน่ะ ชิน” หันไปทางเพื่อนของตนที่กำลังเดินออกจากออฟฟิต “ก็ไปตามหาต่อน่ะซิ ถูกของนายถ้าคนเขารู้คงไม่เหลือแน่ๆ นั่นก็อาจหมายความว่าที่คนไม่รู้จัก 1. เจ้าตัวไม่ได้อยู่ที่โตเกียว หรือ 2. วันนั้นกับเวลาปกติอาจจะดูแล้วเหมือนกับเป็นคนละคนก็ได้” พูดจบก็เดินจากไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“กะ....กรุณาคบกับผมด้วยเถอะครับ!” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบที่รายล้อมอยู่รอบๆ ใบหน้าที่แดงซ่านก้มลงอย่างประหม่าไม่กล้าที่จะสบตาพร้อมกับพูดประโยคที่ง่ายดายแต่แสนลำบาก เด็กสาวที่ยืนตรงข้างกันนั้นมองไปที่ชายหนุ่มด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ซักพักก็ปรับสีหน้าราวกับกำลังสวมหน้ากากที่ยิ้มแย้มเช่นที่ทุกคนเคยเห็นเป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้คนตรงหน้าแทบทรุดลงไปกองด้วยอุตส่าพยายามรวบรวมความกล้ามาสารภาพกับเด็กสาวตรงหน้า “ต้องขอโทษด้วยนะ ตอนนี้ฉันยังไม่คิดที่จะคบกับใครน่ะ”
“นั่นแน่ ไปหักอกใครมาอีกล่ะนั่น” ริโอะรีบแซวทันทีที่เห็นมิชิโยะเดินกลับมาที่ห้องเรียน หลังจากมายืนรอเพื่อจะกลับหอพร้อมกัน
“เอ่อ....จำชื่อไม่ได้อ่ะ แต่รู้สึกว่าจะอยู่ห้อง 5 นะ” มิชิโยะตอบพลางเก็บของลงกระเป๋า
“เฮ้อ! ท่าทางว่าจะมีเมอิ คนที่2 เข้าให้แล้วล่ะมั้งเนี่ย” ริโอะยังคงแกล้งแซวเพื่อนของเธอต่อ โดยครั้งนี้เมอิหันมามองส่งค้อนให้กับเธอเสียทีนึง
“ไงสาวๆ อยู่กันครบเลย ว่าจะชวนไปเดทซะหน่อยมีใครสนใจมั๊ยคร้าบ” ริวโผล่หน้ามาทางประตูพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้นอันเป็นเอกลักษณ์
“เจ้านี่เดี๋ยวคนก็เข้าใจผิดหรอกพูดแบบนั้น ฉันเสียหายนะโว้ย” ยาโตะโวยขึ้นมาทันที แต่ซาโตชิกลับเฉยๆ
“อะไรกันที่ว่าเสียหายนะมันต้องพวกฉันซิ เป็นนายได้ไง เอ๊ะ! หรือว่าถ้าเข้าใจผิดแล้วจะหาหนุ่มๆมาเดินควงด้วยไม่ได้เนี่ย” มิชิโยะพูดด้วยน้ำเสียงชวนล้อเล่นมากกว่าจะหมายความจริงตามที่พูด
“มิ...มิชิโยะจัง อย่าพูดแบบนั้นซิยังไงนั่นก็รุ่นพี่พวกเรานะ” ริโอะที่ถึงแม้จะเป็นสาวมั่นไม่กลัวใครแต่ก็ค่อนข้างถือในเรื่องรุ่นพี่ต้องเคารพรุ่นน้องอยู่มาก นั่นอาจเป็นเพราะเธอถูกเลี้ยงดูมาที่โรงฝึกก็เป็นได้ (ยกเว้นแต่รุ่นพี่มาหาเรื่องก่อน)
“เห็นมั๊ยเพื่อนเธอยังมีมารยาทกว่าเธออีก เฮ้ย!เดี๋ยวดิ เมื่อกี้เธอว่าฉันเป็นเกย์นี่หว่า” ยาโตะโวยวายทันทีที่นึกได้ เพื่อนของเขาอีกสองคนได้แต่กุมขมับในอาการความรู้สึกช้าของเพื่อนคนนี้
“เอ้า...พอเลยๆ พวกนายนี่เจอกันเป็นต้องทะเลาะกันทุกทีซิ จะคุยกันดีๆมั่งได้มั๊ยเนี่ย” ซาโตชิที่เริ่มรู้สึกรำคาญหันมาพูดห้าม ก่อนที่พวเขาทั้งหมดจะต้องมาแหง่กอยู่ในห้องเรียนของเพื่อนสาวนักเรียนทุนคนนี้โดยไม่ต้องไปไหนกันพอดี
“ก็ยัยนี่พูดจากวนโอ้ยก่อนนี่หว่า” ยาโตะโวยอีกรอบ
“ก็ยาโตะคุง น่าแกล้ง น่าแหย่ นี่นะ” มิชิโยะตอบกลับอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ปฏิกิริยาน่าสนใจดีออกนี่ ฮ่ะ ฮะ”
คราวนี้ทุกคนหันไปมองมิชิโยะกันหมดพร้อมให้ความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ชักกลุ้มใจกับนิสัยของเพื่อนคนนี้นิดๆแฮะ แล้วทั้งหมดก็เดินออกจากโรงเรียนไปด้วยกัน
เด็กหนุ่มสาวทั้งเจ็ดคนเดินมาเรื่อยๆจนถึงร้านค็อฟฟี่ช็อปแห่งหนึ่ง ภายในร้านจัดตกแต่งด้วยไม้ประดับมากกว่ามากกว่าจะประดับด้วยดอกไม้อย่างร้านอื่นๆ สีเขียวที่มองดูแล้วสบายตาทำให้รู้สึกจิตใจก็ผ่อนคลายไปด้วย “ว้าว! ร้านดีนี่ สดชื่นดี” มิชิโยะ พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชายหนุ่มที่เป็นผู้หาร้านนี้ได้ยิ้มแก้มแทบปริ โชคดีที่เลือกร้านนี้เพราะคิดว่าเด็กสาวที่เพิ่งเอ่ยชมคงจะชอบร้านสไตล์นี้มากกว่าจะเป็นร้านที่ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้เหมือนร้านที่สาวๆคนอื่นชอบไป แน่ล่ะก็เท่าที่สังเกตรู้สึกว่าเธอจะแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นนี่นะ “เป็นไงบรรยากาศดี แถมเค้กร้านนี้ก็อร่อย เพิ่งเปิดเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เองเลยลองเข้ามาชิมดู” พวกมิชิโยะหันไปยิ้มให้กับริว
“รุ่นพี่ยาซาวายะ ชอบของหวานหรอคะ?” โกโตะหันไปถามด้วยความสงสัย
“เจ้านี่นะเป็นพวกบ้าเค้กน่ะ ของหวานนอกนั้นมันไม่กินหรอก” ยาโตะหันมาล็อกคอพลางตอบให้เสร็จ
หลังจากเลือกที่นั่งได้แล้วต่างก็สั่งเครื่องดื่มและของกินตามที่ตัวเองชอบทันที ด้วยร้านนี้ไม่ดูหวานจนเกินไปและให้ความรู้สึกสดชื่นทำให้มีลูกค้าที่เป็นทั้งผนักงานบริษัท นักเรียน นักศึกษา เมื่อของที่สั่งเริ่มทยอยมาเสริฟ หนุ่มสาวก็เริ่มเจี๊ยวจ๊าวอีกครั้ง ทั้งคุยเรื่องทั่วๆไปและเรื่องเค้กที่ร้านนี้
“เออๆ รู้แล้ว...เฮ้ย! อย่าเพิ่งนะโว้ย! บอกแล้วไงหาเจอแน่ ขอเวลาหน่อย อย่าเพิ่งให้ใครเข้ามาแทน เจอคนที่เข้าก่ะคอนเซ็ปโฆษณาขนาดนั้นแล้ว ยังไงก็ต้องหาให้เจอ ขอเวลาหน่อย.....โอเค สี่วันถ้าไม่ได้จะตัดใจ แต่ก่อนหน้านั้นยังไงก็ห้ามเอาใครมาแทนเด็ดขาด โอเคป่ะ....เออๆ แค่นี้ไว้กลับไปค่อยคุยกันอีกที” เสียงที่ดังมาจากที่นั่งด้านหลังเรียกความสนใจให้มิชิโยะต้องค่อยๆหันไปดูว่า ใครเป็นคนพูดบทสนทนากัน ((นางเอกเราชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเล็กๆอ่ะนะ)) แต่ก็มองเห็นแต่เพียงข้างหลังของคนๆนั้นเท่านั้นเพราะเขานั่งหันหลังให้ เวลาผ่านไปซักพัก มิชิโยะขอตัวกับเพื่อนๆไปเข้าห้องน้ำ ขณะเดียวกันชายที่โต๊ะข้างหลังเธอก็ลุกเพื่อจะเดินไปจ่ายเงินก่อนออกจากร้านเช่นกัน
“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ”
“อุ๊บ! ไม่เป็นไรนะครับ”
มิชิโยะด้วยที่รีบจะไปเข้าห้องน้ำจึงไม่ทันระวังชนกับชายหนุ่มเต็มแรง ทันทีที่เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองก็สะดุ้งเฮือก ส่วนชายหนุ่มก็ตกใจเช่นกัน เขาคิดว่าเด็กสาวคนนี้คล้ายๆว่าจะเคยเห็นที่ไหน....ว่าแต่ทำไม่ถึงได้ต้องตกใจขนาดนี้กัน?....
มิชิโยะรีบพูดขอโทษอีกครั้งแล้ววิ่งไปทางห้องน้ำทันที “อึ๊ย! เมื่อกี้มันคนเมื่อวันก่อนนี่หว่า”
ชินกำลังจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ไปพลางคิดอะไรบางอย่างไปพลาง “เด็กเมื่อกี้จะว่าไปก็เหมือนเจ้าหนูนั่แฮะ....คงไม่มั้งก็นั่นมันผู้หญิงนี่หว่า” ถึงจะคิดแบบนั้นแต่มันก็ยังอดรู้สึกสงสัยไม่ได้สายตาเหล่ไปมองยังทางเข้าห้องน้ำหญิงครั้งหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าไปมากับความคิดของตนเองแล้วเดินออกจากร้านไป แต่กลับต้องชะงักอยู่หน้าร้าน เหมือนคิดอะไรได้ เขาลอบมองไปยังกลุ่มเพื่อนของเด็กสาวจำได้ว่ามันเป็นชุดนักเรียนของโรงเรียนW เขาทำหน้าเหมือนตัดสินใจบางอย่างได้ถึงเดินจากไป
ในขณะนั้นมิชิโยะก็ไม่กล้าออกมาจากห้องน้ำพักใหญ่จนเพื่อนๆของเธอเป็นห่วงเลยส่งริโอะมาตาม เมื่อออกมามิชิโยะไม่เห็นชายหนุ่มที่ตนชนเมื่อครู่ก็ถึงกับถอนหายใจโล่งอก.....แล้วทำไมเราต้องรู้สึกโล่งอกล่ะเนี่ย.....หลังจากทานเค้กกันเสร็จ ต่างก็พากันแยกย้ายไปหอพักของตน เด็กสาวทั้งสี่คนพูดคุยกันอย่างออกรส
“สวัสดีเจอกันอีกแล้วนะ” เสียงทุ้มดังมาจากข้างหลังเด็กสาวทั้งหมด จึงหันไปทางต้นเสียงอย่างสงสัย เมื่อหันไปมองก็เจอกับชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง สวมแว่นตากันแดดดีไซด์สวยหรูที่ดูก็รู้ว่ามีราคาพอสมควร
“คะ?” โกโตะร้องขึ้น บนใบหน้าแสดงความสงสัยและงุนงง เช่นเดียวกับเพื่อนของเธออีกสองคน ในขณะที่อีกคนกลับตกใจเสียมากกว่า
“เอ่อ....ไม่ใช่คุณครับ แต่เป็นเพื่อนของคุณ...คนนั้นน่ะ” ชินชี้นไปทางมิชิโยะ เล่นเอาเด็กสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้า รอยยิ้มจางๆที่ออกไปในทางเสแสร้งปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธออีกครั้ง
“ไม่ทราบมีธุระอะไรเหรอคะ?” มิชิโยะตีหน้าซื่อ
“ฉันก็แค่มาทวงคำตอบที่เธอสัญญาไว้เมื่อคราวก่อนที่เราเจอกันเท่านั้นแหล่ะ” ชินพูดน้ำเสียงราบเรียบเดายาก มิชิโยะเข้าใจทันทีว่าที่คนตรงหน้าพูดถึงคืออะไร เธอไม่คิดว่าจะเจอชายตรงหน้าอีกแถมยังจำได้อีกด้วยว่าเธอเป็นใคร ทั้งๆที่คนในโรงเรียนที่อ่านและเห็นรูปนั่นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเธอ
ริโอะสะกิดมิชิโยะ “ใครน่ะ เดี๋ยวฉันไปตามผู้ดูแลมาไล่ไปดีกว่ามั๊ย” มิชิโยะรีบปฏิเสธบอกไม่เป็ฯไรก่อนจะขอตัวเพื่อนๆเพื่อแยกไปคุยกับชายหนุ่มเพียงลำพัง
“ยังอุตส่าจำได้อีกนะ” น้ำเสียงห้วนต่างจากตอนที่อยู่กับเพื่อนๆโดยสิ้นเชิง
“ฉันเป็นพวกจำหน้าคนแม่นน่ะ แต่จะให้พูดตามจริง ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่พอมองดูดีๆมันก็เหมือนอยู่ก็เลยคิดว่าน่าจะใช่” ชินพูดส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ มิชิโยะเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบใจเอามากๆ เพราะนั้นเธอรู้สึกเหมือนกันว่าคนตรงหน้าจะเล่นด้วยยาก “ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ” ชินยังคงซักในเรื่องที่ตนอยากรู้อย่างไม่ลดล่ะ
“นายจะรู้ไปทำไม ก็เห็นแล้วนี่ ว่าฉันไม่ใช่อย่างที่นายคิด เพราะงั้นคงไม่จำเป็นต้องรู้จักกันอีก บายลาขาด” เธอไม่อยากอยู่ตรงนี้นานนักมันรู้สึกว่าถ้าอยู่กับหมอนี่นานๆ เธอต้องยอมชายตรงหน้าแน่ๆ
“ถ้างั้น ฉันว่าเธอคงต้องลำบากแล้วล่ะนะ คิดว่าเธอคงไม่อยากให้ใครรู้ใช่มั๊ยว่าตัวเองคือคนในรูปนี้น่ะ” ชินยิ้มเจ้าเล่ห์ โชว์รูปที่เป็นข่าวฮือฮาเมื่อเดือนก่อนหน้าตาเฉย เป็นดังคาดเด็กสาวหยุดกึก ค่อยหันกลับมามอง
“นายต้องการอะไร” น้ำเสียงฟังดูไม่เป็นมิตร แต่จากประโยคที่ได้ยิน ชินก็ยิ้มที่มุมปาก เขาจี้ตรงจุด
“อันดับแรก เธอชื่ออะไร”
“มิชิโยะ.....ยามชิตะ มิชิโยะ”
“แล้วเธอเป็นผู้หญิง?” น้ำเสียงฟังดูยียวนมากกว่าจะถามจริงจัง
“ฮึ! แล้วเห็นเป็นผู้ชายมั๊ยล่ะ” ทำเสียงขึ้นจมูกไม่พอใจ แต่ไม่ใช่เพราะคำถามที่ถามแต่เป็นเพราะรู้ว่าคนตรงหน้าตั้งใจจะกวนประสาท
“โอเค เห็นแล้วว่าเป็นผู้หญิง แต่ว่าฉันอยากให้เธอช่วยมาเป็น ดาราชาย ในสังกัดของฉันน่ะ” เสียงเน้นหนักไปที่คำว่า ‘ดาราชาย’
มิชิโยะเบิกตากว้าง หมอนี่ท่าจะเพี้ยน มาบอกให้เธอไปเป็นดาราชาย เนี่ยนะ เพี้ยนสุดๆ ก็รู้อยู่ หรอกนะว่าพวกที่ทำอะไรเกี่ยวกับวงการบันเทิงค่อนข้างเพี้ยนๆ แต่ไม่คิดว่าจะมีใครเพี้ยนได้เท่าคนๆนี้อีกแล้ว....แม้จะเป็นเขาคนนั้น......
“แล้วถ้าฉันปฏิเสธ”
ชินยิ้ม คิดอยู่แล้วว่าคงไม่ยอม อาจจะมีเหตุผลอะไรซักอย่างเพราะดูเด็กสาวตรงหน้าจะไม่ได้สนใจมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว ยังไงก็ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแน่ๆ “เธอก็คงจะดังอีกเหมือนกันแต่ ไม่แน่ใจจนะว่าจะในฐานะอะไร” พูดพร้อมโชว์รูปเมื่อครู่อีกครั้ง มิชิโยะบึ้งตึงเล็กน้อย แต่จะให้ทำไงล่ะนอกเสียจาก
“โอเค นายชนะ อยากทำไรก็เชิญ แค่เป็น ดาราชาย ก็พอใช่ม่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะว่า พวกการแสดงฉันไม่เคยเรียนมา เต้นก็ห่วย ยิ่งร้องเพลงไม่ต้องพูดถึงผิดคีย์ตลอด หรือจะถ่ายแฟชั่นก็แข็งทื่อเป็นหิน” มิชิโยะร่ายยาวถึงความสามารถในตัวเธอ การแสดงไม่ได้เรียนมางั้นหรอ แค่สามารถร้องไห้ได้ทันทีที่ต้องการ ตีหน้าซื่อไม่มีใครจับได้ เท่านั้นเอง เท่านั้นเองจริงๆนะ
“เย้ส! ไม่เป็นไร ไม่มีใครทำอะไรเป็นมาแต่เกิดอยู่แล้ว แค่ตอบตกลงก็สุดยอดแล้ว และฉันก็รู้ว่าเธอทำได้แน่ งั้นไว้เดี๋ยววันอาทิตย์ เอ่อ มะรืนนี้ซินะ ฉันจะมารับตอน 8 โมง เราจะไปเทสหน้ากล้องกัน” ชินร้องออกมาอย่างดีใจ เขาเพิ่งคุยกับผู้กำกับโฆษณาว่าขอเวลา สี่วัน ไม่คิดเลยว่าจะเจอทันทีแบบนี้
“8 โมง ให้ตายซิ ฉันชักยากกลับคำซะแล้ว ทำไมวันหยุดฉันยังต้องถ่างตาตื่นแต่ช้าอีกนะเนี่ย ก็ได้ๆ นายคุมเกมอยู่นี่ จะ8 โมง 7โมง หรือตี5 ก็ว่ามาเลย” ปากก็บ่นไปอย่างหัวเสีย แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“งั้นไว้เจอกัน ม่ะรืนนี้ อ้อ! แล้วก็เรื่องการพูดจาน่ะ ขอเป็นแบบเด็กผู้ชายนะ เพราะเรา..” ยังพูดไม่ทันจบ มิชิโยะก็แทรกให้ “จะไปเป็น ดาราชาย ใช่มั๊ย รู้แล้วน่า ฉันเองก็เบื่อเต็มทีแล้วกับการพูดจ๊ะจ๊าน่ะ” มิชิโยะพูดโดยไมหันกลับมามอง ชินมองจนเด็กสาวลับจากสายตาหายไปทางกำแพงหอพัก ตนจึงเดินไปจากที่ตรงนั้นเช่นกันพร้อมทั้งกดโทรศัพท์ “ฮัลโหล เจอแล้ว สุดยอดไม่คิดเลยว่าจู่ๆจะเจอก็เจอแบบนี้ ยังไง วันอาทิตย์นี่ช่วยโทรหาผู้กำกับ...ด้วยว่าจาพาเด็กที่ว่าไปให้เทสหน้ากล้อง รู้แล้วว่ามันหมดเวลารับสมัครไปแล้ว ก็บอกไปตั้งนานแล้วไงว่าให้..... ไม่ต้องห่วงไม่เสียเวลาแน่ๆ รับรองไม่ผิดหวัง...” ชินเดินไปตามทางอย่างสบายอารมณ์ ภายในใจรับรู้ว่า เด็กส่วคนนี้จะต้องผ่านการเทสหน้ากล้องที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าแน่ๆ ว่าแต่ ความมั่นใจนั่น เอามาจากไหนกัน
ความคิดเห็น