คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : วุ่นจริงนักเรียนใหม่ ((1))
ตอนนี้มิชิโยะเปลี่ยนจากยืนดูมาเป็นนั่งยองๆดูสาว??ที่มายืนออกันที่หน้าหอพักชายแทน ท่าทางที่นี่จะมีอะไรดีแฮะพวกผู้หญิงถึงได้มาออกันเต็มไปหมดแบบนี้ แต่...นั่งดูมาตั้งนานแล้วไม่เห็นจะมีอะไรเลยอ่ะ....เบื่อ!... ขณะที่กำลังบ่นอยู่ในใจ สาวๆที่ยืนมุงดูกันเฉยๆก็เปลี่ยนท่าทีไปเมื่อมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินออกจากตัวหอพัก......... ‘ท่าทางจะเนื้อหอมมากแฮะ สาวๆถึงกรี๊ดกันสนั่นขนาดนี้’
“ถอยไปให้หมด!” ขณะที่กำลังเพลินก็ได้ยินเสียงตะหวาดที่แสนจะคุ้นหูดังขึ้น “พวกเธอว่างกันนักรึไงถึงได้ทำตัวทุเรศๆแบบนี้คอยมาดักรอผู้ชายเขานะไม่มียางอายกันซะบ้าง!”
‘หง่า..........ด่าได้ดุเดือดดีแฮะ แบบนี้ซักวันต้องเครียดตายแหงๆ’ มิชิโยะคิดในใจพลางมองดูสาวๆที่แตกฮือกันอย่างกับผึ้งแตกรังก็ไม่ปาน เหอๆผู้ชายไรหว่าขี้โวยวายเป็นบ้า
“เฮ้ย! ตรงนั้นมีคนหนึ่งนั่งแอบอยู่ด้วย” เด็กหอคนหนึ่งตะโกนเรียกพรรคพวกที่ขับไล่สาวๆออกพลางชี้มาทางนี้....???....เอ๊ะ!?...เดี๋ยวนะชี้มาทางนี้.......ว้าย! มันชี้มาทางฉันนี่หว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานั้น
1. เตรียม
2. ลุก
3. กำลังจะวิ่ง
4. โดนจับ TT__TT
อะไรมันจะซวย 2 วันซ้อนแบบนี้เนี่ย ฉันไม่ได้เป็นพวกถ้ำมองนะ แค่มานั่งดูสาวตรงนี้เฉยๆ T^T
อ้างเหตุผลข้างบนไปใครเขาจะเชื่อกันล่ะบ้าจริง “นี่นายปล่อยฉันนะ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างรึไงเนี่ย ปล่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” โวยไปก็ไม่ได้ผล แย่จริงอยู่โรงเรียนเดียวกันด้วยถึงหนีไปก็อาจมีสิทธิ์เจอกันในโรงเรียนอยู่ดี ถ้าไม่บอกให้ชัดๆเดี๋ยวโดนหาว่าเป็นพวกโรคจิตล่ะแย่แหงๆ
“ไงจับพวกดื้อด้านได้คนนึงเรอะ......อ้าว!เธอ...เมื่อวานนี้นี่ ไหนว่าไม่ใช่พวกนั้นไงหลอกกันนี่หว่าแบบนี้จับไปประจานดีกว่ามั้งเนี่ย” เจ้าคนเมื่อวานที่เจอกันนี่ ทำไมพูดม้าๆ งั้นฟร้ะ เดี๋ยวสวย - -*
“ไม่ต้องเลย ฉันไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย......พวกนายนั่นแหล่ะ.......ปล่อย......ฉันเดี๋ยวนี้นะ” ปากพูดได้ก็พูดไป ถึงจะกระท่อนกระแท่น ก็เถอะ - -“ “ถ้าไม่ปล่อยฉันจะไปฟ้องครูใหญ่ว่า พวกนายรวมหัวกันรังแกฉัน” เอาซิ
.
“เฮอะ! บอกไปเลยพอดีเลยฉันจะได้จับส่งครูใหญ่ซะก่อน แล้วจากนั้นค่อยส่งตำรวจ ข้อหา เป็นพวกโรคจิต!” ไอ้หมอนี่กวนโอ้ยชะมัด ได้ซิส่งเลยแล้วพวกนายนั่นแหล่ะจะเสียใจ....
แล้วก็เป็นจริงดังคาด ทันทีที่พวกนี้ส่งมิชิโยะให้กับครูใหญ่ เธอก็อธิบายว่าตัวเองเป็นใคร ไม่ใช่พวกโรคจิต แต่แค่จะเดินดูแถวๆนี้ให้ทั่วแล้วมาเห็นว่ามีคนมามุงอยู่ที่หน้าหอพักชายเลยจะนั่งรอดูว่ามีอะไรกันแล้วจู่ๆก็มีพวกเด็กหอเข้ามาจับแถมยัดเยียดข้อหาให้เธออีก แย่ๆ แย่มากๆ
เจ้าพวกที่จับเธอมาเลยต้องขอโทษกันทั้งก๊ก ไอ้เรามันก็ไม่ใช่คนใจแคบจะยกโทษให้ก็แล้วกัน
“ก็ฉันบอกนายไปแล้วก็ไม่เชื่อ” ระหว่างทางมิชิโยะ หันไปต่อว่าหัวโจกตัวตั้งตัวตีที่พาเธอมาพบครูใหญ่ทันที((ตัวเองเป็นคนท้าเขาเองแท้ๆ))
“ก็ใครมันจะไปรู้เล่า ว่าเธอเป็นนักเรียนทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาเรียนตั้งแต่เทอมนี้เธอนั่นแหล่ะผิดที่ไม่ได้บอกพวกเรา” นายนั่นยังหันมาเถียงอีกแน่ะ
“ก็ทำไมพวกนายไม่รู้จักถามซะก่อนล่ะ” เอาซิจะเถียงกลับใครจะทำไม -_- +
“ยัยเบื้อกนี่!” ตากวนโอ้ยด่ากลับมา แต่ว่า ด่าว่าไรอ่ะ -_-a
“.........” มิชิโยะพยายามนึกอยู่ว่าคำที่นายนี่พูดมันคืออะไร แต่ก็นึกไม่ออก ช่างเถอะ ขี้เกียจเถียงกันนายนี่เดี๋ยวเรื่องไม่จบซักที
“อะไรทำไมอยู่ๆก็เงียบไป เป็นอะไรไป?”
“...........” เงียบ....ไร้สัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก -...-
“นี่เธอโกรธมากหรอ?” เด็กผู้ชายอีกคนหันมาถาม
“หืม....อะ..อ้อ เปล่าๆ ไม่มีอะไร” มิชิโยะหันไปตอบ ตอนนี้พวกเขาเดินออกมาจนถึงสวนสาธารณะใกล้ๆแถวนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แฮะ “ว่าแต่ แถวนี้มันตรงไหนอ่ะ? เหม่อเดินตามพวกนายมา บอกไว้ก่อนนะพากลับไปแถวหอด้วยฉันกลับไม่ถูก”
“ง่า.....ลืมไปว่าเธอไม่รู้จักทางแถวนี้ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพากลับ แต่พวกเราไปร้านสะดวกซื้อแป็ปนึงก่อนนะ”
“อืม....” มิชิโยะบอกเป็นแนวว่ารู้แล้ว “ดีเหมือนกันฉันจะได้รู้ทางแถวนี้ไว้ด้วย ฉันชื่อ ยามาชิตะ มิชิโยะ ยินดีที่ได้รู้จัก ย้ายมาอยู่ม.ปลายปี1 ห้องคงต้องรอเปิดเทอมนั่นแหล่ะถึงจะรู้”
“พวกเราอยู่ปี2 ฉันชื่อ ฮาชิซึ ยาโตะ” นายหัวโจกบอกด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ ตามมาด้วยเพื่อนนายนั่นอีกสองคน ที่แนะนำตัว
“โอฮิระ ซาโตชิ ยินดีที่ได้รู้จัก” หนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนแนะนำตัวเอง
“แหะๆ เมื่อกี้โทษทีคงไม่เจ็บใช่ป่ะ ฉันยาซาวายะ ริว ยินดีที่ได้รู้จักครับผม” คนที่จับมิชิโยะตอนอยู่หน้าหอแนะนำตัวเป็นคนสุดท้าย
หลังจากทั้งสี่คนแวะร้านสะดวกซื้อเสร็จสามชายหนุ่มก็ต้องเดินมาส่งมิชิโยะที่หน้าหอ นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีซักเท่าไหร่แฮะ เพราะบรรดาเด็กหอหญิงหันมามองกันเป็นตาเดียว
“โอเคแล้ว พวกเราไปก่อนล่ะ” ยาโตะเป็นคนพูดขึ้น
“อืม...พวกนายรีบไปเถอะ ท่าทางวันนี้จะเป็นวันซวยของฉันแหงๆ” พูดไปพลางเอามือลูบผมตัวเองอันเป็นนิสัย
“อะไรกันรีบไล่กันเชียว ปกติมีแต่สาวๆอยากให้อยู่นานๆนะพวกฉันอ่ะ” อันนี้ริวเป็นคนพูด
“ผู้หญิงพิลึก” และตามมาด้วยซาโตชิ
“โทษทีเถอะที่ พิลึกนะ ไปไป๊ ชิ้วๆ” มิชิโยะพูดเสร็จก็วิ่งตัวปลิวเข้าหอพักไป
“พิลึกจริงๆด้วยว่ะ ทุกทีพวกผู้หญิงมักจะหลงซาโตชินี่หว่า แต่นี่ไม่เห็นมีปฏิกิริยาอะไรเลย” ริว พูดเมื่อทั้งสามคนเดินออกมาจนใกล้จะถึงหอชายแล้ว
“อาจไม่ใช่สเป็กก็ได้” ยาโตะบอก
“แต่ทุกทีถ้าพวกเราสามคนอยู่ด้วยกันยังไงพวกผู้หญิงก็ต้องเหล่ๆพวกเราคนใดคนหนึ่งเป็นอย่างน้อยแหล่ะ แต่นี่.....เฮ้อ! ชักไม่มั่นใจในความหล่อของตัวเองซะแล้ว” ริวยังพูดล้อเล่นด้วยนิสัยมีอารมณ์ขันอยู่เสมอ
“แต่แบบนี้ ก็น่าสนใจดีแฮะ” ริวพูดยิ้มๆ “พวกนายสองคน ฉันบอกก่อนนะมิชิโยะจังฉันจอง อย่ามายุ่งล่ะ”
“เชิญ” ทั้งสองพูดพร้อมกัน โดยยาโตะเสริมเล็กน้อย “หน้าตาก็ธรรมดา แถมดูนิสัยห่ามๆ แปลกๆแบบนั้นขอผ่านล่ะ”
“ขอให้มันจริงเถอะ” ริวพูด พร้อมทั้งๆสามคนแยกย้ายกันกลับเข้าห้องของตัวเอง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เช้าวันรุ่งขึ้น
จากเดิมที่เป็นเป้าสายตาอยู่แล้วมาทีนี้ยิ่งหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก ก็ดูซิพวกผู้หญิงในหอหันมาจ้องกันเป็นตาเดียวแถมไม่ได้จ้องแบบธรรมดาแถมรังสีอำหิตแถมมาให้อีกต่างหาก (TOT นู๋ป่าวไปทำไรพวกเขาน๊า ยังไมเคยย่องเข้าไปลักหลับเขาด้วยอ่ะ TOT) - -“
“อยู่นั่นไง” เสียงริโอะดังมาแว่วๆในขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกจากหอเพื่อรีบไปโรงเรียน
“เป็นไงบ้างจ๊ะ ดังใหญ่แล้วนะเนี่ยเพิ่งย้ายมาแท้ๆแต่กลับเนื้อหอมมีหนุ่มมาส่งถึงหอแถมยังเป็นสามหนุ่มสุดฮ็อตของโรงเรียนเราอีกด้วยนะเนี่ย ฮิๆ” ริโอะแซวอย่างสนุกปาก
“หง่ะ...เลือกพูดเรื่องนี้ดีกว่ามั๊ย สงสารตัวเองจะแย่อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าเมื่อวานนี้เบื่อเลยออกไปเดินเล่นคงไม่ต้องพบโศกนาถกรรมแบบนี้หรอก” ฉันพูดทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ เมอิกับโตโกะก็เข้ามาปลอบอย่างปลงตกกับเพื่อนใหม่ของพวกเธอ
“แล้วเรื่องมันยังไงล่ะถึงได้รู้จักแถมสนิทสนมกับสามหนุ่มฮ็อตขนาดนั้น?” ริโอะยังคงสงสัยยิงคำถามมาต่อ และดูท่าทางเพื่อนอีกสองคนของเธอก็ดูจะอย่างรู้ด้วยเหมือนกัน ฉันจึงเล่าเรื่องเมื่อวานให้พวกเธอฟัง((แต่ละที่ว่าไปนั่งมองสาวเอาไว้ -...-))
“เฮอะๆ แบบนี้ก็แย่หน่อยล่ะนะ เพราะสามคนเนี้ยไม่ได้ฮ็อตเฉพาะในโรงเรียนซะด้วยซิ ไปไหนมาไหนก็พกอาวุธติดตัวกันโดนรุมไว้ด้วยแล้วกันนะ” โห! คำพูดคำจาให้กำลังใจกับมากเลย - -“ สรุปแล้วคือต้องช่วยตัวเองบวกกับทำใจซินะเนี่ย
พวกเราสี่คนคุยกันไปเรื่อยๆจนเดินมาถึงโรงเรียน พวกริโอะพาฉันไปที่บอร์ดจัดห้องเพื่อดูว่าพวกเราอยู่ที่ห้องไหน และดูว่าพระเจ้าแห่งประเทศญี่ปุ่นเกลียดฉันแหง๋ๆ ถึงจับฉันแย่งห้องกับทั้งสามคนนั่นโดยฉันได้อยู่ที่ห้อง 2 และทั้งสามคนอยู่ห้อง1ด้วยกันหมด ไม่นะฉันอยากอยู่ห้องเดียวกับคนรู้จักอ่า!!!!!!!
“โอ๋ๆ อย่าร้องน๊า ยังไงห้องก็อยู่ติดๆกันนั่นแหล่ะแล้วเดี๋ยวพักเที่ยงพวกเราไปหานะ” ริโอะเข้ามาปลอบ ซักพักที่บริเวรหน้าประตูก็เกิดฮือฮาขึ้นมา และฉันคิดว่าพอจะรู้ด้วยว่าเพราะอะไร
“นั่นไง มิชิโย๊จางงงง!!!” เสียงของนายริวดังมาแต่ไกลก่อนเพื่อน ชายหนุ่มทั้งสามคนเดินตรงมายังพวกเรา “เป็นไงรู้จักห้องรึยัง” อันนี้ยาโตะถาม
“อืม รู้แล้วว่าอยู่ห้อง 2 แต่ยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนเดี๋ยวจะไปหาห้องกับเพื่อนน่ะ อ่า...คนนี้ริโอะจัง นี่ก็เมอิจัง ส่วนอีกคนชื่อโตโกะจัง น่ะ” แนะนำแบบนี้คงไม่ผิดอะไรล่ะนะ ก็ฉันจำชื่อต้นของทั้งสามคนไม่ได้อ่ะ - -“
“สวัสดีค่ะรุ่นพี่โอฮิระ รุ่นพี่ฮาชิซึ รุ่นพี่ยาซาวายะ” ทั้งสามสาวพูดทักทายพร้อมกัน
“รู้สึกว่าเพื่อนๆเธอจะมีมารยาทกับรุ่นพี่มากกว่าเธอเยอะเลยนะ” นายยาโตะหันมาพูดกัดฉัน - -* ชาติก่อนนายเกิดมาเป็นรองเท้าส้นสูงรึไงยะกัดเก่งจริง
“งั้น อรุณสวัสดิ์นะคะรุ่นพี่ขา~~~ อ้วก!!!” เลี่ยนเป็นบ้า
“แล้วไอ้ อ้วกท้ายประโยคนั่นใส่มาทำไมเนี่ย” ยาโตะว้าก
“เฮ้อ! ไม่รู้พวกผู้หญิงเขาตาถั่วกันรึไงถึงมากรี๊ดนายอยู่ได้เนี่ย นิสัยขี้โวยวายอย่างกับผู้หญิง” มิชิโยะหันไปพูดยิ้มเยาะ
“นี่เธอ...” เจ้าบ้ายาโตะจะหันมาต่อว่าแต่ต้องโดนขัดตาทัพซะก่อนเมื่อเสียงออดดังให้เข้าพิธีปฐมนิเทศ ไม่ว่าที่ประเทศไหนๆก็คงจะต้องมีเหมือนๆกันนั่นแหล่ะนะ
หลังจากพีธีปฐมนิเทศผ่านไปด้วยอาการง่วงนอนของมิชิโยะและนักเรียนอีกหลายๆคน นักเรียนทุกคนต่างก็แยกย้ายกันเข้าห้องเรียน โดยนักเรียนแผนกวิทย์และศิลป์จะแยกตึกเรียนกัน จะมีก็แต่เด็กม.ปลายปี3 ที่จะเรียนรวมอยู่ที่ตึกเดียวกันแต่ก็อยู่กันคนล่ะชั้น
ชั่วโมงแรกจะเป็นโฮมรูม คาบแรกของการเปิดเทอมอาจารย์จะให้นักเรียนแนะนำตัวกันเสียก่อนซึ่งส่วนใหญ่แต่เดิมก็เป็นนักเรียนม.ต้นทีเรียนที่นี่แต่เดิม ส่วนใหญ่จึงรู้จักกันอยู่แล้ว เด็กในห้องแนะนำตัวกันเฮฮาอย่างติดตลกไม่ค่อยอายเพราะคุ้นๆหน้ากันอยู่แล้ว จนมาถึงมิชิโยะ เธอแนะนำว่าเป็นนักเรียนทุน((แต่ไม่ได้บอกเรื่องอายุ)) และชื่อของตัวเองเท่านั้น
ชั่วโมงเรียนที่เข้มงวดผ่านพ้นไปถึงตอนเที่ยง พวกริโอะจังก็มาหามิชิโยะที่ห้องเรียน
“เป็นไงบ้างสำหรับครึ่งแรกของชีวิตในห้องเรียนจ้ะ” เมอิถามขณะที่ทั้งสี่คนกำลังนั่งอยู่ที่โรงอาหาร
“ก็ดี แต่ก็ลำบากนิดหน่อยตรงภาษาล่ะนะขนาดพวกอาจารย์ช่วยอธิบายให้แล้วแต่ก็ยังงงๆอยู่อ่ะ” มิชิโยะตอบ
“อืม แบบนี้จะเรียนทันคนอื่นเขารึเปล่าน่ะถ้าไม่เข้าใจตรงไหนถามพวกเราก็ได้นะ” โตโกะถามด้วยความเป็นห่วง
“ขอบใจจ้า”
ขณะที่พวกเราคุยกันอย่างออกรส ก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา “นี่เธอใช่เด็กที่เขาว่าเป็นนักเรียนทุนอะไรนั่นรึเปล่าน่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ
“ฉันค่ะ พวกคุณมีธุระอะไรหรือคะ?” มิชิโยะหันไปพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อ
“เฮอะ แม่เนี่ยหรอที่ว่าไปอ่อยพวกยาซาวายะคุงนะ ดูยังไงก็เด็กกะโปโล หรือว่าไปตื้อจนพวกนั่นยอมนอนด้วยล่ะ” แม่หนึ่งใน5สาวพูด
มิชิโยะได้ยินประโยคที่ไม่พึงประสงก็รู้สึกใจเต้นระรัว อยากกระโดดถีบให้มันรู้แล้วรู้รอด -.,- แต่ไม่ได้ๆต้องรักษาภาพพจน์ไว้หน่อย
“นี่ๆริโอะจัง พวกป้าๆพวกนี้เขาพูดอะไรหรอฉันฟังภาษาแสลงไม่ออกน่ะ พอดีว่าไม่ได้เรียนพวกภาษาแบบนี้มา ช่วยแปลให้หน่อยซิ” มิชิโยะทำเป็นไม่รู้เรื่องแถมแอบกัดไปนิดหน่อย
“กรี๊ด! เมื่อกี๊แกเรียกใครว่าป้ายะ” คราวนี้5สาวกรี๊ดออกมาพร้อมกัน
“อ้าว! ไม่ใช่ป้าหรอคะ? ขอโทษด้วยค่ะ พอดีเห็นแต่งหน้ากันซะหนาเต่อะยังก่ะที่พวกป้าๆเขาแต่งกันเพื่อลบรอยตีนกาน่ะค่ะ” ยังคงทำตาบ่องแบ๋วใสซื่อได้อย่างเนี่ยนๆ -...-
“แก ปากดีนักนะ” หนึ่งใน 5 สาวง้างมือขึ้นหมายจะตบหน้าเด็กสาวนักเรียนทุน แต่ก็อยู่ๆมือของเจ้าหล่อนก็ถูกล็อกไว้ พอหันไปมองก็เจอกับ สามหนุ่มที่(เขาว่ากันว่า)ฮ็อตที่สุดในโรงเรียน
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย” ยาโตะ นั่นเองเป็นคนจับมือของสาวนักตบเอาไว้ทันก่อนจะมาประทับลงบนหน้าของนักเรียนทุนนามว่ามิชิโยะ -...-
“วะ...ว้าย! ฮาชิซึคุง ไม่มีอะไรจ้ะแค่มาทักทายเด็กนักเรียนทุนเฉยๆน่ะ” เจ้าหล่อนลนลานรีบแก้ตัวพันละวัน พวกเพื่อนๆของเจ้าหล่อนก็ช่วยกันแก้ตัวก่อนจะรีบเผ่นกันไปจากตรงนั้น
“เฮ้อ! พวกผู้หญิงนี่น่ากลัวเป็นบ้า” ริวพูดเปรยขึ้นมา
“ใช่ พวกผู้หญิงนี่น่ากลัวเนอะ” มิชิโยะพูดเสริม
“แล้วเธอไม่ใช่ผู้หญิงรึไง พูดแบบนั้นน่ะ” ประโยคนี้นายซาโตชิหันมาพูด
“อืม...สงสัยจะไม่ใช่ล่ะมั้งยังสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันแฮะ จะพิสูจน์ดูมั๊ยล่ะ” มิชิโยะหันไปพูดกับซาโตชิประโยคนี้เล่นซะคนที่ได้ยินสำลักไปตามๆกัน โดยเฉพาะนายซาโตชิที่เป็นฝ่ายโดนชวนไปพิสูจน์
“จะบ้าเรอะพูดออกมาได้” ยาโตะหันมาว้าก
“อ้าว ก็ให้ไปพิสูจน์ตรวจดูโครโมโซมไง ดูซิว่าเป็น XX หรือ XY ถ้าXX ก็เป็นผู้หญิงแต่ถ้า XY ก็เป็นผู้ชาย แล้วถ้านอกเหนือจากนั้นก็...”
“พอๆ พอแล้วเข้าใจแล้ว” ซาโตชิรีบพูดดักขึ้นมา
“พวกนายเนี่ยคิดอะไรกันไปถึงไหนล่ะเนี่ย ฮ่ะๆ” มิชิโยะหันไปพูดแหย่โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าที่เธอพูดเล่นไปน่ะเขาได้ยินกันทั้งโรงอาหาร *-*”
“ช่างเถอะ กินต่อดีกว่า อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” อยู่ๆมิชิโยะก็แหกปากร้องลั่น ((นางเอกนะยะมาดหายไปไหนโหมดดดดดด))
“เป็นอะไรไปมิชิโยะจัง” โตโกะรีบหันมาถามด้วยคิดว่าหรือพวกเมื่อกี้จะทำอะไรไว้โดยที่พวกเธอไม่ได้สังเกต
“บ่ะ...บ่ะ..บะหมี่ของฉัน ดูซิเส้นอืดหมดแล้วแบบนี้ก็ไม่อร่อยน่ะซิ เพราะพวกนั้นแท้ๆเลย เอาค่าอาหารกลางวันช้านคืนมานะ แง!” มิชิโยะโวยวาย แต่ก็ต้องจำใจกินบะหมี่เส้นอืดๆพวกนั้นอย่างเสียไม่ได้ ((เสียดายตังอ่ะ))
“โห นี่เธอร้องซะไม่เหลือความเป็นผู้หญิงเลยนะเนี่ย” นายยาโตะหันมากัด
“หง่า....มิชิโยะจังเดี๋ยวเราไปซื้อมาให้ใหม่มั๊ย”ริวเสนอ
เหอะๆ มีคนเสนอแล้วมีรึ มิชิโยะจะไม่สนอง “ขอบใจจ้ะ” ว่าเสร็จนายริวก็วิ่งไปซื้อราเมนมาให้ใหม่ แต่พอกลับมาเจ้าชามเก่ามันก็ว่างเปล่าไปซะแล้ว
“หง่า...มิชิโยะจังยังกินไหวอีกหรอ” นายริวถามอย่างงงๆ ส่วนนายซาโตชิกับนายยาโตะหันมามองอย่างตะลึง
“ไหว ทำไมหรอ?” ว่าแล้วก็พิสูจน์ด้วยการก้มหน้าก้มตากินอย่างมีความสุขโดยไม่สนใจสายตาประชาชีเพื่อนพ้องทั้งหลาย
“ปกติผู้หญิงเขากินกันขนาดนี้หรอ” ซาโตชิหันไปถามพวกริโอะ ซึ่งทั้งสามคนก็ส่ายหน้ารัวเร็วเป็นคำตอบ “ฉันว่ายัยนี่ไม่ใช่ผู้หญิง” นายยาโตะพูด “เฮ้!ยาโตะอย่าพูดแบบนั้นดิ กินเยอะไม่เห็นเป็นไรเลยสุขภาพดีออก” นายริวพูดแก้ให้แบบน้ำขุ่นๆ แต่ดูท่าว่าเจ้าตัวหัวข้อสนทนาจะไม่ได้สนใจก้มหน้าก้มตากินลูกเดียวจนกินเสร็จนั่นแหล่ะถึงเงยหน้าขึ้นมาคุยก่ะคนอื่นเขา
“ถ้าไม่ได้เป็นผู้หญิงก็ดีซิจะได้ไม่ต้องลำบาก” มิชิโยะพูดเปรยขึ้น
“ลำบาก? ลำบากยังไง?” ยาโตะหันมาถามอย่างสงสัย
“อ้าว! อย่างน้อยพวกผู้ชายคงไม่ต้องลำบากทุกเดือนๆล่ะนะ” มิชิโยะหันมาบอก ตั้งแต่ท่อนนี้พวกผู้หญิงก็หน้าแดงซ่านกันทุกคนซึ่งรวมไปถึงซาโตชิด้วยที่ดูจะหัวไวกว่า นายสมองช้าทั้งสองคนที่ทำหน้าทำตาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“แล้วมันยังไงเล่า!” นายยาโตะก่ะนายริวพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“ให้พูดมันจะดีหรอ” มิชิโยะหันไปทางพวกริโอะที่พอได้ยินก็รีบส่ายหน้าพันละวัน ส่วนซาโตชิได้แต่กลุ้มกับความซื่อบวกบื้อของเพื่อนสนิททั้งสอง
“อืม งั้นไว้นายสองคนไปถามยาซาวายะคุงเองก็แล้วกันนะท่าทางจะรู้เรื่องที่พูดไปน่ะ” มิชิโยะหันไปยิ้นเจ้าเล่ห์ให้กับชายหนุ่มที่โดนโยนปัญหามาให้เต็มๆ “อืม...แต่เมื่อกี้น่ะขอบคุณนะ”
“หืม? เรื่องอะไร?” ยาโตถาม
“ก็ที่เมื่อกี้ช่วยห้ามยัยป้านั่นไม่ให้เอาขาหน้ามาฟาดฉันไง พวกแบบเนี้ยถ้าอยู่ตัวคนเดียวก็คงทำอะไรไม่เป็นหรอกดีแต่เห่า ไม่ก็หมาหมู่” มิชิโยะพูดเรียกเสียงฮาให้กับเพื่อนๆที่พูดเปรียบคู่กรณีซะเสีย
“ฮ่ะๆ เข้าใจพูดเปรียบเทียบนะเนี่ย ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าแบบนี้จะโดนหาเรื่องอีกมั๊ยล่ะเนี่ย” ยาโตะพูด
“แบบนี้คงไม่เลิกง่ายๆหรอกค่ะ เดี๋ยวพอมีโอกาสก็คงจะมาหาเรื่องอีก” เมอิบอก
“แบบนี้ก็แย่น่ะซิ” ริวพูดพร้อมส่งสายตาประมาณว่าแบบนี้จะทำไงดี
“ก็ไม่เห็นต้องทำไง อยากมาหาเรื่องก็มา แต่เวลามาก็อย่าคิดว่าจะให้โดนทำอยู่ฝ่ายเดียวก็แล้วกัน” มิชิโยะพูด
“เฮ้ๆ พวกนั้นมีกันตั้งห้าคนไม่ใช่หรอแล้วพวกเธอจะสู้ได้หรอ” ยาโตะถาม
“ใครบอกล่ะ พวกริโอะไม่มีเอี่ยวด้วยซักหน่อย ขืนมาหาเรื่องพวกริโอะจังซิเป็นเรื่องแน่ แล้วก็นะ ในบางครั้งสุนัขจิ้งจอกก็กลายเป็นลูกแกะได้ ในขณะเดียวกัน ลูกแกะก็กลายเป็นสุนัขจิ้งจอกได้เหมือนกัน คิก คิก” มิชิโยะหันไปบอกโดยส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เป็นของแถมก่อนจะเดินไปหาที่นั่งคุยกับพวกริโอะตามประสาผู้หญิ้งผู้หญิง
“นายว่าไง ที่ยัยนั่นพูดน่ะชั้นว่ามันทะแม่งๆไงไม่รู้ ป่ะ?” ยาโตะหันไปสะกิดถาม ซาโตชิเพราะคาดว่าถึงถามเจ้าริวไปก็เท่านั้น
“นั่นซินะ” ซาโตชิตอบพร้อมกับเรียกให้ริวที่ท่าทางจะงงกว่าเพื่อนให้กลับห้องแล้วดูเหมือนว่าริวจะนึกคำถามที่ซาโตชิไม่อยากตอบมากที่สุดข้อนึงขึ้นมาได้
“ว่าแต่ ที่มิชิโยะจังบอกว่าผู้หญิงลำบากทุกเดือนนั่นน่ะมันอะไรหรอ?” ริวถามขึ้นมา ซาโตชิก็หน้าแดงขึ้นมาทันที “ม่ะ..ไม่รู้ ชั้นไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหล่ะอยากรู้ก็ไปถามยัยนั่นเอาเอง” แต่ถึงจะตอบแบบนั้นทั้งริวและยาโตะก็ร้องถามไปตลอดทางโดยซาโตชิก็ไม่พูดอะไรอีก
ความคิดเห็น