คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : วุ่นจริงนักเรียนใหม่ ((2))
“นี่จะไม่เป็นไรจริงๆหรอ? พวกนั้นน่ะเป็นรุ่นพี่ปี2นะ” เมอิหันมาถามด้วยความเป็นห่วง แต่ดูเจ้าตัวที่โดนหมายหัวจะไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไรเท่าไหร่
“ไม่เป็นไรหรอกจ้า หรือว่าเมอิจังกลัว ไม่ต้องห่วงนะพวกนั้นคงไม่ทำอะไรพวกเธอหรอกเพราะขืนทำอะไรพวกแฟนคลับของเมอิจังมีหวังได้ลุกฮือขึ้นมาแน่ๆ แล้วถ้ายังไม่ชัวร์เดี๋ยวฉันจะปกป้องให้เองนะ” ยังมีการพูดเล่น เพื่อนทั้งสามคนได้แต่มองอย่างปลงตกกับเพื่อนใหม่ของพวกเธอคนนี้ “ใกล้จะหมดเวลาพักแล้วพวกเธอกลับห้องกันไปเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันอาจารย์เข้านะ” ((พูดยังก่ะห้องมันอยู่ไกลกันนักนี่ - -“))
เรียนๆๆๆ แล้วก็เรียน ...............ฮ้าว~~~~................ ง่วงชะมัด
พอเริ่มง่วงได้ที่ก็ต้อง พยายามหันไปมองหาอะไรซักอย่างที่พอจะทำให้หายง่วงได้บ้าง พลันหันไปทางหน้าต่างก็เห็นนักเรียนชายห้องอื่นกำลังเรียนพละอยู่ที่สนาม((เรียนบอลอ่ะคาบนี้)) พอมองดูดีๆจึงรู้ว่า ห้องที่เรียนอยู่เป็นรุ่นพี่ ปี 2 เพราะเห็น นายยาซาวายะ ริว กำลังเตะบอลอยู่ที่สนาม
“เฮ้ย! ส่งบอลมาทางนี้ซิเจ้าบ้า คิดจะครองบอลคนเดียวรึไง” ชายอีกคนที่อยู่ในสนามตะโกนบอก ริว ที่ตอนนี้เจ้าตัวมุ่งแต่จะทำประตูอย่างเดียวและก็ทำได้อย่างที่คิดซะด้วยซิ “ไม่ฟังกันบ้างเลยวุ้ย! เออ รู้แล้วว่าเอ็งเก่ง ไอ้บ้าเอ้ย!!!”
มิชิโยะมองเพลินจนลืมไปว่าตอนนี้กำลังเรียนกันอยู่ พลันสายตาพิฆาตก็ทนไม่ไหน((อาจารย์มองจนตาจะทะลุเบ้าออกมาแล้วคุณเธอยังไม่รู้สึกตัว - -“)) “คุณยามาชิตะ ดูท่าจะเก่งแล้วซินะคะ ถึงไม่สนใจที่อาจารย์สอนเลยแบบนี้” อาจารย์ประจำวิชาเนมาอยู่ข้างๆเมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่แน่ๆเสียงนั้นทำให้เด็กสาวผวาเฮือก รับรู้ในความผิดของตนทันที
“อ่า.......ขอโทษค่ะอาจารย์” มิชิโยะรีบหันมาขอโทษน้ำเสียงเจื่อนๆ
ส่งยิ้มหวาน((ที่มิชิโยะมองเห็นเป็นรอยยิ้มสังหาร - -“))ให้หนึ่งที “งั้นลองทำข้อ 13ถึง16บนกระดานแล้วกันค่ะ”
‘ข้อ13-16 เวรกรรม แล้วจะรอดมั๊ยเนี่ย แถมวิธีทำยาวจะตายชักขี้เกียจทำอ่ะ’ ได้แต่บ่นในใจแต่ก็ต้องลุกขึ้นไปทำจนได้ จนเวลาผ่านไปได้ซักพักเธอก็ทำเสร็จ “ถูกต้องทั้งหมด ดีมากค่ะแสดงว่ายังฟังที่ฉันสอนอยู่บ้าง แต่ครั้งหน้าคงไม่ทำอีกนะเพราะไม่งั้นฉันจะหักคะแนนเธอ” เมื่อตรวจคำตอบเสร็จก็บอกให้มิชิโยะกลับไปนั่งที่
หมดไปอีกวัน มิชิโยะยังคงก้มหน้างุดๆ อยู่กับหนังสือเรียนเนื่องด้วยตอนที่เธอจดงานนั้น เธอจดเป็นภาษาไทยปนญี่ปุ่นเพราะนึกตัวหนังสือไม่ค่อยทัน - -“ ตอนนี้เลยต้องมานั่งแปลงให้เป็นภาษาญี่ปุ่นให้หมด
“นี่ๆ ขอโทษนะคะ พอรู้รึเปล่าว่าตัวนี้เขียนยังไง?” มิชิโยะเดินไปถามเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งคุยกันอยู่ ถึงแม้ว่าพวกคนกลุ่มนี้จะทำหน้า งงๆ แต่ก็อธิบายให้เธอฟังอย่าเก้ๆกังๆ จนในที่สุดมิชิโยะก็เข้าใจแล้วกลับไปนั่งที่ของเธอ “ยามาชิตะซัง ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็ถามพวกเราได้ทุกเมื่อเลยนะ” หนึ่งในเด็กผู้หญิงกลุ่มเมื่อกี้ตะโกนมาบอกมิชิโยะ เธอยิ้มรับไมตรีด้วยความเต็มใจแล้วจึงก้มหน้าเขียนต่อ.....แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเด็กในห้องตะโกนมาอีกครั้ง “ยามาชิตะซํง มีคนมาหาแน่ะ!” มิชิโยะเงยหน้าจากสมุดหันไปมองทางประตูห้องเรียนก็เห็นว่าพวกรุ่นพี่ปี 2 กลุ่มเดิมที่มาหาเรื่องเธอเมื่อตอนกินข้าวกลางวันเองที่มาหาเธอในตอนนี้
มิชิโยะเดินไปที่หน้าห้องก็เห็นว่าทั้ง 5 สาวอยู่กันครบทีม ‘ยั่งก่ะขบวนการเรนเจอร์’ “ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรคะ?” พูดพร้อมรอยยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แต่ทั้ง 5 คนก็ยังทำหน้าบึ้ง “พวกเรามีเรื่องจะพูดด้วยหน่อยตามมา!” คำพูดที่ดูไม่เป็นมิตร แถมภาษาที่ใช้ยังเป็นในเชิงออกคำสั่ง พูดเสร็จก็เดินนำไป ‘ใครจะไปให้โง่ล่ะ แบร่!’ มิชิโยะมองตาม 5 สาวแต่ขาก็ไม่ได้ก้าวตามไปแต่อย่างใด จนหนึ่งใน 5 นั้นหันมาแล้วเห็นว่าเธอไม่ได้เดินตามไปนั่นแหล่ะจึงหันไปโวยวายกับเพื่อน
“ยัยนี่! อยากลองดีรึไงกัน!”
“คะ?” ตีหน้าซื่อใส่ให้อีก
“พวกฉันบอกให้ตามมาไงล่ะ อยากลองดีรึไงห๊า!” หนึ่งในนั้นหันมาตะคอกเสียงดัง หน้าตาบ่งบอกว่าเริ่มจะเหลืออด
“แล้วเรื่องอะไรฉันต้องทำตามที่พวกเธอบอกด้วยไม่ทราบ” มิชิโยะหันไปมอง หลังพิงประตู แขนทั้งสองข้างกอดอกอยู่ ท่าทางยียวนเล็กๆ
“แก!!!” ท่าทางที่โกรธจัด จนหน้าแดง กลับทำให้มิชิโยะเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่นั่นกลับยิ่งเหมือนเติมเชื้อไฟให้กับฝ่ายตรงข้าม “ปากดีนัก” .......เผี้ยะ!....... เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้าเนียน เรียกให้เพื่อนๆในห้องรวมทั้งพวกคนที่เดินไปมาต้องหันมามองดูกันเป็นตาเดียว “เฮ้อะ! ปากดีต้องโดนแบบนี้ ที่นี้ยังกล้าหือกับพวกฉันอีกมั๊ยยะ” คนตบยิ้มอย่างมีชัย มิชิโยะค่อยๆหันหน้าที่หันไปด้านขวาตามแรงตบจ้องไปทางคนที่เพิ่งพูดอย่างได้ชัย ริมฝีปากยิ้มน้อยๆ ในขณะที่ค่อยๆเอามือลูบแก้มข้างที่เพิ่งโดนตบไปหมาดๆ “ยิ้มอะไรอยากโดนอีกรอบหรือไงยะ ได้!” .......เผี้ยะ!....... “...” คนโดนตบพูดพึมพำอะไรบางอย่างที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ยิน ได้แต่กระหยิ่มยิ้มย่องในใจที่อีกฝ่ายไม่โต้ตอบ คิดว่าคนตรงหน้านี่ก็หมูในอวยดีๆนี่เอง “คิกๆ พอแล้วน่า แค่นี้น้องเค้าก็กลัวจะแย่แล้วล่ะมั้ง คิกๆ” เพื่อนอีกคนเดินเข้ามาสมทบ “คิดว่าอยู่ตรงนี้แล้วพวกเราไม่กล้าหรอไงยะ คิดผิดซะแล้วล่ะ”
มิชิโยะ แอบกวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่มีใครที่คิดจะเข้ามาช่วยเธอซักคนเดียวได้แต่ยืนมองอย่างกล้าๆกลัวๆ ‘ที่นี่ก็คงจะเหมือนกันซินะ....’
“ไงยะ ทีนี้ยังกล้าไปเกาะแกะพวกยาซาวายะคุง อีกมั๊ย” แม่สาวคนที่กล้าตบมิชิโยะพูด
มิชิโยะหันหน้าไปสบตากับยัยคนนั้น เหยียดยิ้มหยัน ก็จะพูดเสียงเบาที่พอจะได้ยินกันแค่เฉพาะบริเวณที่คนทั้ง 6 คนยืนอยู่ตรงนั้นเท่านั้น “ก็แล้วทำไมฉันจะต้องทำตามที่พวกหล่อนพูดด้วยไม่ทราบ”
“ยัยนี่! อยากโดนอีกทีใชมั๊ย!?!”
“หยุดนะ!!” เสียงใครบางคนดังมาทางระเบียงหน้าห้อง พวก 5 สาวหยุดมือทันที เสียงนั่นคือเสียงของริโอะจัง ‘นี่คงได้ยินเสียงเอะอะเลยออกมาดูล่ะมั้ง’
“มิชิโยะจัง เป็นไรมั๊ย หน้าแดงหมดเลย” เมอิ กับโตโกะ รีบวิ่งเข้ามาหาทันที มิชิโยะไม่ได้พูดอะไรก้มหน้ามองพื้นตัวสั่นเทิ้มราวกับลูกนก นั่นยิ่งทำให้พวกเพื่อนๆของเธอเป็นห่วง
ริโอะหันมามองมิชิโยะทีนึงด้วยความเป็นห่วงก่อนที่จะหันไปฉ่ะกับพวก 5 สาว “พวกรุ่นพี่ทำเกินไปแล้วนะคะ มิชิโยะไปทำอะไรให้หรอไงคะถึงทำกันขนาดนี้”
“เชอะ! ก็เพื่อนของพวกเธอมันทำขว้างหูขวางตาพวกฉันย่ะ”
“ก็..” ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ต้องชะงักเมื่อ จู่ๆมิชิโยะก็เดินมาตรงหน้า...เผี้ยะ.... คราวนี้เป็นมิชิโยะที่เป็นฝ่ายตบ ถึงจะเป็นการตบที่ใครๆก็รู้ว่าดูจะไม่ได้รุนแรงเท่าที่พวกรุ่นพี่ทำกับเธอแต่ก็สร้างความตกตะลึงให้กับคนรอบข้างที่เห็น ใบหน้านั้นยังคลอด้วยน้ำตาและสายตาที่แสดงถึงความหวาดกลัว มือที่ตบออกไปนั้นก็ยังคงสั่นเทา
“กะ..แก๊!!!!!!!!” คนโดนตบหันมาอย่างเดือดดาน
“ว้าย!!!!” ท่าทางที่ดูหวาดกลัวกับเสียงตะโกนตรงหน้าทำให้เพื่อนๆของมิชิโยะตกใจรีบเข้าไปคว้าตัวเธอไว้กันไม่ให้พวกรุ่นพี่ทำร้ายเธออีก
“หนอย!! นังนี่ ทำกระแดะ!!”
“ก็ถือว่าหายกันซิคะ ที่รุ่นพี่ทำกับเพื่อนของฉันน่ะดูจะรุนแรงกว่าที่เพื่อนของฉันทำซะอีกนะ ไม่งั้นอย่าหาว่าพวกฉันไม่เกรงใจนะ” ริโอะหันไปขู่รุ่นพี่ ไม่มีใครกล้าที่จะยุ่งกับพวกเธอทั้งสามคนอยู่แล้วเพราะ คนหนึ่งก็ลูกเจ้าของประธานบริษัทใหญ่ คนหนึ่งก็เป็นสาวสวยที่มีเหล่าแฟนคลับคอยอารักษ์ขา ทั้งคนที่กำลังขู่พวกเธออยู่ตรงหน้านี้ก็เป็นลูกสาวเจ้าของสำนักคาราเต้ ใครบ้างจะกล้าแหยม
“อะ...กะ...ก็ได้ย่ะ พวกเราไป!” แล้วก็พากันเดินออกไป
“มิชิโยะจัง ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวกลับหอกันดีกว่า พวกนั้นเขาไม่ได้อยู่หอพักอย่างน้อยก็ไม่ต้องเจอตอนกลับหอแล้วนะ ไปหยิบกระเป๋ากันดีกว่า” โตโกะ พูดมิชิโยะไม่ได้พูดอะไรทั้งยังไม่เงยหน้าขึ้นมาแต่ก็รีบเดินไปเก็บของแล้วถือกระเป๋ากลับหอไปกับพวกเพื่อนๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++
คืนวันนั้น ที่หอพักนักเรียน
มิชิโยะกำลังส่องกระจกอยู่ในห้องน้ำ((มีห้องน้ำอยู่ภายในห้องของตัวเอง)) มองดูใบหน้าที่ชักจะเริ่มบวมขึ้นมานิดๆของเธอ “เฮ้อ! แย่แฮะบวมด้วยหรอเนี่ย ถึงจะไม่ค่อยเจ็บก็เถอะแต่แบบนี้ก็แย่นะ แบบนี้พวกริโอะจังจะยิ่งเป็นห่วงมั๊ยเนี่ย แค่ตอนหน้าห้องเรียนก็เป็นห่วงกันซะขนาดนี้แล้ว” ว่าแล้วก็อาบน้ำ แปรงฟัน แล้วแต่งตัวเตรียมเข้านอน
“ยามาชิตะซัง หน้าบวมขนาดนั้นเอายามาประคบดีกว่านะ” สายตาที่มองมาบ่งบอกถึงอาการเป็นห่วง รูมเมทของเธอคนนี้นอกจากน่ารักแล้วยังใจดีอีด้วยแฮะ
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงหายขอบคุณที่เป็นห่วงนะ” ยิ้มให้หนึ่งที ^^
...ใช่ไม่เป็นไร คนอย่างเธอไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายฝ่ายเดียวอีกแล้ว ไม่มีทาง... เธอเหยียดยิ้ม โดยที่รูมเมทของเธอไม่ทันได้สังเกตเห็นเพราะกำลังหันหลังให้ ก่อนจะขึ้นเตียงแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา เฝ้ารอวันที่จะได้เอาคืน ไปพร้อมๆกับการรอวันที่จะได้เจอใครบางคนที่เธอเฝ้าฝันถึงมานาน
++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อรุณซาหวาด~~~” มิชิโยะกล่าวทักทายทันทีที่เห็นพวกริโอะ
“อรุณสวัสดิ์...ว้าย!!!!!!!” พวกริโอะกรีดร้องทันทีที่หันไปทางมิชิโยะ ที่ตอนนี้หน้าเธอออกอาการบวมแดงกว่าเมื่อนวานนี้ซะอีก
มิชิโยะมองเพื่อนๆของเธอตาปริบๆ มันน่าตกใจขนาดนั้นเชียวหรอ? ก็รู้อยู่หรอกนะว่ามันต้องบวมแล้วเมื่อตอนอาบน้ำก็ส่องกระจกดูแล้วมันก็ไม่เท่าไหร่น่าหว่า?
“ทำไมมันบวมขนาดนี้! ยัยพวกนั้น หนอย!!!!!!!!!!!!! มาทำเพื่อนฉันเสียโฉมคอยดูนะเจออีกทีแม่จะเอาให้หน้าพังเลย” ริโอะพูดระบายแค้น
“ไหนหันหน้ามานี่ เดี๋ยวชั้นแต่งหน้ากลบให้ มันบวมข้างเดียวด้วยถึงจะกลบรอยช้ำๆได้แต่ไอที่บวมนี่น่ะซิ..” เมอิรีบจับมิชิโยะหันไปนั่งแต่งหน้าเพื่อกลบร่องรอยทันที โดยมีโตโกะทำสีหน้าเป็นห่วงสุดๆอยู่ข้างๆ
“ไม่เป็นไรหรอก นะ" มิชิโยะยิ้ม เพื่อนๆขอเธอได้แต่มองรอยยิ้มนั้นโดยคิดเพียงแต่ว่าเพื่อนคนนี้ของพวกเธอต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ใครโดนแบบนี้คงจะมีแต่โกรธอยากเอาคืน แต่นี่กลับนั่งยิ้มให้พวกเธอแล้วบอกไม่เป็นไรเนี่ยนะ
"เฮ้อ~~" ทั้งสามคนถอนหายใจพร้อมกัน
ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้หน้ากากที่ยิ้มแย้มนั้นคิดอะไรอยู่
"เอ้าๆ มัวแต่ถอนหายใจกันอยู่นั่นแหล่ะ เดี๋ยวไปเรียนสายนะ ไปๆๆๆ" มิชิโยะดันหลังเพื่อนๆให้เดิน
ทันทีที่ถึงโรงเรียน พวกยาโตะก็เห็นพวกมิชิโยะ "โห หน้าตาดูไม่ได้เลย เห็นว่าโดนตะปบมาใช่ป่ะ" นั่นเป็นทักทายคำแรกที่ยาโตะทัก
"หึ หึ ขอบคุณมากเลยนะที่ มาถึงก็เป็นห่วงกันมากกกกกกกก" มิชิโยะ พูดประชดออกไป
"ไม่เป็นไรมิได้" แน่ะมีการย้อน
"แต่บวมไม่ใช่เล่นนะเนี่ย" ซาโตชิ พูดขึ้นมาบ้าง ในขณะที่ ริว มองอย่างเป็นห่วงแต่พูดอะไรไม่ออก
"ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง เดี๋ยวก็หาย" มิชิโยะพูดอย่างไม่ยีระ
"พวกเมื่อวานที่โรงอาหารใช่ป่ะ" ยาโตะถาม แต่ยังไม่ทันที่มิชิโยะจะตอบริโอะก็เป็นคนตอบแทน "ก็จะใครซะอีกล่ะคะ ก็พวกรุ่นพี่ 5 คนที่เจอเมื่อวานนั่นแหล่ะ มาดักตบเพื่อนของฉัน"
"ริโอะจัง ใจเย็นๆก็ได้ ริโอะไม่ใช่คนโดนนะฉันต่างหากที่โดนอ่ะ วู้~~" มิชิโยะพูดหยอก "แค่นี้เองไม่เท่าไหร่หรอก แล้วฉันก็ตบคืนไปแล้วด้วย นะๆ" ถึงแม้จะยังไม่อยากจะยอมรับแต่เมื่อเห็นว่าเจ้าทุกข์ยังไม่เดือดร้อน ริโอะเลยต้องยอม "เข้าเรียนกันดีกว่า พวกนายก็ด้วย ไปเรียนได้แล้วมัวแต่มายืนเป็นพ่อดอกไม้ริมทางให้สาวๆเขามาดมอยู่ได้ ฮ่ะ ฮะ" ว่าแล้วก็พาเพื่อนๆวิ่งไป
"เอ้า! ไปก็ไป" ยาโตะว่า
ค่อยๆคิดไปดีกว่าว่าจะทำยังไงกับพวก 5 สาวนั่นดี คิก คิก ท่าทางจะเป็นพวกยั่วง่ายซะด้วยนี่นะ เอาไว้ค่อยเอาคืนหลังจากไปหาเขาคนนั้นแล้วกัน
ความคิดเห็น