ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซีอุย ฆาตกรผีดิบหรือแพะรับบาป

    ลำดับตอนที่ #10 : การรื้อคดีซีอุยโดยรายการบางอ้อ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 743
      7
      28 ก.พ. 58

                    ภายหลังเรื่องของซีอุยมีการสืบค้นคดี  โดยรายการโทรทัศน์ ชื่อ บางอ้อ ซึ่งรายการนี้ได้ตามรอยการเดินทางของซีอุย  ไปพูดคุยกับผู้คนที่เกี่ยวข้องกับคดีประวัติศาสตร์นี้  ทั้งครอบครัวของเหยื่อ  พยาน  นายจ้างของซีอุย  และผู้อยู่ในเหตุการณ์ และพบว่าบทสัมภาษณ์ของพวกเขาเหล่านั้น  ได้เล่าเรื่องราวของซีอุยที่คุณไม่เคยรู้  ซึ่งพลิกหน้าประวัติศาสตร์อย่างมาก จนกลายเป็นตัวจุดประเด็น  พยานหลักฐานใหม่ที่ถูกเปิดเผยในเวลาต่อมา  ทำให้เชื่อว่าบางคดี  ซีอุยไม่ได้ฆ่าแต่กลายเป็น       แพะรับบาป

    แต่ทำไมเวลาล่วงเลยมาจนบัดนี้  คดีซีอุยยังไม่ถูกเผยแพร่ข้อมูลให้ถูกต้อง และทำไมซีอุยถึงสารภาพคดีที่เขาไม่ได้ก่อขึ้นด้วย โดยในคำให้การของซีอุย ซีอุยก่อคดีฆาตกรรมไป 7 ราย

                    จะเห็นว่าซีอุยไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ที่โดนใส่ร้ายว่าฆ่าคนตาย  เพราะเขาฆ่าเหยื่อรายที่ 7 แบบคาหนังคาเขา จริงๆ อีกทั้งกินศพด้วย หากแต่คำถามที่ตามมาคือ 6 รายก่อนหน้านั้นซีอุยฆ่าจริงหรือ?

    สารคดีตามรอยซีอุยของรายการบางอ้อจึงออกทำภารกิจ  ไปหาคนที่คนที่อยู่เหตุการณ์และบรรดาญาติๆ ของเหยื่อ 6 รายก่อนหน้า เพื่อหาข้อสรุปต่างๆเกี่ยวกับซีอุย

    ในกรณีด.ญ.บังอร  กมรสูตร เป็นเหตุการณ์ที่เด็กหญิงถูกวานไปซื้อของใกล้บ้านตอนกลางคืน ในขณะที่เดินทางอยู่ จู่ๆก็มีชายลึกลับอุ้มเด็กไปที่เปลี่ยว และใช้มีดแทงไปที่คอใต้ลูกกระเดือกเด็กหญิง 1 ที โชคดีในความโชคร้ายแผลนั้นมันยังตื้นเกินไปที่ไม่ให้เด็กหญิงตายได้ และมีคนผ่านมาพอดี ชายลึกลับเลยหนีออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

    ปัจจุบัน ผ่านไปกว่า 50 ปี  ด.ญ.บังอร  กมรสูตร คงเป็นคุณยายอายุ 60 ไปแล้ว จากการออกตามหา ในที่สุดทีมงานก็ค้นหาบ้านของเหยื่อเจอและได้พบน้องชาย คนสุดท้องของพ่อบังอรชื่อ นาย โสภณ เขาให้สัมภาษณ์ว่ามันไม่ใช้ฝีมือของซีอุย แต่เป็นฝีมือของชายวิกลจริต ที่ชื่อ นายเกลี้ยง ประโยคนี้สร้างความตกตะลึงกับทีมงานเป็นอย่างมากและจากคำให้สัมภาษณ์ก็มีหลักฐานด้วยว่า พยานที่เห็นคนที่ทำร้ายบังอร ก็คือพระที่มาเดินอยู่ในเวลานั้น

    นายเกลี้ยงนั้นเป็นคนบ้าที่ชาวบ้านแห่งนี้รู้จักกันดี เป็นพี่ชายของภรรยาปลัดอำเภอ  ที่มีอำนาจควบคุมตำรวจและข้าราชการทั้งอำเภอได้ มีนิสัยชอบลวนลามเด็ก จนเป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้าน  หลังจากเกิดเหตุการณ์กับเด็กหญิงบังอร พ่อของบังอรพยายามจะเอาเรื่อง แต่ไม่สารมารถเอาผิดได้

    จากนั้นทางทีมงานก็ไปหาบังอร ที่ปัจจุบันย้ายไปกรุงเทพแต่เธอก็ไม่เปิดเผยเรื่องจริงของคดีนี้ใดๆทั้งสิ้น เธอได้แต่บอกว่า เรื่องราวของซีอุยที่คนไทยรู้เวลานี้ไม่ใช่เรื่องจริง

    ต่อไปเป็นกรณีของด.ญ.นิด แซ่ภู่ ถูกฆ่าชำแหละศพใกล้ทางรถไฟ โดยสันนิษฐานว่าเหยื่อน่าจะถูกชายลึกลับคนหนึ่งอุ้มในขณะที่เหยื่อกำลังเดินทางไปงานแต่งงาน โดยเธอถูกอุ้มไปข้างทางรถไฟ และถูกฆ่าชำแหละศพ ซีอุยสารภาพว่าฆ่าเด็กหญิงนิด และเอาอวัยวะภายในไปต้มในกาน้ำชา

    คดีนี้คนไทยก็ทราบว่าซีอุยเป็นคนฆ่า หากแต่ชาวบ้านอำเภอทับสะแกบอกว่า ซีอุยไม่ได้ฆ่า ทั้งนายจ้างของซีอุยก็ไม่เชื่อว่าซีอุยฆ่าเช่นกัน เขาบอกว่าซีอุย เป็นคนจีนพ้นทะเล ที่เป็นคนขยันขันแข็ง อ่อนแอ ไม่สู้คน และบอกว่าคนที่ฆ่าเป็นคนบ้าที่ชื่อนายเกลี้ยง

    จากนั้นทีมงานก็ไปหาแม่เด็กหญิงนิด จนกระทั่งได้พบ น้าแก่ ลูกชายของแม่โต๊ะ แซ่ภู แม่ของเด็กหญิงนิด จากคำให้การจากน้าแก่ ที่ตอนเกิดเหตุคดี น้าแก่ยังเป็นเด็กอายุ 11 ขวบ แต่ความทรงจำยังดีอยู่ น้าแก่บอกว่าคนที่ฆ่าเด็กหญิงนิดพี่สาวตน  เป็นนายเกลี้ยงเช่นเดียวกับชาวบ้านทับสะแกทั้งหลาย โดยคราวนี้เพิ่มข้อมูลว่านายเกลี้ยงเป็นคนบ้าที่ชอบกินเนื้อดิบๆ และพบหลักฐานเป็นชิ้นเนื้อในกระเป๋า

    พยานสำคัญอีกปากคือ คุณยายโต๊ะ แม่ของเหยื่อนั่นเอง ที่ปัจจุบันบวชเป็นชีอายุ 93 ปีและแน่นอนเธอบอกว่าฆาตกรฆ่าเด็กหญิงนิด คือนายเกลี้ยง และหลักฐานคือชิ้นเนื้อในกระเป๋า จากนั้นแม่ชีโต๊ะก็เผยอีกหลักฐานคือรอยโซ่ที่ยังปรากฏอยู่บริเวณข้อเท้า ที่ตอนนั้นเธอพยายามเรียกร้องความเป็นธรรม แต่ถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเวลานั้นใส่ร้ายว่าเธอบ้า เลยใช้โซ่จองจำอยู่ในบ้านหลายสัปดาห์

    กรณีต่อมา เป็นการตายของ ด.ญ.ลิ้มเฮียง แซ่เล้า จากคำให้การซีอุยบอกว่าเวลานั้นเขาทำงานอยู่กับญาติในสวนมะพร้าวในจุดที่เด็กหญิงเสียชีวิตไม่ถึง 1 กิโล และเขาสารภาพว่าด.ญ.ลิ้มเฮียงเป็นเหยื่อรายที่ 3  ของเขา หากแต่ปัจจุบันพบว่าคำให้การของซีอุยไม่ตรงกับความเป็นจริงหลายจุด เช่น ซีอุยบอกว่าเขาเชือดคอเด็กหญิงแล้วหนีไป แต่ความจริงคือเหยื่อรายนี้ไม่เพียงแต่เชือดคอเท่านั้นยังถูกข่มขืนอีกด้วย, ซีอุยยอมรับว่าคดีนี้เขาเป็นฆาตกร แต่ความจริงคือคดีนี้ตำรวจจับคนร้ายตัวจริงได้ ซึ่งพยานคือตำรวจที่ทำคดีในเวลานั้น โดยบอกว่าคนร้ายตัวจริงมี 2 คนคือนายเจืองและนายสนิท ที่มีประวัติบาดหมางกับครอบครัวของผู้ตาย และศาลได้ลงโทษตัดสินเป็นที่เรียบร้อย

    ต่อไปเป็นกรณีของ ด.ญ.กำหงัน แซ่ลี้ ถูกเชือดคอเสียชีวิต คดีนี้แทบไม่มีเบาะแสใดๆ ที่จะสืบหาพยานประวัติศาสตร์นัก  ทราบแต่ว่าเหยื่อของซีอุยรายนี้เกิดที่ตลาดสามร้อยยอด และที่เกิดเหตุอยู่หลังตลาดสามร้อยยอด  จากการสัมภาษณ์ญาติ ด.ญ.กำหงัน แซ่ลี้ พบว่าคดีนี้ไม่สามารถหาคนทำผิดได้  จนกระทั่งนายซีอุยโดนจับจึงรู้ว่าเป็นคนฆ่า ซึ่งญาติผู้ตายรายนี้มั่นใจว่าซีอุยคือฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อเหตุ 7 รายซ้อนแน่นอน โดยไม่ระแคะระคายสามคดีก่อนหน้าเลย

    ส่วนกรณีของด.ญ.ลี่จู แซ่ตั้ง ที่ถูกฆ่าที่รางสถานีรถไฟสวนจิตรละดา กรุงเทพนั้น  นับว่าเป็นคดีที่มีข้อพิรุธที่สุด โดยเริ่มจากเด็กหญิงแซ่จู  ถูกคนร้ายลักพาตัวและฆ่า คดีนี้ไม่สามารถหาคนทำผิดได้ จนกระทั่งซีอุยถูกจับ ทุกคนเลยคิดว่าซีอุยเป็นคนฆ่าแน่นอน

    กรณีของด.ญ.ซิวจู แซ่ตั้ง อายุ 5 ขวบ ที่ถูกฆ่าในอุโมงค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม คดีนี้มีข้อพิรุธหลายอย่างจากคำให้การของซีอุยเอง โดยเขาบอกว่าได้ลากตัวเด็กหญิงจากโรงงิ้ว  เดินตามทางรถไฟหัวลำโพง  แล้วเดินตามทางรถไฟสายกรุงเทพ และนำมาฆ่าในจุดที่เกิดเหตุ จากระยะทางนี้ไกลกว่า 10 กิโลเมตร แต่ซีอุยลงมือฆ่าเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย เพราะต้องอุ้มเด็กและเดินอีก เวลาน่าจะมากกว่า 3 ชั่วโมงแน่นอนและซีอุยอ้างว่าได้ควักหัวใจกับตับเหยื่อ แต่ความจริงคดีนี้เหยื่อไม่ได้ถูกควักหัวใจและตับเลย

    สรุปคือมีหลักฐานพยานและรูปคดีที่บ่งชี้ว่า ซีอุย ไม่ได้ฆ่าเด็กทุกคน มีเพียงเด็กคนสุดท้ายเท่านั้นที่เป็นหลักฐานมัดตัว แต่เหตุใด ซีอุย จึงรับสารภาพว่าเป็นผู้ฆ่าเหยื่อทุกราย และบอกว่านำอวัยวะมากินด้วย ซึ่งก็ยังเป็นประเด็นของรูปคดีที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดใน

    วันแรกที่ซีอุยถูกจับ ซีอุยปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่าเด็ก แต่วันที่ 2 ซีอุยรับ 2 คดี และวันที่ 5 ก็รับ 5 คดี และทุกคดีไม่มีหลักฐานเอาผิดทั้งสิ้น มีเพียงแต่คำรับสารภาพเท่านั้น ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากซีอุยได้ทำการตกลงกับตำรวจว่า  ถ้ารับสารภาพในคดีเหล่านี้  เขาจะถูกส่งตัวกลับเมืองจีน

    อีกจุดหนึ่งคือการลงมือระหว่างเหยื่อรายที่ 6 และรายที่ 7 ที่ทิ้งช่วงเวลาห่างกันถึง 1 ปี ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ซีอุยก่อเหตุถึง 6 คดีในเวลาแค่ปีเดียวเท่านั้นตามปกติเหมือนฆาตกรทั่วไป  เมื่อก่อเหตุครั้งแรกไม่สำเร็จ ก็น่าจะหลบหนีไปเพราะกลัวเด็กจะจำหน้าได้ แต่ซีอุยกลับกล้าอยู่ในพื้นที่เดิมและลงมือกับเหยื่ออีก 3 รายซ้อน แม้มีการตั้งข้อสังเกตหรือข้อสงสัยมากมาย แต่อย่างไรเสีย  คงไม่สามารถหาข้อยุติหรือตรวจสอบให้แน่ชัดได้ 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×