คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เหยื่อแต่ละราย (จบ)
เหยื่อรายที่ห้า:เด็กหญิงลี่จู แซ่ตั้ง
กรุงเทพสมัย 40 กว่าปีก่อนนั้นยังร้างไร้ผู้คน วันนี้เป็นวันพิเศษ ไม่เหมือนวันเดิมเพราะว่าเป็นวันตรุษจีน ทุกคนมีความสุขในวาระเฉลิมฉลอง ซีอุยเดินออกจากที่พักที่ทำงานของนายอิ่วไฉ่ แซ่อึ้ง นายจ้างร้านเหล้าและโซดา เมื่อทุ่มเศษ ๆ เดินไปอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั้งมาหยุดโรงงิ้วที่วัดปทุมวนาราม ด.ญ.ลี่จู แซ่ตั้ง หนูน้อยวัย 4 ขวบ บุตรสาวของนายกิมบั๊ก พ่อค้าเหล็กย่านถนนมิตรไมตรี คือเหยื่อรายที่ 5 เธอชะตาขาดเพราะพลัดหลงกับแม่ตอนดูงิ้วที่วัด ในที่สุด มันตัดสินใจอุ้มเด็กเคราะห์ร้ายไว้ในอ้อมแขน ใช้มือ อุด ปาก อุดจมูก ใช้ความมือเป็นเกราะกำบังตัว มันวิ่ง วิ่ง เหนื่อยแทบขาดใจ จนถึงทางรถไฟสถานีรถไฟจิตรลดา
ศพของหนูน้อยชะตาขาดถูกทิ้งอยู่ ณ ที่เกิดเหตุ และวันต่อมาข่าวนี้สร้างความโกลาหลและสะท้อนกรุงยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง แม้แต่ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมกรมตำรวจยุคนั้นออกคำสั่งด่วนให้ดินตามฆาตกรรายนี้โดยเด็ดขาด แต่ไม่มีใครจับซีอุยได้ เพราะมันใช้ชีวิตแบบนกขมิ้น ที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง มันจากกรุงเทพฯ ไปทำงานหลายจังหวัด ไม่ว่าลำพูน ธนบุรี เข้ากรุงเทพ ไประยอง ฯลฯ
เหยื่อรายที่หก: เด็กหญิงซิวจู แซ่ตั้ง
วันตรุษจีน วันนี้มีงิ้วบนลานกว้างองค์พระปฐมเจดีย์ และเต็มไปด้วยฝูงคนมาชมเที่ยวงานห่างจากโรงงิ้วไม่มากนัก ซีอุยล่อลวง ด.ญ.ซิวจู แซตั้งอายุ 5 ขวบ ที่หลงมากับแม่ด้วยขนมแป๊ะก๊วยเมื่อกินเสร็จ มันพาหนูน้อยชะตาขาดไปลานองค์พระปฐมเจดีย์ซึ่งมีต้นจามจุรี 1 ต้น
ครั้งนั้นตำรวจที่รับผิดชอบเวลานั้น เร่งติดตามคนร้ายอย่างเร่งด่วนอย่างสุดเหวี่ยงและได้จับกุม นายไสว ปิ่นสินชัย คนขายเนื้อในสมัยนั้น ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้ช่วย ส.ส.พรรคไทยรักไทย เขต 3 นครปฐม โดยมีหลักฐานเป็นมีดเปื้อนเลือด ไฟฉาย และเกี๊ยะ ซึ่งเข้าใจผิดว่าเป็นของนายไสว กว่าจะรู้ว่าจับผิดตัวนายไสวจำคุกนานถึง 1 ปีเต็ม แน่นอนหนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ ได้เสนอข่าวนี้อย่างครึกโครม ซีอุยทนกระแสกดดันไม่ไหว จึงรีบหลบหนีไปจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และกลับมายังนครปฐม มันเร่รอนไปทั่วทุกแห่งในประเทศไทย พร้อมฟังข่าวว่ามีเรือกลับเมืองจีนหรือไม่ เขาฝันอยากกลับบ้านเกิดมาตั้งนานแล้ว
เมื่อไม่มีเรือกลับ ซีอุยจึงมาเป็นลูกจ้างทำสวนผักของนายอิ๋ดเจียก แซ่อึ้ง ที่ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง และที่นี้เองคือที่สุดท้ายที่มันจะก่อกรรมทำเข็ญ
เหยื่อรายสุดท้าย: เด็กชายสมบุญ บุณยกาญจน์
นี้เป็นข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ของซีอุย เพราะเขาตั้งใจที่จะสังหารเหยื่อที่เป็นเด็กชายคนแรกแทนที่จะเป็นผู้หญิงและเป็นคนที่เขารู้จัก ในเวลานั้นเวลาประมาณ 15.00 น.ซีอุยยังทำงานที่สวนของนายเฉลียว ขุดดินปลูกผักอยู่ในไร่ ทันใดนั้นเหยื่อสุดท้ายของเขาก็มาหา ด.ช.สมบุญ บุตรนาวา บุญยกาญจน์ สองรู้จักกันมานานแล้ว ในฐานะลูกค้าซื้อผักประจำ แต่ซีอุยทนแรงยั่วยวนไม่ไหว มันหาจังหวะที่จะฆ่ามานานแล้ว และวันนี้เป็นวันที่เหมาะสมอย่างยิ่ง และลงมือฆ่า
แต่ครั้งนี้มันแตกต่างกับเหยื่อรายอื่น ๆ ที่มันจัดการ มันคิด หากมีผู้พบเห็นศพมันจะต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยแน่นอน เพราะพ่อแม่เด็กนั้นต้องรู้ดีว่าได้ใช้ลูกของต้นมาซื้อผักที่สวนนี้ มันจึงตัดสินใจกลับไปที่สวนยางพาราอีกครั้ง มันทำการกำจัดศพ มันใช้ไฟเผา ชั่วพริบตาเดียวไฟก็ลุกลามไปเศษไม้ใบแห้งจนลามติดเนื้อหนังมังสาของเด็กชายผู้เคราะห์ร้าย ห่างจากตำบลเนินพระไปเล็กน้อย นายนาวา บุณยกาญจน์ พ่อของเด็กชายสมบุตร และนายเสงี่ยม ม่วงแสง เพื่อนบ้าน กำลังออกตามหาลูกชาย เพราะเป็นห่วงว่าให้ไปซื้อผักที่เนินพระและไม่กลับมา ซึ่งตอนแรกทั้งสองคนพากันเดินทั่วบริเวณสวนผัก มันคงถึงคราวชะตาขาดของซีอุย ที่มันก่อกรรมทำเข็นไว้มาก นายนาวาและนายเสงี่ยมได้ตรงไปที่ซีอุยใช้เป็นที่กำจัดหลักฐาน(ศพ) ทั้งสองเฝ้ามองพฤติกรรมที่น่าสงสัยของซีอุย และเขาก็อุทานอย่างไม่เป็นภาษาคน เมื่อเห็นวัตถุอย่างหนึ่งโผล่ออกจากกองไฟมันเป็นขาคน ขาของเด็กชายสมบุตร ไฟยังไม่ติดหมดทั่วร่าง สภาพยังเห็นศพเด็กน้อยครบสมบูรณ์อยู่ นายนาวาไม่รอช้าปราดไปเขี่ยกองไฟแล้วอุ้มร่างไร้วิญญาณของลูกรักไว้แนบอก ดวงตาและสีหน้าโกรธแค้น
นายนาวาคำรามดุดัน วางศพลูกชายลงกลับพื้นโผเข้าใส่ซีอุยอย่างบ้าคลั่งซีอุยไม่ได้ต่อสู้เพราะตัวมันไม่มีอาวุธอะไรเลย มันยอมให้นายนาวาและนายเสงี่ยมจับมัดไว้ที่เสาบริเวณบ่อน้ำของสวนผัก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมา 2 ชั่วโมง และเก็บหลักฐาน หัวใจและตับที่ซ่อนในตู้กับข้าวซีอุยให้การรับสารภาพในสิ่งที่มันทำทั้งหมด
ความคิดเห็น