[ให้ไวเลยเว้ย ไอ่ของล็อคอินเข้าไอดียัง]
“ไม่รู้ว่ะ ยังไม่ได้เข้าไปดูเลย…เห้ย!”
เอี๊ยดดดดด โครม!
[เสียงเมื่อกี้อะไรวะ]
“…”
[โหลๆ ไอครูทซ์ได้ยินมั้ย]
“…”
(…และเมื่อทราบเรื่องการหายตัวไปนอกเขตเมืองของหนึ่งในสมาชิกนั้น ทำให้เหล่าตัวแทนแต่ละด้านพยายามตามหาตัวเขาให้เจอ หากพบเจอแล้วจะทำการแจ้งมาให้ไวที่สุด: ประกาศจากเซิฟเวอร์)
“ค่ะ เอาทรัพย์สินของเขาไปด้วยได้เลยค่ะ ที่เหลือดิฉันจะชดเชยให้เองค่ะ”
ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง
‘ก็ปู้เป้นั่นแหละ ฉันเห็นยัยนั่นอยู่กับเพื่อนข้างห้องคนนึงหล่อมากกก หน้าหวานกว่าชั้นอีกนะแก'
‘อุ๊ย!! นั่นใครน่ะ คู่ควงใหม่นางเหรอ'
‘เห็นว่านางมีแฟนแล้วหนิ เขาอาจจะเป็นเพื่อนสุดเลิฟก็ได้แก'
“ตามนั้นแหละ นายก็ระวังดีๆด้วยล่ะ คำพูดผ่านๆหูฉันมันก็พอรู้แล้วล่ะว่ายัยเป้มันอยู่กับเจ้าหน้าหวานคนนึง แต่ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าเป็นใคร จะไม่เชื่อก็แล้วแต่นายเลยฉันไปละ พอดีไม่อยากเป็นข่าวเหมือนยัยนั่น”
คำพูดที่ออกมาจากเพื่อนร่วมห้องของ ‘ปูเป้’ แฟนสาวที่ผมรักมากจนตอนนี้คบกันมาได้เกือบจะ 9 เดือนเต็มแล้ว อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย ตั้งแต่คบกันมาไม่เห็นปูเป้จะเคยพูดหรือบอกว่าชอบผู้ชายหน้าหวาน อีกอย่างคนหน้าตาดีอย่างกับดาราในโรงเรียนนี้ก็ยิ่งหาง่ายกว่าปากกาที่ผมทำหายไปเมื่อวานอีก คนมาจีบปู้เป้เป็นสิบๆคน นับวันไม่เห็นจะเหลียวมองด้วยซ้ำ จนเกือบจะขึ้นชื่อติดบอร์ดโรงเรียนไปแล้วมั้งว่า ‘สวยแล้วหยิ่ง’ แต่ว่าไปนั่น เธอไม่ได้หยิ่งหรอกแค่เธอรักผมต่างหาก
…แต่ตอนนี้ผมก็รู้สึกหวั่นๆอยู่ล่ะว่ะ นอกจากเธอไม่เคยพูดว่าชอบคนหน้าหวานแล้ว ก็ยังไม่มีใครที่ออกแนวหวานมาจีบเธอหรอก ส่วนมากมีแต่หน้าเข้มๆคมๆทั้งนั้น แต่ก็นั่นแหละด้วยความที่ผมหน้าตาดีกว่านิดนึง พอมาได้ยินคำพูดของเพื่อนเธอที่ผมยังไม่รู้แม้แต่ชื่อ ก็ดันถึงกับทำให้ผมคิ้วขมวดและเดินออกมาหาที่ปลอดโปร่งสมองคิดในระยะยาวเลยล่ะ
เวลานี้คนส่วนมากก็จะไปกินอาหารหรือเที่ยวเล่นแต่คนแบบผมมันไม่ปกติ ร้านที่อยู่ข้างหน้าผมนั้นคือร้านโดนัทที่มีโปรโมชั่นลด 30% หากมากับคู่รัก ให้ตายเถอะ…ผมไม่ได้จะซื้อไปกินอย่างที่ว่าไปก่อนหน้านี้หรอก ผมซื้อไปฝากแฟนสาวผมต่างหาก ก่อนหน้าที่จะมาได้ยินเรื่องนี้เธอก็โทรมาบอกผมว่าอยู่บ้านเพื่อน กำลังทำงานอาจารย์สมพงศ์อยู่ เอาเถอะอย่างน้อยๆความเชื่อใจก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างนึง เธอคงไม่ทำอะไรแผลงๆตามข่าวลือพวกนั้นหรอก
“ฉันไม่ได้บอกให้ไปซื้อโดนัทมาฆ่าเวลานะจ๊ะ”
เสียงหญิงสาวคนนึงลอยผ่านเข้าหูผมมา ได้ยินแล้วรู้ได้ทันทีว่านั่นเป็นเสียงของแฟนผมแน่ๆ ผมจึงถอยออกมาจากระยะเคาท์เตอร์ร้านนั้นทันที ก่อนที่จะหามุมลับตาคนแถวนั้นไปฟังดูว่าเธอมาที่นี่ได้ยังไง ถึงมันจะมีแค่ที่นั่งข้างหลังที่มีตู้กดเครื่องดื่มบังไว้ก็เถอะ…หรือเธอแค่มาแวะซื้อของก่อนจะกลับไปที่บ้านเพื่อนเธองั้นเหรอ
ผมได้แต่คิดว่าเธออาจจะหิวแล้วบ้านเพื่อนเธอไม่มีอะไรให้กินก็เป็นไปได้ ซึ่งความคิดนี้ผมตัดไปได้เลยหลังจากที่ผมเห็นคนที่นั่งกับแฟนผม ในมือเขาคนนั้นถือกล่องโดนัทมา นั่นเป็นผู้ชายคนนึงที่ตัวไม่ถึงกับสูงแต่รูปหน้าบอกได้ชัดๆเลยว่าหน้าหวานมาก! ถ้าเทียบกับผู้หญิงบางคนที่ผมเจอมาผ่านๆตา ไอ่หมอนี่ยังดูสวยกว่าด้วยซ้ำและที่มั่นใจมากที่สุดเลยก็คือไอ่หน้าน้ำตาลปี๊บนี่แหละ คนที่เพื่อนแฟนผมมาเล่าให้ฟังก่อนจะมาถึงร้านโดนัทนี่แบบถูกคนแน่ๆ
“ก็เป้พูดเยอะหนิ บางทีฉันก็อยากหาอะไรแก้ปากว่างหน่อย ฟังแล้วง่วงจะตายไปอะไรรักๆใคร่ๆไม่รู้เยอะแยะชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ไม่ชอบสิ”
“เห้อออ ยังเหมือนเดิมเลยนะนิสัยแบบนี้เนี่ย ก็ได้ๆงั้นก็อย่างที่ว่าไปนั่นแหละ ฉันไม่ได้ชอบเขาแต่จะทำยังไงได้ล่ะฉันหมดวิธีในหัวแล้วจริงๆหนิTT”
“แล้วเธอจะทำไงต่อล่ะ อ้างว่ามาทำงานซะขนาดนี้จะไปไหนต่อมั้ย ยังมีเวลาเดินเล่นทั้งวัน”
“ไม่ล่ะ อีกสักพักฉันจะกลับบ้านไปทำงานต่อ แค่เปลี่ยนสถานที่เฉยๆเขาคงไม่รู้หรอก”
ครับ…ผมไม่รู้ หลังจากว่าที่แฟนของผมที่กำลังจะเป็นแฟนเก่านั้นพูดจบ เธอกับไอ้หน้าหวานนั่นก็บอกลากันซะดิบดีอย่างกับพรุ่งนี้จะเจอกันในชุดแต่งงานงั้นแหละ ทำไมวันนี้ผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ ‘ฉันไม่ได้ชอบเขา’ คำนี้แหละที่ทำผมอึ้งมากที่สุดสำหรับวันนี้ ความเชื่อใจที่ผมให้เธอมาโดยตลอดดูจากทุกคำพูดของว่าที่แฟนเก่าผมนั้นพูดออกมาเธอไม่โกหกแน่ๆ หนำซ้ำยังบอกผมว่าจะไปทำงานบ้านเพื่อนเพียงเพราะหาเวลามาคุยกับหมอนั่นอีก
พอเธอเดินออกจากร้านไปผมก็เห็นไอ่หน้าหวานนั่นนั่งกินโดนัทที่ซื้อมาหน้าบานชื่น เหมือนไม่รู้สึกผิดอะไรกับชีวิตเลยให้ตายเถอะ! ก็ได้คิดแต่ทำอะไรไม่ได้ ผมจึงเลือกที่จะไปถามตรงๆกับเจ้าตัวเลยว่าทั้งหมดเรื่องจริงหรือผมฝัน บางทีผมอาจจะเดินไปเห็นว่าเป็นคนไร้หน้าแล้วก็สะดุ้งตื่นออกมาก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ดี
“เห้ย นายอะ”
“หือ…?”
ผมได้ลุกออกจากเก้าอี้ทางด้านหลังแล้วเดินไปทักทายไอ่หมอนั่นด้วยตัวเอง จนมาได้เห็นกับตาว่าหน้าหมอนี่ก็ดูดีกว่าที่คิด รวมๆแล้วจะพูดได้เต็มปากว่าเป็นแบบที่ปูเป้ชอบก็คงพูดได้ไม่เต็มร้อย แต่ผมคงไม่ถูกนอกใจเพราะแค่มันหน้าดีหรอกอย่างน้อยๆมันต้องมีอะไรบางอย่างที่ผมไม่มีและทำให้ว่าที่แฟนเก่าผมชอบได้หรอก แล้วเมื่อเสียงตอบรับของอีกฝ่ายดังขึ้นผมก็ได้เริ่มบทสนทนาทันที
“พอดีฉันมีเรื่องอยากถาม”
“…”
“เอาตรงๆเลยแล้วกัน คนเมื่อกี้นายรู้จักเหรอ”
“นาย…เหรอ?”
“หมายถึงแกนั่นแหละ รู้จักปูเป้เหรอ”
“อ้อ คนเมื่อกี้เพื่อนฉันเอง เขาแค่มาคุยเรื่องทั่วไปนั่นแหละ ว่าแต่นายหน้าคุ้นๆนะ มีธุระอะไรกันรึป่าว”
“ถ้าฉันจำไม่ผิด ฉันไม่รู้จักนายและพึ่งได้คุยกันครั้งแรก”
“ป่าวหรอก ฉันแค่เคยเห็นรูปในมือถือของปูเป้น่ะ นายเป็นแฟนเธอเหรอ?”
“ใช่ แต่หลังจากนี้น่าจะไม่แล้ว นายก็หน้าตาโอเคดีหนิแล้วยังได้เห็นรูปฉันไปแล้วด้วย ปกติแทบไม่มีใครได้เห็นรูปฉันหรอก”
เห้ออออออ พูดเองเจ็บเอง ก็ไม่ได้อยากชมหมอนี่หรอก อวยให้เข้าข้างตัวเองไปเท่านั้นแหละ คุยง่ายดีถึงแม้จะรู้จักผมทางรูปในเครื่องแฟนเก่าผมก็เถอะ…จะว่าไปถึงกับยอมให้ดูรูปในเครื่องเลยเหรอวะ ขนาดผมคบกันมาขนาดนี้แค่จับโทรศัพท์ยังแทบจะเหมือนคนผีเข้าจะหวงอะไรนักหนา เพราะงี้เองสินะที่ไม่ยอมให้แตะให้ยืมโทรไปหาใครเลย กับคนอื่นก็คงทำอย่างงี้ คิดอะไรมาได้สักพักไอ่หนุ่มหน้าหวานข้างหน้าผมก็แอบหัวเราะเบาๆ ก่อนจะทำหน้ากวนประสาทแล้วตอบผมมา
“ฮะๆๆ นายนี่ตาถึงหนิที่บอกว่าฉันหน้าตาโอเค แต่คิดผิดไปนิดหน่อยนะ ฉันกับปูเป้เป็นเพื่อนกันจริงๆ อีกอย่างฉันไม่ได้ชอบยัยนั่นสักหน่อย ฉันเห็นรูปนายเพราะยัยนั่นเอาให้ดูก่อนหน้านี้แถมบอกด้วยว่านายเป็นคนน่ารักคนนึงด้วยล่ะ^^”
ห้ะ… ทั้งหมดที่ไอ่หมอนี่ว่ามันเรื่องจริงเหรอ หลังจบประโยคนั้นผมก็ได้แต่นั่งมองหน้าอีกฝ่ายจนได้แต่คิดแล้วคิดอีก ‘เพื่อน’ ที่ว่ามันใช่จริงๆเหรอวะ ตอนผมเข้ามาเรียนที่นี่แรกๆปูเป้นี่แหละที่เข้าหาผม จนทำความรู้จักแล้วคบกันมาได้ขนาดนี้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีเพื่อนที่สนิทขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน ดูเหมือนไอ่หน้าหวานนี่จะอ่านความคิดผมออกแล้วพูดอธิบายให้ผมฟังต่อ
“นายคงคิดว่าฉันโกหกล่ะสิ การที่นายเดินมาทักทายฉันด้วยคำพูดและท่าทางแบบนั้น ก็คงได้ยินหมดแล้วแหละที่พวกฉันคุยกัน จะพูดง่ายๆเลยคือมีคนมาจีบปูเป้แต่นางไม่ได้ชอบ แถมไอ่นั่นก็ชอบมาเดินวนเวียนดูนางหลังเลิกเรียนแล้วยังชอบอวดดีนั่นนี่จนน่ารำคาญ ทำให้ปูเป้มาคุยกับฉันนี่แหละ หวังว่านายจะเข้าใจใช่มั้ย?”
“…”
“งั้นถ้านายไม่มีอะไรถามแล้วฉันกินโดนัทฉันต่อล่ะ ถ้าไม่รีบก็นั่งเป็นเพื่อนได้แค่อย่าหาเรื่องฉันพอนะ ฉันกับเป้เป็นเพื่อนกันจริงๆ”
หลังพูดจบหมอนั่นก็หยิบโดนัทมากินต่อพลางเปิดโทรศัพท์มือถือตัวเองเล่น ส่วนตัวผมได้แต่นั่งอึ้งกับคำตอบก่อนหน้านี้ที่มาจากปากของคนตรงหน้า ไม่คิดว่าทั้งหมดจะเป็นเรื่องจริงแต่ก็ทำใจเชื่อทั้งหมดไม่ได้ ปูเป้ก็ไม่เคยพูดกับผมเรื่องนี้มาก่อน มีคนชอบเธอแล้วตามติดชีวิตเธอขนาดนี้ต้องมาบอกอะไรผมสักอย่างแต่นี่ไม่เลย คำว่า ‘ความเชื่อใจก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างนึง’ยังจะใช้ได้กับคนที่อยู่กึ่งกลางกับคำว่าแฟนของผมรึป่าว คิดแล้วปวดหัวหนักกว่าเดิมอีก ส่วนไอ่คนข้างๆผมก็กินโดนัทไม่สนโลกภัยอะไรหน้าตัวเองเลย แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก จะว่าไปแล้วผมก็เรียกหมอนี่ว่าไอ่หน้าหวานมาตลอด อย่างน้อยสิ่งที่ผมกำลังจะถามคนตรงหน้าไปนี่อาจจะเป็นคำถามแรกที่ไม่ปวดหัวสำหรับวันนี้ของผมก็ได้…
“ว่าแต่นายชื่ออะไร”
“อ่าว นายมาทักทายฉันก่อนทำไมไม่บอกชื่อตัวเองก่อนล่ะ”
กวน…-_-) แต่ก็จริงของมันล่ะเว้ยยยย
“ริวเซย์ ชื่อฉัน”
“ไนซ์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ความคิดเห็น