คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2
“คุณริกา ได้ยินว่าวันนี้คุณไปที่ร้านเครื่องหอมตรงหน้าหาดมาอย่างนั้นเหรอ”คุณศรัทธาสามีของฉันกล่าวทำลายความเงียบของการทานอาหารเย็นในวันนี้ลง เสียงเรียบๆแต่คงไว้ซึ่งอำนาจของเขา ทำให้ฉันชะงักมือน้อยๆอย่างคนที่เกรงกลัวต่อความผิด
“ค่ะ”ฉันกล่าวเพียงเท่านั้น ก่อนจะแซรงยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อกลบเกลื่อนความหวาดกลัวภายในจิตใจ
ความหวาดกลัวต่อความรู้สึกอันแปลกประหลาดเมื่อยามบ่ายที่ผ่านมา.....
“ผู้หญิงคนนั้น ที่เขาลือกันว่าเป็นภรรยาลับของท่านอาทิตย์สินะ คุณอย่าไปสุงสิงด้วยจะดีกว่านะริกา”ศรัทธากล่าวอีกครั้งก่อนจะปลายสายตามองมายังฉัน ถึงแม้นคำพูดของศรัทธามิได้แสดงออกอย่างตรงๆว่าเขาไม่ต้องการให้ฉันติดต่อสมาคมกับคุณดามิสา แต่ดวงตานั้นเหล่ากลับฉายแววแห่งการวางอำนาจเหนือจากผู้อื่น และก็เป็นฉันเองที่ต้องหลบสายตาลงอย่างคนยอมรับในความพ่ายแพ้
.............................................................................................................................................................................
นับจากวันนั้น ฉันก็มิได้ไปที่ร้านขายเครื่องหอมริมทะเลนั้นอีกเลย จะทำได้ก็เพียงแอบมองรอดราวรั่วกั้นบนรถเครื่อง เมื่อยามที่รถวิ่งผ่านหน้าร้าน Perfume ของคุณดามิสา และก็เป็นทุกครั้งที่ฉันอดมิได้ที่จะชะเง้อมองหาร่างบางในชุดวันพีชสีสันสดใส
และก็อีกเช่นกันเพราะนับจากวันนั้นฉันก็มิได้พบร่างงามของเธออีกเลย จวบจนอาทิตย์ถัดมาเมื่อศรัทธากล่าวกับฉันในมืออาหารเย็นของวันหนึ่ง
“คุณริสา พรุ่งนี้ผมจำเป็นต้องไปราชการในพระนคร ช่วงนี้คุณคงต้องอยู่คนเดียวซักพักนะ”เสียงต่ำๆของศรัทธากล่าวขึ้น ในตายังคงจับจ้องดูข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ นี้ถ้าหากเขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันซักน้อยก็คงได้เห็นรอยยิ้มแสนสุขใจของฉันที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า หัวใจของฉันนั้นลิงโลดดังนกน้อยที่กำลังจะได้โผบินออกจากกรงทอง
“ฮึม ...แล้วคุณจะไปซักกี่วันค่ะ”ฉันพยายามกระแอมไอขึ้นมานิดหนึ่งเพื่อขับไล่ความตื่นเต้นยินดีที่อยู่ภายในจิตใจ ก่อนจะกล่าวถามชายหนุ่มผู้ถือได้ว่าเป็นสามีของฉันด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉยดังคลื่นลมยามท้องทะเลสงบ
“คงจะประมาณ 2 สัปดาห์นะ”ศรัทธากล่าวอีกครั้งในตายังคงจ้องมองดูตัวอักษรยึกยือที่วางยืดยาวราวกับไม่มีวันจบสิ้นในกรอบด้านบนของหนังสือพิมพ์
ฉันจึงลุกขึ้นช้าๆและค่อยๆเก็บจานชามบนโต๊ะอย่างไม่รีบร้อน มือบางของฉันสั่นไหวไปตามแรงเต้นของหัวใจที่พุ่งพล่าน ช่างหน้าแปลกใจนักที่บัดนี้ใบหน้างามของ คุณดามิสา ลองลอยมาอยู่ในมโนสติของฉัน
คงยากที่จะปฏิเสธได้ว่าฉันกำลังคิดถึงเธออยู่ และก็ไม่เข้าใจอีกเช่นกันว่าเหตุใดจึงได้คิดถึง เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็ได้แต่สั่นศีรษะไปมาเบาๆเพื่อขับไล่ความคิดแปลกประหลาดในหัวสมอง สองมือหยิบจานชามขึ้นมาเช็ดล้างทำความสะอาด ก่อนจะเดินขึ้นไปจัดการเก็บเสื้อผ้าเครื่องใช้ของศรัทธาลงในกระเป๋า รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นบนใบหน้า มือบางของฉันเอื้อมขึ้นมาทาบทับกับหัวใจที่บัดนี้ มันก็ยังคงเต้นแรงอยู่เช่นเดิม
..
.........................................................................................
.....................................................
......................................
รถของศรัทธาเคลื่อนตัวออกไปจากรั่วบ้านพักนายอำเภอแล้ว แต่ฉันก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่ตรงนั้น ลำดับความคิดต่างๆภายในสมองอย่างช้าๆ ก่อนจะพาร่างของตัวเองเดินขึ้นไปยังห้องนอน
ห้องสีขาวสะอาดที่ครั้งหนึ่งฉันเคยวาดฝันว่ามันจะเป็นดังวิมานของเราสองคน ผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินกะลาสีที่บัดนี้ซีดจางลงไปพร้อมกับความรักระหว่างฉันและศรัทธา ยังคงปูทาบทับอยู่บนเตียงนอนหนานุ่ม มือบางของฉันค่อยๆดึงผ้าผืนนั้นออกอย่างช้าๆ ทั้งผ้าปูที่นอน หมอน และทุกสิ่งทุกอย่างที่มีกลิ่นกายของผู้ชายคนนั้น ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของฉัน
ฉันกระชากผ้าปูที่นอนอีกครั้งเมื่อปลายด้านหนึ่งของมันติดเข้ากับขอบของประตู มันขาดออกจากกันทันทีที่ปลายด้านหนึ่ง ขาดเป็นทางยาวจนยากจะเย็บต่อกันให้ติดได้อีกครั้ง แต่ใครจะไปสนใจกันเล่า ฉันเกลียดผ้าผืนนี้เกลียดปลอกหมอนใบนี้ และเกลียดทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของผู้ชายคนนี้ และวันนี้ฉันจะทิ้งมันไปให้หมด
หลังจากที่ฉันจัดการกับผ้าปูที่นอนทั้งหมดแล้วฉัน ฉันก็เดินไปยังตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง ประตูตู้หนาหนักถูกเปิดออกอย่างช้าๆ และผ้าปูที่นอนสีขาวขริบลายดอกสตอเบอร์รี่สีแดงสดที่ฉันแอบเก็บมันเอาไว้ ก็ถูกปูทับลงบนที่นอนแทนที่ผ้าปูผืนเดิม ผ้าคลุมเตียงที่ศรัทธาแสนจะรังเกียจ บัดนี้มันเข้ามาแทนที่ผ้าปูเตียงผืนเดิมโดยสมบูรณ์ ฉันยิ้มให้กับภาพตรงหน้า ก่อนจะหันไปหยิบไม้กวาดขึ้นมากวาดถูทำความสะอาด ฉันลงมือเช็ดทุกซอกทุกมุมของบ้าน เช็ดจนมันสะอาด เช็ดจนแน่ใจว่าจะไม่หลงเหลือรองรอยของคนๆนั้น เช็ดจนมั่นใจว่าทุกอย่างกลับมาสะอาดเหมือนเดิม
หลังจากการทำงานอันหนักหน่วงได้ผ่านไปแล้ว ตะวันคล้อยตัวข้ามผ่านมายังอีกฝากหนึ่งของกาลเวลา ฉันมองดูนาฬิกาบนผนัง มันบอกเวลา สิบสองนาฬิกาสามสิบนาที ท้องของฉันร้องน้อยๆ พร้อยให้คิดไปถึงใครอีกคนว่าเขาคนนั้นจะทานข้าวหรือยัง มือบางเอื้อมขึ้นมาเช็ดคราบเหงื่อไคลที่ไหลย้อยลงมาตามไรผม ฉันเดิมไปเปิดประตูตู้เย็น เห็นว่ายังพอมีเนื้อและผักพอจะทำอาหารได้จนถึงมือเย็น แล้วนั้นหละ สายตาของฉันที่กวาดดูอาหารภายในตู้เย็น สะดุดเข้ากับแป้งบัวลอยที่ปั้นเอาไว้เป็นลูก ใจจริงฉันคิดว่าจะทำบัวลอยไข่หวานให้ศรัทธาท่านในวันนี้ แต่ในเมื่อเขาได้จากไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องยกให้กับคนอื่น
ฉันเอื้อมมือเข้าไปหยิบถาดใส่แป้งบัวลอยในตู้เย็นออกมา จัดการหย่อนมันลงไปในหม้อทองเหลืองที่ตั้งไฟอยู่เหนือเตา กลิ่นหอมกะทิลอยอบอวนไปในอากาศ บัวลอยไข่หวานยอดขนมที่ศรัทธาชอบนักหนา บัดนี้ถูกบรรจงว่างลงในโถกระเบื้องพิมพ์ลายดอกท้อสีขาวส้มอันโปรด โถกระเบื้องนี้เป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่ฉันได้รับมาจากคุณแม่ และถือได้ว่าเป็นของต่างหน้าชิ้นสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่
“อาบน้ำดีกว่านะ” ฉันกล่าวกับตัวเองเบาๆเพื่อสลัดภาพในอดีตออกจากหัวสมอง และเดินตรงไปยังห้องอาบน้ำ
หลังจากที่ชำระล้างร่างกายของตนเองเรียบร้อยแล้ว ฉันก็พาร่างเปล่าเปลือยมายืนอยู่ที่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ภายในห้อง โอ้....นี้หรือคือผู้หญิงที่เคยได้ชื่อว่าเป็นสาวงามคนหนึ่งของจังหวัด ดูตัวฉันตอนนี้สิ ถึงแม้นว่าร่างกายจะยังไม่ได้หย่อนยานไปตามกาลและเวลา แต่ดูที่ตรงนี้สิ ผิวหนังตรงหน้าท้อง ที่พอกพูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด คิดแล้วก็ให้คิดไปถึงใครอีกคน ทำไมกันหนอ............ทั้งที่ดูเธอหน้าจะอายุมากกว่าฉันอยู่หลายปี แต่ทำไมกันร่างบางนั้นจึงยังคงสามารถรักษาความงามของร่างกายของตนได้เป็นอย่างดี หรือนี้คือความลับของหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าทำหน้าที่เป็นภรรยาลับของเหล่าชายสูงวัยทั้งหลาย
..................................................................................................................................................................................
รถเครื่องเคลื่อนตัวพาฉันมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายเครื่องหอมสีเหลืองมาสตาดร้านเดิม แดดยามบ่ายของวันในหน้าร้อนทำให้สีของมันดูจัดจ้านมากยิ่งขึ้น ฉันพาร่างของตนเองมายืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าร้าน เพราะไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรกับการกลับมาในครั้งนี้
“คิดถึงคุณจัง”เสียงทุ้มหวานของใครบางคนดังมาจากทางด้านหลัง ทำเอาหัวใจฉันถึงกับตกลงไปนอนอยู่ที่ตาตุ่ม เสียงหัวเราะเบาๆลอยมาตามสายลม คุณดามิสา มองดูฉันอย่างเอ็นดู มือบางของคนตรงหน้ายื่นมากุมมือของฉันให้เดินตามเธอเข้าไปในร้าน
“แผลหายดีแล้วหรือค่ะ”เธอกล่าวยิ้มหวาน ก่อนจะพาฉันนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม
“วันนี้ฉันทำบัวลอยมาฝากค่ะ”ฉันกล่าวเสียงเบา ก่อนจะเลี่ยงหลบสายตาหวานๆของเธอ ที่มีอิทธิพลทำให้หัวใจของฉันสั่นไหว
“คิดว่าคุณคงไม่มาที่นี้เสียแล้ว”หญิงงามตรงหน้ากล่าวกับฉันด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ขอโทษนะค่ะ กับการกระทำที่ดูจะถือวิสาสะกับคุณเช่นนั้น ฉันอยู่เมืองนอกมานานอาจจะทำอะไรไม่ถูกกาลเทศะของคนไทยนัก”เธอกล่าวต่อ ก่อนจะเดินไปหยิบชุดกาน้ำชาสีขาวสะอาดมาวางลงบนโต๊ะ
“คุณอยู่ที่ไหนมาก่อนอย่างนั้นหรือค่ะ”นั้นอย่างไรหละ ฉันเดาไม่ผิดเลยเธอเคยอาศัยอยู่ในต่างประเทศมาก่อนนี้เอง คุณดามิสายิ้มให้ฉันหน่อยหนึ่งแล้วจึงยื่นแก้วน้ำชาส่งมาให้
“ฉันเคยอยู่ที่เมือง กราเซ จนอายุ 18 ปีค่ะ”เธอกล่าวยิ้มหวานก่อนจะเดินไปหยิบถ้วยสีขาวเข้าชุดกับชุดถ้วยชาตรงหน้ามาตักขนมบัวลอย
“กราเซ ชื่อแปลก มันอยู่ในประเทศอะไรอย่างนั้นหรือค่ะ”ฉันเอียงคอถามคุณดามิสา พลางครุ่นคิดไปถึงชื่อเมืองหลวงในประเทศต่างๆ
“อยู่ทางใต้ของประเทศฝรั่งเศสค่ะ”คุณดามิสากล่าวก่อนจะยกน้ำชาขึ้นมาจิบอึกหนึ่ง
“ถึงว่าคุณดูไม่เหมือนคนไทยสักเท่าไหร่”ฉันกล่าวยิ้มๆ ก่อนจะลอบมองดวงหน้าคม และดวงตาสีน้ำตาลอ่อนอย่างชาวตะวันตก หญิงสาวผู้นี้ช่างงามไม่มีที่ตินัก เมื่อนึกไปถึงเรื่องนี้ก็ให้หวนคิดถึงชื่อของเธอ ชื่อที่ฉันคิดอยากจะถามสาวงามตรงหน้ามาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยิน
“ชื่อ ดามิสา นี้มีความหมายว่าอย่างไรหรือค่ะ”ฉันกล่าว ก่อนจะยกนิ้วขึ้นลูบปากแก้วชาเล่น กลัวว่าหญิงสาวตรงหน้าจะรู้สึกไม่ดีที่พูดจาละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเธอ
“ชื่อ? คุณทราบชื่อของดิฉันแล้วอย่างนั้นหรือนี้” หญิงสาวกล่าวเสียงสูง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นดูน่ารัก ฉันจึงได้เพียงยิ้มกลับไปแทนคำตอบ
“ฉันเองก็ทราบชื่อของคุณเช่นกันนะค่ะ ชื่อคุณเป็นชื่อของดอกไม้หอม ดอกกุมาริกา” เธอกล่าวยิ้มหวาน ดวงตาสีน้ำตาลยิ้มน้อยๆ ราวกับดวงตาของเด็กหนุ่มที่กำลังส่งยิ้มให้กับหญิงสาว ทำเอาฉันถึงกับต้องกระพริบตาไล่ความหวานไม่ให้ทะลุทะลวงเข้ามาภายในร่างกายของฉันได้
“ทำไมคุณถึงทราบชื่อของฉันหละค่ะ”ฉันกล่าวเสียงเบา รู้สึกร้อนรุ่มภายในท้องน้อย นิ้วเรียวยังคงหมุนวนอยู่ที่ขอบแก้วชาตรงหน้า ดวงหน้าหวานของคุณดามิสายิ้มออกมาอีก เธอยกมือขึ้นเท้าคาง ก่อนจะส่งสายตาหวานๆนั้นมาให้กับฉัน
“คนสวยเช่นคุณ คงยากที่จะไม่มีใครรู้จัก”คุณดามิสากล่าวอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มหวานๆ นี้หญิงสาวคนนี้จงใจจะแกล้งฉันหรือย่างไรกัน มันจะต้องใช่อย่างแน่นอน เธอต้องการจะแกล้งให้ฉันอายกับคำพูดหวานๆของเธอ และแกล้งให้ฉันต้องหลงละเมอไปกับคำพูดเหล่านั้น แต่มันจะเพื่ออะไรกันเหล่า ถ้าหากฉันเป็นชายหนุ่มรูปงามก็คงว่าไปอย่าง แต่นี้มันอย่างไรกัน หรือนี้คืออีกรูปแบบของวัฒนธรรมต่างชาติ
“คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลยว่าชื่อของคุณมีความหมายว่าอย่างไร”ฉันเสกล่าวเปลี่ยนเรื่องก่อนที่สติสัมปชัญญะของฉันจะฟั่นเฟือนไปกับคำหวานของคนตรงหน้า คุณดามิสาเลิกคิ้วอีกครั้งก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ยังไม่ได้ตอบว่าคุณรู้จักชื่อฉันได้อย่างไร”เธอยิ้มหวานก่อนจะเลิกคิ้วน้อยๆให้กับฉัน จนฉันได้แต่ถอนหายใจยาวออกมา หญิงงามตรงหน้าฉันคนนี้ช่างฉลาดพูดเสียเหลือเกินสุดท้ายเธอก็สามารถต้อนฉันจนจนมุมลงได้ทุกคราวไป
“คนสวยเช่นคุณ คงยากที่จะไม่มีใครรู้จัก”ฉันกล่าวถ้อยคำของเธอออกมาบ้าง ทำเอาใบหน้างามของดามิสาถึงกลับอ่ำอึ้งไป ก่อนจะหัวเราะออกมา
“คุณลอกข้อความของฉันนี้ค่ะ”เธอกล่าวกับฉัน ก่อนจะขมวดคิ้วดูแสนงอน แต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยเสน่ห์ของความเป็นหญิง นี้ถ้าหากฉันเป็นชายหนุ่ม ฉันก็จะคงหลงรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น
“ตอบสิค่ะ”ฉันกล่าว ก่อนจะปลายตามองไปยังเธอที่นั่งท้าวคางมองดูฉันอยู่
“คำว่า ดามิสา นี้คุณพ่อของฉันเป็นคนตั้งให้ค่ะ ดามิสา แปลความหมายได้ว่า ผู้อยู่เหนือความมืด หรือ พระจันทร์นั้นเองค่ะ”หญิงสาวกล่าว ก่อนจะหยิบช้อนชาขึ้นมาคนน้ำชาภายในแก้วของตนเองเล่น นั้นสินะ ชื่อนี้ช่างเหมาะสมกับเธอยิ่งนัก ดามิสา พระจันทร์สีขาวนวลที่มีแรงดึงดูดมหาศาลที่จะดึงดูดทุกสิ่งทุกอย่างให้หันไปมองยังเธอและคงมีแรงพอที่จะเปลี่ยนคนดีๆสักคนให้กลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนไปได้
“ชื่อของคุณไพเราะ เหมาะสมกับความงามของคุณเหลือเกินค่ะ”ฉันกล่าวออกไปตามความคิดที่กลั่นกรองออกมาจากภายในหัวใจ ดามิสายิ้มน้อยๆก่อนจะก้มลงคนชาในแก้วเล่น แก้มขาวขาว ของเธอกลายเป็นสีแดงน้อยๆ ดูหน้ามอง
“คนอายุขนาดฉัน คงจะสวยไปได้อีกไม่นาน”เธอเงยหน้าขึ้นกล่าวกับฉัน หลังจากที่สาละวนคนชาในแก้วอยู่พักใหญ่ ใบหน้าสวยยิ้มเอียงอายชวนให้หลงใหล
“คุณยังสาว คงอีกนานกล่าวที่ความชราจะมาพรากเอาความงามของคุณไปได้”ฉันกล่าวอีกครั้งก่อนจะยกแก้วชาขึ้นมาดื่ม อยากจะตีปากมอมๆของตนเองเหลือเกินที่ช่างพูดอะไรเชยๆแบบนี้ออกมาได้
“คุณว่าฉันอายุเท่าไหร่กันหรือค่ะ”คุณดามิสา เอ่ยถามพร้อมทั้งเอียงคอน้อยๆ ดูน่ารัก แล้วนี้เธอจะบอกว่าเธอแก่ได้อย่างไรกันก็ดูท่าทาง และหน้าตานั้นเหล่า ราวกับเด็กสาววัยแรกแย้ม
“ฉันมองว่าคุณคงจะแก่อ่อนกว่าฉันไม่เกินปี”ฉันกล่าวก่อนจะยกมือขึ้นท้าวคางเลียนแบบผู้หญิงสวยตรงหน้า ทำเอาคุณดามิสาถึงกับย่นจมูก และยิ้มขำ
“ถ้าแบบนั้น ตอนนี้คุณก็อายุ 29 แล้วสิค่ะ”สาวงามตรงหน้ากล่าวกับฉันอย่างล้อๆ พร้อมทั้งขำออกมาเบาๆเมื่อเห็นฉันส่ายหน้าไม่เชื่อคำกล่าวของเธอ
“ดิฉันอายุ 30 แล้วค่ะ คุณริกาเพียงแต่อาจเป็นเพราะฉันยังไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน ประกอบกับที่คอยดูแลตนเองอยู่เสมอ จึงทำให้รูปร่างยังไม่เสื่อมสลายไปตามกาลและเวลา”คุณดามิสากล่าวเฉลย ฉันจึงได้แต่เพียงพยักหน้าเห็นด้วยกับเหตุผลที่เธอเสนอขึ้นมา แต่ก็อดสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ว่าเหตุใด สาวงามเช่นเธอถึงยังมิมีใครมาจับจอง หรือจะเป็นอย่างที่เขาว่าจริง ภรรยาน้อยไหนเลยจะสามารถตกแต่งออกหน้าออกตาได้ และก็ดูเหมือนคุณดามิสาจะคาดเดาความคิดของฉันได้ เธอจึงเอ่ยขึ้นมาว่า
“น้องริกาคง แปลกใจที่ทำไมพี่ถึงยังไม่ได้แต่งงาน”คุณดามิสากล่าวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอเปลี่ยนสรรพนามการเรียกจากคุณและฉัน มาเป็นพี่และน้องแทน ทำให้ฉันอดที่จะอมยิ้มออกมาเบาๆกับความสนิทสนมของเราสองคนที่ดูจะเพิ่มมากขึ้น เสียมิได้
“เออ ขอโทษนะค่ะ แต่ไม่ทราบว่าฉันจะเรียกคุณว่า น้องริกาแทนจะได้หรือเปล่า”คุณดามิกากล่าวแก้กับฉันเมื่อหวนนึกขึ้นได้ว่า เธออยู่ในสังคมแบบไทย มิใช่สังคมเดิมเหมือนเมื่อตอนที่อยู่ต่างแดน
“ได้สิค่ะ ริกาก็ขออนุญาตเรียกคุณว่า พี่ดาได้ไหมค่ะ”ฉันกล่าวยิ้มหวาน ก่อนจะเสมองไปยังประตูที่ บัดนี้ปรากฏร่างชายในชุดเครื่องแบบทหารชั้นประทวน เขาแสดงความเคารพให้คุณดามิสาหนึ่งครั้ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอย่างเช่นทหารควรกล่าว
“ท่านให้ผมมารับคุณผู้หญิงครับผม”ชายผู้นั้นกล่าว ก่อนจะแสดงความเคารพอีกครั้งแล้วเดินออกไป
“คุณอาทิตย์ส่งคนมารับพี่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องลากันตรงนี้แล้วค่ะ”หญิงสาวกล่าวพร้อมส่งยิ้มมาให้กับฉัน เธอลุกขึ้นยื่นช้าๆ ก่อนจะเดินไปยังประตูหน้าร้าน เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังแว่วเสียงหวานเศร้าๆ เหมือนกับหัวใจของฉันตอนนี้ที่มันเหี่ยวเฉาลง เมื่อได้รับรู้ถึงความจริงที่ว่าเรื่องราวระหว่างคุณ ดามิสาและท่านผู้ว่าคงจะเป็นเรื่องจริงแน่แท้
“น้องริกาค่ะ เดี๋ยวให้นายชดขับรถไปส่งน้องริกาที่บ้านดีกว่านะค่ะ”คุณดามิสากล่าวก่อนจะพยักหน้าให้นายทหารตรงหน้าช่วยเปิดประตูรถให้กับฉัน และเมื่อเห็นว่าฉันบ่ายเบี่ยงหญิงสาวก็ยิ้มออกมา เธอมองค้อนฉันอย่างน่ารัก แล้วจึงจับจูงมือของฉันให้นั่งลงบนเบาะหลังของรถเก๋งคันงาม
“ถ้าน้องริกาว่าง พรุ่งนี้มานั่งทานน้ำชากับพี่อีกนะค่ะ”คุณดามิสากล่าวทิ้งท้ายก่อนจะปิดประตูรถยุโรปคันหรูให้กับฉัน เธอยิ้มน้อยพร้อมกับโบกมือไปมาอย่างช้าๆเป็นการกล่าวคำอำลา
รถเคลื่อนตัวออกจากร้านน้ำหอมแสนหวานตรงหน้า เมฆดำที่คล้อยเคลื่อนเข้ามาตามแรงลมทะเล รวมตัวกันกลั่นกรองจนกลายเป็นหยาดฝน ฉันที่นั่งอยู่ภายในรถได้แต่หันกลับไปมองภาพของหญิงงามที่ค่อยๆเลือนลับไปจากสายตาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย คละเคล้ากันไปหมด มือบางยกขึ้นเกาะกุมหัวใจที่ปวดร้าว นี้ตัวฉันเป็นอะไรไปอย่างนั้นหรือ ใยจึงได้โศกเศร้าไปกับเรื่องราวของคนอื่นเช่นนี้
...................................................................................................................................................................................
ความคิดเห็น