ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    perfume อุ่นไอรัก [ yuri]

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 52


    บทที่ 1


    แสงแดดอันแผดร้อนทำให้ฉันต้อง ยกมือขึ้นบังใบหน้าของตนเองเพื่อให้รอดพ้นจากไอแดดที่สามารถแผดเผาผิวหนังอันบอบบางของฉันให้สลายกลายเป็นจุลไปได้ในพริกตา ถึงแม้นว่าเวลานี้จะเป็นช่วงปลายของ
    ฤดูร้อนแล้วก็ตาม แต่ความร้อนจากแสงอาทิตย์ก็ยังคงร้อนแรงมิมีเปลี่ยน นี้สินะที่เขาเรียกกันว่าภาวะเรือนกระจก.

     เสียงคลื่นจากท้องทะเลดังสลับกันไปมาจนหน้าเวียนหัว นี้ถ้าหากได้น้ำเย็นๆสักแก้วก็คงจะดีไม่น้อย คิดแล้วก็ตัดสินใจแวะพักที่ร้านสมใจนึกข้างตลาดที่ขายของทุกสิ่งทุกอย่างอย่างที่เขาเรียกว่าจับฉ่าย จะมีดีก็ที่น้ำเก็กฮวยที่หวานชื่นคอซึ่งฉันก็มักจะมาอุดหนุนอยู่เสมอ

    “คุณหนูริกาพึ่งจะกลับจากจ่ายตลาดหรือค่ะ สายป่านนี้แล้ว”ป้าสมใจเจ้าของร้านเอ่ยทักฉันด้วยไมตรี

    “รถเครื่องมันเสียนะค่ะป้า ริกาก็เลยเดินล่วงหน้ามาก่อน”ฉันกล่าวยิ้มหวานก่อนจะชำเลืองมองไปยังฝั่งตรงข้ามของถนน

    บ้านของครอบครัวคุณอาทิตย์ที่ปล่อยทิ้งให้รกร้างมานานหลายปีบัดนี้ กลับถูกเนรมิตขึ้นมาใหม่ ได้อย่างงดงาม พื้นผิวของปูนที่เคยเป็นสีขาวซีดถูกทาบทับด้วยสีเหลืองมาสตราด ดูขัดแย่งกันกับท้องทะเลสีฟ้าครามด้านหลังอย่างชัดเจน  ฉันเหม่อมองภาพคนงานที่กำลังค่อยๆบรรจงทาสีแดงอิฐลงไปบนบานประตูแต่ละบาน ด้วยความรู้สึกอันแสนเพลิดเพลิน พวกเขาเหล่านั้นช่างเหมือนกับจิตรกรที่กำลังรังสรรค์งานศิลปะชิ้นเยี่ยมอยู่ก็ไม่ปาน

    “นั้นนะ คุณดามิสา ชาวบ้านเขาลือกันว่าหล่อนเป็นภรรยาน้อยของท่านผู้ว่า บ้านหลังนี้ก็ว่าคุณอาทิตย์เป็นคนยกให้หล่อนเอามาทำเป็นร้านขายพวกเครื่องหอมของฝรั่ง คนอะไรก็ไม่รู้นะค่ะหน้าตาก็ดี ไม่หน้ามาเป็นเมียน้อยใครแบบนี้ เห็นแล้วก็สงสารคุณหญิง ทำไม๊ ทำไม หน้าตาก็สวยงามขนาดนั้น แต่สามีกลับมาแอบมีบ้านเล็กแถมยัง ออกหน้าออกตาเปิดร้านรวงให้อีก น่าเกลียดจริงๆ”ป้าสมใจกระซิบที่ข้างหูของฉัน ก่อนจะพยักเพยิดให้กับน้าสมรคนงานภายในร้านของเธอ และเรื่องราวชีวิตอันแสนบัดสีของคุณอาทิตย์ท่านผู้ว่าของจังหวัดก็ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเล่าอย่างสนุกปาก ส่วนฉันนั้นหรือเมื่อโดนขัดจังหวะอันสุนทรีก็ค่อยๆเก็บข้าวของที่วางไว้บนพื้นขึ้นมาถือเอาไว้ก่อนจะย่างเท้าออกไปยืนชะเง้อมองหารถโดยสารประจำทางที่อาจจะแวะผ่านมา

    “คุณผู้หญิงครับ สามล้อไหมครับ”ลุงคงชายวัยกลางคนผู้ยึดอาชีพถีบสามล้อตั้งแต่หนุ่ม จนอายุล่วงเลยมาเกินเลขสี่ กล่าวยิ้มหวาน ก่อนจะกระโดดลงจากที่นั่งวิ่งมารับข้าวของในมือของฉันไปถือเอาไว้
     
    “ขอบคุณจะ ลุง”ฉันกล่าวขอบคุณ ก่อนจะพาร่างของตนขึ้นนั่งบนรถสามล้อ และไม่ลืมที่จะหันกลับไปมองยังบ้านสีเหลืองหลังเดิม ที่บัดนี้ปรากฏร่างระหงของหญิงสาวในชุดเดรสสีแดงสดยืนอยู่ สีสกาเล็ต เร็ดช่วยขับให้ผิวขาวๆของเธอดูขาวเด่นมากยิ่งขึ้น มากจนฉันอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าของตนให้มองลอดหมวกปีกกว้างสีขาวบนเรือนผมหยักศกน้อยๆ นั้นเข้าไปยังใบหน้าขาวนวลที่ปัดแป้งฝุ่นบางๆเคลือบทับเอาไว้ ใบหน้าของหญิงผู้ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาลับของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด………………………………………………………

    “ทำไมวันนี้น้องถึงกลับบ้านช้านักหละจ๊ะ”เสียงทุ้มต่ำของศรัทธาทำให้ร่างกายของฉันแข็งเกร็งด้วยความหวาดกลัว มือหยาบเอื้อมมาบีบแขนของฉันเอาไว้ แล้วดึงรั้งร่างกายของฉันให้เซถลาเข้าหาร่างกายกำยำของเขา

    “น้อง...ข....ขอโทษค่ะ รถเครื่องตรงตลาดมันเสีย น้องเลยไปยืนรอรถสามล้ออยู่หน้าร้านสมใจนึกค่ะพี่ธา”ฉันกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ร่างกายของฉันสั่นน้อยๆเมื่อรับรู้ถึงแรงบีบที่แขนซ้ายของตนเอง ศรัทธากำลังโกรธจัด เขาคงเสียหน้ากับเพื่อนๆ ในเมื่อฉันซึ่งเป็นถึงภรรยาท่านนายอำเภอกลับหายหน้าออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้าและกลับเข้ามาเจียนเที่ยงเช่นนี้

    “ไม่เป็นไรจ๊ะคนดี พี่แค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง มานี้สิจ๊ะ พี่จะแนะนำริกาให้รู้จักกับเพื่อนๆพี่ที่มาจากกรุงเทพฯ”ศรัทธายังเอ่ยเสียงหวานให้กับฉัน

    รอยยิ้มดังเทพบุตรของเขาสามารถทำให้ดวงใจดวงน้อยๆของหญิงสาวทั่วทั้งอำเภอหลอมละลายไปได้ รวมถึงตัวฉันเอง เมื่อครั้งที่ได้พบกับเขาในงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนนั้นศรัทธาเป็นชายหนุ่มที่หญิงสาวหลายคนต่างก็หมายปอง

    ว่าที่นายอำเภอหนุ่ม ที่แสนสุภาพ ยังคงติดตาตรึงใจของฉันมิรู้ลืม............................................................

    จวบจนเมื่อฉันและเขาตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน ภาพวาดของเทพบุตรผู้งดงามก็กลับมลายหายไป ศรัทธาเมื่อยามที่อยู่กับฉันเพียงลำพังนั้นแสนจะกักขฬะ อารมณ์ดิบเถื่อนภายในที่เก็บกดกดดันเอาไว้ก็กลับปลดปล่อยลงมายังร่างกายของฉัน จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี จนบัดนี้ ร่างกายของฉัน จิตใจของฉันมันด้านชาไปเสียแล้ว สำหรับฉันหากเขาจะสั่งให้หันซ้ายฉันก็จำต้องหันซ้าย และหากเขาจะสั่งให้ฉันตายฉันก็จำยอมที่จะต้องตายตามคำสั่งของเขา เพราะในตอนนี้ฉันได้ชื่อว่าเป็นเมีย เมื่อผัวต้องการสิ่งใด เมียเช่นฉันก็มีหน้าที่ปฏิบัติตามเช่นนั้น

    “คุณพี่หิวหรือยังค่ะ เดี๋ยวน้องจะไปทำอาหารกลางวันให้ทาน”ฉันกล่าวเสียงเบาก่อนจะ ดึงมือหนาของศรัทธาออกจากแขนของฉัน

    “ไม่หละจ๊ะ วันนี้พี่กับเพื่อนๆจะไปออกรอบกันเสียหน่อย จะกลับอีกทีก็คงตอนเย็น”ศรัทธากล่าวยิ้มหวาน ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับกลุ่มเพื่อนฝูงของตนว่าถึงเวลาที่จะเดินทางได้เสียที

    “คุณริกา ไม่ไปทานอาหารกลางวันด้วยกันหรือครับ”ชัชวาล ว่าที่ร้อยตำรวจเอกประจำกองสืบสวนกลางกล่าวอย่างสุภาพ ดวงตาที่ยังคงเหลือแววแห่งความห่วงใยทอดทับลงบนดวงตาของฉัน หัวใจดวงน้อยบีบรัดด้วยความปวดร้าวหากแม้นในตอนนั้นฉันเลือกชายคนนี้เป็นคู่ชีวิต บางทีชีวิตอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่ คิดแล้วน้ำตาก็กลับรื่นขึ้นมา จนฉันต้องเบือนหน้าหลบสายตาไม่ให้ชัชวาลเห็นขอบตาแดงๆของฉัน

    “นี้ไอ้ชัด อย่ามายุ่งย่ามกับเมียฉันจะดีกว่า แล้วก็นะผู้หญิงนะหน้าที่คือดูแลบ้านและสามี ไม่ใช่มีหน้าที่ไปกับผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่สามี”ศรัทธาเดินเข้ามากระชากแขนของฉันให้ถอยไปอยู่ด้านหลังของเขา แววตาและน้ำเสียงอันดุดัน ทำให้ชัชวาลถึงกับหน้าเสีย ชายหนุ่มยกมือขึ้นเป็นเชิงขอโทษ ก่อนจะค้อมหัวให้ฉันอีกครั้งและเดินจากไป

    “จำเอาไว้นะ ว่าเธอเป็นเมียฉัน อย่าได้คิดปล่อยใจไปกับใคร ไม่อย่างนั้นเราจะได้เห็นดีกัน”ศรัทธากระชากร่างของฉันเข้ามาหาตัวของเขา ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงอันเยือกเย็นแต่หนักแน่น มืออันทรงพลังของเขาบีบรัดลงมายังต้นแขนของฉันจนปวดหนึบ

    “ริกา ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลยค่ะ สำหรับริกามีคุณเป็นสามีเพียงคนเดียวเท่านั้น”ฉันกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาหยดน้อยๆไหลรินลงบนสองแก้ม ศรัทธาแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ มือหนาปลดปล่อยร่างกายของฉันให้เป็นอิสระ แต่ก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือมาตบที่หน้าของฉันเบาๆอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกไป

    เมื่อรถจี๊บเชอเรอกีคันสวยเคลื่อนตัวจากบริเวณบ้านพักนายอำเภอไปแล้ว ฉันก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ขาทั้งสองข้างสั่นน้อยๆด้วยความกลัว มือทั้งสองข้างกอดรัดหัวเข่าเอาไว้ราวกับต้องการหาที่พึ่งพิงแห่งสุดท้าย ร่างกายสั่นไหวไปตามแรงสะอื้นที่ค่อยๆทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ฉันจะต้องรีบร้องเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะเมื่อพ่อเทพบุตรของฉันกลับมาแล้ว ฉันเองก็ไม่อาจจะรู้ได้แน่ชัดว่า ฉันจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง
    ..............................................................................................................................................................................
    .................................................................

    “อ้าวหนูริกา หายหน้าหายตาไปไหนตั้งหลายวันเนี้ย ป้าไม่เห็นออกมาจ่ายตลาดตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วแล้ว”ป้าสมใจกล่าวทักฉัน ก่อนจะหันไปหยิบน้ำเก็กฮวยเย็นฉ่ำภายในตู้แช่ส่งมาให้ฉันหนึ่งแก้ว

    “ริกาไม่สบายค่ะ”ฉันกล่าวยิ้มๆ ก่อนจะเบือนหน้าหลบสายตาของป้าสมใจที่มองกลับมา
     
    “แล้วนี้อากาศร้อนจะตาย ใส่เสื้อแขนยาวแบบนี้จะไม่ยิ่งร้อนไปกันใหญ่เหรอค่ะคุณริกา”ป้าสมใจยังคงกล่าวต่อ ก่อนจะเดินเข้ามาหา พร้อมทั้งสำรวจไปตามร่างกายของฉัน ดวงตาของหญิงสูงวัยแวววาวราวกับดวงตาของหมาไนย์ที่รอจังหวะตะคลุบเหยื่อตรงหน้า

    “เออ ริกากลัวผิวจะเสียค่ะป้า เออร้านนั้น ร้านคุณอะไรนะค่ะ เขาเปิดแล้วนี้ค่ะ”ฉันกล่าวเลี่ยงก่อนจะชี้มือไปยังบ้านสีเหลืองมาสตราดตรงข้ามถนน ทำเอาป้าสมใจถึงกับย่นจมูกแล้วพูดออกมาอย่างเสียไม่ได้ ว่าร้านๆนั้นเปิดมาได้สองสามวันก่อนที่ฉันจะหายหน้าไปนั้นเอง

    หลังจากพูดคุยกับคุณป้าสมใจอีกสองสามคำ ฉันก็เดินเลี่ยงออกมาจากตัวร้านสมใจนึก และเดินข้ามถนนเพื่อจะเดินไปสำรวจร้านขายเครื่องหอมจากต่างประเทศ ของหญิงสาวที่มีนามว่าดามิสา คำว่าดามิสา นามนี้ช่างแปลกดีนักถ้าหากฉันมีโอกาสได้พบกับเธอ ก็คงไม่แคล้วต้องขอถามหาความหมายของชื่อนี้ ว่ามีความหมายเช่นไรกันแน่

    “เชิญเข้ามาก่อนสิค่ะ”เสียงทุ้มหวานของใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำเอาฉันที่กำลังชะเง้อคอมองเข้าไปภายในร้านถึงกับสะดุ้งเฮือก ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของเสียงลึกลับที่ส่งมา และฉันก็ต้องตกตะลึง เมื่อได้พบว่าเจ้าของเสียงหวานลึกนั้นก็คือ คุณดามิสา หญิงงามที่ราวกับหลุดลอกออกมาจากภาพวาดของนางในวรรณคดี เสื้อวันพีชสีอัลตรามาลีน ช่างขับผิวขาวๆของเธอให้ดูงามยิ่งขึ้นไปอีก หญิงสาวยิ้มให้ฉันน้อยๆ ก่อนที่จะยกมือขึ้นเสยผมสีน้ำตาลอ่อนที่หยักเป็นลอนราวกับเกลียวคลื่นในมหาสมุทรขึ้นทัดกับใบหูขาว
     
    “เออ ขอประทานโทษที่เสียมารยาทนะค่ะ แต่ดิฉันเห็นคุณยืนอยู่นานแล้ว เลยคิดว่าบางทีคุณอาจจะสนใจสินค้าของดิฉัน ถ้าคุณไม่รังเกียจจะลองเข้ามาชมดูเสียหน่อยไหมค่ะ”ริมฝีปากสีแดงสดกล่าวเจื้อยแจ้วจำนรรจา รอยยิ้มหวานๆนี้คงทำให้ชายหนุ่มน้อยใหญ่หลงใหลคลั่งไคลมาแล้วมากมาย แล้วไหนจะดวงหน้าได้รูปนั้นอีกเล่า เมื่อนำมาประกอบรวมเข้ากับ ดวงตาสีน้ำตาลหวานซึ้ง ฉันคนหนึ่งนี้แหละที่จะขอลงเงินพนันเลยว่าชายทุกคนคงยอมพลีกายถวายชีวิตเพื่อให้ได้เธอมาไว้ในครอบครอง
     
    “ฉัน....เออดิฉันว่าคราวหลังดีกว่าค่ะ”ฉันกล่าวอย่างตกประหม่าเมื่อเห็นดวงตาคู่งามนั้นจ้องมองกลับมายังดวงตาของฉัน ร่างกายและสมองบัดนี้ดูเหมือนจะทำงานส่วนทางกัน เมื่อสมองสั่งให้เดินแต่ขาของฉันก็ยังคงหยุดนิ่งอยู่กับที่ราวกับถูกตรึงเอาไว้ด้วยเข็มเป็นพันเล่ม

    “ลองเข้ามาชมหน่อยเถอะค่ะ ถือว่าดิฉันขอร้องนะค่ะ”คุณดามิสากล่าวยิ้มหวาน ก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่ลำแขนของฉันเบาๆ

    “โอ้ย!!!”ฉันร้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อมือบางของคนตรงหน้าสัมผัสลงบนแขนของฉัน ร่างกายตอบรับกับความเจ็บปวดที่แล่นจี๊ดไปถึงขั้วสมองก่อนที่จะสั่งการมายังแขนข้างนั้นให้ผละถอยมาข้างหลังนิดหนึ่ง ทำให้คุณ  ดามิสาถึงกับชักมือกลับไปด้วยความตกใจ

    “เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ ดิฉันขอโทษ”หน้าสวยๆของคุณดามิสามองมายังฉันอย่างกังวล ดวงตาหวานซึ้งของเธอบัดนี้ดูราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิด

    “มันไม่เกี่ยวกับคุณหรอกค่ะ ดิฉันขอตัวก่อนดีกว่านะค่ะ”ฉันกล่าวก่อนจะส่งยิ้มน้อยๆให้กับเธอ แต่สาวงามตรงหน้ากลับดึงมือของฉันกลับไป คิ้วเรียวยาวได้รูปของเธอขมวดหมุ่นเข้าหากัน

    “แขนคุณ”คุณดามิสากล่าวก่อนจะถือวิสาสะเอื้อมมือมาจับแขนเสื้อของฉันเปิดขึ้น ดวงตาเรียวยาวของเธอเบิกขึ้นน้อยๆ เมื่อเห็นรอยจ้ำเขียวๆมากมายบนแขนสีขาวของฉัน

    “นี้ก็ไม่ใช่เรื่องของคุณเช่นกันค่ะ”ฉันกล่าวก่อนจะก้มหน้าหลบสายตา ความร้อนจากภายในส่งให้หน้าของฉันร้อนผะผ่าวขึ้นมาน้อยๆ ฉันไม่ได้รู้สึกเสียหน้ากับสิ่งที่เธอเห็นแต่ฉันแค่รู้สึกเสียใจกับโชคชะตาของฉันมากกว่า มือบางของเธอปลดปล่อยมือของฉันให้เป็นอิสระ

    “เข้าไปในร้านกันเถอะค่ะ ฉันทายาให้นะค่ะ”เสียงหวานของคุณดามิสาดังขึ้นข้างๆหู มือเรียวเอื้อมมาจับมือของฉันให้เดินตามเธอเข้าไปภายในร้าน ความอบอุ่นจากมือของเธอที่เกาะกุมมือของฉันเอาไว้ ส่งผลให้น้ำตาเจ้ากรรมรื่นขึ้นมาที่หัวตา จนฉันต้องเอื้อมมือขึ้นปาดมันทิ้งไปเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าได้เห็นความอ่อนแอภายในจิตใจของฉัน

    ...............................................................................................................
    ...........................................................................


    ตั้งแต่ที่ฉันย่างกายเข้ามาภายในร้านเครื่องหอม สาวสวยเจ้าของร้านก็ปล่อยให้ฉันนั่งรออยู่ตรงเก้าอี่พนักสูงสีขาวรูปทรงเก๋ไก๋ตามแบบที่พบเห็นได้ในนิตยสารฉบับภาษาอังกฤษ นี้หากให้ฉันทาย คุณดามิสาคนนี้คงจะต้องเคยใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมาบางแล้วอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงไม่สามารถเนรมิตให้บรรยากาศภายในร้านเป็นไปตามแบบแผนของชาวตะวันตกได้เช่นนี้

    กลิ่นหอมของน้ำมันหอมอ่อนๆที่อบอวนอยู่รอบๆตัวดึงดูดใจให้ฉันยืนขึ้นและค่อยๆเดินสำรวจไปรอบๆร้าน ถ้วยโถโอชามที่จัดวางเล่นระดับลดหลั่นจากเล็กไปหาใหญ่ และ เครื่องกระเบื้องพรอตสเลนตรงมุมด้านหนึ่งของร้านที่ถูกจัดวางไว้คู่กับช่อโรสแมรี่ชวนให้นึกไปถึงภาพชนบทในประเทศอิตาลีและหากแม้นฉันหลับตาลงและลืมตาขึ้นไหมที่ข้างหน้านั้นอาจปรากฏทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงสดทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ฉันเดิมสำรวจสินค้าต่างๆจนมาสะดุดเข้ากับขวดแก้วเจียระไนรูปหัวใจที่บรรจุของเหลวสีชมพูเอาไว้จนเต็ม  อาจเป็นเพราะความงามของแสงหลากสีที่สะท้อนไปมาภายในขวดทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปสัมผัส และยกมันขึ้นทาบทับกับแสงตะวันยามบ่าย

    “กริ๊ง....”เสียงกระดิ่งตรงประตูที่เชื่อมไปยังบันไดชั้นสองดังขึ้นเบาๆ จนฉันจำต้องละความสนใจจากชั้นวางขวดแก้วหลากสีที่บรรจุน้ำหอมหลากหลายกลิ่น ให้หันกลับไปสนใจหญิงสาวตรงหน้า เธอยิ้มบางๆให้กับฉัน ก่อนจะวางกล่องปฐมพยาบาลลงบนโต๊ะกระจกข้างๆเก้าอี้สีขาวตัวเดิม

    “อันที่คุณถืออยู่เมื่อกี่ ชื่อว่า Love paradise ค่ะ” ดามิสากล่าวยิ้มหวานก่อนจะผายมือให้ฉันนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเดิม

    “คุณคงเจ็บมาก”เธอกล่าวอีกครั้งก่อนจะชายตาขึ้นมองมาที่ฉันเหมือนต้องการคำตอบ ฉันจึงได้แต่พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหลบสายตาหวานๆของเธอ หญิงสาวพยายามดึงแขนเสื้อของฉันให้ถลกขึ้นไปอีกนิดแต่ก็ต้องชะงักมือไปเมื่อฉันร้องออกมาเบาๆด้วยความรู้สึกปวดระบม

    “ถอดเสื้อออกดีไหมค่ะ ถ้าแบบนี้ฉันคงทารอยช้ำด้านในไม่ได้”เธอกล่าวกับฉันเป็นเชิงขอความเห็น แต่ก็ต้องอมยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางอ้ำอึ้งของฉัน

    “ขอโทษค่ะ ฉันลืมไป เราเออเข้าไปในห้องด้านในดีกว่าไหมค่ะ”ดามิสากล่าวยิ้มหวานก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูหลังร้าน แสงแดดยามบ่ายสาดแสงส่องเข้ามาตามช่องประตูที่เปิดอ้า ทั้งที่เป็นแสดแดดยามบ่ายแต่ก็เปร่งประกายจนฉันต้องหรี่ตาลงเพื่อให้รูม่านตาปรับแสงสีที่ส่องเข้ามา คุณดามิสาหันหน้ากลับมาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มอันงดงามบนใบหน้า ภาพของใบหน้าคมที่กระทบเข้ากับแสงแดดยามบ่ายช่างดูเหมือนขวดแก้วบางใสอันนั้น งดงาม งามจนฉันลืมว่าตนเองจะต้องหายใจ

    “ฉันคิดว่าคงไม่เป็นไรค่ะ”ฉันยื่นขึ้นสะบัดภาพงามตรงหน้าออกจากหัวสมอง  สองเท้าก้าวยาวๆออกไปที่ประตูบานสวิงหน้าร้าน ก่อนจะหันมาโค้งให้เธอน้อยๆ และเดินจากไป เสียงเรียกของดามิสาลอยมาตามลมทะเล แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการตัดสินใจของฉันได้ มารู้ตัวอีกที ฉันก็กลับมายืนที่หน้าบ้าน ชนะสงครามเสียแล้ว

    ..............................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×