คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ศักดิ์ศรีxสมาชิกxรอยยิ้ม
คืนวันที่ผันผ่านไปราวกับฝันร้าย..
สรรพสิ่งข้างกายนั้นช่างเงียบงัน
บรรยากาศที่แสนกดดันช่างชวนให้อึดอัด
..ประจวบกับความมืดรอบด้านที่ทำให้ดวงตาราวกับมืดบอด
คุราปิก้าถูกตรึงไว้ด้วยโซ่หนาม
คมของมันกรีดเข้าไปในเนื้อผิวสีขาวตัดกับหยาดโลหิตที่ไหลซึมออกมาความเจ็บแปล๊บเข้าไปจนถึงเส้นประสาทหากก็ไม่สามารถขยับตัวได้ จะด้วยเพราะสายโซ่ที่ตรึงไว้หรือเพราะร่างกายที่อ่อนแรงก็แล้วแต่ คุราปิก้าจึงทำได้เพียงกัดฟันทนกับความรู้สึกนี้ไว้
เป็นเพราะเขาประมาท...
ย้อนไปเมื่อวันก่อนที่เขาไม่สบายเพราะพิษไข้ ร่างกายอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ถึงกับเพ้อเห็นศัตรูคู่อาฆาตกลายเป็นพี่ชายที่แสนรัก จนกระทั่งถูกนำตัวมาที่พักของคุโรโร่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
และเมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชยิ่งนัก ความทรงจำในอดีตกับปัจจุบันตีกันยุ่งเหยิงจนหัวแทบระเบิด นัยน์ตาของเขากลายเป็นสีชาสลับกับแดงบ่งบอกถึงสภาพจิตใจอันไม่คงที่
"หืม... เป็นภาพที่น่าดูไม่น้อยเลยนะ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นข้างหู ก่อนจะขบกัดใบหูเรียกเลือดให้ไหลลงมาเล็กน้อย
สิ่งที่คุโรโร่ได้กลับมามีเพียงแววอาฆาตที่ส่งผ่านมาจากดวงตาสีสวยคู่นั้น ก่อนจะขบริมฝีปากซีดนั้นจนห้อเลือด
"เดี๋ยวปากสวยๆนั่นก็เป็นแผลหมดหรอก" เขาพูดราวกับจะเป็นห่วงราวกับเขาไม่ใช่คนที่เอาร่างตรงหน้ามาจับตรึงไว้กับโซ่หนามก่อนจะยื่นนิ้วเรียวเข้าไปในริมฝีปากของคุราปิก้าเพื่อกันไว้ ทันใดนั้น เขาพลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาตรงปลายนิ้ว คุราปิก้ากัดนิ้วคุโรโร่เต็มแรงราวกับระบายความแค้นที่สุมอยู่ในอก
"หึ ชอบเจ็บๆก็ไม่บอก"
เขายิ้ม
แม้ในใจคุราปิก้าจะอดหวั่นต่อรอยยิ้มตรงหน้า ทว่าเขาก็ยังคงออกแรงลงคมเขี้ยวต่อไป
ก่อนที่จะทันได้รู้สึกตัว ใบหน้าของคนตรงหน้าก็เข้ามาใกล้จนรับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนของลมหายใจ คุโรโร่กัดลำคอขาวไปเต็มแรงจนเลือดซิบ ก่อนลิ้นเรียวจะไล้เลียหยาดโลหิตเรียกความเสียวซ่านจากเจ้าของร่าง คุราปิก้าหลับตาคล้ายเป็นการปิดตัวเองออกไปจากโลกแห่งความจริง ทว่ามันกลับยิ่งทำให้ประสาทการรับรู้ตรงส่วนอื่นชัดเจนมากยิ่งขึิ้น
"อึก.." เขาพยายามไม่ส่งเลียงร้องออกมาทว่ามันช่างแสนยากเย็นยิ่งนักเมื่อลิ้นอุ่นขอชคนตรงหน้ายังคงทำหน้าที่ของตนอย่างไม่ลดละ
"สวัสดี” เสียงของผู้มาเยือนดังขึ้นส่งผลให้คุโรโร่หยุดการกระทำนั้นลงก่อนจะหันไปหาฮิโซกะที่เพิ่งจะเข้ามา
คุโรโร่ยิ้มให้ฮิโซกะเล็กน้อย ก่อนจะเหยียดนัยน์ตาสีทมิฬนั้นไปที่ร่างของคนที่ถูกตรึงไว้"ไง เป็นสภาพที่น่าดูดีนะ นายว่างั้นไหม"
แม้เจ้าตัวจะยิ้มอยู่ ทว่าคุราปิก้ากลับรู้สึกได้ถึงการดูถูก เขาเจ็บใจจนแทบบ้า ตั้งแต่เขาโดนจับมา เขาต้องทนต่อความรู้สึกแบบนี้ไม่รูกี่รอบ ทั้งดูถูก เหยียดหยาม สมเพช ที่สำคัญคือปฏิบัติกับเขาราวกับเปึนเพียงคนชั้นต่ำ
มันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาจนไม่เหลือชิ้นดีตั้งแต่ที่เขาต้องให้มันช่วยรักษาอาการไข้ที่ห้องพักในคืนก่อน หลังจากนั้นก็โดนตรึงด้วยโซ่หนาม ไม่เพียงแค่นั้น อากัปกิริยาของคุโรโร่ที่มีต่อเขานั้น
..เรียกได้ราวกับว่าเขาเป็นเพียงทาสที่ต้องปรนเปรอความอยากของมันเท่านั้น…
“หืม…” ฮิโซกะมองดูคุราปิก้าอย่างตริตรอง ไม่นึกเลยว่าคนอย่างคุราปิก้าจะต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ ขนาดคิดยังคิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยก่อนเอ่ยถามสิ่งที่เขาคาใจอยู่เล็กน้อย “ทำไมนายไม่เอาเจ้านี่มาที่นี่ตั้งแต่แรกล่ะ ก่อนหน้านี่จะเอาไปค้างกับนายที่โรงแรมทำไม”
“ก็ต้องเผื่อเวลาให้ตัวเองคิดเหตุผลดีๆให้เจ้าพวกนั้นยอมรับน่ะสิ” คุโรโร่ว่าพลางสายตาจับจ้องไปที่ด้านนอกประตูห้อง “นายก็รู้ว่าคนในแก๊งยอมรับคนอื่นยากขนาดไหน”
“อ่อ งั้นเหรอ” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ในขณะที่ขาเรียวเดินเข้าไปหาร่างที่กำลังถูกตรึงอยู่
“ไง คุราปิก้า ♥” ฮิโซกะเอ่ยทักทายคุราปิก้าด้วยน้ำเสียงระรื่นอีกทั้งใบหน้าที่เต็มเปี่ยนไปด้วยรอยยิ้ม เขาโน้มตัวลงที่ข้างหูคนตรงหน้าก่อนจะกระซิบเพียงให้ได้ยินกันสองคน “ฉันไม่ให้นายตายหรอก ก็นายน่ะ เป็นเหยื่อของฉันนี่นา … แต่เรื่องอื่น ฉันไม่รู้ด้วยนะ ♥”
คุราปิก้านิ่งเงียบ ตริตรองถึงคำบอกเล่าของนักมายากลตัวร้าย ไม่ต้องสงสัย ว่าเรื่องอื่นนั้นคืออะไร หากเขาจะไม่มีวันยอมตายเด็ดขาด ตราบใดที่การแก้แค้นยังไม่สำเร็จ
แม้จะถูกย่ำยีศักดิ์ศรีและร่างกายนี้เท่าใดก็ตาม
“หมดเวลาปลอบใจกันแล้ว” คุโรโร่เอ่ยเสียงเย็นเยียบ ขาเรียวสาวเท้าขึ้นมาแทรกกลางระหว่างสองคน ก่อนแขนแกร่งใต้เสื้อนอกสีดำสนิทจะปลดโซ่หนามที่ใช้ตรึงคุราปิก้าไว้กับกำแพงออกมา พลางช้อนร่างนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนและเดินออกจากห้องสีมืดสนิทแห่งนี้โดยมีฮิโซกะตามมาเบื้องหลัง
เมื่อเดินออกมาจากห้องมืด มันเป็นห้องขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างสว่างแม้จะไม่มีแสงไฟ หากมีแสงอาทิตย์จากด้านนอกที่เล็ดรอดเข้ามาทางหน้าต่างที่อยู่ด้านบน เหล่าสมาชิกเงามายาทุกคนนั่งอยู่ตรงกลางของห้อง แต่ละคนละจะกิจกรรมที่ตนทำอยู่ก่อนหน้าหันมามองทั้งสามที่เพิ่งเข้ามาเป็นตาเดียว
“เอาจริงเหรอคะ หัวหน้า” มาจิเอ่ยด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว เห็นได้ชัดว่าหล่อนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของผู้เป็นหัวหน้าเลยแม้สักนิดเดียว ทว่าด้วยความจงรักภัคดีในตัวเธอทำให้ไม่สามารถแย้งอะไรได้ รวมถึงคนอื่นๆก็เช่นกัน
“แบบนี้มันก็เหมือนเพิ่มตัวถ่วงให้พวกเราน่ะสิ” เฟย์ตันเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ ทว่าแฝงความชิงชังเอาไว้อย่างปิดไม่มิด
แน่นอนว่าสายตาของสมาชิกคนอื่นก็ไม่สามารถปิดความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อเจ้ามือโซ่ได้
…ผู้ที่สังหารเพื่อนร่วมแก๊งไปถึงสองคน
“ไม่อยากแก้แค้นเหรอ” คุโรโร่เงียบไปสักพักราวกับจะหายสมาชิกทุกคนได้นึกตริตรองคำพูดของเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาใหม่“จุดอ่อนของมัน พวกเราก็รู้ แล้วทำไมพวกนายถึงจะปล่อยมันไว้อีกล่ะ”
“แต่ว่า ทำไมไม่ฆ่าเสียเลยล่ะคะ” คราวนี้ชิซึคุถามขึ้น นิ้วเรียวยกขึ้นมาเลื่อนแว่นตาของเธอให้เข้าที่เล็กน้อยก่อนจ้องมองหัวหน้าด้วยสายตาสงสัย
“แล้วพวกนายจะเข้าใจการกระทำของฉันเอง” ท้ายที่สุด คุโรโร่ก็ยิ้มออกมาพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “นับแต่นี้ คุราปิก้าจะเข้ามาเป็นสมาชิกของแก๊งแมงมุมหมายเลขสิบเอ็ดแทนอุโบกิน ไม่มีใครคัดค้านสินะ”
..มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่มีใครคนใดสามารถคัดค้านได้เลย..
และคุราปิก้าที่ต้องนอนนิ่งในอ้อมอกของคุโรโร่ ก็ทำได้เพียงกัดฟันทนฟังบทสนทนาอันน่ารังเกียจพวกนี้ ราวกับเขาไม่มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
*********************************************************************
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์นะคะ ซึ้งใจมากๆเลยยยย ;DDD
ความคิดเห็น