คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Revival of Gunnar การคืนชีพอีกครั้งของยอดอัศวิน ( 4 )
ชื่อ-นามสกุล :: นิคาซิโอ้ แอมเบอร์ ( Nicasio Amber )
} ส่วนมากคนอื่นชอบเรียกชื่อ `นิโคล' ( Nicole ) กันเพราะว่ามันสั้นกว่า
เพศ :: ชาย
นิสัย ::
tag #หน้าโหดยิ่งกว่าหมาแต่ใจผมอ่อนยิ่งกว่านม #อย่าบุรรี่หน้าผม #ถึงผมจะโจรแต่ไม่มีโจรที่ไหนเล่นตุ๊กตาหรอกครับ #ชอบสีชมพูแล้วมันทำไมก็ผู้ชายปะ #จริงๆก็เป็นหมานะหมาเห่าบ็อกๆ #เชื่องค้าบพี่สาว
มนุษย์เพศผู้หน้าอย่างกะโจร แต่หัวใจอ่อนนุ่มยิ่งกว่ามาร์ชเมลโล่
เด็กเห็นต้องนั่งปิดหน้าร้องไห้จ้า หมาเห็นยังต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุกหัวซุน นักเลงหัวไม้ที่ไหนก็ไม่อาจสู้ความดุดันที่แผ่ซ่านออกมาจากเด็กหนุ่มคนนี้ได้ เพียงแรกพบสบตาก็ราวกับเหมือนถูกออร่าบางอย่างข่มขู่ให้ตัวสั่นระริก ยิ่งประกอบกับรูปลักษณ์และรอยสักที่ดูดุดันก็ทำให้ชายฉกรรจ์ที่ว่าโหดเหี้ยมทั้งหลายรู้สึกกลัวเกรงขึ้นมาได้ ชื่อของ นิคาซิโอ้ แอมเบอร์ ถูกเล่าขานไปกันไปนักต่อนัก ข่าวกระจายไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง เป็นที่โจทย์จั่นถึงความน่าเกรงขามของเขากันอย่างถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนทุกคนก็พร้อมที่จะโกยอ้าววิ่งหนีป่าราบ ครั้นจะมองตุ๊กตาที่มีแม่ค้าคนหนึ่งวางขายอยู่เพราะอยากได้กลับบ้านก็ดันทำให้แม่ค้าคนนั้นตัวสั่นระริกเป็นลมล้มพับไปเพราะนึกว่าเขาจะมาบีบคอฆ่าทั้งๆที่ความจริงอยากได้ตุ๊กตาเฉยๆ ไปตลาดทุกรวงร้านรอบข้างก็ยกโขยงปิดหนีเขาจ้าละหวั่น แค่จะเอ่ยถามทางคนรอบข้างก็ตัวสั่นระริกเหมือนเขาจะไปขู่รีดกรรโชกเสียซะอย่างนั้น ปล่อยเขายืนเกาหัวตัวเองแกรกๆด้วยความงุนงงอยู่คนเดียวเหงาเปลี่ยวหัวใจ เจตนาของเขาเรียกว่าแหกโค้งไปคนละรูปแบบกับชาวบ้านไปโดยสิ้นเชิง หากใครมาเห็นตัวจริงเขาก็คงต้องอ้าปากค้างพร้อมกับขยี้ตามองซักสองรอบเผื่อว่าอะไรเบื้องหน้าจะเป็นแค่เรื่องจ้อจี้ เด็กหนุ่มหน้ายิ้มแย้มตาปิดกับออร่าดอกไม้บานเป็นเอ็ฟเฟ็คที่มีเสียงฟริ้งๆเป็นฉากหลังราวกับนางเอกในกระโปรงสุ่มไก่ในทุกดอกลาเวนเดอร์ หนุ่มน้อยสายน้องหัวใจกุ๊กกิ๊กที่มีความชอบต่ออะไรที่มันนุ่มนิ่มน่าขยำเป็นที่สุด มีความอ่อนโยน และ อ่อนนุ่มประดุจมาร์ชเมลโล่ลนไฟผิดคาดกับหน้าเถื่อนที่พร้อมจะยำตีนใส่ชาวบ้านตลอดเวลา ให้ความรู้สึกนู่มในทุกการกระทำจนเหมือนจะสบถคำว่าน้องค้าบน้องคั้บออกมาได้รัวๆ แน่นอนว่าคนอื่นต้องไม่เชื่อสายตาแน่ ถ้าจะเห็นไอ้หนุ่มหน้าเถื่อนที่ว่านั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตุ๊กตารูปร่างน่ารักปุ๊กปิ๊กที่ตัวเองปะขึ้นมาได้ หรือยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งหลังจากรดน้ำต้นไม้ในกระถางสีชมพูที่ตัวเองตั้งใตหามาเสร็จ แค่เป็นเพียงแค่ความสำเร็จอะไรเล็กจ้อยในชีวิตก็สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มบนดวงหน้าคมคายนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ที่เห็นใบหน้าตึงต่อหน้าชาวบ้านเนี่ยก็แค่การคีพลุค คนในครอบครัวมักบอกเอาไว้ว่าให้เขาทำตัวน่าเกรงขามเข้าไว้เพื่อที่จะไม่มีใครกล้าก้าวเท้าเข้ามาเฉียดใกล้ ใช้ออร่าความน่าหวาดกลัวเป็นตัวอำพรางตัวตนที่แท้จริง เพราะรู้กันดีว่าลูกชายของตัวเองเนี่ย ความจริงแล้วเป็นแค่ลูกหมาตัวโตๆลิ้นห้อยตัวหนึ่งที่หางมักส่ายไปมาแสดงถึงความสุขเหลือล้นในร่าง หาใช่หมาป่าล่าเนื้อดังที่ใครเขาว่ามาเลย ตามใครไม่ค่อยจะทันนักหรอก ซื่อบื้อเป็นที่หนึ่ง ไม่มีเล่ห์กล ไม่มีการใส่หน้ากากเข้าหา ไม่มีแผนการความเจ้าเล่ห์อะไรทั้งนั้น มองตาทีก็ทะลุไปถึงเนื้อแท้จริงๆของเขาได้ไม่ยากเลย โดนเขาหลอกไปไหนต่อไหนก็ยังไม่รู้ตัวทำให้กลายเป้านิ่งให้ชาวบ้านชาวช่องได้แกล้งให้หัวฟูอยู่บ่อยครั้งบ่อยคราว และแม้จะแกล้งยังไงเจ้าตัวก็ยังไม่รู้สึกตัวอยู่ดีว่ากำลังโดนคนอื่นปั่นกันอย่างสนุกสนาน
เด็กดี เชื่อฟังคำสั่งสอน และว่านอนสอนง่าย โอนอ่อนผ่อนปรนไปตามไม่แข็งกร้าวจนน่าหงุดหงิด ใครสั่งงานหรือไหว้วานอะไรมาก็พร้อมทำตามหน้าที่ของตนไม่มีผิดพลาด ทำหน้าที่เป็นผู้ตามที่ดีมากกว่าผู้ฟังที่ดี เวลาทำอะไรได้ดีก็จะมีฟีลลิ่งเหมือนเห็นหูเห็นหางที่งอกออกมาสั่นพั่บราวกับรอคำชมจากชาวบ้าน ซึ่งพอได้รับคำชมก็จะดีใจลั้ลลามีเอฟเฟ็คดอกไม้แผ่ออกมาจากตัวไปทั้งวัน แต่พอไม่ได้— ก็จะเหมือนหมาหงอยหูลู่หางตกร้องครางหงิงๆในลำคอจนเห็นได้ชัด แน่นอนว่ามันยิ่งทำให้คนอื่นอยากแกล้งเขาไปมากกว่าเก่า โธ่ ใครใช้ให้พ่อคุณแสดงทุกอย่างออกมาผ่านหน้าหมดเลยล่ะ เก็บอารมณ์ความรู้สึกไม่เคยจะเก่ง คิดอะไรยังไงก็แผ่ออกมาชัดเจน ตามมาด้วยรีแอคชั่นเป็นตัวยืนยัน หิวข้าวก็คือมองออกเลยว่าน้ำลายจะไหลออกจากมุมปากแล้ว งงงวยขึ้นมาก็เหมือนจะมีเครื่องหมาย ???????? แปะป้าบอยู่บนใบหน้า เวลาไม่พอใจอะไรก็รู้เลยว่าแม่งต้องกำลังไม่ชอบแน่นอน เวลาชอบหรืออยากได้อะไรดวงตาจะเป็นประกายวิบวับไม่ยอมละสายตาจากสิ่งที่ตัวเองหมายตาไปเลยแม้แต่น้อย เขาดูออกกันครึ่งค่อนประเทศว่าอยากได้ ถึงเจ้าตัวจะไม่ได้เอ่ยปากบอกว่าอะไร คนอื่นก็มองทะลุปุโปร่งเห็นไปยันไส้ติ่งแล้ว
เคยเห็นหมางอแงรึเปล่า ไม่หมาที่เดินสี่ขาก็หมาขนฟูตัวบิ๊กเบิ้มอย่างนิคาซิโอ้ก็ได้ เจ้าตัวเป็นมนุษย์ผู้ชายที่ค่อนข้างอารมณ์อ่อนไหวเป็นเกลียวคลื่น โดนอะไรกระทบกระทั่งมาก็พร้อมที่จะเบะปากหลั่งน้ำตาได้ไม่ยากอย่างเวลาได้ยินเรื่องเศร้าจากปากคนอื่น อ่านนิทานที่สุดท้ายลงเอยไม่สมหวัง หรือทำอะไรไม่ดีขึ้นมาก็เหมือนทำให้ตัวของนิโคลนั้นห่อเหี่ยวลงได้ไม่ยาก สะเทือนใจได้ง่าย เอาเป็นว่าอินกับทุกสถานการณ์รอบกาย มีความเซนซิทิฟที่ค่อนข้างสูงชนิดที่ว่าอยากไปสะกิดเชียว เขาพร้อมที่จะร้องไห้โฮออกมาจากความรู้สึกได้ตลอดเวลาเหมือนเปิดก๊อก พอร้องเมื่อไหร่ก็หยุดยากด้วย สะอึกสะอื้นฮึกฮักเป็นนางละครเลยทีเดียว ยิ่งตอนเหล้าแอลกอฮอล์เข้าปากนะ—บอกเลยว่าเละ เละโคตร งอแงเจ้าน้ำตาแบบคูณสิบ พูดจาไม่รู้เรื่องพร้อมเบะปากน้ำตาหยดเหมาะแหมะแล้ว ตามเกาะแข้งเกาะขาชาวบ้านเหมือนหมาที่ห่างเจ้าของไปเป็นเดือนๆ อีกอย่างไม่ใช่แค่เรื่องดราม่าอะไรเทือกนี้ด้วย เรื่องอื่นก็เป็น เขาซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองเป็นที่สุด ไม่คิดกั๊กหรือปิดบังอะไรไว้ต่อหน้าคนอื่น แสดงความจริงใจและตรงไปตรงมาของตัวเองอย่างเด่นชัดเหมือนเส้นตรงที่พุ่งหลาว มีความสุขก็หัวเราะเอิ้กอ้าก สนุกสนานก็ระบายยิ้มเต็มหน้า ไม่มีคำว่าเสแสร้งแกล้งทำให้คนอื่นตายใจ สำหรับมนุษย์ที่หลอกตัวเองไม่เป็นจะให้ไปหลอกชาวบ้านได้ยังไงกัน มันมาจากใจของเขาทั้งหมดนั่นแหละ อืม ยิ่งพิศมองก็ยิ่งเหมือนเจ้าหมาขนฟูฟ่องแลบลิ้นแฮ่ๆ ในร่างคนอย่างบอกไม่ถูก
ใสกว่าน้ำ แจ๋วกว่ากระดาษ
นิคาซิโอ้ แอมเบอร์
ไม่ถูกกับเรื่องเชิงลึกอะไรเลย —เชิงลึกที่ว่าทำนองไปทางการคิดวิเคราะห์รายละเอียดยิบย่อยเล็กๆน้อยๆ ลามไปถึงเรื่องลามกจกพุง นิโคลแทบจะเหมือนพระที่บวชอยู่ในโบสถ์เป็นสิบปี อายุใกล้แตะวัยผู้ใหญ่แต่ไม่เคยแตะหญิง กระทั่งแอ้วสาวนิดหนึ่งก็ยังไม่เคยจะมีให้เห็น ประสบการณ์ความสนุกสนานทางชายหญิงเป็นศูนย์ บอกเลยนะว่าเขาขี้เขินมาก เจอผู้หญิงสวยทีคือหน้าแดงก่ำแล้ว มื้อไม้พันกันไม่อยู่สุขไม่เหลือมาดไอ้เถื่อนที่ว่าเลยแม้แต่น้อย ยิ่งถ้าโดนแตะตัวจะยิ่งถอยกรูดยิ่งกว่าเจอผีจนอีกฝั่งนึกว่ารังเกียจอะไรรึเปล่า ความจริงคือไม่ นิโคลแค่ขี้อายเกินกว่าจะไปแตะเนื้อต้องตัวใครได้ บางทีโดนผู้ชายแตะตัวโดยไม่ตั้งเนื้อตั้งตัวยังสะดุ้งเฮือกจนชาวบ้านหรี่ตามองด้วยซ้ำ ขี้ตกใจเอาเสียมากๆ มีรีแอคชั่นตลกๆปรากฎออกมาเสมอตอนที่เกิดตกใจกับอะไรซักอย่างขึ้นมา เช่น นั่งอยู่ดีๆเงียบๆได้ยินเสียงของตกก็สะดุ้งตัวโยนพร้อมพ่นบทสวดบูชาพระเจ้าออกมารัวๆก็มี หรือบางทีก็ไม่สะดุ้งตกใจอะไร อย่างตอนที่โดนคนอื่นมาแตะแขนพลันตัวแข็งทื่อขึ้นมาโดยอัติโนมัติราวหินซักก้อนที่วางอยู่เฉยๆ ใบหน้าเคร่งขรึมดุดันจ้องมองมือนั้นด้วยแววตานิ่งเงียบ แต่ปากมุบมิบท่องบทแผ่เมตตาออกมาแล้ว ทั้งๆที่ควรเป็นชาวบ้านมากกว่าที่ควรจะท่องบทแผ่เมตตาให้เขาน่ะนะ โดยปกติแล้วนิโคลค่อนข้างจะหวงเนื้อหวงตัวอยู่พอสมควร ไม่แตะเนื้อต้องตัวกับใครมากเกินความจำเป็น แสดงความให้เกียรติแก่บุคคลรอบด้านเสมอสมกับสุภาพบุรุษที่ควรชื่นชม แต่สุภาพบุรุษทั่วไปต่อให้อดทนอดกลั้นเก่งขนาดไหนย่อมต้องมีตบะแตกกันเสียบ้าง แน่นอนว่าตัวของนิโคลเองก็ไม่เคยมีโมเม้นต์นั้นเลย อยู่กับผู้หญิงคือพระกับสีกา เกร็งมากจนถึงมากที่สุด เดินแยกกันคนละช่วงถนนคั่นกลางด้วยกลุ่มฝูงชนเสมือนถือศีลห้ามแตะตัวสีกา ผู้ชายก็จะเป็นฟีลพระกับเณร เดินตามไล่หลังกันมาได้แต่ต้องเป็นระยะห่างไว้ซักนิดหนึ่ง โทษใครไม่ได้ก็ต้องโทษความใสซื่ออายม้วนเป็นสาวน้อยแรกแย้มไม่เคยผ่านมือชายของหมอนี่ล่ะนะ
ในสายตาของนิโคลค่อนข้างจะมองทุกคนในมุมมองของคำว่าเพื่อน เข้ามายังไงอีหรอบในก็จะยัดเข้าเฟรนด์โซนไปหมด ปฎิบัติอย่างเท่าเทียมอยู่ตลอด แล้วไอ้การเท่าเทียมที่ว่าก็คือการหว่านแหใส่ชาวบ้านไปหมด ด้วยอารามหนุ่มอ่อนโยน นิโคลจะค่อนข้างติดนิสัยชอบดูแลเอาอกเอาใจชาวบ้านอยู่มาก เขาชื่นชอบเวลาได้ยินเสียงหัวเราะหรือทำให้คนอื่นมีความสุขได้เพราะตน ดังนั้นเลยจะค่อนข้างดูแลเอาใจใส่มาก อยากได้อะไรก็แค่บอกเดี๋ยวจะหามาให้ อยากได้นู่น เอาสิ เดี๋ยวหยิบให้ อยากทานนี่ ได้เลย เดี๋ยวทำให้ทานเอง ทะนุถนอมเป็นอย่างดีเสียยิ่งกว่าไข่ในหิน คอยปลอบใจและอยู่เป็นเพื่อนในแต่ละสถานการณ์ต่างๆ กลายเป็นเซฟโซนขาประจำของชาวบ้านที่ยามเศร้าไม่ว่าใครก็ต้องนึกถึงเขาเป็นคนแรกๆเสมอ แม้จะโดนเรียกมานั่งฟังคำบ่นพร่ำเพ้อไร้สาระบ่อยๆก็ไม่เคยที่จะแสดงอาการท่าทีรำคาญใส่คนอื่น ยังคงคีพคาร์แร็กเตอร์เป็นเด็กหนุ่มยิ้มแย้มผู้ใจกว้างโอบอ้อมอารีกับคนอื่นอยู่เหมือนเดิมจนคนที่เริ่มจะรู้สึกผิดอดน้ำตาไหลพรากๆซึ้งในพระคุณไม่ได้ แน่นอนล่ะเพราะด้วยเหตุที่ว่านี้มันต้องมีคนคิดไปไกลบ้าง แต่ทานโทษนะคะ กรุณามองความหัวช้ามากของนิโคลแล้วถอดใจได้เลย เข้าใจอะไรยาก ยิ่งกับเรื่องแบบนี้ต้องบอกเลยว่าไม่มีความเข้าใจในเรื่องความรู้สึกเชิงลึกและการกระทำต่างๆของคนอื่นเลย บ่อยครั้งที่มักจะกลายเป็นคนที่ทำร้ายจิตใจคนอื่นแบบงงๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าคนอื่นบอกชอบ เจ้าตัวก็ยิ้มตาหยีแล้วบอกว่า ชอบเหมือนกันครับ คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมเลย มโนภาพดีๆตอนแรกแตกเพล้งเป็นเศษกระจก สรุปคือเข้าใจกันไปคนละทางโดยสิ้นเชิง อีกฝั่งคิดแบบนั้น ฝั่งนี้คิดแหกโค้งเกาะมิตรภาพดีๆอย่างเหนียวแน่น ในสายตาคนอื่นที่มองมาเลยเป็นเจ้าหมาตัวโตที่ค่อนข้างจะป้ำๆเป๋อๆอ๊องๆตัวหนึ่ง มุขเสี่ยวเกี่ยวใจหรือมุขตลกๆอะไรก็ไม่เข้าใจทั้งนั้น นอกจากเล่นแล้วแป้กยังต้องเสียเวลามานั่งอธิบายแถลงไขความหมายให้เขาฟังอีกด้วย
พื้นฐานนิสัยเป็นแค่มนุษย์ชนเดินดินธรรมดาปกติ ไม่ได้มีความเรื่องมากหรืออีเดียดอะไรหากต้องไปอยู่ในพื้นที่ที่ยากลำบาก แถมยังต้องบอกเลยว่านิโคลเป็นคนที่ใช้ชีวิตได้เฉยๆอันดับต้นๆเลยด้วยซ้ำ เขาปรับตัวกับสภาพแวดล้อมรอบด้านได้ไวว่อง ค่อนข้างจะเป็นพวกง่ายๆสบายๆยังไงก็ได้ในชีวิตอยู่พอสมควร เป็นคนที่หากว่าในกลุ่มหมู่เพื่อนหากว่ามีมติให้ตั้งแคมป์นอนกลางป่าจะเป็นคนที่เดินไปกางแคมป์ก่อนคนแรกๆอย่างไม่มีปากเสียงให้วุ่นวาย นิโคลอยู่ง่ายกินง่ายพ่วงด้วยความเลี้ยงง่ายมาอีกด้วย ไปอยู่กับใครอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้อย่างแรกไม่ขาดใจตายแน่ๆ ความติดดินไม่ถือตัวของเขาที่ผสานรวมกับคนดั้งเดิมเป็นเนื้อเดียวกันจนแทบไม่สามารถแยกออก เข้าเมืองตาหลิ่วมักจะหลิ่วตาตามคนอื่นอยู่เสมอ มีวัฒนธรรมอย่างไร มีการกระทำอย่างไรก็จะซึมซับมาใช้ให้ดูกลมกลืนไปกับคนอื่นอย่างง่ายดาย บวกกับความอ่อนน้อมถ่อมตน มีมารยาท มือไม้อ่อนรู้จักไหว้เคารพเอาใจผู้หลักผู้ใหญ่ที่แสดงออกมาก็ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เห็นรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าเอ็นดู หน้าตาดุๆเป็นหมาป่าอะไรกัน นิสัยจริงๆนี่มันหมาเลี้ยงชัดๆ เชื่องซะจนหมาบางตัวยังรู้สึกผิดด้วยซ้ำ เห็นเดินหน้าตึงๆดุๆอยู่ตามท้องถนน แต่ถ้าเข้าไปทักหรือพูดคุยเมื่อไหร่ก็จะได้เห็นรอยยิ้มกว้างๆจนตาทั้งสองหยีเป็นเสี้ยวจันทร์โค้งอันเป็นเอกลักษณ์ประจำกายนั่นแหละ ถ้ามีหูก็จะได้เห็นมันสั่นดุ๊กดิ๊กอยู่บนกลุ่มผมสีดำนั่น และถ้ามีหางก็จะได้เห็นมันสั่นตีพื้นพั่บๆแสดงถึงความดีใจออกมาอย่างชัดเจน (จริงๆคือดีใจมากๆที่ในที่สุดก็มีคนกล้าทักตัวเองซักที ไม่เดินหนีวิ่งหนีหัวโกร๋นยิ่งกว่าเจอผีหลอกในทุกๆครั้งที่เดินเข้าไปทักแล้ว)
ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง
ถึงจะชอบตุ๊กตาหมีตัวนุ่ม และ ผ้าห่มสีชมพูลวดลายแมว
อะแฮ่ม ข้อดีเวลาอยู่ด้วยคือสบายใจได้เลยว่าไม่อดตาย นิโคลเหมือนมีวิญญาณทรงคุณแม่ประทับร่าง ฝีไม้ลายมืองานละเอียดอ่อนลือเลื่องมาก เป็นผู้ชายอ่อนช้อย ละเอียดละออ รอบคอบ ระมัดระวังตัวในหลายๆการกระทำเลยทีเดียว และใส่ใจในทุกระเบียดนิ้วในงานทุกตัวที่ได้ทำ เลยทำให้ส่วนมากมักมันรัดกุมหาข้อผิดพลาดที่ติเตียนได้ยาก หากว่าเป็นสตรีเพศก็คงเป็นคุณหนูที่ใครหลายคนนั้นหมายปอง หากทว่ายามเมื่อเป็นบุรุษอกสามศอกหน้าตาเถื่อนโพดคนหนึ่งที่ดูไม่เข้าอย่างยิ่งกับผ้ากันเปื้อนลายกระต่ายสีชมพูวิบวับบนร่างเวลาเข้าครัว มันออกจะทำให้คนอื่นรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูกเวลามอง แต่ก็ช่วยพยายามเข้าใจและทำใจยอมรับให้ได้เถอะ ว่าความจริงแล้วเขาเป็นหนุ่มเรียบร้อยหัวใจคิตตี้ขนาดไหน ไม่มีความกระโตกกระตากหรือออร่าเหี้ยมโหดดั่งชายฉกรรจ์ที่แผ่ออกมาเลยแม้แต่น้อย ความอันตรายสามารถเรียกได้ว่าเป็นศูนย์ไปโดยสนิท ดูเป็นไอ้หมาแลบลิ้นแฮ่แฮ่ที่พร้อมวิ่งไปออดอ้อนขอขนมทุกคนที่ขวางหน้า ยิ่งมาผนวกกับความชอบส่วนตัวของเขาก็ทำให้คนที่รู้จักรู้สึกอยากจะเรียกไอ้เด็กหน้าโหดนี่ว่าน้องอยากบอกไม่ถูก ขวัญใจนิโคลคือสีชมพู —ผ้าปูที่นอนบนเตียงเป็นสีชมพูโทนหวานแหว๋วประดับลายรูปแมวเหมียวน่ารัก ที่แขวนเสื้อผ้ามีผ้ากันเปื้อนสีชมพูที่มาจากฝีมือการปะชุนของเขาเองแขวนไว้อยู่ ในห้องนอนก็มีตุ๊กตาหมาน้อยตัวเขื่องวางประดับตกแต่งอยู่มุมห้องตามความชอบ ปลูกไม้ดอกเล็กๆสีสันสดใสให้งอกเงยออกมาในสวน หากใครที่ไม่เคยเห็นได้มาเห็นเขาคงต้องอ้าปากค้างตาถลนกันบ้างแหละ เมื่อมีคนที่พบเจอหลายคนก็เกิดตั้งคำถามขึ้นถึงตัวตนของนิโคลขึ้นมาไม่น้อย กล่าวขึ้นถามมาเป็นทำนองเดียวกันว่าเขาเป็นแบบนี้มันจะดูผิดหลักผิดเกณฑ์ของบุรุษเพศรึเปล่า มันเป็นเรื่องที่ประหลาดไปมั้ยกับการที่จะเห็นผู้ชายมาหวีดร้องอย่างพึงพอใจยามเมื่อเห็นพวกสิ่งของน่ารักในสายตา ถ้าให้เลือกที่จะเป็นได้เขาก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงไปจากสิ่งที่เขาเป็น นิโคลพึงพอใจในตัวเอง ภาคภูมิใจในตัวตนของตัวเองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น นิคาซิโอ้ แอมเบอร์ เขาไม่ได้มองสิ่งที่ตัวเองชอบหรือเป็นเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดจากชาวบ้านชาวช่อง เด็กชายมักมีคำถามกับตัวเอง คำถามที่ไร้ซึ่งคนคอยตอบ และ เป็นเขาเองที่มักจะคอยหาคำตอบแก่คำถามเล็กๆพวกนั้น นิโคลไม่เข้าใจในข้อแบ่งแยกของชายหญิง ความแตกต่างระหว่างชนชั้นสูง กลาง หรือว่าต่ำ ฟังๆดูเหมือนพวกคนที่ไม่เคยออกจากเขตที่กั้นอันเป็นเซฟโซนของตนจนดูราวเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องโลกภายนอก แต่แท้ที่จริงแล้วเขาแค่มีความคิดที่กว้างมากกว่าคนอื่นทั่วไปก็เท่านั้น มักจะมีคำถามที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าทำไม และ ลงท้ายด้วยคำว่าทำไมเสมอ อย่างตัวของเขาที่มักเจอบ่อยๆ ทำไมถึงชอบสีชมพูไม่ได้? ทำไมถึงไม่สามารถเล่นตุ๊กตาได้? ทำไมผู้ชายถึงทำงานเย็บปักถักร้อยไม่ได้ล่ะ? มันก็แค่ความชอบของคนๆหนึ่งที่อยากจะทำมันเพื่อความสุขเล็กๆของตัวเองก็เท่าน้้น อะไรคือข้อกำกับว่าจะต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้นนะ หากว่านั่งพับเพียบบนพื้นได้ ต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้นนะ หากว่าอยากจะแต่งแต้มสีสันของเครื่องสำอางลงบนใบหน้า หรือว่าทำไมต้องเป็นเฉพาะคนร่ำรวยเท่านั้นที่มีโอกาสได้ทานอาหารมื้อค่ำที่แสนหรูหรา ได้ใส่เสื้อผ้าดีๆ ได้มีโอกาสเรียนสูงๆให้เชิดหน้าชูคอทำอาชีพที่ใครต่อใครต่างต้องเคารพ ทำไมคนจนถึงไม่มีโอกาสได้ทาน แม้กระทั่งโอกาสในการร่ำเรียน ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้กลายเป็นเจ้าคนนายคน ไม่มีสิทธิ์ที่จะมีความสามารถต่างๆเกินหน้าเกินตา สิทธิ์ในชีวิตเล็กๆน้อยๆกลับถูกริดรอน ทำไมถึงไม่ควรที่จะได้มีล่ะ นี่เป็น—ความสงสัยในกฎเกณฑ์ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรนิโคลก็ไม่อาจเข้าใจถึงมันอย่างถ่องแท้ได้เลยแม้แต่น้อย
เอ่อ ค่อนข้างจะดูเป็นแม่นางเอกตาหวานนิยายแจ่มใสอยู่นิดหน่อย ประมาณว่ามองโลกในแง่ดีเป็นส่วนใหญ่ เพราะไม่รู้จะเครียดทำไมให้รอบด้านมันอึมครึมเหมือนเมฆครึ้มฝน สู้ยิ้มรับทุกสถานการณ์เพื่อเพิ่มกำลังใจให้ตัวเองดีกว่า แต่สบายใจได้ว่านิโคลก็ไม่ได้โลกสวยถึงขั้นอะไรรอบข้างเป็นทุ่งดอกไม้สีสดใสไปหมดเป็นนางเอกตาหวานแหว๋วในนิยายรักที่เขาชอบอ่านอะไรเทือกนั้น นู่นก็ไม่ดีนะ นี่ก็ไม่ดีนะ ไม่เอานะ โดยปกติแล้วเขาแค่มองทุกอย่างรอบกายให้เป็นพลังบวกให้กับตัวเขาเช่นเดียวกับตัวเขาเองที่เป็นพลังบวกให้กับทุกคนรอบข้าง มักชอบแพร่เชื้อแฮปปี้ไวรัสให้กับคนอื่นยิ้มตามไปได้ด้วยอย่างไม่มีเหตุผลเสมอ เป็นทั้งความสดใส รอยยิ้ม ความผ่อนคลายให้กับคนรอบข้าง บรรยากาศจริงๆทำให้คนอื่นอยากอยู่ด้วยเรื่อยๆ ตัวของนิโคลเป็นกันเองมาก ความเป็นมิตรของเขามีสูงขัดกับหน้า อัธยาศัยดี เข้าหาก็ง่าย แถมยังเป็นมนุษย์ยิ้มสวยยิ้มเก่ง มีอะไรก็ยิ้มเอาไว้ก่อนเพื่อความซอร์ฟของสถานการณ์แม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มโง่ๆก็ตามที เป็นผู้ฟังที่ดีมากกว่าผู้พูดจนหลายครั้งก็กลายเป็นกระโถนรองรับอารมณ์รุนแรงชาวบ้านไปโดยสิ้นเชิง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไรจนชาวบ้านต้องมาคอยปรามว่าจะกลายเป็นสนามอารมณ์ให้คนอื่นไปตลอดไม่ได้นะ ถึงได้เพลาลงไปบ้าง แต่ก็ตามปกติ เขาไม่ค่อยถือสาใครเท่าไหร่ รู้จักการให้อภัยยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า ใครทำอะไรผิดถ้าแค่ขอโทษก็ไม่ได้ว่าอะไร ความอดทนและความใจเย็นสูงลิ่วแตะเพดานภูเขาเอเวอร์เรสต์ ยั่วโมโหก็ไม่ขึ้นไม่โกรธไม่โมโห แกว่งตีนเหวี่ยงใส่หน้าก็ไม่โกรธเคืองคนที่ทำ เหมือนมีแต่ความสุขจนกลบความรู้สึกด้านลบลงไปถนัดตา แค่จะหาว่าเขาเข้าไปหาเรื่องนี่ไม่มีเลย ขึ้นคำหยาบด่าใครซักคนก็ไม่มี ที่พูดออกมานี่แรงที่สุดคือไอ้บ้ารึเปล่าก็ไม่รู้ ภาษาการพูดนี่ยิ่งกว่าคุณหนูในตี้วงน้ำชา ภาษาดอกไม้แมลงตอมมุ้งมิ้งอะไรนั่นของเจ้าตัว เวลาเจรจากันเหมือนอยู่กันคนละซีกโลก ฝั่งหนึ่งลาวาพร้อมปะทุ อีกฝั่งหนึ่งหรือก็คือฝั่งนี้เองจ้า บาร์บี้จับกระโปรงร้องรำทำเพลงหมุนตัวกลางทุ่งหญ้า
เส้นความอดทนก็เหมือนเยลลี่แท่ง
มีวันที่ถูกกัดจนหักได้
แม้จะบอกว่าเป็นผู้ชายอ่อนหวาน แต่ตัวของนิโคลก็ไม่ได้ตุ้งติ้ง โอนอ่อนเบี่ยงเบนอะไรไปจากผู้ชาย อย่างไรเขาเป็นบุรุษคนหนึ่ง ที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาเพราะความชอบและรสนิยมบูชาของน่ารักส่วนตัวของเขาเท่านั้น แค่มีความเป็นระเบียบในตัวเองมากไปหน่อย ห้องนอนต้องสะอาดสะอ้าน ชั้นเชิ้นต้องจัดเป็นระบบหมวดหมู่ จะพื้นห้องก็ต้องถูทำความสะอาดไม่ให้มีฝุ่นเกรอะ จะรู้สึกไม่อยู่นิ่งถ้าไม่ได้ทำมันขึ้นมา แน่นอนว่าถามถึงมุมเด็กหนุ่มก็มี กล่าวถึงเรื่องพละกำลังของเขาไม่เบาเลยทีเดียว หมอนี่น่ะมันเป็นหมายักษ์ตัวโตที่ข่มกลิ่นอายความรุนแรงของตนเอาไว้ อย่าให้ได้ลองเส้นขาดลงกำลังหนักเลยทีเดียวเชียว รับรองได้เลือดตกยางออกกันไปข้าง เวลาที่เล่นต้องบอกได้ว่านิโคลจะยั้งตัวเอาไว้ไม่ค่อยอยู่เท่าไหร่เหมือนพวกหมาไฮเปอร์ที่อยากกระโจนฟัดกับทุกคนรอบด้าน ดังนั้นถ้าเวลาได้ลงแรงจะรุนแรงมากก็ไม่แปลก เห็นแบบนี้บ้าพลังกว่าที่เห็น แม้ปกติจะแสดงออกมาด้วยท่าทีรักสงบเหมือนหมาบ้านที่กำลังนอนจำศีลอยู่ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวแกว่งตีนหาเสี้ยนใครโดยไม่จำเป็นและใช้เหตุผลในการหล่อหลอมใช้ชีวิตมากกว่า กระนั้นถ้าให้หมาเปลี่ยนเป็นหมาป่านักล่าตัวโตที่ใช้สัญชาตญาณ และ ความรู้สึกในการตัดสินใจแทนก็ย่อมได้ ความอดทนของเขามีอยู่สูงเกินเครื่องวัดส่วนสูง ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีลิมิตหรือจุดที่สามารถแตกออกมาได้เช่นกัน ปกติเขามีเหตุผลในตัวเองสูง ไม่ค่อยงี่เง่ากับอะไรซี้ซั้วพร่ำเพื่อจนดูโตกว่าอายุอานามที่มีอยู่โดยสิ้นเชิง ผู้ใหญ่บางคนมาเห็นยังสะอึกรู้สึกอายแทน กระนั้นถึงใจดีก็ไม่ได้หมายความว่าจะเล่นหัวได้ตลอดเวลา ถ้ารู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมเขาก็จะเตือนบอกไว้ก่อน หากว่าคำเตือนของเขานั้นไร้เหตุผลไม่มีผู้ใดฟังก็ตามแต่ตัวใครตัวมันจะรับเอาแล้วกัน มีคนบอกมาว่ามันไม่ค่อยจะดีนักหรอก เวลาที่นิโคลขาดสติยั้งคิด กลายเป็นหมาบ้าที่จิตใจว้าวุ่นด้วยความโกรธเคืองขึ้นมา เขาพร้อมที่กระโจนกัดทุกคนที่ขวางหน้า ใครห้ามก็ฉุดไม่อยู่หรอกนะ
เป็นผู้ชายไม่กินเผ็ด วันๆกินแต่ของหวานจนน่ากลัวว่าจะเป็นเบาหวานขึ้นซักวันเหมือนกัน ช็อคโกแลตแท่ง ไม่ก็เยลลี่หนุบหนับถูกส่งเข้าปากเคี้ยวต้วมๆอยู่บ่อยๆ ไม่ต้องมาถามถึงความตื่นเต้นเร้าใจอะไรในชีวิต ดาษดื่น และ ธรรมดามากๆในวันหนึ่ง ถ้าคนอื่นออกไปผจญภัยบ้านแตก นิโคลก็คงเป็นมนุษย์ติดบ้านที่นั่งพับผ้าหรือไปรดน้ำต้นไม้ที่สวนอยู่บ้านมากกว่า ไอ้ที่จะได้เผ็ดก็คือไอ้ที่โดนชาวบ้านลากไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายรับเคราะห์กรรมเป็นเพื่อนเสียมากกว่า บุคคลที่น่าสงสารที่สุดเพราะไม่รู้จักปฎิเสธคนด้วยความเกรงใจอยู่นี่แล้ว ชีวิตมันค่อนข้างจะเป็นแนวพระเอกโชเน็นไออยู่หน่อยๆ คือนอกจาก มักจะชอบโดนรวบหัวรวบหางเหมารวมเข้าร่วมมหกรรมลดแลกแจกแถมความซวยจนมีเรื่องซวยๆ วิ่งเข้าหาอยู่บ่อยๆ มีตั้งแต่ซวยเล็กๆซวยได้อีก ไปจนถึงซวยชิบหายแล้วพอเถอะเลย ก็มีความมีน้ำใจรู้จักแบ่งปัน และ หยิบยื่นอะไรหลายๆอย่างให้คนรอบข้างเนี่ยแหละ ช่วยเหลือคนเท่าที่ตัวเองจะทำได้อย่างไม่เหนือบ่ากว่าแรง ใครลำบากบอกนิโคลเลยจะคืนความสุขให้เธอประชาชนเอง— มีเพื่อนหลายๆคนก็อดเป็นห่วงพ่อหนุ่มคนนี้อยู่เหมือนกันว่านิสัยซื่อๆเนี่ยมันจะไปโดนใครเข้าต้มตุ๋นเอารึเปล่า คำตอบคือไม่ต้องห่วง เพราะบางทีตัวเองยังเอาไม่รอดเลย จุดๆนั้นจะไปยื่นมือช่วยคนอื่นได้ยังไง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความเป็นห่วงตามภาษาคนขี้เป็นห่วงมอบให้ทุกคนอย่างทั่วถึงเสมอ มักจะเป็นบุคคลแรกๆที่เดือดเนื้อร้อนใจแทนคนอื่นตลอด ยิ่งกว่าบุพการีคนใกล้ตัวของคนๆนั้นด้วยบางที มีความคิดที่เป็นห่วงชาวบ้านชาวช่องมากจนเผลอลืมตัวเองอยู่ในหลายๆครั้ง ถ้าเกิดเห็นเขาบาดเจ็บขึ้นมาแล้วตัวเองอยู่ที่นั่นด้วยแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ความคิดแรกๆต่อตัวเองที่ผุดขึ้นมาจะอยู่ในเชิงที่ว่ามองตัวเองกลายเป็นพวกไก่อ่อนที่อ่อนแอไม่มีแรงจับไก่ทันทีจนอยากจะพัฒนาตัวเองให้ขึ้นไปสูงในอีกระดับต่อไปเลยทำให้เป็นพวกที่มีความดันทุรังในตัวเองสูง ชอบทำอะไรตัวเองเกินตัวอยู่เสมอนั่นแหละ อย่างฝึกฝนก็จะหน้าดำฝึกอย่างไม่พัก หากไม่มีคนเข้ามาห้ามก็คงจะนอนหมดสภาพตายอยู่อย่างนั้น พอห่ายเหนื่อยก็จะลากตัวเองมาฝึกต่อวนลูปแบบนั้นทั้งวันจนเข้าสู่คำว่าแข็งแกร่งขึ้น แน่นอนว่าตราบใดที่เขามองตัวเองไก่อยู่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะไปพักผ่อนเสียที ใครจะห้ามก็ไม่สามารถยั้งนิโคลไว้ได้ เขาเป็นคนหัวดื้อหัวรั้นมากกว่าที่คิด ปากบอกว่าไม่หยุดก็จะไม่หยุดจนกว่าแขนหรือขาจะขาดซักข้าง สปริตของเขานั้นแรงกล้าจนน่าชื่นชมเช่นเดียวกับความพยายามที่มากล้น สู้ชีวิตจนถึงที่สุด มักแข่งขันทุกอย่างกับตัวเองอยู่อย่างเงียบๆเสมอ แม้ผลลัพธ์ของการแข่งขันหลายครั้งจะจบลงที่คำว่าพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ทำให้เขาถอดใจที่จะยอมมัน นิโคลเจ็บแล้วไม่จำหรอก ถ้าเจ็บแล้วมันแลกมาด้วยประสบการณ์และบทเรียนต่างๆที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งมากขึ้นเขาก็พร้อมที่จะยอมแลกกับมัน
เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ
ไม่ได้แตกต่างจากใคร ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
ไม่ได้บินได้ ไม่สามารถล่องหนหายตัวได้
เข้มแข็งขึ้นมาจากแต่ก่อนเยอะเลยนะผู้ชายคนนี้ ยืนหยัดด้วยแข้งขาของตนเองได้โดยไม่หลบอยู่ภายใต้ปีกของใครแล้ว ไม่หวั่นไหวแม้จะเจอกับอุปสรรคหรือภัยอันตรายต่างๆที่เข้ามาหา เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันด้วยตัวของตัวเองแล้วนะ ถ้าเทียบกับตอนยังเด็กๆ สมัยก่อนเขามันเป็นแค่ไอ้เด็กขี้แพ้ที่บ่อน้ำตาแตกร้องไห้ให้กับเรื่องง่ายๆได้ไม่ยาก ต้องการคนคอยกางปีกปกป้องอยู่แทบจะตลอดเวลา แค่โดนล้อนิดล้อหน่อยว่าเป็นตุ๊ดอะไรเทือกนั้นก็น้ำตาแตกแล้ว ยิ่งถ้าโดนรังแกก็คือตัวสั่นระริกเป็นลูกนกทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ขี้กลัวหวาดกลัวกับทุกสิ่งรอบกายตัวเองอยู่ตลอด ไม่กล้าที่จะเข้าหาใครก่อน ได้แต่มองดูเด็กๆคนอื่นจับกลุ่มเล่นกันอย่างสนุกสนานด้วยแววตาวูบไหว เขาเองก็ต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งในเสียงหัวเราะของเพื่อนๆเหมือนกันนะ อยากที่จะเล่นสนุก อยากที่จะได้วิ่งไปในทุกๆที่ อยากที่จะยิ้ม อยากที่จะหัวเราะ อยากที่จะทำอะไรหลายๆอย่างที่ตัวเองอยากจะทำมาโดยตลอด หากแต่ในทุกวันนี้นิโคลไม่ใช่เด็กอมไม้อมมือที่ไม่เอาอ่าวอีกแล้ว เขาเก่งขึ้นมากๆจนถ้าใครที่อยู่ด้วยตอนเด็กๆมาเห็นก็คงจะปรบมือดังๆแล้วบอกเก่งมากเป็นรางวัลแน่ๆ ถึงจะกลั้นน้ำตาต่ออะไรซึ้งๆไม่ได้แม้พยายามจะทำจนจมูกแดงก่ำหรือจะไม่ได้กล้าหาญจนทำตัวเป็นฮีโร่ผู้ผดุงความธรรมอย่างแกร่งกล้าได้ แต่อย่างน้อยเขาก็เติบโตมาเป็นเด็กหนุ่มเพื่อที่จะไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต โลกของเขาดำเนินไปอย่างราบรื่นและในแง่ดี แม้จะมีมรสุมผ่านเข้ามาตัวของนิโคลก็มักจะใช้ความอดทนพยายามของตนในการผ่านพ้นมันไปเพื่อพบกับวันที่ดีมากกว่าเดิม สิ่งที่เขาอยากที่จะทำก็ได้ทำไปหลายอย่างแล้ว เป็นต้นไม้ที่หยัดยืนไม่เอนเอียงไปตามกระแสลม เป็นตัวของตนเอง ไม่เป็นคนอื่นหรือปล่อยให้คนอื่นมาคอนโทรลตัวเองให้เป็นไปในทางใด หาเหตุผลในการกระทำของมนุษย์แต่ละคน และ เข้าใจความแตกต่างของคนแต่ละคนอยู่เสมอ
เขาเป็นคนดี — นิโคลเป็นคนดีที่ได้ถูกหลั่งหลอมมาจากสภาวะแวดล้อมรอบด้าน จากผู้คนรอบด้านที่คอยอยู่เคียงข้างกันมาตั้งแต่ยังเล็กๆ จิตใจของเขามีความเข้มแข็งเกินเด็กๆในวัยเดียวกัน รวมไปถึงพื้นฐานตัวของนิโคลบ่งบอกได้ว่าดีเลยทีเดียว แม้จะปฎิเสธไม่ได้ว่ามันก็มีจุดด่างดำเล็กๆของความเอาแต่ใจในตัวเองที่เหลืออยู่ตามภาษาเด็กที่ยังไม่ได้เติบโตมีโลกกว้างเป็นของตัวเองมากนัก เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่อยากทดลองทำอะไรใหม่ๆในชีวิต ได้ตะลอนทัวร์เหยียบย่ำไปในทุกที่ที่ตัวเองไม่เคยได้ไป มีการผจญภัยเป็นเรื่องราวของตัวเอง คอยตะลอนฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปจนถึงเป้าหมายในความฝันได้ในที่สุด แม้ว่าจะมีบางครั้งที่นิโคลไม่ได้น่ารักเหมือนที่เป็น แสนดีหรือที่เห็น การกระทำของเขาอาจจะผิดพลาดจากความคึกคะนองที่ไม่ยั้งคิดไปบ้าง มีผิดมีถูก อาจตรงใจใครหรือไม่ตรงใจใคร หากว่าไม่ชอบเพียงแค่บอกกับเขา ตัวเขาก็พร้อมที่กลายเป็นฟองน้ำที่ซึมซับคำสอนซึมซับความรู้ที่ได้มานั้นมาปรับใช้แล้วอ้าปากขอโทษอย่างนอบน้อม พร้อมที่จะปรับตัวไปกับทุกอย่าง เรียนรู้มาจากความผิดพลาดของตนเองเพื่อนำมาใช้ในอนาคต นิโคลพยายามทำตัวเองให้ดูราวกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง มีความรับผิดชอบที่เต็มเปี่ยม สามารถไว้วางใจและเชื่ออกเชื่อใจเขาได้ เมื่ออยู่ท่ามกลางดงเด็กน้อยก็ราวกับว่าเขาเป็นพี่ใหญ่คนโตผู้อ่อนโยนของเหล่าน้องน้อยที่เหลือ แต่ในท้ายที่สุดนิโคลก็เป็นนิโคล, เป็นนิคาซิโอ้ แอมเบอร์ เป็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่ใครหลายคนสรรหาสรรพนามให้เขาเป็นนู่นนี่ เป็นอันธพาล เป็นชายผู้แข็งแกร่งและดุดัน เป็นหมาตัวโตที่ลิ้นห้อย เป็นเด็กหนุ่มผฺู้ผิดแผลกจากคนอื่นเพราะความชื่นชอบของเขา ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็เป็นเขา เป็นเด็กคนหนึ่งที่ยิ้มเพราะว่าอยากยิ้ม ร้องไห้เพราะอยากร้องไห้ หัวเราะก็เพราะว่าอยากหัวเราะ แท้จริงแล้วเขาเป็นใคร เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ต่างจากคนอื่น แม้จะด้วยความชอบที่แตกต่างกัน แต่ในความที่ไม่แตกต่างนั้น ท้ายที่สุดแล้วนิโคลก็เป็นเด็กที่สมควรได้รับความรักจากรอบข้างเช่นเดียวกับคนอื่นๆที่มีชีวิตอยู่บนโลก
จริงๆก็ไม่ได้ดีเลิศเลอขนาดนั้น ปากว่าใจดีก็ไม่ได้ถึงที่สุด อ่อนโยนก็ไม่ได้ถึงที่สุด เสียสละเองก็ไม่ได้ถึงที่สุดเช่นกัน ยังมีความรักตัวกลัวตายและความเห็นแก่ตัวเล็กๆแฝงเร้นอยู่เช่นเดียวกับมนุษย์คนอื่น ไม่ได้น้อย หรือ มากเกินไปกว่าใครหน้าไหนบนโลก จะว่าสีขาวก็ไม่ใช่สีขาวอย่างเต็มปากเต็มคำนัก หากอยู่ในจุดๆที่ต้องอดตายแล้วมีจานอาหารตรงหน้าโดยที่เขาจำเป็นต้องแย่งชิงกับคนรอบข้าง วินาทีแรกนิโคลจะพยายามหาวิธีประณีประณอมเพื่อหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก่อน แบ่งได้ก็แบ่ง ทานกันคนละครึ่งครึ่งให้อิ่มท้อง ทว่าหากไม่สามารถทำได้เขาก็จำเป็นจะต้องแย่งจานนั้นมาเป็นของตัวเองเพื่อความอยู่รอด กล่าวได้คือนิโคลพร้อมทำทุกอย่างเพื่อที่จะรักษาชีวิตของตัวเองไว้ พยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายก็เพื่อคำว่ามีชีวิตอยู่ต่อเพียงแค่คำเดียว ดังนั้นแม้ว่าตัวของนิโคลจะไม่ได้ฉลาดมากนัก คำว่าอัจริยะไม่เคยมีอยู่ในสารบบสมองของเขา บางทียังเข้าใจอะไรครึ่งๆกลางๆงูๆปลาๆเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงเวลาชาวบ้านพูดอะไรกันเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้โง่เง่าเป็นตัวตลก เพียงเพราะแค่รู้ว่าตัวเองไม่เก่งถึงได้พยายามมากกว่าใครเขา ทำให้ตัวเองสามารถปีกกล้าขาแข็งลืมตาอ้าปากอยู่บนโลกมาจนถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะความพยายาม และ ความตั้งใจที่มีอยู่ล้วนๆ แม้ว่าบ่อยครั้งจะถูกชาวบ้านหลอกปั่นหัวอยู่บ่อยๆแล้วดันหลงเชื่อชนิดเป็นตุเป็นตะก็ตามทีเถอะ (....) แต่ขอแก้ตัวก่อนว่าถ้าเป็นเรื่องหนักหนาอะไรความจริงจังก็จะมีมากขึ้นตาม แน่นอนว่ามันหลอกเขาไม่ได้หรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องง่อยๆอย่างวันนี้ไก่ข้างบ้านจะคลอดลูก แมวตัวผู้มีสามีอะไรแบบนี้หลอกได้นะ มันเป็นเรื่องที่อะไรๆก็เกิดขึ้นได้จริงนี่นา วันดีคืนดีเผลอๆมันเกิดขึ้นมาจริงใครจะไปรู้กันล่ะ ข้อดีของเขาไม่ใช่สมองก็มีอีกอย่างที่นิโคลทำได้ดีมากเลยทีเดียวเทียว เขาช่างสังเกต และ ช่างจดจำ มีหลายสถานการณ์ที่ทำให้เขาได้กลายเป็นเจ้าหนูจำไมคอยจับผิดเหตุการณ์ต่างๆอยู่เสมอ ไวต่อการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กๆน้อยๆ เช่น อารมณ์ของคนอื่น ลักษณะนิสัยเล็กๆหรือท่าทางต่างๆของคนอื่นที่เปลี่ยนไป สามารถจับผิดคนโกหกได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว คนอื่นไม่รู้แต่นิโคลรู้แบบงงๆงวยๆ ชนิดที่ว่าเจ้าตัวก็ยังบอกว่างงนิดหน่อยแต่ไม่เข้าใจมากๆว่ารู้ได้อย่างไร อาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณในตัวที่เป็นตัวคอยบ่งบอกให้เขารับรู้ได้กระมัง เหมือนสุนัขที่มีจมูกดีมากๆอะไรเทือกนั้น การดมหากลิ่นอะไรที่ผิดแผลกออกไปไม่ใช่เรื่องยากเย็น หากจะมีคนเนียนมาแฝงตัวเข้าร่วมตี้มาสวมรอยเป็นคนอื่นในขณะที่คนอื่นใช้ชีวิตตามปกติก็จะมีนิโคลที่สวมวิญญาณยอดนักสืบเอะใจก่อนเป็นคนแรกๆเสมอ ถ้าไม่อยากให้ความเนียนถูกเลาะเปิดเผยออก ก็ต้องกำจัดเด็กหนุ่มคนนี้ก่อนเป็นหัวแรกๆเนี่ยแหละ
พลัง ::
เรื่องของพลังส่วนนี้เราขอให้ไรท์เป็นคิดแทนเราเลยนะคะ เราอยากรีเควสแค่อย่างเดียวคือขอให้พลังของน้องออกไปเป็นตัวแทงค์ได้มั้ยคะ สายรับดาเมจ สายสร้างโล่ สายรับตีน ( ? ) เสริมความอึดถึกทนให้กับร่างเป็นสายดีบัฟลดดาเมจมากกว่าสายแอคแทคตีแรงๆอะไรแบบนี้น่ะค่ะ หรือไม่ก็ยังไงก็ให้ทางคูมนีสคิดพิจารณาครีเอทออกมาได้เองเลยนะคะ จะเป็นยังไงก็ได้ค่ะ ต้มยำทำแกงได้ตามอัธยาศัยเลย ไม่ว่ากัน ทางเรารออ่านและรอติดตามอย่างเดียวเลย เอิ้กอ้าก
อาวุธประจำตัว ::
กระถางต้นไม้สีชมพู
หากถามใครซักคนว่านี่เป็นอาวุธจริงหรือ คนที่ได้ยินก็คงจะร้องเอ๊ะกันไปเป็นแถบแถว มีคนบ้าที่ไหนพกกระถางต้นไม้มาเป็นอาวุธ แถมเน้นย้ำว่าต้องเป็นกระถางต้นไม้สีชมพูเท่านั้นด้วยนะ มันเป็นกระถางต้นไม้คู่ใจนิโคลที่มักอุ้มไว้ในอ้อมแขนเดินไปไหนมาไหนตลอดเสียยิ่งกว่าเลี้ยงลูก ภายในนั้นก็เป็นต้นไม้จริงๆไม่ใช่ตัวแสดงแทน มีชีวิตและหายใจอยู่จริงๆโดยที่ยืนยันได้จากการเห็นนิโคลนั่งรดน้ำอย่างเอาใจใส่ทุกวัน แล้วอาวุธล่ะคืออะไร? จริงๆแล้วในกระถางมันจะมีพลั่วขนาดเล็กปักคาอยู่บนหน้าดินในกระถาง นั่นแหละ เป็นอาวุธชีวภาพของนิโคล ประโยชน์คือนอกจากตักควักดินสาดใส่หน้าปิดทัศนียภาพการมองเห็นหรือสร้างความรำคาญใจแก่ชาวบ้านเพื่อหาทางหนีทีไล่แล้ว ยังพอใช้ในการฟาดฟันตอบโต้ศัตรูโช้งเช้งได้ในหลายกระบวนท่าพอตัวเลยทีเดียว เนื่องจากตัวเหล็กที่ใช้ตักดินของเขามีความแข็งแรงและทนทานมากๆ เพราะถูกสร้างมาจากวัสดุพิเศษ
ว่ากันว่าหากอยู่ในเกมออนไลน์มันคงเป็นอาวุธแรร์ไอเท็มสุดๆ มีประวัติเล่าไว้ว่ามันถูกขายอยู่ในร้านขายของชำเก่านานนับหลายปี มันเป็นของชิ้นพิเศษที่ถูกทิ้งโดยเจ้าของเก่าผู้สร้างมันขึ้นมาเพื่อที่จะให้ไปหาเจ้านายที่เหมาะสมขณะที่ตนกำลังเกษียณอายุลง พลั่วชิ้นนี้ผ่านมือคนอื่นมาแล้วคนอื่นมาเล่าก็กลับรู้สึกว่าไม่มีใครเป็นเจ้านายที่แท้จริงของตนเองเลยแม้แต่น้อย และแล้วมันก็ตกมาอยู่ในกำมือของลุงเจ้าของร้านขายของชำ ถูกวางไว้บนหิ้งขายนานเป็นสิบๆปีจนฝุ่นเกาะ รอแล้วรอเล่าเพื่อที่จะได้พบเจอผู้ถูกเลือกที่เจ้านายของตนเคยบอกเอาไว้ จนกระทั่งบ่ายวันหนึ่ง ดวงอาทิตย์แผ่แสงร้อนจ้าส่องสะท้านเข้ามากระทบผิวไม้สีดำเขรอะฝุ่นในร้านขายของชำเก่าๆที่แทบไม่ได้รับการทำความสะอาดมานานชั่วอายุ รวมถึงไม่ได้สัมผัสกับความอบอุ่นแสนร้อนระอุจากภายนอก เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้เดินเข้ามา วินาทีนั้นก็ได้พบว่าเขากลายเป็นผู้ถูกเลือกของพลั่วคันเล็กที่เฝ้ารอคอยเจ้านายของตนมาอย่างยาวนาน ในที่สุดก็สิ้นสุดการรอคอยแล้ว
ซึ่งในความจริงแล้วนิโคลแค่ถูกลุงแก่ๆที่เป็นเจ้าของร้านหลอกขายเอาตังค์เท่านั้น ตำนานวิเศษห่าเหวอะไรไม่มีทั้งนั้นแหละ กุเรื่องขึ้นมาล้วนๆ เพราะมันขายไม่ออกแล้วประจวบเหมาะกับตอนนั้นไม่มีตังค์จะกินข้าวแล้ว ทำงานมาหน้าดำเคร่งเครียดนอกจากตังค์น้อยแล้วยังโดนเมียยึดตังค์อีก ชีวิตลุงนี่มันเฮ็งซวยจริงๆ จากใจจริงๆก็ไม่ได้อยากจะต้มตุ๋นเด็กมันหรอก แม้ว่าเจ้าตัวเด็กนั่นมันจะปักหลักเชื่ออย่างเป็นตุเป็นตะแล้วซื้อมันมาแบบโง่ๆเลยก็ตามที สรุปแล้วก็เป็นพลั่วโง่ๆธรรมดาอันหนึ่งที่ดันแข็งแรงและมีความทนทานผิดกับพลั่วธรรมดาๆทั่วไปประมาณหนึ่งก็เท่านั้น ใช้มาหลายปีแล้วสนิมยังไม่เกรอะเลย สีก็ไม่ลอกด้วย นิโคลสุดปลาบปลื้มใจ นึกถึงบุญคุณของลุงเจ้าของร้านที่ขายเจ้าพลั่วแสนวิเศษนี้มาให้แก่เขาอยู่ทุกวัน โดยที่ไม่ได้รับรู้ความจริงเลยว่าตัวเองโดนต้มตุ๋นมาแต่ดันแจ็กพ็อตโชคหล่นทับว่าของมันสมคุณภาพที่คุยโวๆมาจนน้ำลายแตกฟองซะอย่างนั้น
จริงๆแล้วมีพวกก้อนหินก้อนกรวดเล็กๆในกระถางที่มาใช้ดีดใส่หน้าใส่ตา ตามจุดต่างๆทำให้ร่างเสียหลักล้มกลิ้งลงไปกับพื้นเพื่อถ่วงเวลา หรือเป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้ตัวเองได้อีกด้วย แล้วก็มีอาวุธหลักๆอีกอย่างก็คือหมัดมวยเนี่ยแหละ
ชอบ :: ตุ๊กตาตัวนุ่มๆ / สีชมพู / ของน่ารักๆ / ต้นไม้ & ดอกไม้ & ใบหญ้า / ขนม (แค่ขึ้นชื่อว่าขนมหวานก็รู้สึกว่ามันอร่อยแล้ว ชอบทั้งหมด แต่ที่ชอบที่สุดน่าจะเป็นเยลลี่กับมาร์ชเมลโล่) / ได้ทำอะไรที่มีความสุข (วาดภาพระบายสี ปลูกต้นไม้ ปูที่นอนพับที่นอน เย็บปักถักร้อยปะชุนเสื้อผ้าที่ขาดแหว่ง ทำอาหาร แค่อะไรง่ายๆก็ทำให้มีความสุขได้แล้ว) / เพื่อนดีๆที่เข้าใจกัน / การเดินทางของตัวเอง / การได้ใช้แรงเต็มที่ (แบบทำงานพวกยกของต่างๆ หรือบางทีก็นับรวมกับการได้ต่อยตีคนด้วย) / คืนความสุขให้เธอประชาชน / การได้กินอิ่มนอนหลับในวันหนึ่ง / ทำฟาร์ม #ความชอบแต่ละอย่างไม่เข้ากับหน้าโหดๆอย่างกะอันธพาลครองเมืองของเจ้าตัวอย่างเห็นได้ชัด มองๆไปมีแต่ความชอบอะไรโลกสวยทั้งนั้นเลยนี่
เกลียด :: ฟ้าผ่า (จริงๆนี่รวมอยู่ในหมวดความกลัวด้วยนะ ไม่ค่อยชอบเสียงดังเท่าไหร่ แต่เกลียดที่สุดคือเสียงฟ้าผ่า กลัวด้วย) / คำพูดแง่ลบต่างๆ (คำพูดเชิงเสียดสีดูถูก แบ่งแยกชนชั้นอะไรแบบนี้ ทำให้รู้สึกจี๊ดในใจมากเป็นพิเศษ) / ความอ่อนแอของตัวเอง
เอกลักษณ์ ::
- หน้าตาแสนดุดันโหดเหี้ยมราวกับร็อตไวเลอร์แยกเขี้ยว ทั้งที่ความจริงแล้วนิสัยเป็นแค่ฮัสกี้ตัวเขื่องแสนเชื่องตัวหนึ่งเท่านั้น
- มีเอกลักษณ์คือมักมาพร้อมกับกระถางดอกไม้สีชมพูที่มีดอกไม้สีเหลืองผสมกับสีขาวอย่างละครึ่งชูช่อเบ่งบานอยู่ภายในอ้อมแขน ชายหน้าโหดผู้มาพร้อมกับกระถางต้นไม้สุดปุ๊กปิ๊ก ถือเดินพกยิ่งกว่าลูกในไส้
- เขี้ยวซี่เล็กๆทั้งสองข้างที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนในทุกครั้งที่เขาคลี่ยิ้มกว้าง
- รอยสักรูปมังกรสีฟ้าครามที่แขนซ้ายที่ลากยาวตั้งแต่ลาดไหล่ข้างบนลงไปถึงหลังฝ่ามือของเจ้าตัวเลย (จริงๆแล้วเหตุมันเกิดที่ว่า มีลุงข้างบ้านที่มันดันเสนอหน้าเข้ามายุ่งกับรสนิยมชาวบ้าน เห็นเขาชอบสะสมตุ๊กตาของนุ่มฟูทั้งหลายแล้วก็กลัวจะเบี่ยงเบนเลยทำตัวสะเหล่อรู้ดีหลอกล่อเขาไปได้รอยสักสุดบรรเจิดนี้ขึ้นมาติดตัวจนถึงทุกวันนี้เพื่อประกาศศักดาความมาดแมน แน่นอนว่าหลังจากสักเสร็จซักสองสามชั่วโมงที่ฤทธิ์ยาชาที่โปะไว้จางหาย ตัวของนิโคลนั่งน้ำตาหยดแหมะๆไปเป็นวันๆด้วยความเจ็บเลยทีเดียว แต่เอาจริงๆต่อให้มีรอยสักก็ลบเลือนนิสัยความนู่มในตัวเขาไปไม่ได้อยู่ดี)
- มนุษย์ทาสสีชมพู แพ้ตุ๊กตาของนุ่มนิ่ม และชอบทานขนมหวานหนุบๆเป็นที่สุด
- รูปลักษณ์ภายนอกก็ดูโฉดชั่วจริงๆนั่นแหละ เส้นผมสีดำรัตติกาลยาวประต้นคอราวกับฝันร้าย นัยน์ตาสีแดงฉานดุจดังหยาดโลหิตที่เวลาจ้องมองจะรู้สึกราวกับถูกปีศาจร้ายจับจ้องจะฉีกกระชากอยู่
อยากมีคู่มั้ย ::
ตรงส่วนนี้ตามแต่คุณไรท์จะพิจารณาเลยค่ะ สำหรับพ่อหนุ่มคนนี้ถ้าจะมีเมียจริงคงต้องเป็นสาวที่รุกนังก่อนน่ะค่ะ เพราะนางไม่ประสาเลย แตะตัวนิดหนึ่งก็พร้อมจะบิดตัวเป็นเกลียวแล้วค่ะ เป็นหนุ่มที่ต้องสลับโพกับสาวน่ะค่ะ (....) แล้วถ้าจะรุกก็ต้องรุกแรงๆด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวก็ยิ้มหน้าซื่อตอบ คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมเลยนะครับ
สไตล์การพูด ::
นิโคลเป็นคนที่พูดจาสุภาพมากๆคนหนึ่ง ดูเหมือนพวกชนชั้นสูงที่ได้รับการร่ำการเรียนมาอย่างดี น้ำเสียงของเขานุ่มนวลผิดกับหน้าตาที่เหมือนโจรขู่กรรโชกทรัพย์อย่างชัดเจนเหมือนเสียงเมโลดี้ที่ขับกล่อม เด็กฟังจริงๆก็รู้สึกง่วงจนเคลิ้มหลับได้ไม่ยาก อยู่ในโทนปกติที่ไม่ได้ดังหรือเบาจนเกินไป แต่กระนั้นตัวนิโคลติดจะพูดเร็วอยู่นิดหน่อย บางทีถ้าไม่ตั้งใจฟังจริงๆก็อาจจะมีไหลผ่านไปว่าเขาพูดไปถึงไหนแล้ว แทนตัวเองว่า ผม โดยปกติ แทนตัวเองว่า คุณ สำหรับคนทั่วๆไปเป็นปกติ มักมีคำลงท้ายคำพูดอยู่เสมอ นั่นคือสิ่งที่คนทั่วๆไปจะได้รับ แต่หากว่าเป็นคนสนิทกันจนรู้ยันไส้ในของเขาจะเปลี่ยนไปในอีกรูปแบบทันที พร้อมแผ่ฟีลเตอร์รังสีดอกไม้ฟริ้งๆออกมาแก่ผู้คนรอบข้างด้วยการแทนตัวเองว่า เค้า ใช่ค่ะ เค้า จริงๆไม่จ้อจี้ เรียกสรรพนามแทนคนอื่นว่า เตง เหมือนเปลี่ยนจากโหมดร็อตไวเลอร์กลับมาเป็นโหมดฮัสกี้อะไรเทือกนั้น
} ซึ่งกับพวกผู้หลักผู้ใหญ่เขาจะเรียกว่า คุณป้า คุณลุง คุณน้า คุณอา ฯลฯ เป็นสรรพนามพวกนี้แทน หรือบางคนก็เรียกเป็นชื่อเจ้าตัวเลยแต่นำหน้าด้วยคุณแสดงถึงความเคารพเสมอ แน่นอนว่านิโคลก็ไม่ได้บ้าจี้ไร้มารยาทถึงขั้นปืนเกลียวไปเรียกคนแก่รุ่นราวคราวแม่เขาว่าเตงๆหรอกนะ
ex. กับคนทั่วไป
" คุณป้าครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้รึเปล่า ร้านนี้ไปทางไหนหรอครั— เดี๋ยวครับคุณป้า ไม่ต้องวิ่งหนีผม ผมไม่ได้มาหาเรื่องนะครับคุณป้า โธ่ คุณป้า ฟังผมก่อนครับ "
" หมามันร้องโฮกปิ๊ปได้จริงๆน่ะเหรอ สุดยอดมากๆเลยนะครับเนี่ย ไว้พาผมไปฟังมันร้องบ้างสิครับ อยากได้ยินจริงๆเลย หมาตัวไหนกันเนี่ย " #หมาตัวไหนไม่รู้แต่ที่แน่ๆคือเขาโดนต้มแล้วดันหลงเชื่อทำตาวาวแบบเป็นตุเป็นตะมากๆ
" ซุปมันค่อนข้างจะรสชาติเผ็ดหน่อยนะครับ พอดีคุณริเวอร์เขาชอบทานรสจัดผมเลยใส่พริกเยอะไปหน่อย คุณทานได้รึเปล่า ถ้าทานไม่ได้เดี๋ยวผมไปทำให้ใหม่อีกชามได้นะครับ "
" โอ้ ไม่รบกวนเลยครับ ยินดีซะด้วยที่คุณกล้าเข้ามาคุยกับผม ปกติมีแต่คนวิ่งหนีผมกันทั้งนั้นเลย แหะ ความจริงแล้วผมอยากบอกพวกเขาว่าผมมาดี ไม่ต้องกังวลนะครับ ใจเย็นๆก่อนอย่าเพิ่งเป็นลมนะคุณ "
" คุณป้าครับ ฟื้นก่อนนะครับ ให้ผมได้ซื้อตุ๊กตาร้านคุณป้าก่อนได้มั้ยครับ อย่าเพิ่งเป็นลมนะครับ ทำใจร่มๆเอาไว้นะครับคุณป้า "
" สวัสดีครับคุณแมรี่ วันนี้อากาศดีมากๆเลยนะครับ เหมาะกับการมานั่งปิคนิกจริงๆ หวังว่าจะเป็นวันที่ดีและทำให้ทริปปิคนิคของคุณเป็นไปได้อย่างราบรื่นนะครับ "
" ช่วงนี้อากาศเย็นแล้ว คงได้ผิงไฟอยู่ในบ้านกันทั้งวันแน่ๆเลย ดูแลตัวเองกันด้วยนะครับทุกคน ถ้าเป็นไข้ขึ้นมาด้วยอุณหภูมิแบบนี้มันจะลำบากเอานะครับ "
" ผมมีคำถามครับ แล้วทำไมผมเป็นผู้ชาย ผมถึงชอบอะไรที่มันน่ารักๆไม่ได้หรอครับ? ใครเป็นคนกำหนดเอาไว้ว่าต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้นถึงจะสามารถใช้สีชมพูหรือกอดตุ๊กตาได้ รบกวนคุณลุงช่วยตอบผมหน่อยได้รึเปล่าครับ ว่าใครเป็นคนร่างกฎเกณฑ์ข้อนี้มากันแน่ "
" ผมก็แค่คนๆหนึ่งครับ ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นในสังคมทั่วไป เป็นมนุษย์ปถุชนผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่สามารถที่จะล่องหนหายตัว หรือสามารถบินขึ้นไปในที่สูงๆได้ ผมเองก็มีจุดบกพร่อง มีข้อเสีย มีอะไรหลายอย่างที่ไม่ดีตั้งมากหมาย ถ้าเจอก็ขอแค่บอกกับผม บอกว่าผมผิดพลาดตรงไหนกันแน่ เมื่อผมรู้ ผมก็จะเอาจุดที่ตนเคยผิดพลาดมาแก้ไขเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นซ้ำสองอีกในวันข้างหน้า แต่สุดท้ายผมก็ยังภูมิใจในตัวของผมที่เป็นผม เพราะฉะนั้นมั่นใจในตัวเองไว้นะครับ อย่าทำให้ตัวเองด้อยค่าลงด้วยคำว่าไม่เก่ง หรือ ไม่มีความสามารถเลยนะครับคุณ ทุกคนมีดีของตัวเองทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะหาข้อดีของตัวเองเจอหรือไม่ก็เท่านั้นเองครับ "
" บางทีถ้าคุณลองใส่ใจมองอะไรหลายๆอย่างรอบๆตัวดู เปิดตาให้กว้างๆ คุณจะพบสิ่งที่คุณไม่เคยเห็น หรือว่าคนที่คุณไม่เคยมองเห็นกำลังเป็นห่วงคุณอยู่นะครับ "
" เฮ้ยคุณ น้องตัวนั้นมันเป็นน่ารักมากเลยครับ น่าจะเอามาเป็นเพื่อนกับของผมได้นะ " #ถามว่าพูดถึงอะไรคำตอบคือพูดถึงตุ๊กตา
" การจากลาไม่น่ากลัวหรอกครับ ด้วยประโยคที่ว่าเราจะมาพบกันอีก แค่แยกย้ายกันไปเติบโตก็เท่านั้น "
ex. คุยกับคนสนิท
" เตง เค้าโดนคุณป้าวิ่งหนีอีกแล้วอ่ะ "
" จริงๆ ฮึก เค้าไม่ได้เศร้าหรอกนะเตง ฝุ่นมันเข้าตาต่างหาก นิทานเรื่องนี้มันเบาจะตาย ใครจะไปเสียใจกับเรื่องเบาๆ ฮึก แบบนี้กัน เตงมั่วแล้ว ใครร้องไห้ ก็บอกแล้วไงว่าเค้าตาแดงๆเพราะว่าฝุ่นมันเข้าตา ที่จมูกแดงก็เพราะว่าเป็นหวัดยังไงล่ะเตง " #นี่คือมนุษย์ที่บอกว่าเบๆแต่ตัวเองนั่งน้ำตาคลอจมูกแดงแล้ว
" เตงครับ อยากทานอะไรมั้ย เดี๋ยวเค้าไปทำให้ "
" ตรงนี้ยุงชุมมากๆเลยครับ ถ้าจะดื่มเหล้าไปดื่มในบ้านเค้าก็ได้เตง เค้าจะได้ดื่มด้ว— อะไรอ่ะครับเตง ทำไมถึงห้ามเค้าล่ะครับนั่น ทีเตงดื่มได้เค้าดื่มไม่ได้ "
" ไปวิ่งหนีตัวอะไรมาครับ เหงื่อซ่กเชียว ดื่มน้ำเย็นๆก่อนแล้วพักหายใจเข้าลึกๆนะครับเตง เค้าตกใจหมดตอนที่เตงมาเคาะประตูบ้านเรียกเค้าตอนดึกๆดื่นๆเนี่ย คืนนี้นอนที่บ้านเค้าไปก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้าน "
" อยากได้อะไรก็ขอแค่บอกเค้าอ่ะเตง เตงคิดว่าแค่นี้เค้ามาหาให้เตงไม่ได้หรอครับ "
" ไม่เอาเตงๆๆๆ ไม่เอานะๆๆๆ เค้าไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวอ่ะเตง คืนนี้ฝนตกแน่ๆครับ เค้ามั่นใจ พยากรณ์อากาศบอกเค้ามาอ่ะเตง อยู่เป็นเพื่อนเค้านะครับเตง นะ แค่คืนนี้คืนเดียวเองครับ "
" เตง ดูนี่ น้องสีชมพูตัวนี้เป็นเพื่อนใหม่เค้า วันก่อนเค้าไปเดินตลาดมา เจอมาก็อดใจไม่ไหวให้พามาเข้าครอบครัวไม่ได้ เตงว่าเค้าจะตั้งชื่อน้องว่าอะไรดีครับ "
" เค้าก็แค่อยากเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งในสายตาคนอื่นอ่ะเตง อยู่ในที่ๆทุกคนไม่มองสิ่งที่เค้าเป็น หรือคนอื่นๆที่ไม่ได้แสดงตัวตนออกมาเป็นเรื่องผิดแปลก การที่เค้าแค่ชอบสะสมตุ๊กตา ชื่นชอบสีชมพู หลงรักในสิ่งของน่ารักนุ่มฟูหลายๆอย่าง เค้าก็ไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดตรงไหนเลยนะครับเตง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องถูกหลายสายตาจับจ้องมองมาขนาดนั้น ฮ่ะๆ นั่นสิครับเตง เราไม่จำเป็นไปสนใจคนอื่น แต่บางทีเค้าก็อดรู้สึกอึดอัดใจเล็กๆไม่ได้น่ะครับเตง เค้าก็แค่อยากอยู่เงียบๆ "
" วันนี้เสียเที่ยวนะครับ ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยครับเตง เพราะวันนี้เค้ากะว่าจะปลูกต้นไม้กับดอกไม้ซักต้นสองต้น ถ้าเตงไม่กลัวเบื่อมานั่งดูเค้าก็ได้นะครับ หรือจะมาช่วยก็ได้นะ "
" เตง มองหน้าเค้านะ อ่าฮะ เตงเห็นว่าเค้าน่ากลัวใช่มั้ย แล้วนิสัยเค้าเป็นยังไง คนละอย่างกับหน้าใช่มั้ยล่ะ งั้นเตงก็ลองไปดูเพื่อนคนนั้นของเตงนะ เค้าก็นิสัยคนละแบบกับหน้าเหมือนกับเค้านี่ เตงจะตัดสินคนอื่นจากการมองภายนอกไม่ได้นะครับเตง เค้าเป็นยังไงเรายังไม่รู้แต่ดันไปตัดสินว่าเค้าไม่ดีซะแล้ว "
" อะ.. อะไรนะครับเตง เตงจะนอนกับเค้าหรอ เอ่อ ถ้าเตงจะนอนกับเค้า งั้นเดี๋ยวเตงนอนเตียง เค้านอนที่พื้นนะครับ เฮ้ย ไม่ได้ครับเตงๆๆ เตงจะมานอนที่พื้นเหมือนเค้าได้ยังไง เตงเป็นแขกนะครับ อีกอย่างเตงเป็นผู้หญิงนะ "
" พบกันน้อยนิด จากกันเนิ่นนานเพราะว่าเค้าติดปลูกผักเตง ไม่มีอะไรเลยครับ ทำมาสามวันแล้วยังไม่เสร็จเลยครับเตง เหนื่อยแล้ว เค้าอยากนอน "
ประวัติ ::
นิคาซิโอ้ แอมเบอร์, ในวันที่ปุยหิมะหนาพร่างพราวลงมาจากเบื้องบนฟ้า ตกหล่นลงมาปกคลุมบนพื้นให้กลายเป็นสีขาวโพลน เสียงร้องไห้ดังลั่นของเด็กน้อยดังขึ้นภายในบ้านหลังเล็กซอมซ่อหลังหนึ่ง
ร่างเล็กของเขาหนาวสั่น เนื้อตัวแดงก่ำยิ่งทวีความแดงมากขึ้นเมื่อกระทบกับไอเย็นรอบด้าน หลังคาบุสังกะสีไม่อาจปกป้องกายจากความเย็นเยือกของฤดูหนาวที่พัดผ่านมาได้เลย เสียงร้องของเขาดังขึ้นเพราะความทรมาณ สองมือเล็กปัดป่ายไปมากลางอากาศราวต้องการควานหาบางสิ่งที่อบอุ่นเข้ามาในอ้อมแขน ดวงตากลมถูกทาบทับด้วยเปลือกตาสีซีดและแพขนตางอนยาว เครื่องหน้าบู้บี้ฉ่ำคาวน้ำหลังจากเพิ่งผ่านพ้นออกมาจากร่างกายของผู้ให้กำเนิด
สวรรค์ไม่ปล่อยให้เขาทนทรมาณกับไอเย็นเหยียบนานมากนัก อ้อมกอดแสนอบอุ่นที่ให้ความรู้สึกสบายใจและคุ้นเคยพลันโอบกอดร่างเขาไว้แนบแน่น สัมผัสนุ่มหยุนแตะแต้มที่ริมฝีปาก พร้อมกับหอมหวานที่ลอยแตะจมูกจนอดใจไม่ไหวให้อ้าปากงับแล้วกลืนน้ำนมรสจืดลงคอไปหลายอึก เมื่อกินอิ่มหนำท้องตึง ความง่วงงุนก็เริ่มเข้ามาแทรกกลางระหว่างเขาเอาไว้ ราวกับมีความมืดที่คอยพรากสติของเขาให้มึนเบลอเลย เสียงทุกสรรพสิ่งดังไกลออกไปหลายโยชน์เหมือนก้องสะท้อนอยู่ในถ้ำ ทว่าท้ายที่สุดก่อนที่เขาจะเข้าสู่ห้วงนิทราเพื่อหลับไหลจากการแข่งขันกับเพื่อนพ้องอันแสนยาวนานเพื่อลืมตาดูโลกได้
มีเสียงหนึ่งที่ดังชัดเจนในโสตประสาท
ช่างอ่อนโยน ละมุนละไม และตราตรึงใจ
มันเป็นชื่อของเขา
" ลูกรัก ต่อจากนี้ลูกคือนิคาซิโอ้ แอมเบอร์ —นิคาซิโอ้ที่แปลว่าชัยชนะ ลูกเป็นชัยชนะที่ภาคภูมิใจที่สุดของเรา "
เขาเป็นเด็กน้อยที่เติบโตขึ้นมาในย่านสลัมแห่งหนึ่งในทวีปดาร์คเซียร์ ครอบครัวของเขาไม่ได้มีฐานะที่ดีมากนัก บิดรของเขาประกอบอาชีพกรรมกร ขณะที่มารดาเป็นเพียงแม่ค้าขายพืชผัก การค้าขายไม่ได้เป็นไปได้ด้วยดีในพื้นที่ที่เงินทองหาได้ยากเย็น คนรวยต่างไม่อยากใช้เงินเพื่อซื้อของไม่มีคุณภาพ คนจนเองก็โหยหาต้องการเพื่อนำมาใช้ชีวิต ทำให้ตั้งแต่เด็กการเป็นอยู่ของนิโคลไม่ได้สุขสบาย ครอบครัวของเขาอดเช้ากินค่ำบ้างบางเวลาเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด ทว่านิโคลมักจะได้กินอิ่มหนำสำราญ หนังท้องตึงทุกครั้ง บิดรมารดามักจะเป็นฝ่ายที่เสียสละให้แก่เขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างใจดี
คอยตักชิ้นเนื้อชิ้นที่โตที่สุดในจานวางลงในถ้วยของเขา ตักข้าวของเขาให้พูนจานมากกว่าของตัวเองหลายเท่าตัว หลายครั้งหลายคราวที่โลกของเด็กน้อยนั้นแสนคับแคบ ความใสซื่อไร้เดียงสาทำให้ไม่อาจเข้าใจสภาวะที่ตนกำลังประสบพบเจอ
คราหนึ่งระหว่างที่ฝ่ามือเล็กจับช้อนตักข้าวคำโตเข้าปาก ดวงตาของเขากระพริบถี่เมื่อเห็นเม็ดข้าวครึ่งถ้วยของบุพการีทั้งสอง
" ทำไมคุณพ่อคุณแม่ทานน้อยจังเลยฮะ" คำถามของเด็กน้อยเรียกความสนใจจากสองสามีภรรยาได้ถนัดตา หญิงสาวเป็นคนเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะแผ่วเบา ทอดสายตาแสนอบอุ่นมองบุตรชายคนเดียวในอุทรของตนด้วยความรักใคร่
" แค่พวกเราได้เห็นลูกทานก็อิ่มแล้วจ้ะ "
เธอตอบกลับเด็กน้อย
ยังคงเลือกที่จะใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างปิดตาเขาไว้ไม่ให้เห็นความโสมมของโลกภายนอก ใช้ร่างกายของตนเองบดบังไอหนาวเย็นเหยียบ
ปกป้องเขาให้คงอยู่ในความฝันสดใสของเด็กน้อย
ปล่อยให้พระเจ้าได้โอบกอดเขาไว้ด้วยความรักเหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวง
" อื้อ" หัวกลมผงกดุ๊กดิ๊กรับคำของมารดา แก้มกลมอมข้าวจนพองขึ้นเหมือนแฮมเตอร์กักเก็บอาหาร นัยน์ตาสีแดงใสแจ๋วสะท้อนภาพของหญิงสาวและบุรุษวัยกลางคนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะตักชิ้นเนื้อที่วางโปะอยู่ในจานของตัวเองไปวางให้ชามของมารดาและบิดาอย่างละชิ้น
" ถึงจะแบบนั้นยังไงก็ต้องทานนะฮะ ไม่อย่างนั้นคุณแม่กับคุณพ่อจะไม่มีแรงนะ "
เด็กน้อยว่าอย่างนั้น ความสดใสของเขาแผ่ซ่านออกมาจากตัวสู่ผู้คนตรงข้าม
มารดาที่ได้ยินพลันรู้สึกขอบตาร้อนผะผ่าว ตักข้าวกับชิ้นเนื้อที่เย็นชืดเข้าใส่ปาก แม้มันจะแทบไม่รับรู้ถึงรสชาติอะไรทั้งนั้นเพราะน้ำตาที่กำลังเริ่มรินไหลลงมาอาบข้างแก้มของตนอย่างแช่มช้า
ทว่ามื้อนี้กลับกลายเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดมื้อหนึ่งเท่าที่เธอมีชีวิตอยู่มา
เธอทานข้าวไปทั้งน้ำตาอย่างนั้น ใครถามก็ไม่ได้ตอบ รับรู้เพียงแค่ว่าเธอจะทานมันให้หมด ทุกเม็ดข้าวในชามที่เด็กน้อยของเธอเป็นคนตักแบ่งมาให้ด้วยมือของตัวเอง
เขาเป็นเด็กดีมากขนาดไหน
ไม่เคยปริปากบ่นแม้จะลำบาก
ไม่เคยร้องไห้งอแงแม้ต้องทานข้าวแข็งเย็นชืด นอนหลังขดหลังแข็งบนพื้นทุกวัน
ยังคงยิ้มแย้มรับทุกอย่าง
ยังมีความสุขในตัวเองแม้ว่าเบื้องหน้าจะเป็นมรสุมที่เลวร้ายกำลังรออยู่
ยังมีความเชื่อมั่นว่าทุกสิ่งต้องดีกว่าเดิมขึ้นในซักวันหนึ่ง
หากสวรรค์มีตาที่แท้จริง ได้โปรดรัก และ ปกป้องเขาด้วยทั้งตัวของตัวเอง อย่าให้เด็กน้อยคนนี้ต้องพบพานเรื่องอะไรที่ทำเขาเสียใจอีกเลย
ทว่าในทุกย่างก้าวต้องมีการเติบโต เมื่อนิโคลอายุได้ราวเจ็ดขวบปีเศษ เขาไม่ได้มีโอกาสได้เข้าร่ำเรียนในโรงเรียนหรูหราของพวกคนรวย เด็กในย่านสลัมปลายแถวมีสิทธิ์แค่เพียงได้เรียนในโรงเรียนเล็กๆซอมซ่อไม่ได้มาตรฐานแห่งหนึ่งที่พ่อของเขาเป็นคนทำงานเลือดแทบกระเด็นแลกเงินจำนวนหนึ่งมาส่งเขาให้ได้ศึกษาร่ำเรียน
โอกาสครั้งแรกสู่รั้วโรงเรียน
ไม่ได้ดีหรือราบรื่นมากนัก
นิโคลเข้ากับพวกผู้หญิงได้ดีมากกว่าผู้ชาย เดิมทีตั้งแต่เด็กเขาอยู่กับแม่ ถูกเลี้ยงดูโดยมารดามาโดยตลอด เขาชื่นชอบการทำงานฝีมือ ใช้ฝีเข็ม ปรุงอาหาร ไม่ได้ชอบออกไปโลดโผนกลางแจ้งหรือเล่นเตะบอลอย่างผู้ชายคนอื่น จะเล่นก็เล่นตุ๊กตากับพวกผู้หญิง ปลูกต้นไม้ปลูกดอกไม้ในแปรงผักแล้วยิ้มอย่างสุขใจ กระนั้นก็ทำให้เขาถูกกลั่นแกล้งโดยพวกผู้ชายที่เหลือ
คำว่า 'ไอ้เด็กผิดเพศ' ที่ได้ยินมายังฝังในใจของเขาอยู่เรื่อยมา ครั้งแรกที่ได้ยินเขาร้องไห้จ้าอยู่คนเดียว
ทุกวันเขาอยู่ได้ไม่เป็นไร กระทั่งวันนั้นนิโคลโมโห เขาโมโหมากจนตัวสั่นระริก ได้ยินชื่อของพ่อแม่ถูกหางเลขเข้ามาด้วย มือเล็กกำหมัดเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดนูนขึ้น ใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของแรงอารมณ์ ตุ๊กตายัดนุ่นตัวโตถูกวางไว้บนพื้นหลังจากที่เจ้าของไม่มีอารมณ์สนใจกับมันอีกต่อไปแล้ว ดวงตาคลอด้วยหยาดน้ำสีใสที่รื้นหน่วงเต็มขอบตา
ร้อนผ่าว
อื้ออึงหายใจไม่ออก
ปะปนด้วยความรู้สึกโกรธเคือง เสียใจมั่วซั่วไปหมด
" ไอ้เด็กผิดเพศ เป็นผู้ชายแต่เล่นตุ๊กตา"
" มีแต่ผู้หญิงที่เขาเล่นกัน ผู้ชายควรจะไปเตะบอล วิ่งเล่นกันต่างหากล่ะ"
" เป็นผู้ชายซะเปล่า ทำตัวตุ๊ดอย่างกับผู้หญิงแหนะ สงสารพ่อแม่นายจัง ต้นตระกูลจะเป็นแบบนั้นรึเปล่าเนี่ย "
แว่วเสียงหัวเราะล้อเลียนดังเข้ามาในโสตประสาท สติของนิโคลเหมือนขาดผึง เขาจำอะไรไม่ได้อีกหลังพุ่งกระโจนเข้าไปปล่อยหมัดกระแทกใส่โหนกแก้มของเด็กหัวโจกในกลุ่มจนน็อคไปในครั้งเดียว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นทำให้เขารู้สึกสะใจ
กวาดสายตาหันไปมองเด็กลูกกระจ็อกที่ยังเหลือ ก่อนที่เขาจะเริ่มระบายอารมณ์ออกมาผ่านความรุนแรงทางร่างกาย รัวหมัดต่อยกระแทกเข้าสู่ใบหน้าพวกมันจนม่วงช้ำและแตกยับ
ความเจ็บตามข้างแก้ม มุมปาก เบ้าตาที่ได้รับกลับมาจนเริ่มขึ้นสีเขียวกับบวมตุ่ยไม่ได้ทำให้เรียกสติของนิโคลที่กำลังหลุดลอยบ้าคลั่งไปกลับคืนมาได้
กว่าเขาจะหยุดก็ตอนที่เลือดอาบไปทั้งมือของเขา เด็กหนุ่มมองเห็นแม่ของตนที่วิ่งเข้ามาสวมกอดทั้งน้ำตา หล่อนร้องไห้โฮ ปลดปล่อยหยาดน้ำตารินไหลอาบไปทั่วเสื้อตัวบางของเขาจนเปียกชุ่ม อ้อมแขนอบอุ่นกอดรัดเขาแน่นราวกับกลัวว่าจะเขาจะหายไปจากโลก ดวงตาแข็งกร้าวของนิโคลพลันอ่อนแสงลงถนัดตา
เป็นวันแรกที่เขาได้มีเรื่องกับใครซักคน เรื่องราวใหญ่โตจนกลายเป็นการแตกหักระหว่างผู้ปกครอง ฝั่งนั้นก็ไม่ยอมจะเอาเรื่องเสียให้ได้แทนลูกชายที่หน้ายับกลับใส
สุดท้ายก็จบกันลงด้วยการชำระค่าเสียหายให้แก่โรงเรียนเสียแทนเพราะตกลงกันไม่ได้ เขาที่กลับบ้านไปวันนั้น กลัวเกรงว่าจะได้รับคำด่าทอและตบตี ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับกลายเป็นเพียงรอยยิ้มโล่งอกของผู้เป็นแม่
กับสัมผัสแผ่วเบาที่โยกหัวกลมจากคนเป็นพ่อ
คำสั่งสอนที่ทำให้เขาจำได้ขึ้นใจ
" ใครจะว่ายังไงลูกไม่เห็นจำเป็นต้องสนใจเลย"
" แต่พวกนั้น.. ว่าคุณพ่อคุณแม่"
เขาหลุบสายตาลงมองพื้น
" แล้วพวกเราได้เป็นอย่างที่พวกเขาว่ารึเปล่าจ๊ะ?"
" ไม่ฮะ ไม่ใช่เลย"
" เห็นมั้ยจ๊ะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนคำพูดใครเลย เราก็แค่เป็นตัวของเรา ใช้ชีวิตให้มีความสุข ยิ้มกว้างๆ และหัวเราะดังๆตามใจตัวเอง เด็กพวกนั้นก็แค่พูดไปตามความคึกคะนองเท่านั้นแหละจ้ะ "
" แต่ผมไม่ชอบพวกเขาเลย "
ใบหน้าของเด็กน้อยบิดเบี้ยวบู้บี้ลง ความสุข ความสนุกสนานลดฮวบลงเกือบครึ่งเมื่อนึกถึงหน้าของพวกเดเกเรพวกนั้น
" โธ่ เด็กดี — จำคำของคุณแม่เอาไว้นะคะ ถ้าเราไม่ชอบ เราก็อย่าเป็นคนในแบบที่เราไม่ชอบ เขาทำให้เราไม่มีความสุข ก็อย่าไปทำให้คนอื่นไม่มีความสุขเหมือนกับที่เขาทำนะคะ "
เธอว่าอย่างนั้น และเป็นสิ่งที่ทำให้นิโคลจำขึ้นใจจรดทุกวันที่ยังมีลมหายใจอยู่
การมีเพื่อนสนิทคนแรกเป็นเรื่องอะไรที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับนิโคลมาก ช่วงเวลาที่อายุย่างเข้าเลขแปด เขามีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง อีกฝ่ายย้ายเข้าโรงเรียนมาในช่วงกลางเทอม เด็กหนุ่มใบหน้านิ่งสนิทราบเรียบไร้รอยยิ้มราวรูปปั้นปูน
ทว่าไม่มีใครล่วงรู้ว่ารอยยิ้มที่อยู่ภายใต้ความนิ่งเงียบนั่นงดงามขนาดไหน
นิโคลไม่เห็นเข้าใจว่าทำไมไม่มีใครเข้าไปคุยกับเพื่อนใหม่เลย แถมยังปล่อยให้เพื่อนใหม่นั่งอยู่คนเดียวอีก
เพราะแบบนั้น เขาก็เลยย้ายตัวเองไปวางกระเป๋าที่ข้างอีกฝ่าย สอดตัวขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ท่ามกลางสายตาของเพื่อนทั้งห้อง และ สายตานิ่งเรียบเพียงหนึ่งเดียวที่เบนกลับมามอง เขาไม่ได้สนใจความอยากรู้อยากเห็นรอบข้าง รอยยิ้มกว้างตาหยีถูกส่งมอบไปให้อีกฝ่ายด้วยความเป็นมิตร
" นาย นาย — สวัสดีนะ เราชื่อนิคาซิโอ้ เรารู้ว่ามันน่าจะเรียกยาก นายเรียกเราว่านิโคลก็ได้! "
"...."
" นายชื่อว่าอะไรหรอ? "
"...."
" ไม่มีชื่อรึเปล่า? ไม่เป็นไรนะ เราตั้งให้นายก็ได้ เราเห็นนายนั่งอยู่คนเดียวก็เลยมานั่งด้วย คนพวกนั้นเป็นอะไรกันไปหมด ทำไมถึงทิ้งเพื่อนใหม่ได้ลงคอกัน "
".... "
" นายเงียบจังเลย หรือ..นายพูดไม่ได้กัน? อ่า ขอโทษนะถ้าเราถามอะไรไม่เหมาะสมออกไป มันไม่ทำให้นายรู้สึกแย่ใช่มั้ย เราไม่อยากทำให้นายรู้สึกแย่ อยากทำให้นายมีความสุขนะ! "
".... "
" งั้นเราขอเรียกนายว่าแอ— "
" ลูชิเอล "
" หืม? เมื่อกี้.. ลูชิเอล? เป็นชื่อของนายหรอ "
อีกฝ่ายพยักหน้าตอบแทนริมฝีปากที่ปิดสนิทไม่เปล่งสิ่งใด
".... "
" เป็นชื่อที่เพราะดีจังเลยนะ "
".... "
" ยินดีที่ได้รูัจักนะลูชิเอล ต่อไปนี้เรากับนายจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถ้ามีอะไรให้เราช่วยบอกเราได้เลยนะ! "
นั่นคือครั้งแรกของการทำความรู้จัก ส่วนมากจะมีแค่เขาที่พล่ามอยู่คนเดียว ส่วนลูชิเอลจะเป็นคนนั่งฟังพร้อมพยักหน้าตอบบ้างตามโอกาส กระนั้นบรรยาศระหว่างเราไม่ได้อึดอัดกระอักกระอ่วนแต่อย่างใด อีกฝ่ายออกจะทำให้เขาเจริญการพูดขึ้นจนพูดไม่หยุด
ความสัมพันธ์ระหว่างนั้นเราค่อนข้างจะดี ไม่มีใครที่เอ่ยปากพูด ต่างรับรู้ว่าเราเริ่มเข้ากลายเป็นส่วนหนึ่งในโลกของอีกฝ่าย เขารู้ว่าสนิทกับลูชิเอลมากขึ้น อีกฝ่ายเปิดปากพูดได้เยอะขึ้น เขารู้เรื่องส่วนตัวอะไรหลายอย่างของอีกฝ่ายมาจดจำเอาไว้ในใจมาดมั่น
นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นคนไหนที่เข้าหาลูชิเอลได้อีกเลย
หนึ่งทนความเงียบไม่ไหว
ก็สองรู้สึกกระอักกระอ่วนกับความนิ่งเงียบจนดูน่ากลัว ต้องวิ่งหนีออกไปให้ไกล
นิโคลช่างคนพวกนั้น คุณแม่เคยบอกว่าอย่าตัดสินคนจากภายนอก ถึงอีกฝ่ายจะเงียบเป็นปูนปลาสเตอร์น่ากลัว ความจริงแล้ว ไม่เห็นจะเป็นคนแบบนั้นตรงไหนเลย
บางครั้งบางคราวเขามีโอกาสหิ้วกล่องข้าวจากที่บ้านที่ตนได้ช่วยคุณแม่ลงไม้ลงมือทำเองมาทานในมื้อกลางวัน เผื่อแผ่ยังเด็กชายด้านข้างด้วย แอบเห็นดวงตาที่ไร้แววของอีกฝ่ายเป็นประกายขึ้นมาด้วย
โถ เด็กหนอเด็ก
เหมือนว่านิโคลจะลืมว่าตัวเองเป็นเด็กไม่ต่างกัน
" ดูซิ ไอ้เด็กผิดเพศมันมีเพื่อนใหม่แล้ว"
" โฮ่ กล่องข้าวสีชมพู ข้างในมีอะไรวะ"
กล่องข้าวในมือถูกแย่งออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว ฝากล่องถูกโยนทิ้งกระแทกลงกับพื้น
" ไอ้ไข่รูปนี่ใครเป็นคนวาดวะ แกใช่มั้ย ก็แกมันผิดเพศนี่ "
เด็กคนนั้นหัวเราะร่า ถือกล่องข้าวไว้ในมือจ้องมองเสี้ยวใบหน้านิโคลที่พลันกลายเป็นเรียบสนิท ทว่านัยน์ตากับครุกกรุ่นเต็มไปด้วยอารมณ์ความโกรธที่เริ่มคลุ้มคลั่ง เขาพยายามปลอบสติตัวเองด้วยคำพูดของผู้เป็นแม่
ไอ้เด็กพวกนี้ เหมือนลืมว่าครั้งที่แล้วโดนเขาต่อยเลือดกลบปากร้องไห้ไปฟ้องแม่มานะ
ครั้งนี้คงอยากที่จะโดนอีก
ในช่วงเวลาที่ไม่มีใครกำลังจะขยับตัว นิโคลกำลังสับสนว้าวุ่นกับความต้องการระหว่างนางฟ้ากับด้านชั่วของเขาที่ตบตีกันยิ่งกว่าละครเงาแค้น มือของเขาถูกกระชับไว้ด้วยเพื่อนข้างกาย ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกขึ้นจากพื้น
" เอาคืนมา "
น้ำเสียงนิ่งเรียบแข็งกร้าวดังขึ้น ลูชิเอลดึงกล่องข้าวในมือของคนที่ยืนนิ่งอยู่กลับมาแล้วส่งคืนเพื่อนที่มองตัวเองหน้าตื่นอยู่
" เฮ้ย ไอ้เพื่อนใหม่มันปกป้องแกว่ะ ควรภูมิใจดีมั้ย ฉันผิดเพศแต่มีคนปกป้อง "
คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากัน
" ผิดเพศ? "
" เออ ก็ใช่สิ ไอ้นิโคลมันผิดเพศ ผู้ชายบ้าอะไรเล่นตุ๊กตากับพวกผู้หญิง กระเป๋าที่พกมาก็เป็นสีชมพู น่าขนลุก"
" แล้วยังไง?" ลูชิเอลเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายที่พล่ามไม่หยุดจนน้ำลายแตกฟองฟ่อด ท่าทางของเขาทำให้คนตรงหน้าชะงักกึก
" ว่าไงนะ?"
" ถามว่าแล้วยังไง? "
" แกไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องแปลกหรอวะ ผู้ชายที่ไหนทำตัวตุ้งติ้งอย่างกับผู้หญิง "
" ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย "
" หรือว่าแกก็—"
นัยน์ตาสีฟ้าครามตวัดมองคนที่กำลังชี้หน้ากล่าวหาตนจนอีกฝ่ายหุบปากฉับ ลูชิเอลกำลังรู้สึกไม่พอใจ
มาก
กับคำพูดนึกสนุกที่ไม่รู้ว่าจะไปทำร้ายจิตใจของใครต่อใครบ้าง
ทำไปด้วยวัยคึกคะนอง
หากว่าพวกเขาโตขึ้นมา ยามเมื่อย้อนกลับไปมองการกระทำของตัวเองในวัยเด็กจะรู้สึกเสียใจรึเปล่า
ใบหน้าคมที่หากเติบโตคงได้กลายเป็นหนุ่มรูปงามในอนาคตเชิดขึ้นประจันหน้ากับเด็กชายที่ตัวสูงกว่าตนอย่างไม่กลัวเกรง ดวงตาของเขาฉายแววมาดมั่น
ขอแค่มีความกล้าหาญ
กล้าที่จะพูด และ กล้าที่จะแสดงมันออกมา
" คุณอย่าเอาบรรทัดฐานหรือความคิดของคุณมาตัดสินทุกอย่างว่ามันต้องเป็นไปตามความคิดของตัวเองคนเดียว อย่าตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก อย่าตัดสินคนเพียงแค่ผิวเผิน ถึงนิโคลจะเป็นยังไงเขาก็เป็นเพื่อนของผมอยู่ดี ต่อให้เขาจะชอบเล่นตุ๊กตาก็เป็นเพื่อนของผม ชอบสีชมพูก็เป็นเพื่อนของผม จะดีหรือไม่ดียังไงก็เป็นเพื่อนของผม เขาอยากที่จะเล่นอะไรน่ารัก ผมก็จะเล่นด้วยกันกับเขา สมมติว่าอยากที่จะใส่กระโปรงผมก็จะเฝ้ามองสิ่งที่เพื่อนของผมอยากที่จะทำอย่างยินดี "
มันเป็นประโยคที่ยาวที่สุดในชีวิตของลูชิเอลเลยกระมัง เขาพูดรัวเร็ว ทำคนที่ได้ฟังทุกประโยคปลื้มปริ่มจนน้ำตาคลอรื้นที่ขอบตา
เขา นิคาซิโอ้มีเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดในโลกอยู่คนหนึ่ง
เวลาเงียบงันลงไม่นาน ริมฝีปากหยักก็เริ่มขยับเป็นคำพูดต่อไป
" ความชอบของแต่ละคนต่างกันนะครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้แบบนั้นแล้วถึงจะชอบได้หรอก ผมเห็นว่าคุณชอบเล่นฟุตบอล ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่สามารถเล่นได้หรอครับ? ใครเป็นคนออกกฎข้อห้ามมัน ใครบอกว่าเพศนั้นเพศนี้ห้ามทำ คนนั้นทำแบบนี้ไม่ได้ คนนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ ทุกคนมีอิสระเสรีในการใช้ชีวิตครับ เขาอยากที่จะทำอะไร นั่นก็เป็นการใช้ชีวิตของเขา เป็นความสุขของเขา ระหว่างที่คุณอยู่มาได้ทำลายความสุขของใครต่อใครไปแล้วบ้างล่ะครับ? "
นิโคลยังจำได้ดีถึงภาพในวันนั้น เด็กที่เคยโดนเขาต่อยหน้าแตกกำลังอ้ำอึ้งพูดไม่ออกอย่างน่าตลก โดยที่คนไล่ต้อนคือเจ้าชายน้ำแข็งที่ใช้ชีวิตเป็นรูปปั้นแทบไม่เอ่ยปากอะไรเลยซักวันหนึ่ง
อดที่จะรู้สึกประทับใจไม่น้อยเลย
ลูชิเอลเป็นคนดี
เขาเองก็อยากให้ลูชิเอลได้มีความสุข
เป็นคนที่ยิ้มได้เยอะ หัวเราะได้เสียงดังไม่แพ้ใครในโลกเลย
เขาอยากเห็นรอยยิ้มที่ซุกซ่อนอยู่ไว้ภายใต้ใบหน้านั้นเหลือเกิน
นิโคลในวัยเด็กเฝ้าภาวนาอย่างเงียบงัน
กาลเวลาไม่เคยรอท่าใคร มันล่วงเลยผ่านไปหลายปีจวบจนเขาเติบโตเป็นเด็กหนุ่มในวัยสิบสามปี รู้เรื่องรู้ราวของโลกภายนอกบ้างแล้ว นิโคลจบการศึกษามาไม่นาน ระหว่างนั้นเขาก็ยังไปมาหาสู่กับลูชิเอลอยู่จนเขารู้กันทั้งแถบแถวว่าเด็กสองคนนี้นั้นสนิทสนมกันมากขนาดไหน
วันหนึ่งเขานัดพบกับอีกฝ่ายภายใต้ต้นไม่ใหญ่ เงาร่มไม้ปิดบังปกป้องเขาจากแสงอาทิตย์อันร้อนระอุ ดวงตาสีแดงกวาดมองบนพื้นดินอุดมสมบูรณ์ ดอกไม้เล็กๆผุดพรายขึ้นมาอวดโฉมบนผิวดินอย่างงดงาม เสียงร้องจิ๊บๆของนกน้อยตัวกลมดังลอดเข้ามาในโสตราวบทเพลงรื่นเริง
ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขจริงๆ
ทว่าก็เป็นคำพูดยอดฮิตที่ความสุขมักจะคงอยู่กับเราไม่นาน
ในที่สุดลูชิเอลก็ปรากฏตัวออกมา ใบหน้าเรียบนิ่งของเขามีกระแสอารมณ์ที่ไม่สู้ดีนักอย่างยากที่จะเห็น ทันทีที่นัยน์ตาสีฟ้ากับสีแดงคนละโทนผสานกัน อีกฝ่ายก็รีบเร่งสาวเท้าเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
นิโคลยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด ก็เป็นคนที่เพิ่งมาใหม่ชิงพูดซะก่อน
"ต้องไปแล้ว"
เพียงคำพูดแสนสั้น ทว่าความหมายขอฃเขากลับเข้าใจได้อย่างดิบดี
นิโคลชะงักไปเล็กน้อย ในใจพลันปรากฎอารามว้าวุ่นที่ตีมวนอยู่ในอกจนต้องเม้มปากแน่น ความร้อนผ่าวกำลังตีรื้นขึ้นหน่วงขอบตาจนพร่าเบลอ จมูกตึงคัดแน่นขึ้นสีแดงก่ำ
" นิโคล "
อีกฝ่ายเสียงเรียกเสียงของเขาแผ่วเบา ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยอย่างคนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเขากำลังร้องไห้ ท่าทีเลิ่กลั่กน่ามองของอีกฝ่ายทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมาทั้งที่หยาดน้ำตาไหลลงอาบข้างแก้ม
" เค้าไม่ได้เสียใจลูชิเอล "
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก เอื้อมมือทั้งสองข้างบีบบ่าเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในช่วงเวลาหลายปีเอาไว้ ความทรงจำหลายอย่างราวม้วนฟิลม์ที่เปิดซ้ำฉายชัดในหัวของเขาอีกครา ตั้งแต่เริ่มแรกมาจนถึงบทสรุป
เขาไม่เคยเสียใจเลย
น้ำตาที่กำลังไหลอยู่มันเป็นเพราะความยินดีที่หลั่งล้นในอก
" เค้ายินดีที่ได้รู้จักเตง และ ยินดีกับการเดินทางครั้งต่อไปของเตงนะลูชิเอล"
ถึงจะปฎิเสธไม่ได้ว่าเขาก็เสียใจ
กระนั้น แม้น้ำตาจะไหลริน เขาก็ยังคงคลี่ยิ้ม
ขยับปากวาดรอยยิ้มที่กว้างที่สุดโชว์ฟันขาวและเขี้ยวเล็ก
ยิ้มแย้มด้วยความสุขจนนัยน์ตาโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว
อีกฝ่ายพิจมองท่าทางนั้น ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้าในที่สุด
" อืม "
การจากลาไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น
" ดีมาก " เขาผงกหัวหงึกหงักจนเส้นผมปลิวไสว ผละฝ่ามือออกมาจากลาดไหล่อีกฝ่ายเปลี่ยนมาเป็นจะหยิบกระเป๋าเป้ใบเก่าที่วางพิงต้นไม้ใหญ่ขึ้นมาแทน
" นิโคล"
ทว่าเสียงเรียกของลูชิเอลหยุดเขาซะก่อน
" ว่ายังไ—"
เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย เสี้ยววินาทีที่กำลังจะเอ่ยปากพูดจนจบประโยคก็ต้องหยุดลง หัวเราะกับตัวเองแผ่วเบาแล้วคลี่ยิ้มตอบกลับให้อีกฝ่าย
ภาพของเด็กชายเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าคราม ใบหน้าที่มักจะนิ่งเรียบ กำลังปรากฎร่องรอยยิ้มเบาบางที่แต้มอยู่บนริมฝีปาก
นั่นแหละ
เขาถึงได้บอกว่าหากลูชิเอลยิ้มขึ้นมาเมื่อไหร่มันคงจะดูดีมาก
สายลมหวีดหวิวดังขึ้นระหว่างเรา พัดพาเอาเหล่าแมกไม้เสียดสีกันเป็นเสียงปรบมือราวคำยินดี แสงอาทิตย์อัศดงหรี่แสงทอดกายลงมาบนพื้นเบาบางคล้ายกำลังเป็นอ้อมกอดที่กำลังปลอบโยนความเสียใจภายในอก
" เค้าไปทางนั้น เตงไปทางนี้ " นิ้วเรียวชี้ไปทางด้านหลัง ก่อนที่จะพลิกมาชี้ทางด้านหน้า
ทางเดียวกับที่ลูชิเอลวิ่งกระหืดกระหอบมาพบเจอเขาที่นี่ประจำ
วิ่งย้อนกลับไปในทางที่ตัวเองจากมา
" แล้วเราจะไม่หันกลับมามองกันอีก "
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก
" เข้าใจแล้ว "
อีกฝ่ายพยักหน้า
สิ้นสุดการจากลา นิโคลส่งกระเป๋าเป้ของตัวเองให้อีกฝ่าย ชิงพูดตัดหน้าคนที่ขมวดคิ้วอยู่ไขความสงสัยอย่างเด่นชัด
" กระเป๋าเป้นี่มีอาหารที่เรากับคุณแม่ช่วยทำแล้วก็มีขนมต่างๆ เรายกให้นาย เป็นของขวัญในการพบและจากลาของเราไปเลยแล้วกัน "
" ขอบคุณนะ"
" ไม่เป็นอะไรเลย เพื่อนรัก "
ขอบคุณในการเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด
ขอบคุณที่ได้พบเจอ
ขอบคุณสำหรับการจากลาเพื่อที่จะแยกย้ายกันไปเพื่อเติบโตขึ้น
" เอาล่ะ หมดแล้ว หันหลังได้แล้ว "
เขาพลิกตัวหันไปอีกทาง เช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่หันใบหน้าไปทางทุ่งหญ้ากว้างไกล เห็นเมืองที่หนาแน่นเรียงรางอยู่บนพื้นราวผังวงกต
แผ่นหลังทั้งสองประจันกัน
ห่างกันเพียงเสี้ยว
" แยกย้ายกันไปเติบโตนะ "
" อืม"
" ไปแล้วนะ "
" อืม "
" ไม่บอกลากันหน่อยหรอ? "
" อืม "
" ไม่เห็นซึ้งใจเลย! "
เขาถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ เหม่อมองไปยังท้องฟ้าที่ไกลแสนไกล เฝ้ามองก้อนเมฆที่ลอยเคลื่อนไปบนผิวสีครามอย่างเชื่องช้า
สุขสบาย
" ไว้พบกันใหม่ "
อีกฝ่ายเอ่ยขึ้น
เช่นเดียวกันกับเขาที่ยิ้ม
และตอบกลับ
" เช่นกัน ไว้พบกันใหม่ "
เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น หลังจบคำนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าสีครามดังเดิม มองก้อนเมฆก้อนเดิมที่เคลื่อนไปไกล ล่องลอยหายไปจบสุดขอบสายตา
เวลาผ่านไปซักพักหนึ่ง
สุรเสียงของธรรมชาติยังดังขึ้นราวงานเลี้ยงงานสังสรรค์ในยามรุ่งอรุณ
ริมฝีปากของเขาเม้มเข้าหากันเล็กน้อย
พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกที่กดมันไว้ภายใต้อกไม่ให้แสดงออกมาได้ตั้งนาน
" ลูชิเอล "
เขาเรียกอีกฝ่ายเบาหวิว
ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
มีเพียงสายลมที่ดังขึ้นเป็นผู้ตอบกลับแทนเท่านั้น
นิโคลแอบทำผิดคำพูดของตน
เขาหันหลังกลับไป
พบเพียงความว่างเปล่า
มีเพียงทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ถัดลงไปเป็นเมืองย่านสลัมที่เขาอาศัยอยู่ตั้งอยู่ติดกันเท่านั้น ไม่มีเงาร่างเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาอีกแล้ว
เป็นคำบอกว่าเราได้จากลากันอย่างสมบูรณ์
เขาทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น
แล้วร้องไห้ออกมาเงียบๆ
แม้จะมีความสุขในก้าวต่อไปของการเติบโต
แต่การจากลา ก็ยังสร้างความเสียใจเล็กๆที่หลั่งออกมาในรูปแบบหยาดน้ำตาสีใสจากดวงตาของเขาไม่ได้อยู่ดี
ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้เสียใจมาก
ร้องไห้เพียงชั่วครู่ก็กลับมายิ้มแย้มได้ดังเดิมทั้งที่ดวงตาแดงก่ำเช่นเดียวกับจมูก
ด้วยคำกล่าวที่ว่า เราจะพบกันอีก
เขาเชื่ออย่างนั้น
การเดินทางของเขายังไม่สิ้นสุด พบเจอกันจากลาอีกครั้งหนึ่งก็ต้องนำมาสู่อีกครั้ง ท่อนแขนของเขาโอบอุ้มก้อนน้อยในห่อผ้าขาว เสียงร้องไห้จ้าดังขึ้นพร้อมมือเล็กที่เอื้อมมาแตะข้างแก้มเขา
สัมผัสอบอุ่นเห่อร้อนบนผิว
ปลอบประโลมจิตใจที่กำลังคลุ้มคลั่งให้เบาบางลง
ดวงตาสีแดงหลุบลงมองร่างของมารดาที่นอนนิ่ง ใบหน้างดงามซูบซีดไร้เลือดฝาด แผ่นอกบางนิ่งสนิทไร้สัญญาณการขยับเข้าออกของการหายใจ
ข้างกายของเธอมีร่างของชายที่รักเธอสุดหัวใจนอนเคียงคู่อยู่
พวกเขาทั้งสองดูราวกับแค่นอนหลับไปเพียงเท่านั้น
เขาเคยได้ยินมาความรักทำให้คนสามารถทำได้ทุกอย่าง ตอนเด็กนิโคลไม่เข้าใจนัก หากความรักเอาเข้าปากไม่ได้แล้วมันจะมีความหมายอะไรกันล่ะ
จนในที่สุดเขาได้พบกับตาตัวเองวันนี้
หลังจากที่เธอได้ชีวิตน้อยมาอาศัยอยู่ในท้องร่วมหลายเดือน วันที่เจ็บท้องคลอด ยามค่ำคืน ดวงจันทร์กลมโตปรากฏโผล่พ้นขึ้นบนนภา เด็กน้อยคนนั้น หรือน้องน้อยในสายเลือดของเขาได้ลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลก
พร้อมกับการจากไปของคนสองคน
พ่อของเขาเล่าว่า— พ่อของเขาเป็นผู้วิเศษ
เขาเคยถามด้วยดวงตาแวววาว เป็นผู้วิเศษแล้วสามารถบินได้มั้ยฮะ? ล่องหนได้รึเปล่า?
อีกฝ่ายทำเพียงส่ายหน้า ส่งเสียงหัวเราะทุ้มๆในลำคอแล้วชี้ปลายนิ้วไปทางมารดาของตน
เป็นพลังวิเศษที่เมื่ออยู่ใกล้มารดาแล้วจะมีพลังมากเป็นพิเศษ
มันเป็น ความรัก
นั่นเป็นคำตอบสั้นๆของเขา
จริงๆแล้วมันเป็นเพียงแค่การใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งของกันและกัน พ่อของเขาเคยพบเจอแม่ของเขาที่ย่านค้าทาส มารดาของเขาในอดีตเป็นเพียงหญิงสาวเนื้อตัวสกปรกมอมแมมซูบซีด ความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาซื้อตัวเธอมา เมื่อได้อยู่ใกล้ก็ราวกับพบเจอบางสิ่งที่ขาดหายไป ทว่าเธออ่อนแอมาก เมื่อพบเจออากาศหนาวเหน็บในฤดูเหมันต์ ร่างของเธอสั่นระริกก่อนจะค่อยๆนิ่งสนิทลง
หญิงสาวสิ้นใจท่ามกลางคืนเหน็บหนาว
ทว่าบิดาของเขาไม่ยินยอม ตัดสินใจใช้พลังของตนเพื่อแบ่งชีวิตของตนให้อีกฝ่ายอย่างละครึ่ง
เรียกกันว่าการใช้ชีวิตร่วมกัน หากว่าทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งสิ้นใจ ฝั่งนั้นก็จะสิ้นใจตามลงไปด้วยเช่นกัน
นิโคลมองภาพทั้งสองที่จากไป มันสงบ ราบเรียบ และ ยังแฝงกรุ่นด้วยความสุขเล็กๆที่โอบล้อม
ฝ่ามือสองคู่สอดประสานกันแนบแน่นข้างกาย
บางทีอาจจะดูเป็นเรื่องใจร้ายที่พวกเขาตัดสินใจทอดทิ้งเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาบนโลกไว้เพียงคนเดียวในคืนหนาวเหน็บเช่นนี้ ไม่มีอ้อมแขนอบอุ่นที่มอบให้ ไม่มีเสียงหวานขับร้องเพลงกล่อม
แต่นิโคลเข้าใจ
เขายิ้มอย่างยินดีปรีดาในการเดินทางครั้งใหม่อีกครั้งของบิดาและมารดา
ในที่นี้มันถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
เขาโอบกอดร่างของน้องชายตนไว้ในอ้อมกอดแนบแน่น มอบความอบอุ่นเพียงเล็กน้อยที่ตนเคยได้รับให้อีกฝ่าย
ทอดสายตาเหม่อออกไปมองท้องฟ้าในยามค่ำคืน
การจากลาอีกครั้ง
แม้ปากจะบอกว่าแสนสุข
ทว่าเขาก็กลับลบล้างความเสียใจของตัวเองไม่ได้จริงๆ
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงพาดผ่านแก้ม ทัศนียภาพพร่าเบลอ
ก่อนที่จะชะงักเมื่อมือเล็กๆยกขึ้นมาแปะแก้มของเขาแล้วตีเบาๆ ให้นิโคลได้ก้มหน้าลงไปมอง ดวงตาใสแจ๋วสีเขียวต่างจากเขาจ้องมองใบหน้าของคนเป็นพี่ชาย ทันทีที่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายให้ความสนใจตนก็ส่งเสียงแอ้ๆออกมาอย่างอารมณ์ดี
เขากอบกุมมือเล็กไว้อย่างทะนุถนอม
พร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาได้ในที่สุด
การเดินทางในช่วงวัยสิบหกปีของเขากำลังเริ่มต้นขึ้น นิโคลยังอาศัยกับน้องชายอยู่ในที่เดิม เขาเป็นคนเรียกชื่อให้อีกฝ่ายว่า นิค, นิค แอมเบอร์คล้องจองกับเขา
อีกฝ่ายเติบโตมาอยู่ในช่วงวัยสองขวบ สามารถพูดได้ในบางประโยค น่าเสียดายไม่น้อยที่นิคนั้นพัฒนาการค่อนข่างจะช้ากว่าเด็กคนอื่นทั่วไปอยู่พอสมควร จากการที่เกือบจะไม่รอดออกผ่านมาจากการคลอด แต่กระนั้นก็เป็นเพราะมารดาของเขาที่ใช้ลูกฮึดแลกชีวิตตนเพื่อให้อีกฝ่ายกำเนิดออกมา ดังนั้นนิโคลจึงพยายามดูแลอีกฝ่ายให้ดีที่สุด ทำตัวเป็นพี่ชายที่ดี รวมไปถึงทั้งมารดาและบิดาให้น้องชายเพื่อไม่ให้ขาดสิ่งใดที่ต้องการ
เขาพยายามทำให้น้องชายเท่าที่จะทำได้
ในฐานะพี่ชายคนโตแล้ว
ทว่าน่าเสียดายที่ร่างกายของน้องเขาแสนอ่อนแอ
บ้านของเขามีเงินเก็บน้อยนิดหลังจากที่บิดามารดาจากไปทำให้นิโคลต้องรับงานมาทำเพื่อหาเลี้ยงตนกับน้อง แบกฟืน ผ่าฟืนหรือขนของต่างๆ อะไรที่พอทำได้ก็ทำ ให้เขาไปช่วยคุณป้าข้างบ้านขายผักหรือเป็นลูกมือทำอาหารเล็กๆในวันหยุดก็ทำ
เงินส่วนหนึ่งถูกเจียดไปซื้อผ้าห่มผืนนุ่มๆซักผืน
รอคอยการเข้าสู่ฤดูหนาว
ฤดูที่นำพาเอาหัวใจของเขาหนาวเหน็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า
" นิคครับ มาให้พี่ห่มผ้าก่อนเร็ว" เขาเอ่ยเสียงนุ่มกับน้องชายที่ทิ้งตัวนอนลงบนฟูกตัวเก่า เด็กหนุ่มจ้องมองพี่ชายตาแป๋วปล่อยให้นิโคลจับผ้าห่มบุขนเป็ดที่เพิ่งซื้อมา
เขามองอีกฝ่ายอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมที่แขวนอยู่บนราวขึ้นมาห่มตัวเองบ้าง
มันทำได้เพียงแค่นี้
เขามักได้ยินพวกคุณป้าคุณลุงที่พูดกันอยู่บ่อยๆว่าคนจนอย่างเราก็ทำได้แค่ประคับประคองชีวิตไปวันๆแบบนี้แหละ ทำงานง่กๆได้เงินน้อยหนึ่งก็หมดไปในแต่ละวันไม่เคยจะได้เก็บ
มันเป็นความจริง
ที่เขาได้แต่ยิ้มขมขื่นเล็กๆ
เขาไม่ได้เปรียบเทียบตัวเองกับคนรวย หรือชนชั้นสูงอะไรแบบนั้น เขาก็มองว่าทุกคนมีสิทธิ์ในการใช้ชีวิต ซื้อข้าวของต่างๆ ทว่าบางครั้งเขาก็อดไม่เข้าใจไม่ได้ว่าทำไมกลุ่มชนชั้นอย่างพวกเขาถึงถูกริดรอนสิทธิ์
ไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนโรงเรียนคุณภาพดีๆ อาจจะเพราว่าไม่มีเงินนั่นเป็นส่วนหนึ่ง
กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เรียนรู้
นิโคลส่ายหัวเบาๆกับตัวเอง หันหน้าไปเป่าเชิงเทียนให้เปลวอัคคีจุดเล็กๆที่มอบความสว่างนั้นดับมอดลง
เหลือเพียงแค่ไฟจากกองฟืนที่มอบความอุ่นน้อยๆต่อสู้กับความหนาวเหน็บภายนอกให้กับพวกเขาเท่านั้น
ก่อนที่เขาจะมารู้ตัวว่าตนทำผิดพลาดมากโข เขาควรจะกอดน้องชายตนไว้แน่นๆแล้วห่มผ้าอุ่นๆไปด้วยกัน น้องชายของเขาเป็นไข้หนักในวันถัดมา สีปากซีดพึมพำไม่ได้ศัพท์ทำให้เขาร้อนใจ รีบคว้าเงินเท่าที่มีอยู่ไปหาหมอเพื่อซื้อยากลับช่วยอีกฝ่าย
พยายามเท่าที่ทำได้
ป้อนยา คอยดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวต่างๆแล้วก็ไม่อาจวางใจ
ค่ำคืนกลางดึกเขากอดน้องชายไว้ในอ้อมแขนของตน กดใบหน้าขาวซีดนั้นซุกลงไปกับแผ่นอกกว้างของเขา วาดหวังเพียงอย่างเดียวว่าความอบอุ่นจะสามารถช่วยให้น้องชายของเขาหายจากความทรมาณนี้ได้
แน่นอนว่านิคหายจากความทรมาณ
หายจากความทรมาณในอายุสองขวบปีครึ่ง
เช้าวันถัดมาเขาพบว่าน้องชายของเขาหลับไหลไปอย่างยาวนาน ร่างกายแข็งทื่อนิ่งราวหุ่นกระบอก ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่มีการลืมตาตื่น อีกฝ่ายอ่อนแอมากจนไม่สามารถลืมตามีชีวิตในวันถัดมาได้อีกแล้ว ความหนาวเย็นแห่งเหมันต์ใจร้ายเหลือเกิน
เป็นอีกครั้งที่นิโคลได้พบพานกับการจากลาครั้งที่สามในเวลาติดต่อกัน
เขาถูกทิ้งอยู่เพียงตัวคนเดียวบนโลก เฝ้ามองและสร้างการเดินทางของตนเองให้ก้าวเดินไปต่อจนกว่ามันจะสิ้นสุด
นิโคลขุดหลุมฝังร่างของเด็กชายผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นน้องชายของเขาไว้ที่ข้างๆบิดรและมารดาของตน ให้หลับสนิทอย่างสบายใจอยู่ใต้ผืนดินไปด้วยกัน ริมฝีปากบางเฉียบของเขากดจูบลงบนกระหม่อมเย็นชืดของน้องชายแผ่วเบาเป็นการบอกลา
" ราตรีสวัสดิ์นะครับนิค"
ลมหายใจพวยพ่นออกมาเป็นไอสีขาวคลุ้งไปในอากาศ
หรุบสายตาลงมองพลั่วไม้ในมือ สองฝ่ามือขาวโดนปุยหิมะกัดเซาะจนผิวเนื้อแตกแดงก่ำทว่าเขากลับไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย
หรือเพราะบางทีอาจจะมีสิ่งที่เจ็บมากกว่านั้นก็ได้
พบกันน้อยนิด จากการเนิ่นนาน
หลังจากนั้นช่วงอายุวัยสิบแปดปีเขาก็ได้เงินมาจำนวนหนึ่งหลังจากเก็บหอมรอมริดสุมสร้างตัวอยู่ประมาณสองปีครึ่ง นิโคลตัดสินใจที่จะออกเดินทางออกจากที่นี่ ที่ที่เขาอยู่มาทั้งสิบแปดปี มีทั้งความทรงจำแสนเศร้าและสุขปะปนกันไป
เขาจะเดินทางเร่ร่อน รอนแรมไปตามทางเรื่อยๆ พบเจอกับสิ่งที่ตนเองไม่เคยเจอ เฝ้าหาสิ่งที่เติมเต็มความฝันของเขาได้ในซักวัน
มีชีวิตเพื่ออีกคนสามคนที่นอนหลับใหลอย่างสงบภายใต้ผืนดินอยู่
ใช้ชีวิตเพื่อพบกันอีกครากับมิตรสหายแสนรัก
และดำเนินชีวิตของตนอยู่ต่อเพื่อพานกับคนใหม่ๆมากหน้าหลายตา อุปสรรคต่างๆที่จะเข้ามาในชีวิตของเขา
ที่สำคัญต้องกับกระถางต้นไม้สีชมพูที่เขาบังเอิญเจอแล้วซื้อมาระหว่างตระเวนร่อนเร่ไปทั่ว และเหล่าน้องๆบรรดาตุ๊กตุ่นของน่ารักๆของเขาด้วย
เพิ่มเติม ::
— อายุอานามตอนนี้อยู่ที่ 19 yrs.
— เขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพนะคะ แม้จะยังมีเสี้ยวเล็กๆที่ยังเป็นเด็กด๋อยอยู่ แต่มุมมองความคิดของตัวนิโคลโตกว่าตัวมากๆ ปากบอกมองโลกในแง่ดี แต่จริงๆแล้วก็เป็นคนที่มองโลกในความจริงเอาเรื่อง
— พูดถึงลูชิเอล จริงๆแล้วเป็นแค่ตัวประกอบในเรื่องค่ะ (...) ถ้าอยากจะพูดถึงเราขออนุญาตเขียนข้อมูลน้องไว้นะคะ 'ลูชิเอล ฟรานเครย์เชียส' เป็นคุณชายตระกูลฟรานเครย์เชียสที่ตอนแรกเป็นลูกเมียน้อยทำให้ถูกส่งมาอยู่ในถิ่นทุรกันดารในย่านสลัมที่ตัวของนิโคลอยู่ค่ะ สองคนเลยได้เจอกัน รูปลักษณ์พี่แกคือคุณชายน้ำแข็งนั่งหน้าตานิ่งๆเหมือนมีอยู่สีหน้าเดียว ตาฟ้า หัวทองตามเสต็ปพระเอกโอโตเมะเกม ตายด้าน พูดน้อย เคร่งครัดกฎสุดๆ (เอาจริงๆยอมรับว่าได้คาร์มาจากหลานจ้านในปรมาจารย์ลัทธิมาร ฮุก) ปัจจุบันเป็นอัศวินผู้ทรงเกียรติอยู่
— ค่อนข้างผมยาวเลยมักจะรวบผมด้วยหนังยางอยู่บ่อยๆ มักโดนเพื่อนแกล้งด้วยการเอากิ๊บน่ารักๆมาติดเต็มหัวด้วย เป็นผู้ชายสายแบ๊วกุ๊บกิ๊บ
— รอยสักโหดจัดตอนแรกคนเห็นนึกว่ายากูซ่า ความจริงแล้วเป็นยากูซ่าสายน้อยนะครับ
— เจาะหูอยู่ข้างละสามรู
— มีตำหนิรอยแผลเป็นที่บั้นเอวซ้ายเนื่องจากเคยโดนเหล็กที่กั้นระหว่างบ้านเกี่ยวเป็นทางยาวตอนจะไปทำฟาร์มเคลียร์หน้าดินเพื่อลงพืชในบ้านเก่า
— อาหารที่แพ้คือถั่วค่ะ ทานอะไรที่ผสมถั่วไม่ได้เลย เกือบตายเพราะเคยมือบอนคว้าถั่วในชามข้าวเข้าปากกำมือหนึ่ง ตอนนั้นคือช็อคชักไปเลยจนได้พ่อมากู้ชีพถึงจะรอด เกือบไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกแล้ว
— จริงๆรู้ข้อดีของการมีหน้าดุๆแบบนี้นะ ใช้ข่มขู่คนอื่นได้ ช่วงนี้ติดนิสัยจ้องหน้าคนอื่นบ่อยๆ แอบใช้ความน่ากลัวในทางไม่ชอบเล็กๆน้อยๆแม้จะรู้สึกผิดอยู่นิดๆก็ตาม
— มักมีสมุดบันทึกการเดินทางเล่มเล็กๆไว้จดบันทึกอยู่เสมอ
— นิคาซิโอ้แปลว่าชัยชนะค่ะ ฮูเร่
พู ด คุ ย กั บ ผู้ ป ก ค ร อ ง
1. ข้อมูลทุกอย่างไรท์อาจเปลี่ยนโดยไม่บอกล่วงหน้านะคะ?
:: รับทราบค่า สามารถปรับเปลี่ยนน้องได้ตามใจชอบเลยค่ะ เรายกลูกให้ไรท์ไปแล้วก็ถือว่าทางฝั่งนั้นมีอภิสิทธิ์ทุกอย่างในตัวของลูกเราเลยค่ะ
2. เรื่องนี้จะมีคนตายยย...ถ้าผปค. ไม่คอมเม้นท์ติดตาม ออริมีสิทธิ์โดนคัดออกและตายได้ หวังว่าโอเคนะคะ?
:: รับทราบค่ะ เราจะตามติดเป็นวิญญาณตามติดเลยค่ะ เอิ้ก
3. ถ้าไรท์แต่งนิสัยออกมาไม่ตรง ก็ขอโทษด้วยน้าค้า
:: ไม่มีปัญหาเลยค่ะ สามารถเขียนมาได้ตามมุมมองของไรท์ที่มองน้องเลยนะคะ เรายินดีมองลูกของเราโลดแล่นในนิยายเรื่องนี้ในรูปแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นเลยค่ะ แค่ได้เห็นเจ้าก้อนทั้งสี่ดุ๊กดิ๊กก็พอแล้ว
4. สุดท้ายมีไรอยากถามหรือบอกไรท์มั้ยค๊า? ขอบคุณที่เข้ามาสมัครค่ะ :D
:: สำหรับน้องคนนี้ตอนที่เราปั่นออกมายังไม่ใช่น้องนิโคลค่ะ น้องเป็นเด็กที่แสบซ่ามากกว่านี้ จนจุดหนึ่งเรารู้สึกว่าปั่นไปปั่นมามันจะดูซ้ำกับคนอื่นเราก็เลยคิดเปลี่ยนรีโนเวตน้องใหม่ทั้งหมด จากเดิมทีน้องเป็นหนุ่มน้อยชื่ออเล็กซิสก็กลายมาเป็นเด็กหนุ่มที่ชื่อว่านิคาซิโอ้คนนี้จนได้ค่ะ ตอนแรกเราไม่ได้คิดว่าจะเขียนนิสัยของน้องออกมาในรูปแบบนี้เลย ตอนแรกหาชื่อหาภาพเรียบร้อยจนเผลอเลื่อนไปฟังเพลงกล่อมเด็กกับเผลอเจอภาพตุ๊กตาน่ารักๆในร้านขายของก็เลยกลายเป็นแรงบันดาลใจเล็กๆที่ส่งให้น้องเติบโตออกมาในรูปแบบนี้ค่ะ แหะ ส่วนมากมีแต่คนรว้ายๆในเรื่องเอาหมาซื่อๆไปเพิ่มสีสันในเรื่องซักตัวแล้วกันนะคะ วันๆทำแต่ฟาร์ม หมกมุ่นกับดงตุ๊กตา กระถางต้นไม้ ผ้ากันเปื้อนและผ้าห่มของตัวเอง แต่ถึงบอกว่าเป็นคนดีก็ยังมีพื้นฐานมนุษย์อย่างที่ควรจะมีนะคะ ที่ออกมาเป็นแบบนี้เพราะว่าการสั่งสอนของพ่อแม่ตั้งแต่เด็กๆน่ะค่ะ เอามาให้ยำเล่นๆค่ะ ( ? ) การจากลากับน้องเป็นของคู่ๆกัน เอิ้ก เนี่ย รู้สึกเป็นคนโรคจิตค่ะ ปั่นลูกคนดี นู่มๆมาก็อยากที่จะทำร้ายบ่อยๆ ความจริงรักน้องนะคะ เอ็นดูด้วย แต่ก็ชอบเห็นลูกร้องแอ้ๆเหมือนกัน แอแง
ความคิดเห็น