คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11 | เด็กมันร้องไห้ (100%)
-11-
“พี่พูดอะไร!”
แทฮยองยืนหลับตาแน่นเมื่อจองกุกตะคอกใส่หน้าเขาเสียงดัง
ตอนนี้นอกจากพวกพี่โฮซอกในร้าน คนอื่นๆ
ที่เดินผ่านไปมาก็เริ่มจะหันมาสนใจเขาสองคนบ้างแล้ว
อย่างที่แทฮยองเคยบอกเขาไม่ชอบทะเลาะกันต่อหน้าคนอื่น
“ก็อย่างที่ได้ยิน
แล้วขอร้องล่ะมึงกลับไปรอที่บ้านก่อน กูต้องทำงานจองกุก”
“ไม่!
ผมไม่ไปไหนจนกว่าพี่จะอธิบายให้ผมฟังว่าทำไมผมต้องกลับปูซาน
พี่โทรไปฟ้องพ่อแม่ผมเหรอ?”
“ฟ้องบ้าฟ้องบออะไรมึง
กูไม่ใช่เด็กสามขวบนะ
เรื่องที่มึงติดเกมโดดเรียนจนสอบไม่ผ่านกูไม่เคยเอาไปบอกให้ท่านหนักใจซักนิด
แต่กูสัญญากับท่านไว้ตั้งแต่ที่ไปรับมึงมาอยู่ด้วยแล้วว่าพอมึงขึ้นมหาลัยเมื่อไหร่จะให้กลับไปเรียนที่บ้านเกิด”
“งั้นพี่ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ายังไงผมต้องกลับไป...ใช่ไหม?” ท้ายประโยคมันแผ่วจนเหมือนจะตัดพ้อมากกว่าจะเป็นคำถาม
จองกุกทำตัวไม่ถูก
คำว่ากลับปูซานของแทฮยองเหมือนเป็นการไล่กันกลายๆ
แต่แทฮยองบอกว่าสัญญากับพ่อแม่ของเขาไว้ งั้นหมายความว่าตลอดสามปีที่ผ่านมาแทฮยองเก็บคำสัญญานี้ไว้กับตัวเองไม่คิดจะบอกเขาเลยสักนิด
รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องระหว่างเราถูกกำหนดเวลาไว้
ใจร้าย...แทฮยองใจร้ายจริงๆ
“มันก็ใช่
แต่กูคิดว่าถ้ามึงตั้งใจเรียนหรือทำตัวให้มันดีกว่านี้
กูอาจจะไปขอร้องกับพ่อแม่มึงให้อยู่ต่อได้” แทฮยองเลียริมฝีปากตัวเอง
เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะบอกเรื่องนี้กับจองกุกแต่ในเมื่อพูดออกไปแล้วเขาก็ต้องพูดให้จบ
“แต่ตอนนี้ทุกอย่างที่กูหวังไว้มันพังไม่เป็นท่า
กูจะไปขอร้องพวกท่านได้ไงในเมื่อตอนนี้แม้แต่บอกให้กลับบ้านมึงยังไม่ฟังกูเลย”
“ผม...ไม่กลับปูซานไม่ได้เหรอ?”
“ยิ่งอยู่กับกูมึงยิ่งเรียนแย่
กูไม่โทษมึงหรอกนะผิดที่กูเองแหละที่ปล่อยให้มึงทำตามใจตัวเองโดยไม่รู้จักปราม
เพื่ออนาคตมึงเองจองกุก เชื่อกูสักครั้งนะ...” แทฮยองเดินไปลูบหัวคนที่ตัวสูงเลยตัวเองไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
ขอบตาจองกุกแดงก่ำแต่ไม่มีเสียงสะอื้นออกมาสักแอะ
เดาว่าน้องมันก็พยายามกลั้นน้ำตาเหมือนกับเขา
เด็กน้อยเงียบลงไปแล้ว
ไม่ต่างกับลูกสิงโตที่เลิกกางเขี้ยวเล็บแล้วเดินตามเข้ามาในร้าน
พี่โฮซอกส่งสายตาเหมือนถามว่าโอเคไหมเลยพยักหน้าตอบพี่มันไป
แทฮยองสบตากับคิมซอกจินที่ยังยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ คุณเจ้าของร้านไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรปล่อยให้เขาเดินไปหยิบเค้กในตู้ออกมาใส่จานแล้วนำไปวางตรงหน้าจองกุก
น้องมันเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ ก่อนจะเริ่มตักขนมเข้าปาก
แทฮยองละสายตาจากเด็กตรงหน้าก่อนจะเริ่มกลับไปทำงานอีกครั้ง
ไม่ลืมกินยาที่พี่จินหามาให้ดักไว้ ถ้าไม่สบายขึ้นมาก็คงแย่เขาไม่อยากขาดเรียนหรืองานโดยไม่จำเป็น
บ่อยครั้งที่เขาเผลอมองแฟนตัวเองเวลาเดินผ่าน
จองกุกนั่งก้มหน้านิ่งเอาแต่ใช้ส้อมเขี่ยเศษเค้กไปมาในจาน
คงยังตกใจเรื่องต้องกลับปูซาน
อันที่จริงแล้ว...ตัวเขาเองตอนนี้ก็รู้สึกแย่ไม่ต่างกัน
แต่เพราะหน้าที่ยังค้ำคอเลยฝืนยิ้มต้อนรับลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้าน
ทั้งที่ใจจริงแทฮยองอยากลากจองกุกกลับไปบ้านและกอดน้องมันไว้ให้นานที่สุด
“กลับบ้านกันเถอะ” แทฮยองเดินไปหาจองกุกที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเขาอยากพักผ่อนแทบแย่
หันไปบอกลาพี่โฮซอกและพี่จินที่มองด้วยแววตาเป็นห่วง เขาเลยฉีกยิ้มกว้างขึ้นไปอีก “ทั้งสองคนกลับบ้านดีๆ
นะครับ”
“นายก็ด้วยกลับบ้านดีๆ นะ” พี่โฮซอกโบกมือตอบกลับมา
ทั้งสองคนออกมาจากร้านแล้วเดินตามริมฟุตปาธเพื่อไปป้ายรถบัส
แทฮยองเดินนำหน้าในขณะที่จองกุกเดินตามข้างหลัง
ดวงตากลมจ้องไปยังร่างผอมบางของคิมแทฮยอง ในหัวของจองกุกผุดคิดขึ้นมาว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขาไม่ต้องเงยหน้ามองอีกฝ่าย
และตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขาเดินตามทันแทฮยองแบบไม่ต้องก้าวเร็วๆ
จองกุกก้มมองเท้าของตัวเองที่กำลังก้าวตามคนข้างหน้าอยู่
คำตอบคงเป็นเพราะขายาวๆ ของเขา และมันหมายความว่าเขาโตขึ้นมากกว่าแต่ก่อนไม่ใช่เหรอ? ทำไมหลายคนต้องตัดสินว่าเขาเป็นแค่เด็กและต้องทำตามคำสั่งผู้ใหญ่ทุกอย่างด้วย
ตอนแรกขอให้มาอยู่ด้วยกันที่โซลแล้วตอนนี้มาบอกให้เขากลับไปปูซาน
แทฮยองเห็นเขาเป็นตัวอะไร? เคยนึกถึงความรู้สึกกันบ้างหรือเปล่า
ฝีเท้าของจองกุกผ่อนลงเรื่อยๆ
และกลายเป็นหยุดยืนนิ่งในที่สุด
“พี่”
“อะไร?” แทฮยองหยุดเดินและหันกลับมามองคนที่ยืนห่างจากตัวเองไปหลายก้าว
“เดินเร็วๆ
เถอะเดี๋ยวจะไม่ทันรถเอา”
“ถ้าผมหนีจากพี่ไปอีกครั้ง
ผมจะไม่ต้องกลับปูซานใช่ไหม?”
แทฮยองเลิกคิ้วมองคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
เขาถอนหายใจออกมาเมื่อถูกตั้งคำถาม “มึงหนีความจริงไม่ได้หรอกนะจองกุก
คิดบ้างหรือเปล่าพ่อกับแม่มึงจะรู้สึกยังไงถ้ามึงทำแบบนั้น”
“ผมอยากอยู่กับพี่
ทำไมพี่เอาแต่สั่งผมให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผมไม่ใช่ตุ๊กตานะที่พอเล่นเบื่อแล้วก็ทิ้ง”
“คิดว่ากูอยากให้มึงกลับหรือไง!” เป็นแทฮยองที่ตะคอกกลับไปเพราะถูกคำพูดของแฟนเด็กทำลายความอดกลั้นที่ทนมาหลายชั่วโมง
“เพราะมึงไม่ใช่ตุ๊กตาไงจองกุก
มึงต้องเรียนต้องโตในสภาพแวดล้อมที่ดี มึงต้องเจออะไรอีกเยอะแยะเลยจองกุก”
จองกุกขอบคุณความเงียบที่ทำให้ได้ยินเสียงหอบสะอื้นของแทฮยองอย่างชัดเจน
คนที่เอาแต่บอกให้เขารู้จักโตกำลังยืนปาดน้ำตาลวกๆ
เสียงสูดลมหายใจของแทฮยองดังไปทั่วบริเวณ เขาเดินไปหาอีกฝ่ายช้าๆ
และสวมกอดคนที่ซุกหน้าลงบนอก
ตัวของแทฮยองสั่นไปทั้งตัวจนเด็กชายต้องลูบแผ่นหลังไปมา
“แต่ผมไม่อยากไปจากพี่”
”กูอยากให้มึงอยู่กับกูไปตลอดชีวิตแต่กูรั้งมึงไว้ไม่ได้...”
เพราะบางเรื่องแทฮยองก็สอนจองกุกไม่ได้ เด็กน้อยของเขาต้องลองออกไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง มีเขาคอยทำให้ทุกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องดี เขาเชื่อว่าจองกุกจะโตขึ้นถ้าไม่มีเขา พอถึงเวลานั้นแล้วอาจเป็นจองกุกเองที่ไม่ได้เรียกร้องหาผู้ชายที่ชื่อคิมแทฮยองอีกต่อไปแล้วก็ได้
**
“ทำไมวันนี้เจ้าแทฮยองถึงกลับมาช้าจังเลย” คนเป็นน้าเดินวนไปมาเหมือนหนูติดจั่นโดยมีสายตาของเพื่อนหลานชายลอบมองเป็นระยะ
จีมินแค่จะมาดูว่าไอ้เด็กมีปัญหามันกลับบ้านมาหรือยัง
แต่ดันลืมว่าเพื่อนไปทำงานเลยต้องมานั่งเกร็งตูดอยู่กับคนตัวขาวเนี่ยแหละ
“เดี๋ยวไอ้แทก็มาแหละครับอย่าคิดมาก”
“อืม ฉันคงคิดมากไปจริงๆ แหละ” ยุนกิยอมเดินกลับมานั่งที่โซฟาแล้วเคาะโต๊ะไปมาระหว่างรอ
เกิดความเงียบระหว่างทั้งสองคน
อันที่จริงพวกเราไม่ใช่คนแปลกหน้ากันซะหน่อย
แต่ก่อนที่น้ายุนกิยังไม่ได้ไปเรียนต่อออกจะเจอกันบ่อยเวลาที่จีมินมาเล่นเกมกับแทฮยองที่บ้าน
ยิ่งพออีกฝ่ายไปอยู่เมืองนอกก็มีจีมินนี่แหละที่คอยส่งข่าวแทฮยองในแต่ละวัน
“แล้วช่วงนี้นายเป็นยังไงบ้าง
สบายดีไหม?”
“ผ-ผมเหรอครับ? ก็สบายดีครับช่วงนี้ใกล้จะจบแล้วเลยยุ่งนิดหน่อย” จีมินอึกอักตอบน้าชายของเพื่อนสนิทไป
ยอมรับว่าเขาเป็นพวกคุยจ้อในแชทแต่กับตัวจริงน่ะ กลายเป็นพวกแพนิคไปเสียแบบนั้น
“ยุ่งมากเลยเหรอ? แบบนี้ไอ้เด็กนั่นคงทำให้หลานฉันปวดหัวแย่เลยนะ” ยุนกิพูดอย่างเป็นกังวล
ฝ่ายจีมินเผลอพยักหน้าตอบเพราะแทฮยองน่ะไปงีบหลับที่มหา’ลัยออกจะบ่อย
คิดดูสิว่าคนๆ นึงต้องทำทั้งเรื่องจบไหนจะงานพาร์ทไทม์
เวลานอนแทบจะไม่มีแต่ไอ้เด็กน่าตบฟันยุบนั่นยังขยันหาเรื่องมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน
ถ้าเจอนะจีมินจะโบกให้ร่วง
“เพราะแบบนี้ผมเลยเป็นห่วงแทฮยองมันน่ะครับ
ไอ้แทมันรักแฟนมันมากแต่เด็กนั่นยังไม่รู้ตัวเลยว่าสร้างปัญหาให้ขนาดไหน”
“นายนี่น่ารักเหมือนกันนะ” จู่ๆ
คำพูดขวานผ่าซากของยุนกิก็โพล่งออกมา
จีมินที่ตอนแรกกำลังบ่นเรื่องจองกุกก็เผลอลมหายใจขาดห้วง
หยุดกึกจนคนที่เพิ่งพูดอะไรแปลกๆ ออกมารู้สึกได้ “ฉ-ฉันหมายถึงในแง่ของความเป็นเพื่อนกันน่ะ
เป็นเพื่อนที่น่ารักดี”
“อ่า...ครับ” จีมินยกมือขึ้นมาลูบท้ายทอยตัวเองแก้เก้อ
ทำไมเขาจะต้องรู้สึกเขินคนที่อายุห่างจากตัวเองเป็นสิบปีด้วย
นั่นน้าเพื่อนนะน้าเพื่อน!
แล้วหลังจากนั้นทั้งสองคนก็เงียบไปพักใหญ่ คนเป็นน้าตอนแรกที่ดูจะห่วงหลานก็กลายเป็นนั่งกอดอกใช้เท้าเคาะเป็นจังหวะ จีมินนั่งกุมมือตัวเองแอบเหลือบตามองคนอายุมากกว่าเป็นระยะ ผิวของน้ายุนกิน่ะขาวจนเรียกได้ว่าซีดและดวงตาขีดนั่นก็ดึงดูดสายตาให้จีมินลอบมองใบหน้าขาวจัดนั่นตลอดเวลาด้วย
เป็นคนแก่ที่มีเสน่ห์จริงๆ พ่อจ๋าแม่จ๋าจีมินอยากได้เขา
“กลับมาแล้วครับ”
บ้านที่ตกอยู่ในความเงียบก็พลันมีเสียงเปิดประตูผลัวะพร้อมกับแทฮยองที่เดินเข้ามา
และเด็กชายตัวสูงที่เดินตามหลังมานั่นก็เรียกสายตาจากคนในบ้านได้ในทันที
“หวัดดีครับน้ายุนกิ อ้าวพี่จีม!”
“จองกุก! ไอ้เด็กมีปัญหา” วินาทีแรกที่จีมินเห็นหน้าจองกุกเจ้าตัวก็เดินไปรัวมือฟาดเข้าที่ศีรษะกลมๆ
จนเด็กน้อยใช้มือปัดป้องเป็นพัลวันโดยที่คนอื่นๆ ไม่คิดจะห้าม
“โอ้ยๆๆ
ติดเชื้อใช้ความรุนแรงจากเพื่อนพี่มาหรือไงอ่ะ” คนถูกตีร้องถามเสียงหลงโดยมีสายตาสงสารแกมสมน้ำหน้าจากยุนกิส่งมาให้
“เด็กอย่างมึงต้องโดนไม้หน้าสามฟาดสักสองสามที” แทฮยองที่ยืนดูอยู่เอ่ยเสียงเรียบ
“ทีเดียวก็ตายแล้วไหมอ่ะ”
“ยังจะปากดีอีกนะมึง แล้วนี่กลับมาด้วยกันได้ยังไงวะไอ้แท?” จีมินหันไปถามเพื่อนรักที่ดูร่องรอยยับเยินบนใบหน้าแล้วคงจะบรรเลงน้ำตากันมาก่อนสักยกสองยก
“ถามน้องรักมึงเองสิ อยู่ดีๆ
ก็โผล่มาเป็นบ้าที่ร้าน” พยักเพยิดไปทางเด็กชายที่ยืนยิ้มแหยอย่างรู้ชะตากรรมว่าคงโดนสอบสวนอีกยาว
“สรุปคือกลับมาตายรัง
ที่มาขนของไปวันนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย อ่อนหัด” ยุนกิที่นั่งกอดอกมองอยู่นานพูดสรุปออกมา
แล้ววันนั้นจะให้เขานั่งเล่าเรื่องตัวเองเป็นแนวทางสอนไปทำขี้เกลืออะไร
เปลืองรามยอนกับไข่ที่บ้าน เสียของจริงๆ
“แล้วน้าสนับสนุนให้น้องมันหนีออกจากบ้านหรือไง
เรื่องชั่วๆ นี่ถนัดนัก”
“นี่ฉันเป็นหลานแกถูกไหม?”
“อย่าเพิ่งตีกันสิครับ
ผมอยากถามจองกุกมากกว่าว่าทำไมถึงยอมกลับมาหาไอ้แทง่ายๆ”
“ก็ผมคิดถึงแฟนผมอ่ะ”
“แค่นี้?” จีมินทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
นี่มึงหายไปเป็นเดือนนึกว่าลืมทางกลับบ้านไปแล้ว “นึกว่ารู้เรื่องนั้นแล้วรีบวิ่งแจ้นกลับมาซะอีก”
“เรื่องนั้นนี่เรื่องไหนครับ?”
จีมินหันไปส่งสายตาถามจากแทฮยองว่ายังไม่ได้บอกน้องมันอีกเหรอ
แต่ก็ถูกเจ้าเด็กตัวโตพูดขัดเสียก่อน “เรื่องกลับปูซานใช่ไหมครับ? นี่พี่จีมก็รู้เหรอ!
ทำไมผมโง่อยู่คนเดียวเลยอ่ะแทฮยอง!!”
“ไม่ต้องมองหน้ากู
กูก็อยู่ฝั่งโง่เหมือนมึงจ้า” ยุนกิรีบโบกมือปฏิเสธเมื่อเห็นแววตาเคืองของจองกุกไล่มองมาทีละคน
“ฉันก็รู้ก่อนนายไม่นานนี่แหละไม่ต้องมามอง”
“พี่จีม
พี่ช่วยพูดกับแทฮยองหน่อยสิผมไม่อยากกลับปูซาน” จองกุกที่พอเห็นลู่ทางรีบเข้าไปเกาะแขนหวังจะให้จีมินช่วย
ถ้าเป็นพี่จีมินพูดแทฮยองอาจจะยอมใจอ่อนก็ได้
“มึงไม่ต้องไปขอความช่วยเหลือชาวบ้านเขาเลย ทำตัวเองทั้งนั้น” แทฮยองเดินเข้าไปนั่งข้างน้าชายส่ายหัวไปมา ต่อให้จีมินมันคุกเข่าต่อหน้าก็จะไม่มีการเปลี่ยนใจเกิดขึ้น เขาตัดสินใจดีแล้ว การที่ให้จองกุกกลับปูซานก็เป็นผลดีกับตัวน้องมันเองทั้งนั้น
“มันกลับมาก็ดีแล้วกูจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมึง
แล้วก็จองกุกมึงฟังกูให้ดีนะ...” จีมินจับบ่าคนที่หันมาตั้งใจฟังเขาอย่างจริงจัง
ดวงตาของจองกุกดูมีประกายความหวังจนเขาต้องบีบบ่าให้แรงขึ้น “สมน้ำหน้า!
กูจะพาแทฮยองหาผัวใหม่ให้ลืมมึงไปเลยวะฮะฮ่า”
แล้วคนที่หัวเราะก็ลุกพรวดบอกลามินยุนกิกับแทฮยองและไปลืมที่จะโบกมือเจ้าเด็กฟันกระต่ายที่ยังนั่งนิ่งที่เดิม
แบบนี้แถวบ้านเรียกช็อค อึ้งกิมกี่ไปเลย
“พี่จีม!!!” จองกุกทำท่าพ่นไฟใส่คนที่ปิดประตูไปแล้ว
ส่วนน้ายุนกิที่บ่นเรื่องรามยอนให้ได้ยินแว่วๆ ก็เดินเข้าไปในห้องตัวเองทิ้งให้เขาอยู่กับแทฮยองที่นั่งเงียบไป
“ไปอาบน้ำเถอะ กูง่วงแล้ว”
“ครับ” รับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะหมุนตัวเข้าไปในห้องแต่เสียงสั่นๆ
ของแทฮยองก็ทำให้เขาอมยิ้มจนแก้มปริ
“แล้วก็อย่าไปฟังคำพูดไอ้จีมินมันเลย ยังไงพี่ก็รอเราเสมอนั่นแหละ”
**
“แทฮยอง”
เสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้นมาท่ามกลางความมืด
แทฮยองเริ่มจะเกลียดความหูดีของตัวเองก็วันนี้ จองกุกกระชับอ้อมกอดเขาแน่น
เดาว่าตอนนี้คงจะซักตีสามตีสี่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายละเมอหรืออะไร
“พี่...” เมื่อถูกเรียกย้ำอีกครั้งจึงทำให้แทฮยองต้องฝืนลืมตาขึ้นมา
“อือ...อะไร” เสียงทุ้มแตกพร่าตอบกลับเสียงแผ่ว
เขาง่วงนอนแทบแย่ จำได้ว่าพอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย
อย่างว่าคนที่ทำโปรเจ็คพร้อมกับทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วยคือลงนรกดีๆ นี่เอง
ปวดทั้งหัวปวดทั้งตัว และเขาสมควรได้รับการพักผ่อน
ไม่ใช่ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกแบบนี้
“ผมนอนไม่หลับเลย”
“แปลกที่หรือไง” อดไม่ได้ที่จะใช้น้ำเสียงประชดประชันตอกกลับไป แล้วมันใช่เรื่องไหมที่จะปลุกเขาขึ้นมาเพื่อบอกว่าตัวเองนอนไม่หลับเนี่ย
“เปล่า...ผมหยุดคิดเรื่องกลับปูซานไม่ได้เลย
พอคิดว่าจะต้องไปจากพี่...ผมกลัว” ใบหน้าของคนเป็นเด็กกว่าซุกลงกับแผ่นหลังบอบบาง
เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีกโดยไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะหายใจออกหรือไม่
ปลายจมูกโด่งจัดไล้ไปตามแนวกระดูกสันหลังของแทฮยองอย่างช้าๆ
ก่อนจะกดจูบลงไปแล้วนิ่งค้างไว้อย่างนั้น
“แค่คิดว่ากลับไปทำเพื่ออนาคตตัวเอง
พอเรียนจบแล้วจะได้อยู่ด้วยกันไง” เขาลูบหลังมือคนที่กอดตัวเองไว้แน่นเหมือนปลอบใจ
แทฮยองเข้าใจความรู้สึกจองกุกดี ใช่ว่าตัวเองจะไม่รู้สึกอะไร
“ผมรู้...” เสียงของจองกุกอู้อี้อยู่ด้านหลัง
เขานึกย้อนไปถึงช่วงที่มาอยู่กับแทฮยองได้ไม่นาน
เวลาโดนขัดใจหรือไม่ได้ดั่งใจก็มักขู่อีกฝ่ายว่าจะหนีกลับบ้านบ้าง
จะให้แม่มารับกลับบ้าง แต่พอถึงเวลาที่ต้องแยกกันจริงๆ เขากลับกลัวไปหมด “แต่ผมแค่กลัว”
“กลัวอะไร?”
“ผมกลัวว่าพี่จะลืมผม
กลัวว่าพี่จะเจอคนอื่นที่ดูแลพี่ได้แล้วพี่จะทิ้งผมไป” เสียงของจองกุกสั่นและถูกกลืนหายไปเมื่อต้องกลั้นสะอื้น
เรื่องที่กลัวที่สุดไม่ใช่เรื่องที่เราต้องแยกกันแต่เป็นกลัว’ถูกลืม’เสียมากกว่า เขายอมรับว่าตัวเองยังไม่สามารถดูแลแทฮยองได้ สามปีที่ผ่านมาเป็นแทฮยองน่ะแหละที่ดูแลอยู่ฝ่ายเดียวแล้วถ้าอีกฝ่ายมีใครที่หวังดียื่นมือมาดูแลในช่วงที่เขาไม่อยู่ล่ะ แทฮยองจะทิ้งเด็กคนนี้ไปหรือเปล่า?
ไม่มีอะไรแน่นอน กับเรื่องของความรักและความรู้สึก
วันนี้รู้สึกรักวันหน้าอาจไม่
วันนี้รู้สึกดีพออีกวันอาจจะเฉยชา
ยิ่งกับความรักที่ถูกพ่วงด้วยเรื่องของระยะทาง จองกุกไม่มีความมั่นใจเลยว่าทุกอย่างจะยังเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าแทฮยองไม่มีคนมาขายขนมจีบ ที่แน่ๆ ก็ไอ้คุณเจ้าของร้านที่ได้ใกล้ชิดกันทุกวัน ไหนจะคนอื่นๆ ที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้แฟนที่น่ารักของเขา
มีเรื่องน่ากลัวอยู่เต็มหัวจองกุกไปหมด...
เสียงสะอื้นดังไปทั่วห้องเมื่อเด็กน้อยของแทฮยองคิดไปเองแล้วเกิดเป่าปี่ขึ้นมากลางดึก
เด็กที่บอกปาวๆ ว่าตัวเองนั้นโตแล้วยึดแผ่นหลังของเขาเป็นที่ระบาย
เสื้อนอนของเขาคงยับยู่ยี่เพราะเด็กนั่นกำมันไว้แน่นเหมือนยึดเป็นที่พึ่ง
“ถ้าคิดแบบนั้น...” แทฮยองแกะมือของจองกุกออกจนเด็กน้อยหัวใจกระตุก
ก่อนความนุ่มหยุ่นและไอร้อนผ่าวของลมหายใจจะรดบนหน้าผาก
เขาเช็ดน้ำตาให้คนเด็กกว่าก่อนจะจูบซับที่ดวงตากลมอย่างแผ่วเบา “แล้วทำไมไม่รีบโตกลับมาดูแลพี่ไวๆ
ล่ะ”
“ตอนนี้ผมโตแล้วนะ” จองกุกเลื่อนใบหน้าจนสบเข้ากับดวงตาที่มีแพขนตาเรียงอย่างสวยงาม
ยกมือขึ้นมากอบกุมแก้มของอีกคนเอาไว้ ใช้นิ้วโป้งแตะลงบนริมฝีปากนิ่มเบาๆ
ก่อนจะโน้มลงไปจูบแทฮยองที่ยื่นหน้าตอบรับความอ่อนหวานในครั้งนี้ “โตกว่าที่พี่คิดเยอะเลย...”
เราจูบกันแทบนับครั้งได้
แต่เรากอดกันและบอกรักกันนับครั้งไม่ถ้วน
ส่วนมากจะเป็นจองกุกเองที่เอาแต่พร่ำบอกว่ารักแทฮยองอย่างนั้นอย่างนี้
ซึ่งคนต่อมความโรแมนติกตายด้านแบบแทฮยองจะเน้นกระทำให้รู้ว่ารักแทนคำพูดมากกว่า
อย่างเช่นตอนนี้ที่ยอมให้เด็กน้อยรุกล้ำริมฝีปากของตัวเอง
จองกุกใช้ลิ้นไล่แตะซี่ฟันของแทฮยองพออีกฝ่ายเปิดปากก็รุกด้วยลิ้นสากที่ควานหาอวัยวะเดียวกันและดูดดุนจนเกิดเสียงดังท่ามกลางห้องที่เงียบสนิท
“อืม...” แทฮยองตอบรับการปลุกเร้าของแฟนเด็ก
เขาพยายามดันตัวจองกุกไปอยู่ข้างล่างแต่กลับถูกข้อมือแข็งแรงพลิกกลับไปอยู่ใต้ร่างจองกุกเสียเอง
เด็กชายวัยกลัดมันอย่างจองกุกซุกปลายจมูกโด่งที่ข้างคอจนแทฮยองรู้สึกเสียววูบ
ฝ่ามือซุกซนลูบไล้ตามสีข้างก่อนจะเลื่อนไปแถวขอบกางเกงวอร์มที่แทฮยองใส่อยู่ช้าๆ
ในขณะที่จะรั้งมันลงมาก็ถูกฝ่ามือเรียวจับเอาไว้เสียก่อน
“ทำไม...” จองกุกกระซิบถามเสียงแหบ
เขากลืนน้ำลายลงหลายอึกเพื่อระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ก่อน
“ท่านี้มันแปลกๆ” คำตอบของแทฮยองทำให้จองกุกขมวดคิ้วแน่น
แต่แทฮยองที่รู้ตัวว่าขัดอารมณ์แฟนเด็กคิดว่าตัวเองทำถูกแล้วที่หยุดมัน
มันก็อยากทำอยู่หรอกแต่ท่านี้มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียตัวอ่ะ!
มันไม่ถูกต้อง!
เขาต้องอยู่ด้านบนสิ
ไม่ใช่นอนครางหงิงๆ เป็นลูกแมวให้เด็กมันเล้าโลมแบบนี้
“แปลกยังไง? พี่เป็นเมียผมก็ถูกแล้วไง
ต่อนะ” จองกุกว่าเสียงแข็งก่อนจะกดจูบไปยังติ่งหูแล้วลากลิ้นเลียไปตามลำคอ
พอจะดึงเสื้อแทฮยองขึ้นก็ถูกดันออกอีกครั้งจนทำให้จองกุกต้องเอื้อมมือไปเปิดไฟที่ข้างเตียงอย่างหัวเสีย
แสงสลัวที่เปิดขึ้นทำให้จองกุกเห็น...
หน้าตื่นๆ ของแทฮยอง
“เมียบ้าอะไร! นายต้องเป็นเมียพี่สิ
นายเด็กกว่าอ่ะ”
“เดี๋ยว...ตรรกะอะไรของพี่? ใครๆ
ก็ดูออกไหมว่าผมต้องอยู่บนอ่ะ พี่จีมยังบอกว่าพี่เป็นเมียเลย” เด็กชายเสยผมตัวเองอย่างคนอารมณ์เสีย
เขาน่ะเหรอจะเป็นเมียแทฮยอง
ยอมรับว่าหน้าเขาเหมือนพวกตุ้งติ้งนะแต่เกรงใจกล้ามแขนกับต้นขาเขาด้วย
“แต่พี่จะเป็นผัว!”
“แทฮยอง!
พี่จะมางี่เง่าเรื่องนี้ไม่ได้นะ”
“ว่ากูงี่เง่าเหรอไอ้เด็กนี่!”
ปึงๆๆ
เสียงทุบประตูห้องดังระรัวจนต้องหันขวับไปมองกันทั้งคู่
ไม่บอกก็รู้ว่าใครที่ยืนทำหน้าง่วงอยู่ข้างนอกนั่น
“พวกแกสองคนก็ตกลงกันก่อนที่จะเอากันสิโว้ย!!! มาเถียงเรื่องผัวเมียอะไรตอนกลางค่ำกลางคืน กูจะนอนกูง่วง ได้ยินไหม!!”
TBC.
เอาไปหอมปากหอมคอกันก่อนเนาะ
#เป็นกำลังใจให้น้ายุนกิค่ะ
ปล.ถามความเห็นของโทนสีของเล่มหน่อยค่ะ
อยากได้เป็นสีเข้มหรือสีอ่อนดีค่ะ?
ความคิดเห็น