ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC MARVEL I SPIDER-MAN #แมงมุมแพ้เหยื่อ

    ลำดับตอนที่ #8 : 07 — Party (on the bed)

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 64


     

     

     

    07.


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    วันศุกร์มาถึง

    เอกเคมีที่วุ่นวายเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็วุ่นวายยิ่งขึ้นไปใหญ่เมื่ออาจารย์ที่เคารพรักกำหนดสั่งงานแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่พอยังเร่งรัดขอให้เสร็จภายในเย็นวันนี้ 

    ฮันน่าและผองเพื่อนที่ร่วมซะตากรรมด้วยกันนั่งหลังขดหลังแข็งวิจัยงานที่ถูกมอบมายไม่มีหยุดไม่มีพัก ห้องทดลองว้าวุ่นกันตั้งแต่บ่ายยันเย็น เสียงสั่งงาน ขอสารเคมีกันจ้าละหวั่น เอกอื่นมาได้ยินเข้านึกว่าพูดภาษามนุษย์ต่างดาว ศัพท์เฉพาะถูกเรียกกันพันไปหมด หัวสมองต้องแล่นตลอดเวลา

    กว่างานจะเสร็จ เอกเคมีก็ล้มพับหมดแรง ไม่มีเค้าโครงเอกสบาย ติดเรียบร้อยเพราะใส่ชุดกาวน์ตลอดเวลา ผมเพ้าฟูฟ่อง หน้าซีดกันเป็นแถบ

    ฮันน่าเองก็เกือบเป็นหนึ่งในนั้น ถ้าเธอไม่ใช่พวกชอบคิดงานวิจัยต่างๆอยู่แล้ว ขอบคุณงานอดิเรกตัวเองที่ทำให้รอดพ้นสภาพทุลักทุเลมาได้

    “ฉันเหมือนจะตาย” เกเบรียนหมดแรง ร่างตัวโตแทบจะไถลตัวลงนอนกับพื้นถ้าไม่ติดว่ามีโต๊ะคั่นตัวไว้อยู่ เพื่อนตัวโตหน้าซีด ตาล้าเพราะสกัดสารมานานหลายชั่วโมง

    เปปเปอร์กับเมทาที่อยู่ไม่ไกลสภาพก็ไม่ต่างกันนัก

    เหมือนกับว่าเอกเคมีตอนนี้ ผู้รอดชีวิตที่อยู่ดีมีสุข ไม่เดือดร้อนอะไรจะมีเพียงแค่ฮันน่าคนเดียว

    “เหนื่อยขนาดนี้ทำเอาไม่อยากไปตี้ต่อเลย” เปปเปอร์งอแง ถึงเปปเปอร์จะไม่ได้อยู่ชมรมบาสที่ถูกชวน แต่เพื่อนคนนี้ก็สนิทชิดเชื้อกับแม่สาวเอลน่า ฮันน่าไม่เห็นว่ามันดูเดือดร้อนอะไรเลยชวนเปปเปอร์ไปด้วยและเพื่อนชายก็ตอบตกลงแบบไม่คิด เพิ่มเติมยังระริกระรี้ไปชวนเมทาด้วยอีก

    เมทาเลี่ยงไปทางหนักใจ เขาดูไม่ค่อยอยากไปเท่าไรแต่ก็เป็นห่วงว่าเปปเปอร์จะทำอะไรไม่ดีตอนเมา ตอนนี้เลยอยู่ในช่วงตัดสินใจว่าจะไปเป็นเพื่อนกับเปปเปอร์หรือว่าปฎิเสธฮันน่าไปดี

    พอได้เห็นแบบนี้แล้ว ความสัมพันธ์ของเปปเปอร์กับเมาทาก็ดูไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรติดขัด แถมยังดูท่าจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ

    เห็นเพื่อนดูมีความสุขดีฮันน่าก็ไม่อยากจะขัด แม้หลายครั้งจะรู้สึกคันยิกๆก็ตาม อารมณ์แบบหมั่นไส้ เหม็นกลิ่นความรักที่ก่อตัว อยู่ด้วยทีไรเหมือนจะเห็นออร่าสีชมพูแผ่ออกมาทุกที เดี๋ยวนี้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตลอด เห็นเมทาเมื่อไรก็เห็นเปปเปอร์อยู่ข้างๆ

    นึกว่าเพื่อนตัวเองเป็นปลิง

    เอาเถอะ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคน ฮันน่าขอไม่ยุ่งเกี่ยวแม้ว่าการกระทำของเปปเปอร์จะทำให้นึกถึงอดีตแฟนสาวของลัสโซ่ก็ตาม

    เธอเชื่อว่าเปปเปอร์จะรู้ว่าเวลาไหนควรให้พื้นที่ส่วนตัวกับเมทา— ไม่ใช่ตามติดแจจนเขาอึดอัดใจ

    “จะไม่ไปก็ได้นะ” เกเบรียนชะเง้อหน้ามองเพื่อน “ใครบางคนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเมาเหมือนหมา”

    “ใครเหมือนหมา นายนั่นแหละเหมือนหมา ยิ่งกว่าหมาซะอีก” ฮันน่าหลุดขำกับคำว่ากล่าวของเปปเปอร์ เพื่อนตัวดีแยกเขี้ยวใส่กันเหมือนหมาสองตัว ไม่นานเปปเปอร์ก็หันมาหาคนข้างตัว ออเซาะเสียงหวานจนฮันน่าอยากจะล้างหู “เค้าไม่เคยเมาเหมือนหมาเลยนะ เค้ารู้ลิมิตตัวเองตลอด”

    “มาคงมาเค้า จะอ้วก” ไม่พอเกเบรียนยังทำท่าโก่งคออ้วกให้เพื่อนดู

    เปปเปอร์หันมาถลึงตาใส่ “อิจฉาก็บอกมาเถอะ คนมันไม่มีให้อ้อน ให้ออเซาะ—สงสารว่ะ เป็นได้แค่เพื่อนอ่ะเนอะ”

    เมทาหัวเราะเสียงใสตอนที่เกเบรียนข้ามฟากไปปะทะกับคนข้างตัว เพื่อนคนอื่นที่อยู่ในห้องก็พากันขำกับการทะเลาะเบาะแว้งเป็นเด็กของผู้ชายตัวใหญ่สองคน — ที่เกเบรียนดูจะได้เปรียบเพราะสูงและมีกล้ามเนื้อมากกว่าก็ตาม

    ฮันน่ามองภาพวุ่นวายตรงหน้า ได้แต่อมยิ้มเหนื่อยใจกับเพื่อนสนิททั้งสองคน เหลือบมองผู้ชายหน้าใสที่กำลังหัวเราะไม่หยุด 

    เมทาน่ารักจริงๆ เขาเหมาะกับรอยยิ้มมากที่สุด

    หวังว่าเพื่อนเธอจะรักษารอยยิ้มนี้ไว้ไม่จางหาย

     

     

     

     

     

    “มันโคตรแย่เลยไม่ใช่เหรอ!”

    ฮันน่าเงยหน้ามองลัสโซ่ที่โวยวายไม่หยุด เพื่อนต่างคณะหน้างุ้มงอ ร่องลอยไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้า ข้างกันมีกลุ่มเพื่อนต่างคณะที่ติดห้อยสอยตามมาด้วย

    ตั้งแต่เลิกเรียนมาก็มานั่งอุดอู้อยู่ในโรงอาหารแล้วบังเอิญเจอเข้ากับเอกฟิสิกส์พอดีเลยรวมกลุ่มกัน ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ตัวเองไปมีแต่ลัสโซ่ที่ดูไม่พอใจอะไรมา

    พอถามออกไป — ไม่สิ ฮันน่าไม่ได้ถาม เธอแค่มองด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ ลัสโซ่พอหันมาสบตาเข้าก็พูดออกมาหมดเหมือนเด็กฟ้องแม่ เพื่อนตัวโตตบโต๊ะดังตึงแล้วก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เริ่มจนจบ

    พอฟังจนจบ ฮันน่าก็คิดว่ามันเสียเวลาที่มานั่งฟังเพื่อนบ่น — ลัสโซ่ก็แค่โมโหหิวกับคอนเนอร์แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

    ส่วนที่ทำให้เพื่อนหงุดหงิดใจก็เป็นเพราะร้านขายข้าวเจ้าดังดันปิดต่อหน้าต่อตาตอนจะไปซื้อแค่นั้นเอง ก็แค่ลัสโซ่และคอนเนอร์หิวมาก จะไปหาอะไรกินแต่ร้านกลับปิดต่อหน้าต่อตา

    ปิดแบบที่คนที่ซื้อไปเมื่อกี้ยังขายให้ได้ แต่ลัสโซ่และคอนเนอร์กลับขายให้ไม่ได้… เพราะของหมด

    เรื่องนี้มันก็…  ไม่รู้จะพูดยังไงให้ถูก ก็พอเข้าใจความหิวของเพื่อนทั้งคู่ ยิ่งคอนเนอร์ด้วยแล้วก็ยิ่งเหมือนถูกปฏิเสธรัก เพื่อนผิวซีดที่ชอบกินเป็นชีวิตจิตใจเลยได้แต่นั่งหน้าสลด ไม่หือไม่อือกับเพื่อนที่เหลือ นั่งหน้างุดไม่พูดไม่จา

    ปกติก็ไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว พอเจองี้ไปก็เงียบเข้าไปใหญ่ มีแต่ลัสโซ่นี่แหละที่โกรธเป็นฝืนเป็นไฟ มีแบคอัพเป็นคอนเนอร์พยักหน้าหงึกๆตามคำพูด

    พิลึกดี หมายถึงคนรอบตัวเธอเนี่ย ไม่มีคนปกติสักคน

    “เรื่องมันช่วยไม่ได้ไม่ใช่เหรอ” ฮันน่าว่าขึ้นมาบ้าง เพื่อนกลุ่มเอกฟิสิกส์ก็พูดจาปากเปียกปากแฉะไปแล้ว ตอนนี้ได้แต่ทำหน้าเอือมระอาส่งมาให้

    “แต่มันก็น่าโมโหอยู่ดีนี่!” ลัสโซ่เงยหน้ามาจากจานข้าว ปากยังเคี้ยวข้าวกรุบๆอยู่เลย โมโหหิวแต่ก็ยังห่วงกิน

    ฮันน่าถอนหายใจ มองเพื่อนที่กลับไปก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่สนคำแก้ต่าง

    จะเพลีย

    พอหันไปมองไอแซค หมอนั่นก็ยักไหล่มาให้แบบไม่รู้จะทำยังไงดี ส่งสายตาไปมองเกเบรียนก็ได้คำตอบมาแค่ว่าปล่อยมันไว้งั้นแหละ 

    เออ เห็นด้วย ปล่อยไว้งั้นแหละเดี๋ยวลัสโซ่ก็กลับมาเป็นปกติ ส่วนคอนเนอร์ เอาของกินมาล่อก็คงหายแล้วล่ะมั้งรายนี้

    ติ๊ด

    ฮันน่าก้มมองโทรศัพท์ในมือ แขทเด้งขึ้นมาเป็นอย่างแรกในแถบแจ้งเตือน 

     

    ELNA : คืนนี้สองทุ่ม ห้ามเบี้ยว ห้ามหนี ห้ามหาย

    ELNA : ตีมวันนี้คือเปรี้ยวเยี่ยวราด ใครไม่เยี่ยวหนูไม่ให้เข้าบ้านนะต๊ะ

     

    ฮันน่าอ่านข้อความนั้นก่อนที่จะเหลือบมองเพื่อนฝั่งตรงข้ามแล้วเอ่ยถามออกไป

    “คืนนี้จะไปบ้านเอลน่ารึเปล่า” ลัสโซ่เงยหน้าจากจานข้าวที่หมดเกลี้ยง เพื่อนหัวทองกระดกน้ำตัวเองจนหมด ไม่พอยังทำหน้าใสมาหยิบกระป๋องน้ำอัดลมเธอไปกินอีก — เออดี ให้มันได้อย่างนี้

    “ไปบ้านเด็กนั่นอ่ะนะ” เธอพยักหน้า ลัสโซ่เงียบไปพักนึงก่อนจะส่ายหัว “ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากเจอ”

    ฮันน่าตอบรับในลำคอ ลอบมองลัสโซ่ที่ไม่มีท่าทีร่าเริงอีกต่อไป แล้วเหมือนเพื่อนจะรู้ตัวถึงได้หันมามอง 

    “มองไรอ่ะเตง แอบมองเค้าแบบนี้คิดไม่ซื่อปะเนี่ย”

    ฮันน่าเงียบ ไม่สนใจคำพูดกวนโอ๊ยของเพื่อนเหมือนปกติมีแต่เกเบรียนที่ถลึงตาใส่อย่างหาเรื่อง แล้วลัสโซ่ก็รู้งานเหลือเกินถึงได้พูดออกมาว่า

    “โอ๊ยแซวนิดแซวหน่อยก็ไม่ได้ หวงเก่งจริงจริ๊งขนาดเป็นแค่เพื่อนนะเนี่ย— โอ๊ย! เกเบรียน แกเตะขาทำไมเนี่ย!”

    แล้วไม่นานหลังจากนั้นก็มีแต่เสียงทะเลาะของเพื่อนสนิททั้งคู่

    “เฮ้อ…” ฮันน่ากุมขมับ อยากพลางตัวหายไปจากตรงนี้ 

    เกเบรียนก็ขยันหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ลัสโซ่ก็ปากกวนโอ๊ย พอทำท่าวอร์ใส่กันก็ไม่มีใครสนใจ ขนาดเพื่อนกลุ่มเอกฟิสิกส์ยังไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว เห็นแล้วก็รู้เลยว่าเจอแนวนี้มาเยอะ

    ดูท่าลัสโซ่จะขยันหาเรื่องคนอื่นไม่แพ้เกเบรียน

     

     

     

     

    ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิท ไม่มีเมฆ ไม่มีดวงอาทิตย์ พระจันทร์ลอยเด่นโชว์สีเหลืองนวล ดวงดาวล้อมรอบส่องประกายไม่ให้คืนวันนี้มืดมนเกินไป

    เป็นคืนที่ดี วันนี้อากาศดีมาก ไม่หนาวเกินไปและไม่มืดพอที่จะทำให้มันดูน่ากลัว เอลน่าเงยมองพระจันทร์ดวงโต ก่อนที่จะหันไปสนใจงานปาร์ตี้ที่ตัวเองจัดขึ้น

    บ้านเธอไม่ได้ใหญ่นัก ก็เป็นแค่โฮมเฮ้าท์หลังน่ารักๆ ไม่กว้างและไม่แคบเกินไป  มีสวนหย่อมเล็กๆตรงหน้า  มีลานจอดรถที่พอดีสำหรับหนึ่งคันที่ไม่เคยมีรถสักคันมาเหยียบตรงนั้น แล้วก็มีสระว่ายน้ำเล็กๆไว้ว่ายเล่น ทรงกลม น่ารักปุ๊กปิ๊กเหมาะกับสาวน้อยแรกแย้มอย่างเอลน่า สกาเล็ตเป็นที่สุด

    บ้านน่ารัก เจ้าของบ้านก็น่ารัก

    ยิ่งตอนนี้บ้านหลังเล็กถูกแต่งแต้มด้วยแสงไฟสีอ่อนนวล เครื่องดื่มมากหน้าหลายยี่ห้อถูกวางจัดสรรในตัวบ้าน นอกบ้านก็มีไฟห้อยระโยงระยาง ลูกโป่งถูกวางประดับในสระว่ายน้ำทรงกลม โต๊ะเตี้ยที่เคยตั้งไว้ตรงหน้าบ้านข้างศาลพระภูมิก็ขอยืมมาตั้งขวดเหล้าข้างสระ

    อืม ลูกบอลที่วางข้างกันก็น่าเล่นนะ

    เอลน่าพนมมือขอศาลพระภูมิในบ้านแล้ว ท่านดีลโอเคแน่นอนเพราะเธอก็จัดไฟห้อยในตัวศาลด้วย ไม่พอยังเสิร์ฟไวน์ชั้นดี เหล้าดีกรีรสเลิศให้ อยากให้ท่านสนุกด้วย งานปาร์ตี้จัดที่บ้านเรามันก็ต้องสนุกให้ทั่วสิวะ

    เพลงก็เปิดคลอ ตอนแรกว่าจะเปิดเพลงตื๊ดแต่กลัวว่าเพื่อนจะฟังไม่ออกก็เลยเปลี่ยนเป็นเพลงบ้านเราแทน 

    ว่าไป เอลน่าน่ะเลิฟลี่ไทยแลนด์แดนสยาม ขนาดศาลพระภูมิยังก๊อปปี้มาไว้เป๊ะๆ อีกนิดจะเอาผ้าสามสีมาผูกให้เหมือนที่ไทยแลนด์

    ไปเที่ยวรอบเดียวติดใจยันตอนนี้ แหม พูดละคิดถึงเจ้าช้างน้อยที่นั่น ว่าแต่ผู้บ่าวคนนั้นเขาตามหาช้างตัวเองเจอยังนะ

    “เอลน่า ห้องน้ำไปทางไหน”เจ้าของบ้านหันไปมองเพื่อน แฟลชแต่งตัวมาเต็มยศ ไม่รู้ว่าแต่งมาอวดใคร สร้องทงสร้อยทองมาเต็มเห็นแล้วอยากจิ๊กไปสักเส้นแต่เห็นใจกลัวเพื่อนจะร้องห่มร้องไห้หนีกลับบ้านไปก่อน

    “ตรงนั้น มุมซ้ายเลยเพื่อน อย่าปล่อยหนักนะ” แฟลชแยกเขี้ยว ทำหน้าเหมือนจะด่าเธอ เอลน่ามองตามเพื่อนที่เดินไปตามทิศทางที่เธอบอกก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้

    “แฟลช!” เจ้าของชื่อหันมามองเนือยๆ“ห้ามทำซักโครกเลอะนะโว๊ย ถ้าเลอะนายต้องเช็ดนะ!”

    พูดจบแค่นั้นแหละแฟลชก็หน้าดำหน้าแดงตะโกนว่าเธอซะเสียงดัง เอลน่างง สงสัยจะเขินอาย ไม่เป็นไร เรื่องแบบนี้เราพูดกันได้

    ไม่นานหลังจากนั้นคนอื่นก็ทยอยเข้าบ้านมาเรื่อยๆเอลน่าเป็นคนที่ชอบสังคมอยู่แล้วเลยเข้าไปคุยเล่นได้กับทุกคน ลิซมาแล้ว เจ้าหล่อนแต่งตัวเปรี้ยวเยี่ยวราดตามตีมที่บอกไว้เป๊ะ ชุดสีแดงรัดติ๊วอวดทรวดทรงจนหนุ่มๆมองตาม

    เจองี้ก็ก้มมองของตัวเองแทบไม่ทัน — แต่ไม่เป็นไร เธอมั่นใจว่ารุ่นพี่ตัวเองต้องเปรี้ยวเยี่ยวราดจนหมาร้องเอ๋งหาทางกลับบ้านไม่เจอแน่นอน! และหนึ่งในนั้นต้องมีปีเตอร์ด้วย!

    ถึงตอนนี้เป้าหมายจะทำหน้าแดงมองตามลิซเหมือนหมามองเครื่องบินก็ตาม

    ปีเตอร์! เอ็งต้องมองฮันน่าโว้ย อย่าเพิ่งตกหลุมรักลิซเพราะเธอแซ่บได้ปะ รุ่นพี่ฮันน่าแซ่บกว่าอีก รวยด้วย!

    จับทีเดียว สบายทั้งชาติ

    นี่เธอมองการณ์ไกลให้เพื่อนเลยนะเนี่ย ประเสริฐที่สุด

    “เอลน่า!!” เจ้าของชื่อสะดุ้งตัวโหยง เสียงเรียกดังร้อยแปดแทรกเสียงเพลงมาได้สบาย ๆ คนเรียกเป็นลูกพี่ลูกน้อง - เอริค เดินตุ่มๆมาหา แว่นที่เคยสวมใส่มาตลอดถูกถอดออก โชว์ใบหน้าคมคายที่บทจะเนิร์ดก็ไม่เนิร์ด

    นิยามคำว่าฮอตเนิร์ด ขอยกให้ลูกพี่ลูกน้องที่อายุอานามมากกว่า ไม่อยากจะโม้ว่าใต้เสื้อผ้าเห่ยๆที่ใส่อยู่ทุกวันมีแพคให้ดูล่อตาล่อใจ

    เอลน่าเห็น เอลน่ารับรู้ เธอสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ใต้ร่มผ้าตอนที่เอริคลองเล่นบาสแล้วเหงื่อมันออก 

    โอ๊ย พูดแล้วก็เขิน มีของดีใกล้ตัวแต่นอนคนละบ้าน

    “มีไรอ่ะ” เอริคเหงื่อตก สีหน้าท่าทางดูตกใจเหมือนเจออะไรบางอย่าง เอลน่าพอเห็นแบบนั้นก็พอจะรู้ว่าคนเป็นพี่จะพูดเรื่องอะไร

    “ทำไมถึงมีเด็กอยู่ในห้องมุมขวา”

    “อ้อ” เอลน่าเดาไม่ผิดนักว่าเอริคหมายถึงอะไร เขาดูแตกตื่นเพราะเอลน่าเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลสกาเล็ตและเธอก็ไม่ได้พิศวาสเด็กเท่าไร

    “แล้วทำไมถึงมีของเล่นเด็กอยู่ในนั้น… เธอท้องเหรอ ทำไมเด็กคนนั้นแต่งตัวแปลกๆ…”

    เอลน่าขมวดคิ้วกับคำพูดของเอริค “ไม่ได้ท้อง ไม่เคยท้องด้วย” เธอยังหาผัวไม่ได้เลย จะมีลูกได้ไง

    “แล้วเด็กนั่น—” เอริคเงียบลงตอนที่เอลน่าหันไปสบตาตรงๆแล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรพิเศษ

    “กุมารทองอ่ะ ได้มาตอนไปเที่ยวที่ไทย น่ารักเนอะ”

    น่ารักก็บ้าแล้ว

    เอริคเถียงอยู่ในใจ เขาแทบจะเป็นลมวูบตอนที่ลูกพี่ลูกน้องพูดออกมาแต่ดูเอลน่าจะไม่สนใจเลย ร่างเล็กๆของคนที่เป็นน้องดีด๊าไปหาเพื่อนเขาที่เพิ่งเข้ามากัน

    “รุ่นพี่ชาร์ลอต์ต!” เอลน่าเหมือนเห็นความสำเร็จของเป้าหมายอยู่ตรงหน้า ทันทีที่รุ่นพี่ปรากฏตัวทุกอย่างก็เงียบลง(แน่นอน เพราะเธอเป็นคนปิดเพลง)

    แล้วรุ่นพี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง กลุ่มชมรมบาสที่มาพร้อมเพรียงกันยืนเอกเขนกอยู่หน้าประตู เดินเข้ามาเหมือนบ้านเธอเป็นรันเวย์ พูดให้ดูเว่อร์หน่อยจะได้ดูอลังการ

    ลิซที่ว่าเปรี้ยวสุดในงานพอเจอกับฮันน่าก็ชิดซ้ายกันไปเลย รุ่นพี่สาวดัดลอนปอยผม ปล่อยสยายให้ผมปรกแผ่นหลังเนียน ใบหน้าสวยดุแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสด แค่หน้าก็ว่าเปรี้ยวแล้วพอก้มมองการแต่งตัวสไตล์ของพี่แกแล้วยิ่งอยากจะเยี่ยวราดเข้าไปใหญ่

    มันเยี่ยวจังเว้ย ไอ้เดรสสายเดี่ยวสีดำที่อวดหน้าอกหน้าใจกับเรียวขาขาวๆนั่นอ่ะ โอ้ยเอลน่าอยากเป็นลม อยากได้ยาดมตราโป๊ยเซียนมาดม

    ดี ดีมาก เปรี้ยวมากพี่

    แต่งนิดแต่งหน่อยก็ควีนขนาดนี้ ใครจะกล้าหือกับแม่ได้!

    “เอลน่า” คิดว่าตัวเองเป็นหมาก็ตอนนี้นี่แหละ เอลน่าคิดว่าตัวเองคงมีหูกับหางกวัดแกว่งไปมา ยิ่งเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของฮันน่าก็ยิ่งอ่อนระทวย

    โอเค เธอมัน — ลัทธิฮันน่า แฟนคลับตัวยงแน่นอนแบบนี้

    “เหล้าอยู่ไหน” 

    “…”

    เจ๊… เจ๊จะเข้ามาแล้วถามหาเหล้าไม่ได้

    เอลน่ากระแอมไอ เดินนำเชิญชวนให้พี่ๆในชมรมเข้ามา กวาดตามองคนในชมรมก็ไม่พบคนหัวทองก็ไม่สนใจ กลับมายิ้มแย้มแป้นกับคนที่เหลือต่อ

    “มานี่ๆ” เอลน่าเชิญชวน จงใจจูงมือฮันน่าให้เดินตาม เธอตั้งใจเดินตัดหน้าปีเตอร์เลยนะ! ตาค้างยังปีเตอร์ ความฮอตของฮันน่ามันไม่มีสิ้นสุดนะจะบอกให้

    พอมาถึงโต๊ะที่ถูกเปลี่ยนเป็นโต๊ะบาร์ เอลน่าก็ย้ายตัวเองเป็นบาร์เทนเดอร์ทันที จัดการร่ายยี่ห้อเหล้าและไวน์ให้เหล่าพี่ๆฟังอย่างออกรสเหมือนเม้าท์เรื่องชาวบ้านชาวช่อง

    เหลือบสายตามองที่นั่งที่ปีเตอร์นั่งอยู่ พบว่าเพื่อนหนุ่มมองรุ่นพี่ตัวเองตาไม่กะพริบ เอลน่ายิ้มกระย่องในใจ รู้สึกใจฟู เหมือนภารกิจสำเร็จไปแล้วก้าวหนึ่ง

    เรานี่มันเก่งที่สุด!

    และก่อนหน้าที่ภารกิจทั้งหมดจะสำเร็จลุล่วง เอลน่าก็จำเป็นจะต้องกำจัดตัวปัญหาที่จะขวางทางเพื่อนออกก่อน 

    เอลน่าจัดการชงเหล้าให้พี่ๆทุกคน ถึงบางคนจะได้เหล้าแล้วปลีกตัวหายไปเข้าหาสาวๆห้องเธอก็ตาม พอถึงตาของเกเบรียน รุ่นพี่ที่พอสนิทประมาณนึง เอลน่าจัดการชงเหล้าดีกรีแรงใส่ไปมากกว่าระดับปกติ จัดการใส่ทุกอย่างที่แรงลงไป มั่นใจว่าพอพี่มันกินปุ๊บล้มปั๊บก็ค่อยเสิร์ฟ

    ทำท่าทีอย่างเป็นธรรมชาติ กับรุ่นพี่ฮันน่า เป้าหมายในคืนนี้เธอก็จัดการใส่เหล้าที่ทำให้มอมเล็กน้อย

    เอาแบบกรึ่มๆไปก่อน เดี๋ยวคนอื่นรู้หมด

    ไม่นานหลังจากนั้น พื้นที่ตรงนี้ก็ว่างเปล่า ฮันน่ากับเกเบรียนเดินไปคุยกับคนอื่นแล้ว ให้เอลน่ายิ้มกระย่องมองตามหลัง

    ทุกอย่างจะตามแผนเธอแน่นอนถ้าปีเตอร์ใจกล้าสักหน่อย

     

     

    แล้ว ทำ ไม ไอ้ พี่ เก เบรียน ถึง ไม่ น็อค !

    เอลน่ามองตามทุกฝีก้าว มองทุกการกระทำ เธอเห็นว่าเกเบรียนกินเหล้าที่ชงให้จนหมดแล้ว แต่อีพี่มันไม่เป็นอะไรเลย ไม่ เป็น อะ ไร เลย สัก นิด!

    รู้ว่าคอแข็ง แต่อย่าคอแข็งเกินไปได้ไหม!

    ไม่ได้ละ งานนี้ต้องจัดสักหน่อย แผนเธอต้องปังดิวะ แค่จะให้ปีเตอร์มันส่งพี่แกกลับบ้านจะยากอะไรขนาดนั้น เผื่อพี่แกจะเห็นถึงความน่ารักเหมือนลูกหมาของปีเตอร์มันบ้าง

    เอลน่าชงเหล้าอีกครั้ง เธอใส่ส่วนผสมที่แรงกว่าครั้งที่แล้วก่อนที่จะกวักมือเรียกเพื่อนในห้องมาคนนึง สำรวจว่าเพื่อนแซ่บหน่อยก็ยกแก้วเหล้าให้ พยักพเยินไปทางเป้าหมาย

    “เอาไปให้พี่เกเบรียนหน่อย ไม่ต้องบอกนะว่าฉันเป็นคนชง”

    “แล้วทำไมไม่เอาไปให้เองล่ะ” เพื่อนเธอขมวดคิ้ว เอลน่าเลยขมวดกลับแบบไม่ยอมแพ้ อ้างเหตุผลที่เอาเพื่อนหน้าหงาย

    “เอ๊ะนังนี่ อุตส่าห์หาโอกาสให้ใกล้ชิดกับคนที่ชอบละยังไม่เอาอีก”

    แล้วหล่อนก็ทำหน้าเนียมอาย เดินบิดตัวไปหาเกเบรียนที่ยืนคุยไม่ห่างจากฮันน่าไปไม่เท่าไร เอลน่าถอนหายใจ ไม่รู้ว่าควรเหนื่อยใจอะไรก่อนดี

    “นี่ปีเตอร์” เจ้าตัวสะดุ้งโหยง เอลน่าแค่ทักแต่เพื่อนดันเล่นใหญ่เหมือนเธอไปจ๊ะเอ๋อยู่ข้างหลัง ทั้งที่เจ้าตัวอยู่ห่างไม่น้อย

    “อะ… อะไร” จะรอดไหมเนี่ยสภาพแบบนี้

    เอลน่าสำรวจเพื่อนตัวเอง ปีเตอร์อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตกับกางเกงยีนส์ขาดเข่า เออ มันก็ดูดีอ่ะ แต่มันก็… เห่ย ยื่งถ้าปีเตอร์ใส่แว่นสักหน่อย เอลน่าคิดว่าเพื่อนตัวเองคือเอริค

    “ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันฝากรุ่นพี่ชาร์ลอต์ตกับนายได้ไหม”

    ปีเตอร์ทำหน้างง “ทำไมอ่ะ รุ่นพี่เขาก็มีเพื่อนนี่”

    “เดี๋ยวรุ่นพี่เกเบรียนก็เมาละปะนาย พี่แกกินเหล้าเยอะจะตาย” เอลน่าบอกปัด เท้าคางกับโต๊ะ “ก็ถ้าพี่เขาเมาหนักจนกลับไม่ไหว นายก็ช่วยพารุ่นพี่ชาร์ลอต์ตกลับไม่ได้เหรอ”

    เธอเห็นสายตาสับสนจากปีเตอร์ เพื่อนตรงหน้าอ้ำอึ้ง จะคิดอะไรเยอะแยะวะปีเตอร์ ใจรู้นะว่าอยากเข้าไปคุยกับพี่เขาอ่ะ แต่ใจแกกากอ่ะเพื่อน

    “ไม่ได้เหรอ…” เธอถามเสียงแผ่ว แสร้งทำหน้าสงสาร “ฉันไม่อยากให้รุ่นพี่ชาร์ลอต์ตกลับบ้านคนเดียว  มันอันตราย… นายไม่เห็นด้วยกับฉันเหรอปีเตอร์?”

    “เอ่อ… ก็ได้” เอลน่ายิ้มกริ่ม ยกนิ้วโป้งให้เพื่อนที่เพื่อนไม่เห็น พอปีเตอร์รับปากไปแล้วก็ไม่เหลือหน้าที่ให้เธอทำอีก

    เอลน่าชะเง้อคอมองที่ฮันน่ายืนอยู่ ไม่ต่างจากที่คิดสาวเอกเคมียังนั่งคุยกับเพื่อนที่ชมรม ข้างกันมีเกเบรียนที่คล้ายจะหมดสภาพล่อมล่อ

    มีแก้วเหล้าที่เธอเป็นคนชงอยู่ในมือ

    เออให้มันได้เรื่องหน่อย ไม่เสียแรงที่ซื้อมาแพง

     

     

     

    ปาร์ตี้ยังดำเนินต่อไป เพิ่มเติมคือเกเบรียนหมดสภาพแล้ว เอลน่าที่จัดการตัวปัญหาเสร็จเรียบร้อยก็ไม่สนใจอะไร ไม่เข้าไปปาร์ตี้เม้าท์มอยกับเพื่อนแต่เลือกเดินเข้าครัวแล้วถือครกกับสากมา

    ตำส้มตำ

    โครก ตึง โครก! 

    เป็นไง ตำเป็นจังหวะตามเพลงที่เปิดกระหึ่มทั่วบ้านด้วย พอมานั่งตำแบบนี้ก็อยากจะฟังเพลงไทยมันส์ๆ เสียดายลำโพงทั้งหมดอยู่หน้าบ้าน เธอเลยไม่ได้เปิดเพลงหมอลำตำส้มตำอย่างที่สมใจไว้

    เอลน่านั่งชันขา รวบกระโปรงไว้ไม่ให้มันเปิดเลยเถิด พอหาที่นั่งสบายตัวก็เริ่มตำส้มตำ ใส่มะละกอ บีบมะนาว ใส่ปลาร้า

    ครบครันในครกเดียว

    ปาร์ตี้ทั้งทีจะขาดของแซ่บไปได้ไง

    ว่าละขอจ้วงกินสักคำ

    “ซี๊ด” เอลน่าสูดปาก ความแซ่บไหลลงคอ ราชาติติดอยู่ที่ริมฝีปากที่แต่งแต้มด้วยลิปสติก ผมที่ถูกรวบขึ้นเป็นก้อนกลมบนหัวปล่อยปอยผมมาคละเคล้าใบหน้าสวย

    แซ่บอีหลี เพิ่มพริกสักหน่อยจะได้แซ่บกว่านี้

    กึก… กึก

    นั่งตำส้มตำสลับจ้วงกินในครกไม่เท่าไรก็ได้ยินเสียงดักกึกก้องเหมือนมีคนเดินอยู่ในห้อง เอลน่าเงยหน้ามองต้นตอเสียง พอเห็นว่าเป็นคนที่คุ้นเคยดีก็จ้วงส้มตำกินต่อหน้า

    “เอาปะ แต่เผ็ดนิดหน่อยนะ รับรองว่าแซ่บนัว” เอลน่าบอกเด็กที่รับเลี้ยงไว้จากที่ไทยแลนด์แดนสยาม น้องน้อยเด็กผู้ชายยืนกอดอกจับจ้อง ใส่โจงกระเบนสีแดงแต่บนตัวมีเสื้อกั๊กหนังสีดำสนิทอย่างแนว บนหัวมีหมวกแก๊ปตามเทรนวัยรุ่น

    กุมารทองสมัยใหม่ ต้องตามเทรนกันหน่อย ตอนรับมาแรกๆก็สงสัยทำไมใส่แค่กางเกง บ้านเธออากาศค่อนข้างเย็นกว่าเมืองไทย เลยจัดการซื้อเสื้อผ้าให้

    แถมเจ้าตัวก็ชอบซะเหลือเกิน เทรนวัยรุ่นมันต้องตามกันหน่อย เด็กจะได้เติบโตมาแบบมีคุณภาพ

    “อยากกินอ่ะ แต่อยากกินสเต็กมากกว่า”

    เอ๊ะ ไอ้นี่ ติดหรูนะเราอ่ะ

    “อยากกินชานม เอาด้วยปะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อมาให้จะได้เอาไปให้เจ้าที่ด้วย” เอลน่านึกอยากกินชาไข่มุกขึ้นมาเลยเอ่ยชวนเด็กแก้มกลม น้องน้อยขมวดคิ้วทำหน้านึกคิด คิดไปก็เท่านั้นสุดท้ายเด็กมันก็กินอยู่ดี

    “เอากะด๊ะ แต่เจ้าที่จะตื่นมากินไหมอ่ะ กลัวจะละลายก่อนอ่ะ” เอลน่าจะถามว่าทำไมแต่น้องก็ตอบมาก่อน “เมื่อกี้จะไปเล่นกะเจ้าที่แต่เจ้าที่เมาแอ๋ไปละอ่ะ เอาแต่บอกว่าเริ่ดๆ เชิดๆอยู่นั่นแหละ งง”

    อ๋อ สงสัยเหล้าแรงไป

    เด็กใส่โจงกระเบนแดงสะกิดเสื้อ เองน่าเงยหน้าจากส้มตำที่อยู่ในครก มองน้องน้อยแก้มกลมที่ทำหน้าขึงขังจริงจัง

    “เจ้าที่บอกมาด้วยว่าคราวหลังให้เปิดเพลงหมอรำ คูมตาเขาบอกอยากฟังจี่หอยของพิ้เอกโลโซด้วยอ่ะ”

    “เดี๋ยวเปิดให้ฟังวันหลัง ตอนนี้เพื่อนอยู่เขาน่าจะฟังไม่ออกอ่ะ เดี๋ยวเราค่อยตี้เล็กๆกันที่บ้านนะ”

    เด็กมันทำหน้ามุ่ย “อยากฟังเพลงของจัสตินด้วยอ่ะ เปิดด้วยไม่ได้เหรอ อยากจะแดนซ์ออกสเต็ป” แล้วเด็กมันก็ออกลีลาเต้นออกสเต็ปให้ดูเป็นขวัญตา เอลน่าขำออกมาดังลั่น

    เออเฮ้ย อยากเอาลงคอร์สเรียนเต้นเลย น่าจะรุ่ง

    “อยากเป็นแบบพี่เขาเหรอ” จัสตินน้อยพยักหน้าหงึกหงัก น้องมันชื่อจัสติน ใช่ จัสตินที่มาจากจัสติน บีเบอร์ ตอนแรกจะตั้งชื่อว่าสมชาติน้องมันส่ายหน้าหวืด พอเปิดไปเจอช่องเพลงของจัสตินเด็กมันก็บอกจะเอาชื่อนี้

    นับจากนั้นมา เด็กมันก็โกอินเตอร์ เป็นบอยแบรนด์ อีกนิดก็ทำทรงผมตามแล้วแต่ติดว่ามันมีอยู่กระจุกเดียว

    ไอ้เราก็เป็นมัมหมี เห็นเด็กมันทำหน้างุ้มที่ทำทรงผมตามให้ไม่ได้เลยซื้อวิกมาให้ เผื่อจะได้เป็นบอยแบรนด์ตามใจหวัง สรุปมันใส่ เปลี่ยนทรงทุกวัน วันนี้เป็นทรงเปิดหน้าผาก ใส่หมวกกลับหลัง เท่จัดไม่มีใครเกิน

    คนเป็นแม่มันภูมิใจ ลูกเรามันเก่งไม่มีใครเกิน

    “เดะเปิดให้ฟัง รอพวกนี้กลับก่อน ออกสเต็ปเต็มที่เลยลูกแม่” เอลน่าสนับสนุนเต็มที่ 

    การอยู่บ้านคนเดียวมันไม่เหงาอีกต่อไป เมื่อมีคน เอ่อ ไม่ใช่คน… มาอยู่เป็นเพื่อนแล้วคอยเพิ่มสีสันในชีวิต

    เธอเลยไม่ใช่พวกคิดอะไรมากความ

    จัสตินร้องเย้ กระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่น ก่อนที่จะมานอนกลิ้งอยู่ข้างกันเพราะไม่มีอะไรทำ

    เอลน่ามองน้องมันอย่างเอ็นดู ลูบพุงกลมๆที่โผล่มาจากเสื้อกั๊ก

    แล้วเด็กมันก็ขยับยุกยิก หัวเราะเอิ้กอ้ากเพราะเส้นตื้น

    “เอลน่า” 

    ทำไมวันนี้มันมีคนเรียกเธอเยอะจัง

    เอลน่าละจากพุงกลมๆมามองคนที่เรียก เป็นเอ็มเจสาวผิวสีที่โผล่หน้ามาในห้องครัว เพื่อนสาวขมวดคิ้ว

    “เมื่อกี้คุยกับใครอ่ะ” เอลน่ามองจัสตินที่นั่งตาแป๋ว คนอื่นมักมองไม่เห็นน้อง เป็นเรื่องปกติของเรื่องนี้ แต่บางครั้งก็มีคนเห็นเอาแบบดื้อๆ อย่างเอริควันนี้ น่าจะเป็นเพราะลูกพี่ลูกน้องตัวดีเผลอเข้าไปยังห้องของจัสติน

    อ่าฮะ เธอเปิดห้องให้กุมารทองอยู่ 

    ก็เราต้องมีพื้นที่ส่วนตัวให้คนอื่นบ้างสิ

    “ก็ไม่มีนะ” เธอว่า จ้วงกินส้มตำที่เริ่มเป็นม่ายขึ้นมากิน เอ็มเจย่นจมูก ปัดอากาศตรงหน้า

    “กลิ่นอะไรเนี่ย เหม็นมาก”

    “ปลาร้า แซ่บมาก ลองกินดู” เอ็มเจส่ายหน้าหวือ เอลน่าทำหน้าเหมือนเจอคนที่ไม่รู้จักคุณค่าของส้มตำฝีมือเธอ

    “แล้วมีไรอ่ะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”

    เพื่อนผิวสีส่ายหน้า “เปล่าอ่ะ” เธอร้องอ้าว ถ้าไม่มีอะไรจะมาขัดความสุขในการจ้วงส้มตำของเธอทำไม 

    เอ็มจีพยักพเยินไปข้างนอก “มีคนมาหา ไม่รู้เป็นใคร บอกให้เข้ามาแล้วแต่ไม่ยอมเข้ามา”

    เอลน่าที่ได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว คนที่เธอเชิญมาก็มาครบแล้ว ไม่มีใครที่เชิญมาอีกแล้วด้วย เธออยากเกาหัวด้วยความงงแต่ติดที่ว่ามือยังเลอะปลาร้าที่จ้วงกินไปก่อนหน้านี้อยู่

    เหมือนเอ็มเจจะเห็นถึงความสงสัยผ่านทางสีหน้าของเพื่อนจนหมดเลยรีบเสริมลักษณะมาให้

    “เป็นผู้ชายอ่ะ ดูมีอายุหน่อย น่าจะไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนเรา— ผมทอง หล่ออยู่นะแล้วก็กล้าม—…”

    เอ็มเจพูดยังไม่ทันจบ เอลน่าก็รีบลุกขึ้นเต็มความสูงทันทีจนจัสตินที่นั่งอยู่ข้างๆกลิ้งตกลงไปจากเก้าอี้ตัวยาว

    “ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้!” เอ็มเจหน้าเหวอ งงว่าตัวเองทำอะไรผิด เอลน่ารีบร้อนออกไปข้างนอกแล้ว เชื่อว่าตอนนี้เธอคงหูตั้งหางกระดิกจนออกนอกหน้า ไม่สนใจคำทักทายของเพื่อนที่เดินมาทักด้วย

    สิ่งเดียวที่เอลน่าสนใจมีแต่คนที่ยืนกอดอกอยู่หน้ารั้วบ้าน 

    ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อที่ไม่ได้เจอนาน หางก็กระดิกรัวเร็วเหมือนเจอเจ้าของ เอลน่าวิ่งไปหาเพื่อนบ้านที่โผล่หน้ามาทีก็ชาตินึง

    “สตีฟ!” เจ้าของชื่อหันมามอง ทันเห็นลูกหมาในร่างเด็กสาววิ่งมาหาตัวเอง เธอยิ้มกว้าง 

    “ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ เข้าไปข้างในก็ได้ เพื่อนหนูไม่กัดคุณหรอก เรากำลังปาร์ตี้กันอยู่! นี่ หนูกำลังตำส้มตำด้วย เผื่อคุณอยากกิน”

    สตีฟ โรเจอร์ยกมือเบรกอาการพูดจ้อของเด็กสาว

    “ผมไม่ได้มาปาร์ตี้ แล้วผมก็จะไม่เข้าบ้านคุณด้วย” เอลน่าร้องอ้าว หูลู่หางตก ชายหนุ่มขมวดคิ้ว สำรวจมองขึ้นลงเด็กตรงหน้า

    “ทำไมแต่งตัวแบบนี้”

    เอลน่าก้มมองตัวเอง กับเพื่อนคนอื่นเธอแต่งตัวเปรี้ยวน้อยสุดเพราะใส่แค่เดรสสายเดี่ยวสีขาวมีลูกไม้บางระบายตามขอบกระโปรง

    “ก็ปาร์ตี้” เธอว่า ไม่เห็นถึงความผิดปกติของตัวเอง แต่คนเป็นผู้ใหญ่กลับขมวดคิ้วหนัก

    “มีผู้ชายอยู่แต่คุณก็ยังแต่งตัวแบบนี้ ไม่ระวังตัวหน่อยเหรอ” สตีฟเข้าถึงบทบาทคุณพ่อ เอลน่างงอยู่ๆก็โดนเทศน์เอาซะเฉยๆ จะเถียงก็ถูกชี้หน้าให้เงียบแล้วฟังที่สตีฟร่ายยาว

    จนสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรนอกจากเห็นเด็กสาวยืนตาแป๋ว ไม่มีท่าทางความสำนึกผิด สตีฟ โรเจอร์ถอนหายใจเฮือกคล้ายคนเหนื่อยใจ

    “ผมจะนอน คุณช่วยปิดเพลงหน่อย มันรบกวน”

    เอลน่าก้มมองนาฬิกาข้อมือ “นี่คุณจะบ้าเหรอ นี่เพิ่งห้าทุ่ม!” แล้วก็เพิ่งห้าทุ่มแบบที่ผ่านมาสามนาทีด้วย 

    สตีฟเท้าเอว “ผมเพิ่งทำงานเสร็จมาเหนื่อยๆ ต้องการพักผ่อน คุณจะรบกวนผมเหรอ”

    ไม่ใช่ประโยคคำถามแต่เป็นประโยคคล้ายคำสั่งเสียมากกว่า

    เอลน่ากอดอก งานปาร์ตี้เธอยังไม่จบ แล้วเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าสตีฟจะกลับบ้านเอาวันนี้ เห็นปกติโผล่มาทีก็เดือนละครั้งบ้างล่ะ อยู่บ้านไม่เคยติดกันสักอาทิตย์

    สตีฟที่เห็นเด็กดื้อท่าทางไม่ยอมลูกเดียวก็งัดเอาท่าทางที่คิดว่าเด็กมันต้องแพ้ออกมา

    “เอลน่า… ผมต้องการพักผ่อนครับ ช่วยหยุดก่อนจะได้ไหม” เขาพูดเสียงอ่อนลง คร่อมตัวมองเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าเขามากโข เอลน่านิ่งเงียบ ใบหน้าสวยเงยมองชายหนุ่มที่จงใจก้มมองเหมือนเธอเป็นเด็กตัวเล็กตัวน้อย

    สตีฟเห็นแววตาดื้อดึงในดวงตาใส ก่อนที่จะผุดรอยยิ้มที่ทำให้เด็กสาวเม้มปากแน่นแล้วสะบัดหน้าหนี

    “นะครับ”

    “ได้! ได้เลยสตีฟ! เห็นว่าคุณหล่อหรอกนะถึงได้ยอม! ครั้งหน้าไม่มีแบบนี้แน่!” เอลน่ากระแทกเสียง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปหาเพื่อนๆที่กำลังโลดแล่นกันอยู่

    สตีฟมองเด็กสาว ทันเห็นใบหูแดงๆที่รอดพ้นจากเรือนผมสีทองสว่าง คนเป็นผู้ใหญ่ยิ้มอย่างพอใจ

    เด็กดื้อเอ๊ย

     

     

     

     

     

    ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้

    ฮันน่ากำลังทาลิปสติกสีแดงเข้าที่ริมฝีปากได้รูป มองหน้าตัวเองว่าเรียบร้อยดีไหมก่อนที่จะเงยหน้ามองเพื่อนชมรมบาสที่ยังมากับไม่ครบ

    เรานัดรวมตัวกันก่อนที่จะไปบ้านเอลน่า เอริคนำไปก่อนแล้วเพราะกลัวว่าน้องตัวเองจะจัดอะไรไม่เข้าท่า ฮันน่าไม่ได้สงสัยอะไร เลยปล่อยไปแบบไม่ได้ถามอะไรสักคำ

    เกเบรียนมาถึงแล้ว เพื่อนสนิทไม่ได้แต่งตัวอะไรมากมาย ก็แค่แต่งตามปกติ เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์และแจ็กเกตตัวเก่ง

    ผู้ชายไม่ได้แต่งเยอะเท่าผู้หญิง ฮันน่าเองก็อยากแต่งตัวตามปกติแต่ติดที่ว่าเอลน่ากำซับมาหนักหนาว่าให้แต่งตัวเข้าตีมงาน เธอเลยเลี่ยงไม่ได้แม้จะไม่เข้าใจจุดประสงค์ก็ตาม

    คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก

    “นั่นอะไร” ฮันน่าขมวดคิ้ว ที่เห็นเพื่อนเข็นวีแชร์มาแล้วคนที่นั่งอยู่ไม่ใช่คนอื่นไกลแต่เป็นบราวน์ รองกัปตันทีม

    ฮันน่ามองสภาพเพื่อน ขายังเข้าเฝือกอยู่ แต่ล่าสุดที่เจอ ฮันน่าจำได้ว่าเพื่อนเดินได้คล่องแม้ว่าขาจะยังถูกพันธาการ จริงๆบราวน์ไม่ได้เจ็บนักถึงขั้นนั่งวีแชร์เลยด้วยซ้ำ

    รองกัปตันทีมทำหน้าเหมือนสิ่งที่ทำอยู่ประเสริฐที่สุด “ฉันแค่ขี้เกียจเดิน เป็นไง ความคิดสร้างสรรค์มั้ยล่ะ”

    “ไม่เลยสักนิด” เธอตอบแบบไม่คิด ใช้ไม้พยุงตามเดิมไม่ดูสะดวกกว่าเหรอ บราวน์ทำหน้ายุ่งกับคำตอบที่ได้รับ กวักมือเรียกปาร์คยิกๆ

    “มาเข็นให้หน่อย เดี๋ยวให้ยี่สิบ”

    “เห็นฉันซื้อได้ด้วยเงินเหรอ” ทั้งที่พูดแบบนั้นแต่ปาร์คกลับเดินตรงไปหาบราวน์และทำหน้าที่เข็นวีแชร์ให้ บราวน์กางแขนออกทั้งสองข้าง ทำตัวเหมือนเป็นพระราชา

    “นี่แหละ ชีวิตที่ฝันหา”

    ฮันน่าส่ายหัว เหนื่อยระอากับเพื่อนที่โตแต่ตัว ไม่นานคนอื่นก็ทยอยกันมา ฮันน่าทักทายเพื่อนที่เข้ามาทัก ก่อนที่จะรวมตัวไปที่บ้านของเด็กรุ่นน้อง

    รถโดยสารที่พาเราไปถึงที่หมายคือรถของหนึ่งในชมรมบาส จำได้ว่าอยู่เอกฟิสิกส์ แต่เธอจำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไร เคยคุยกันแบบผ่านๆแค่สองสามครั้ง ไม่ได้สนิทชิดเชื้อเหมือนพวกบราวน์

    “ไอ้ลัสโซ่ไม่ได้มาด้วยเหรอ”

    “อืม มันบอกจะตีป้อม” 

    เป็นเกเบรียนที่ตอบคำถามของเพื่อนในทีม ฮันน่านั่งอยู่เบาะหน้า ไม่ต้องเบียดเสียดกับใคร มีแจ็กเกตของเพื่อนคลุมต้นขาขาวอย่างรู้หน้าที่ และเกเบรียนก็รับหน้าที่เป็นโซเฟอร์อยู่ทุกครั้งไป

    “อะไรวะ แทนที่จะมากินเหล้า ตีป้อมมันตีตอนไหนก็ได้แต่แดกเหล้าฟรีมันไม่มีโอกาสครั้งที่สองนะเว้ย”

    เพื่อนคนนั้นโวยวาย มีเพียงฮันน่ากับเกเบรียนที่นั่งเงียบ พอรู้เหตุผลของเพื่อนที่ไม่มา เปปเปอร์ที่ชวนไว้ สรุปก็ไม่ได้มาเพราะอยากอยู่กับเมทามากกว่า

    “ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอเด็กนั่นเหรอวะ — ชื่อไรนะ ที่เป็นน้องเอริค”

    คราวนี้เป็นปาร์คที่ออกความเห็น ฮันน่าเหล่มองหน้าเพื่อนแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป 

    เรื่องสองคนนั้นค่อนข้างดังอยู่พอสมควร เอลน่าไม่ใช่คนที่ไม่มีใครรู้จัก เด็กสาวค่อนข้างดังเพราะเป็นคนยิ้มง่ายและเฟรลลี่ ลัสโซ่ก็เองก็ดังเพราะชอบพูดจาหยอกล้อเพื่อนไปทั่ว

    แต่ก็นะ เรื่องแบบนี้มันพูดยาก ยิ่งเกิดขึ้นในช่วงไม่ดีอีก

    “อ๋อ— เออน่าจะใช่เพราะ… เฮ้อ เสียดายว่ะ” แล้วบทสนทนาก็จบเพียบแค่นั้น ในรถมีแต่ความเงียบ เกเบรียนที่เห็นว่ามันเหงาหูเกินไปก็เอือมมือไปกดเล่นเพลงให้เพื่อนฟัง

    เสียงเพลงคลอเบาๆ ทำลายความเงียบที่ไม่มีใครพูดคุยกันสักคำ เราอยู่แบบนั้นจนถึงที่หมาย 

    บ้านหลังเล็กน่ารักถูกแต่งแต้มด้วยแสงไฟสีนวล มีเสียงเพลงดังคลอออกมาจากตัวบ้าน สิ่งที่เด่นที่สุดคือบ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ข้างหน้า — เอลน่าเคยบอกว่ามันคือบ้านของเจ้าที่เจ้าทาง ที่เรียกกันว่าศาลพระภูมิ

    เธอก็พอรู้รสนิยมของน้องมันอยู่ 

    พอก้าวขาเข้าไปในบ้านไม่นาน เจ้าของบ้านก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับเรียกชื่อกันดังลั่น ฮันน่ามองน้องที่แต่งตัวค่อนข้างออกไปทางน่ารัก สีขาวทั้งตัว แม้เนื้อผ้าจะบางแต่ก็ปกปิดสิ่งที่ควรปกปิด

    เอลน่าเกล้าผมขึ้นเป็นมวย ปอยผมสีทองคละตามกรอบดวงหน้าอ่อนเยาว์ ส่งเสริมให้น้องดูบริสุทธิแม้เจ้าตัวจะกำลังชงเหล้าให้อยู่ก็ตาม

    “ไหนบอกเปรี้ยว นี่เปรี้ยวตรงไหนวะ” บราวน์มองหน้าน้องเพื่อน เอลน่าแยกเขี้ยวใส่คนที่นั่งวีแชร์เพราะขี้เกียจเดิน เธอสะบัดปอยผมสีทองเบาๆคล้ายจะให้ดูเซ็กซี่

    “คนมันจะเปรี้ยวใช่จะเปรี้ยวที่การแต่งตัว สีขาวของน้องมันก็เปรี้ยวได้ จรัม!” เอลน่าใช้ที่คีบน้ำแข็งชี้หน้ารองกัปตัน บราวน์ย่นคอ ขมวดคิ้ว

    “กลิ่นตัวล่ะดิที่เปรี้ยว”

    “พี่บราวน์!!”

    บราวน์อุดหู ทำหน้าไม่รับรู้ คว้าแก้วเหล้าที่น้องเพิ่งชงให้เสร็จๆร้อนๆแล้วเรียกปาร์คให้เข็นวีแชร์ไปที่อื่นทันที

    “โอ๊ยๆ เสียงดังเกินไปแล้ว ฉันจำชื่อตัวเองได้น่า — ปาร์ค อยากไปสระว่ายน้ำ พาไปหน่อย”

    “ใช้ซะฉันเป็นคนใช้เลยนะ” ปาร์คกัดฟัน ออกแรงเข็นเพื่อนไปที่หมาย ฮันน่ามองเพื่อนสองคนที่ไปแล้วก่อนจะหันมามองเอลน่าที่ด่าสาปแช่งทีหลัง

    “พี่ดูสิ!” พอสบโอกาสเด็กก็หันมาฟ้อง ท่าทางเหมือนลัสโซ่ตอนเย็นไม่มีผิด ฮันน่ายิ้มอ่อนบาง เอ็นดูเด็กผมบลอนด์ที่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

    “พี่เกเบรียนต้องจัดการให้ฉันนะ!”

    คนถูกอ้างอิงทำหน้าเหลอหลา “ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ”

    “นี่น้องนะ!” เอลน่าว่าเสียงดัง ตบโต๊ะบาร์ดังตึง “ถ้าพี่ไม่จัดการให้ ฉันจะไม่ชงเหล้าให้!”

    “เออไม่ต้องชง เดี๋ยวชงเอง”

    เอลน่าถลึงตา ฮันน่าขำกับท่าทางหยอกล้อของน้องเล็กสุดในชมรม คนอื่นทยอยออกไปคุยกับคนอื่นกันแล้ว

    ฮันน่าสังเกตเห็นเด็กเกรด 10 ท่าทางเป็นเด็กห้องเดียวกับเอลน่า เธอมองอะไรไปเรื่อย ไม่ทันฟังเรื่องที่เพื่อนกับน้องมีปากเสียงกัน ก่อนที่สายตาจะหยุดที่เด็กคนนึง

    เขาหันหลังให้ ภายใต้เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีแดง ริมฝีปากยกยิ้มอัตโนมัติ แค่มองจากข้างหลังเธอก็รับรู้ว่าเป็นใคร

    ปีเตอร์ 

    ฮันน่าหุบยิ้มทันทีที่รู้ตัวว่าตัวเองยิ้ม เมองเด็กที่กำลังคุยโม้กับเพื่อน ทันเห็นรอยยิ้มขัดเขินจากเด็กตรงหน้าที่กำลังคุยกับเพื่อนคนนึง

    คิ้วเรียวเผลอขมวดเข้าหากัน เด็กผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างสวย ผิวสีเรียบเนียน และทรวดทรงที่น่ามอง ยิ่งใส่เดรสสีแดงก็ยิ่งขับผิวให้เด็กคนนั้นดูดี

    เธอสวย

    และฮันน่ารู้ว่าปีเตอร์คิดยังไงกับเจ้าหล่อน ใช่ว่าจะดูไม่ออก แต่มันก็…

    “ขอบใจ” ฮันน่ารับแก้วเหล้าที่น้องชงขึ้นมาจิบ รสชาตขมปร่าแล่นเข้าสู่ลำคอ ดวงตาจับจ้องที่เด็กหนุ่ม

    ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง เธอไม่ได้เจ็บใจ ไม่ได้รู้สึกอะไรที่มันไปทางลบ เธอแค่เสียดาย…? 

    อ่า… ใช่ เธอคงเสียดาย

    เสียดายรสจูบของคืนนั้น แม้อยากจะลืมมันก็ตาม

    “ไปนั่งคุยกับพวกนั้นไหม” เกเบรียนพยักพเยินไปทางกลุ่มบราวน์ที่นั่งคุยกับกลุ่มเด็กอยู่จำนวนนึงข้างสระว่ายน้ำ

    ฮันน่าพยักหน้า บอกเอลน่าที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้ คนเป็นน้องยกมือทำท่าโอเคก่อนที่จะโบกมือลาให้พวกเธอไปทำความรู้จักกับคนอื่น

    ถ้ามีรุ่นเดียวกันมากกว่านี้ก็ดี ฮันน่าไม่ได้อยากรู้จักเด็กเท่าไร

    สระว่ายน้ำถูกเปิดโล่ง มีเด็กผู้ชายคนนึงยืนอยู่บนแท่นที่หน้าเครื่องเสียง เขาเป็นคนบังคับเสียงดนตรีในงานข้างกันมีกลุ่มที่ออกันอยู่ เบียดเสียดเต้นกันเหมือนอยู่ในผับบาร์

     ฮันน่านั่งลงข้างบราวน์ ข้างกันถูกจับจองด้วยเกเบรียน 

    “ดีครับพี่” พอนั่งได้สักพักเด็กที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ทักขึ้นมาทันที ฮันน่ามองสำรวจ เขาตัวสูง โดดเด่นในกลุ่มรุ่นเดียวกัน ใบหน้าคมคาย

    “ฮันน่า นี่โนแลน หน่วยก้านดีใช้ได้ น้องมันบอกอยากเข้าชมรมให้ผ่านปะ”

    บราวน์พูดรัวเร็วจนตามไม่ทัน ฮันน่ามองหน้าน้อง โนแลนส่งยิ้มแพรวพราวมาให้ 

    “ผมอยากเข้ามาตั้งแต่แรกแล้วแต่พอดีไม่มีโอกาสได้ไปคัดตัวกับเขาบ้าง เลยไม่ได้ไปสมัครครับ”โนแลนว่า “ผมเพิ่งเข้ามากลางเทอมนี้ครับ ตอนนี้ยังว่างชมรมอยู่”

    เธอตอบรับในลำคอ ไม่ได้ตอบโต้กับสิ่งที่น้องพูดนอกจากยกแก้วในมือขึ้นมาจิบไม่ให้คอแห้งเกินไป ชื่นชมเอลน่าที่ชงเหล้าได้อร่อย

    “ว่าไงฮันน่า รับน้องเข้ามารึเปล่า ฉันถูกใจมาก!” ฮันน่ามองบราวน์ที่ดูตื่นเต้นดีใจ วางแก้วตัวเองลงบนโต๊ะ

    “แล้วทำไมไม่ตัดสินใจเองล่ะ” เดี๋ยวนี้พวกนี้ชอบมาแปลก จะอะไรก็ต้องถามเธอตลอดทั้งที่ตัวเองก็เป็นถึงรองกัปตัน บราวน์หันไปมองเกเบรียนแล้วเกเบรียนก็หันมามองฮันน่าอีกที

    เธอถอนหายใจ “โอเคได้ มาคัดตอนเย็นวันจันทร์ สะดวกรึเปล่า?”

    โนแลนพยักหน้ารับถี่รัว ท่าทางคล้ายลูกหมา ฮันน่ามองการกระทำที่ดูดีอกดีใจของน้องมันก่อนที่จะนึกถึงเด็กอีกคนที่ท่าทางแบบเดียวกัน

    ปีเตอร์ก็เหมือนลูกหมา

     

     

     

    แก้วแล้วแก้วเล่าถูกยกขึ้นดื่มแบบไม่หยุดพัก  ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยสีแดงของหลอดเลือดลม สภาพเพื่อนแต่ละคนไม่ต่างกันนัก ขนาดเกเบรียนยังต้องขอยอมแพ้

    เกเบรียนเป็นคนคอแข็ง เธอไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปดื่มตัวแรงมารึเปล่าถึงได้หมดสภาพก่อนใครเพื่อน ข้างกันมีเด็กสาวเพื่อนของเอลน่านั่งอยู่ข้างๆ เจ้าหล่อนยกแก้วเหล้ามาให้เพื่อนเธอ ขอชนดื่มแล้วก็พูดคุยปกติธรรมดา

    สักพักเพื่อนเธอก็หมดสภาพ

    โนแลนยังนั่งหน้ายิ้มแป้นแล่นมาให้ มีเพียงใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยสีแดงเหมือนกับเธอที่บอกอาการของเด็กหนุ่มได้ ฮันน่าสะอึก เทขวดเหล้าที่ไม่รู้มาจากไหนตรงหน้าแก้วของเด็กตรงหน้า ตามด้วยโซดาอีกนิดหน่อย

    “กินเป็นเพื่อนหน่อย” 

    บอกแบบนั้นมาได้สิบรอบแล้ว ฮันน่าเทให้ตัวเองก่อนที่จะยกมันขึ้นชนแก้วกับของโนแลน บราวน์งึมงำในลำคอ บอกให้เธอเลิกดื่มสักทีแต่ฮันน่าไม่สนใจ

    ไม่สนใจแม้กระทั่งว่าเพื่อนตัวเองจะล้มลงไปอ้วกเอาของเหลือออกมาจนหมด บราวน์หน้าแดงแจ๋มองฮันน่าที่กระดกเหล้าขึ้นดื่มเหมือนน้ำเปล่า

    ใบหน้าสวยแดงก่ำ ดวงตาคมดุหยาดเยิ้มเพราะความเมามาย ริมฝีปากสีแดงมอบรอยยิ้มมาให้ต่างจากปกติ

    ฮันน่าไม่ใช่คนชอบยิ้ม แต่ตอนเมากลับกลายเป็นคนที่ชอบยิ้มเรี่ยราด

    “เฮ้ย… เฮ้ย เมาแล้วนะนั่น” เสียงบราวน์ยานคาง ชี้หน้าเพื่อนสาวที่ยิ้มแป้นหมดลุคคนคูลแม่สาวเอกเคมี 

    “ไม่ได้เมา… เนอะ โนแลน”

    คนโดนพาดพิงยิ้มแห้ง หน้าแดงไม่ต่างจากพวกรุ่นพี่ที่เหลือ ฮันน่ายกแก้วเหล้าขึ้นชี้หน้าเด็กหนุ่ม

    “กินไม่หมด … อึก จะไม่ให้เข้าชมรมจริงๆด้วย”

    โนแลนนึกคิด ความเมาเนี่ยเปลี่ยนคนเป็นคนละคนได้เหมือนกันเนอะ

    “…”

    โนแลนมองรุ่นพี่สาว ฮันน่านิ่งเงียบไปแล้ว ใบหน้าสวยก้มต่ำ เดรสสายเดี่ยวที่ใส่อยู่หย่อนลงไปอยู่บนแขน อวดหัวไหล่ขาวมล

    เพลงยังคงดังกระหึ่ม ฮันน่ามองไปทางคนที่รับหน้าที่เป็นดีเจของค่ำคืนนี้ คำพูดยั่วยุปาร์ตี้มาเรื่อยๆจากเด็กหนุ่ม

    “เอ้า! ใครไหวมาสนุกกันเร็ว สระว่ายน้ำตรงนั้นไปเล่นกันหน่อย ปาร์ตี้ริมสระจะขาดมันไปได้ยังไง!”

    เห็นด้วย!

    แฟลชที่หันมาเห็นท่าทางสนใจของฮันน่าเข้าพอดิบพอดีก็กรอกคำพูดใส่ไมด์ ชักชวนให้รุ่นพี่สาวคนดังเปิดงาน มีเสียงสนับสนุนเป็นคำยั่วยุดังไม่หยุด

    ทุกคนหันมาสนใจสาวเอกเคมี ฮันน่าสะอึก ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำเมา รอยยิ้มถูกแจกจ่ายให้คนที่พบเห็น ฮันน่ากระดกเหล้าจากก้นขวดที่เหลือ ได้รับเสียงเชียร์จากคนที่เหลือก็ยิ่งนึกสนุก

    “โว้ววว! ไม่เบาเลยรุ่นพี่! เปิดสระเลย! เปิดสระเลย!” เสียงเชียร์ดังมากขึ้น ฮันน่ายืนขึ้น เดินตรงดิ่งไปยังสระว่ายน้ำทรงกลม

    น้ำไม่ได้ลึกมาก เธอพอรู้จากการกะจากสายตา ฮันน่าหยุดนิ่งอยู่หน้าขอบสระเสียงเชียร์ยังดังไม่หยุด 

    สระว่ายน้ำ… ถ้าเธอลงไปชุดก็ต้องเปียก…

    ตัดปัญหาป้องกันการชุดเปียก ฮันน่า ชาร์ลอต์ตปลดตะขอชุดเดรสของตัวเองด้วยมือข้างเดียว แก้วเหล้าที่ถืออยู่ถูกโชว์ขึ้นดื่ม น้ำเมาไหลลงคอระหง เคลื่อนไปตามลูกกระเดือกและลำคอ 

    เรียวลิ้นสีแดงแลบเลียน้ำเมา ยั่วยวนให้คนลุ่มหลงพร้อมกับที่ชุดเดรสสีดำพอดีตัวเริ่มล่วงลงตามแรงขยับตัว

    แต่ยังไม่ทันที่ชุดแสนเกะกะจะออกไปจากตัว เสื้อเชิ้ดสีแดงลายสก๊อตก็ถูกคลุมมาอยู่บนตัวซะก่อน ปกปิดเรือนร่างอวบอิ่มไม่ให้มีใครได้เห็น เสียงโห่ร้องดังกึกก้อง

    ริมฝีปากคนเป็นพี่แย้มยิ้มหวานหยด มอบรอยยิ้มที่ทำคนตาพร่าให้กับเด็กหนุ่มที่กอดรัดเธอไว้ ฮันน่ายกแขนโอบรอบลำคอแกร่ง

    กดลำคอให้ก้มลง มอบจุมพิตหวานมอมเมา ริมฝีปากหนาแช่ค้าง มีเพียงหญิงสาวที่ขยับริมฝีปากมอบรสจูบให้

    คล้ายเวลาหยุดลง เสียงเพลงหายไปแล้ว ปีเตอร์และฮันน่าไม่ได้ยินเสียงที่ดังโวยวายกึกก้องของเพื่อนคนอื่นที่เหลือ มือหนาโอบรอบเอวคอด

    หัวใจเด็กหนุ่มเต้นถี่รัว มองใบหน้าสวยดุที่ผงะออกห่าง รอยยิ้มหวานยังถูกมอบให้เขา

    และริมฝีปากที่เพิ่งมอบรสจูบให้ก็ขยับเป็นคำพูดที่ทำเอาเขาหน้าแดงขึ้นมาเสียดื้อๆ

    “สอนไปแล้ว… ก็ยังห่วยเหมือนเดิม”

     

     

     

    ปีเตอร์รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ใส่เสื้อนอกเป็นเสื้อเชิ้ตลายสก๊อต เขาเลยสามารถถอดมันออกมาปกคลุมร่างกายของรุ่นพี่ได้ ฮันน่าร่างกายโอดอ่อน กอดรอบลำคอเขาเหมือนลูกแมวไม่มีผิด

    แล้วเขาก็โชคดีที่ตอนฮันน่าดึงคอเขาไปจูบ เอลน่าได้แย่งความสนใจไปแบบพอดี เพื่อนสาวดึงสายลำโพงออก ปิดเพลงทุกอย่างแล้วบอกว่างานปาร์ตี้จบลงแล้ว

    มีเสียงโวยวายตามหลัง ลืมเรื่องที่เขาพุ่งตัวไปกอดฮันน่าเสียสนิท ปีเตอร์มองคนในอ้อมกอด ใบหน้าสวยคลอเคลียอยู่ช่วงต้นคอ ด้วยส่วนสูงที่เหลื่อมกันหน่อยๆทำให้เขาไม่ต้องก้มมองมากนัก

    “กลับบ้านค่า เชิญค่า บ้านฉันปิดให้บริการแล้ว” เอลน่าวางท่า ตีกะละมังดังโครมคราม แฟลชโวยวายออกมาเสียงดัง ปีเตอร์มองรุ่นพี่ในอ้อมกอด คิดหนักว่าควรทำยังไงต่อดี

    ที่สัญญากับเอลน่าไว้ว่าจะไปส่งก็ไม่คิดว่าจะเป็นจริง หันไปมองกลุ่มเพื่อนของพี่แกก็พบว่าเมาเป็นซาก ไม่เหลือเค้าโครงเดิม

    “ฝากรุ่นพี่ชาร์ลอต์ตด้วยนะปีเตอร์” เอลน่าที่หันมาเห็นก็ทำหน้าเห็นใจส่งมาให้ ปีเตอร์กระชับอ้อมกอด รุ่นพี่สาวงึมงำในลำคอ กอดรอบคอเขาแล้วปรือตามองด้วยสายตาที่พาจักจี้หัวใจ

    “อ…อืม”

    เขาตอบเสียงไม่ดังมากนัก พยุงตัวฮันน่าให้ออกจากบ้านเพื่อน เอลน่าบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงพวกพี่ที่เหลือ เธอมีมาตรการการจัดการ ปีเตอร์ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่เห็นว่าเพื่อนบอกไว้ใจได้ก็ไม่ได้สงสัยอะไรอีก

    เดินจากตัวบ้านเอลน่ามาได้ไม่ไกลมากนักปีเตอร์ก็หยุดยืนนิ่ง ก่อนจะดันตัวรุ่นพี่ออกห่างนิดหน่อย สบตากับดวงตาเรียวที่สะท้อนภาพตัวเขาเอง

    “รุ่นพี่ยืนไหวรึเปล่าฮะ” 

    ฮันน่าประมวลผล ใช้เวลาไม่นานนักก็พยักหน้าให้ง่ายดาย ปีเตอร์สูดหายใจตั้งสติตัวเองที่ไม่เคยเห็นด้านนี้ของพี่มาก่อน เด็กหนุ่มทำใจกล้าดึงรุ่นพี่ออกห่างก่อนที่จะดึงเสื้อเชิ้ตตัวเองที่ปกคลุมร่างอวบอิ่มออก

    ปีเตอร์หลุบตา บังคับตัวเองไม่ให้มองอะไรที่มันเด่นนูนออกมา เขาจัดการดึงสายเดรสกลับเข้าที่ของมัน จับฮันน่าหันหลังแล้วติดตะขอให้เข้าที่ คนเป็นพี่ก็ให้ความร่วมมืออย่างดี พอสำรวจความเรียบร้อยเสร็จ ปีเตอร์ก็จับฮันน่าใส่เสื้อเชิ้ตตัวเอง ปกปิดผิวขาวๆที่โผล่พ้นออกมาโต้ลม

    “ทำไมต้องใส่ตัวนี้มาด้วย” มันโป๊

    เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ มือก็ติดกระดุมทุกเม็ดให้พี่ พอเงยหน้ามองก็สบเข้ากับดวงตาที่ดูมีเสน่ห์กว่าทุกครั้งที่เคยมอง ปีเตอร์เม้มริมฝีปาก เลี่ยงสบตาแล้วก้มลงถอดรองเท้าส้นสูงให้ฮันน่า

    “ถอดหน่อยฮะ ถ้าสะดุดขึ้นมาจะแย่” 

    “อือ…”

    ฮันน่าตอบงืมงำในลำคอ ยิมยอมให้เขาจับข้อขาขาว ถอดส้นสูงสีดำออกทั้งสองข้าง ปีเตอร์จัดการทุกอย่างเสร็จก็รวบรองเท้าส้นสูงเข้าด้วยกันด้วยมือข้างเดียว เขาเงยหน้ามองคนเป็นพี่อีกครั้ง แล้วก็พบกับดวงตาคู่เดิมและรอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้

    “น่ารัก…”

    “พี่ฮะ พี่เริ่มเมาแล้วนะ” 

    ปีเตอร์ว่าทั้งที่ตัวเองหน้าร้อนกับคำพูดของคนเป็นพี่ ฮันน่ายังคงยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นแล้วก็ดูไม่ได้สติหรือรับรู้อะไรกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกมา

    เหมือนนี่ไม่ใช่ฮันน่า ชาร์ลอต์ตที่ปีเตอร์รู้จัก 

    เพราะพี่คนนี้ดูผิดแปลกไปจากปกติ อาจเป็นเพราะน้ำเมาที่กินมากเกินไป

    และเขาก็น่าจะเมามากเกินไปด้วยเหมือนกันที่ใจเต้นแรงกับรุ่นพี่ในด้านนี้

     




     

    ปีเตอร์จัดการเรียกแท็กซี่มารับแทนที่จะยิงสลิงห้อยโหนตามตึก เขากลัวรุ่นพี่สาวพลัดตกลงไปและกลัวว่าเธอจะได้สติตอนที่ท้าลมแล้วรู้ความลับเข้า

    เขาบอกทางไปยังโรงแรมของฮันน่าได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นชื่อซอยหรือถนน ปีเตอร์เคยไปครั้งเดียวในสถานะสไปเดอร์แมน แต่ตัวเองกลับจำได้แม่น เหมือนข้อมูลที่เกี่ยวกับรุ่นพี่ฝังชิพลงในสมอง

    ไม่นานนักก็พาฮันน่ามาที่โรงแรมที่รุ่นพี่สาวพักได้อย่างปลอดภัยครบสามสิบสอง ปีเตอร์ไม่รู้ว่าตัวเองควรเข้าไปทางไหน ไม่รู้ว่าต้องใช้บัตรแสกนตัวตนรึเปล่า ทุกอย่างที่เขากังวลทั้งหมดถูกพับเก็บแทบทันที่ที่ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน

    แอร์เย็นเฉียบกระทบเข้าที่ผิวหนัง ปีเตอร์กระชับมือที่โอบกอดเอวของฮันน่าโดยไม่รู้ตัว พนักงานประจำหน้าเคาน์เตอร์ลุกลี้ลุกลนเข้าหาแทบทันที

    “ต้องการให้ช่วยอะไรรึเปล่าคะ ทำไมคุณฮันน่าถึงสภาพเป็นแบบนี้”

    ปีเตอร์ถึงได้รู้ว่าโรงแรมฮันเซลคือโรงแรมของรุ่นพี่ที่อยู่ในอ้อมกอดเขา

    เด็กหนุ่มยิ้มแห้ง คนเป็นพี่เอนซบหัวเข้าที่ลาดไหล่กว้าง “เมานิดหน่อยฮะ พอทราบไหมฮะว่าเขาพักห้องไหน” 

    พนักงานหญิงคล้ายปะติดปะต่อเรื่องราวได้ หล่อนยิ้มแย้มทำหน้าที่ได้ดีก่อนที่จะผายมือเชื้อเชิญไปที่ลิฟต์ ปีเตอร์ก้มหัวให้น้อยๆเป็นการขอบคุณ ได้รับความเอ็นดูจากพนักงานมาเป็นของแถม

    “ชั้นบนสุดเลยค่ะ มีห้องเดียว”

    ปีเตอร์กดเลือกชั้นที่ต้องการได้ไม่นาน ฮันน่าที่สงบนิ่งมานานก็เริ่มขยับยุกยิก ปีเตอร์มองคนเป็นพี่ พอดีกับที่ฮันน่าเงยหน้าจากไหล่เขาขึ้นมามอง เราสบตากันก่อนที่ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกจะแย้มยิ้มอีกครั้ง

    “ปีเตอร์…” เจ้าของชื่อหายใจสะดุด ปกติพี่เขาไม่ได้เรียกชื่อเขาแบบนี้ ยิ่งนิ้วเรียวเกลี่ยเข้าที่ปลายคางได้รูปก็พาสติเด็กหนุ่มกระเจิง นึกถึงคืนที่จูบกับรุ่นพี่สาวเป็นครั้งแรก

    ให้ตายเถอะ อย่าทำเขาหัวใจวายก่อนจะได้ไหม

    ปีเตอร์ตั้งสติตัวเอง เหลือบมองเลขบนจอมินิเตอร์บอกชั้นที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปข้างบน อีกสักพักกว่าที่ลิฟต์จะถึงชั้นบนสุด เขาสลับมองคนในอ้อมกอดที่คลอเคลียกับคอตัวเองอยู่ ปลายผมลอนสีดำเคล้าคลอกับใบหน้าสวย มีบางส่วนที่คละเคล้าไหล่ให้ดูน่ามอง

    แล้วสิ่งที่ทำให้ปีเตอร์สติหลุดลอยก็เป็นจังหวะที่พี่ผงะใบหน้าออกแล้วประทับริมฝีปากเข้ากับอวัยวะเดียวกันแผ่วเบา

    วันนี้เขาโดนฮันน่าจูบไปกี่รอบแล้ว

    คนซนยิ้มหวาน ดวงตาแพรวพราวไปด้วยหยาดน้ำเมา เกลี่ยแก้มสากเล่นอย่างยั่วยวน ท่าทางไม่คุ้นเคยแถมมีเสน่ห์ยั่วยวนทำเด็กหนุ่มแทบคลั่ง

    เขาไม่เคยล่วงเกินผู้หญิง ไม่เคยคิดอะไรสกปรก เขาให้เกียรติทุกคน

    แต่เขาก็เป็นผู้ชาย— พอมาเจอคนที่คิดว่าไม่น่าจะมายั่วกันก็ทำอะไรไม่ถูก

    ฮันน่าแพรวพราว รุ่นพี่ดูมีเสน่ห์เหลือร้ายในภาพลักษณ์แบบนี้ คนเป็นพี่ยังไม่หยุดรอยยิ้มที่ส่งมอบมาให้ ไม่ยอมหยุดมือที่เคลื่อนตามลำคอเหมือนต้องการกระตุ้นกัน 

    ไม่หยุด… แม้กระทั่งสายตาที่เชื้อเชิญ

    ปีเตอร์อา… จูบพี่ทีสิ”

    คำพูดมาพร้อมกับการคล้องคอ ปีเตอร์พ่ายแพ้กับน้ำเสียงอ่อนหวานที่คนเป็นพี่ใช้เรียกกัน เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นอีกครั้งเหมือนต้องการเรียกร้องให้เริ่มเร็วๆ ก่อนที่เสียงนั้นจะหยุดลงเปลี่ยนเป็นเสียงอื้ออึงของกันและกัน

    เสียงเปียกชื้น เปียกแฉะ เสียงดูดดุน ทั้งหยาบโลนและน่าอาย  แก้มสากเห่อร้อน ร่างกายอุณหภูมิขึ้นสูง ร้อนทั้งกายและใจ เผาไหม้ร่างกายของทั้งคู่ ทั้งแบบนั้นร่างทั้งสองกลับเบียดเสียดเข้าหากัน ไม่เหลือแม้แต่ช่องว่างให้อากาศผ่าน

    “อือ…” เขาครางออกมาแผ่วเบา แลบลิ้นเกี่ยวตวัดเรียวลิ้นที่เล็กกว่าแต่กลับดูคล่องแคล่ว ปีเตอร์งัดทุกอย่างออกมาใช้ มอบรสจูบที่คิดว่าดีที่สุดเท่าที่ตัวเองทำได้ให้รุ่นพี่สาวพอใจ เราเบียดเสียดกันจนแผ่นหลังบางของฮันน่าแนบกับพนังลิฟต์

    ปีเตอร์ไม่สนใจกล้องวงจรปิดที่จับภาพระหว่างเรา เมื่อสายตาโฟกัสที่ใบหน้าสวยของฮันน่า สาวเอกเคมีเผยอปาก ออกมาหน่อยๆ น้ำสีใสเชื่อมริมฝีปากเราเข้าหากัน

    แล้วก็เป็นปีเตอร์เองที่ทนไม่ไหวกับความยั่วยวน ประกบริมฝีปากเข้าหา จัดการเก็บเกี่ยวน้ำสีใสที่ผสมปนเป 

    เสียงลิฟต์แจ้งเตือนดังขึ้นบอกถึงชั้นที่หมาย ประตูลิฟต์เปิดออก เด็กหนุ่มยังมอบรสจูบให้คนเป็นพี่ เขาก้าวเดินไปข้างหน้า ดันร่างเพรียวให้ออกจากลิฟต์ ฮันน่าให้ความร่วมมือดีมาก คนเป็นพี่กอดรอบลำคอเขาไม่ปล่อย แลกจูบกันอยู่อย่างนั้นไม่ยอมผงะออกไปไหน

    แม้จะอยู่ที่หน้าห้อง ฮันน่ากับปีเตอร์ก็ยังไม่สามารถออกห่างจากกัน

    เหมือนกับมีสนามแม่เหล็กดึงดูดให้เราใกล้ชิด

    ปีเตอร์พยายามตั้งสติ เป็นเขาที่ได้สติมาก่อน แขนแกร่งโอบรอบเอวของฮันน่าไว้ไม่ให้ล้มลงไป

    “พี่ฮะ คีย์การ์ด?”

     เราเข้าห้องไม่ได้ถ้าไม่มีคีย์การ์ด ฮันน่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ คนเป็นพี่ยื่นมือสะเปะสะปะกับเครื่องอะไรสักอย่างที่ติดอยู่หน้าประตู นิ้วเรียวแช่ค้างไว้อยู่อย่างนั้นก่อนที่ประตูห้องจะปลดล็อคโดยไม่ต้องใช้คีย์การ์ดรูด

    แล้วคนเป็นพี่ก็ผลักเขาเข้าไปข้างในแบบไม่ทันตั้งตัว

    ปีเตอร์มึนเบลอ มองฮันน่าที่เดินมากดตัวให้เขานั่งบนโซฟาหนานุ่มกลางห้อง ยังไม่ทันจะได้ลุกออกคนเป็นพี่ก็ขยับตัวขึ้นคร่อมหน้าตัก ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เขาติดให้ออกทีละเม็ดจนหมด

    “…! พี่— พี่ทำอะไร อย่าถอดตรงนี้” 

    เขากุจีกุจอดึงเสื้อเชิ้ตปิดเข้าหากัน ฮันน่ายังเมาอยู่ ปีเตอร์คิดว่ามันคงไม่ดีถ้าจะฉวยโอกาสตอนที่คนเป็นพี่ยังไม่ได้สติแต่ฮันน่าดูไม่คิดแบบนั้น มือเรียวผลักมือเขาออก แล้วจัดการดึงเสื้อเชิ้ตตัวเก่งของปีเตอร์โยนลงพื้น

    “ทำไมล่ะ ไม่อยากทำเหรอ”

    ปีเตอร์หน้าแดงแจ๋กับคำถามตรงไปตรงมา ฮันน่านั่งทับส่วนกลางลำตัว โอบรอบลำคอแกร่งแล้วขยับใบหน้าเข้าชิด กดจูบที่ปลายคางและใบหูที่ขึ้นสี

    “ทั้งที่นายก็ตื่นตัวขนาดนี้แล้ว?” ปีเตอร์ข่มอารมณ์ เขาไม่ปฎิเสธว่าตัวเองก็มีอารมณ์ไม่ต่างกัน ส่วนกลางกายนูนขึ้นมาผ่านเนื้อผ้า เบียดเสียดสู้กับสะโพกอวบอิ่มของคนเป็นพี่

    จะให้พูดได้ยังไงว่าเขาก็อยากทำแต่เขาไม่เคยมาก่อน!

    แล้ว…แล้วก็… เขาก็เขินเกินกว่าที่จะทำอะไรกับฮันน่า

    เด็กหนุ่มหันหน้าหนี สองแก้มแดงร้อนขึ้นมาซะเฉยๆ ฮันน่าเห็นแล้วก็นึกเอ็นดู ยิ้มเกลี่ยแก้มใสของเด็กรุ่นน้องจนเจ้าตัวหน้ายิ่งแดงเถือกเข้าไปใหญ่ ปีเตอร์สูดหายใจ พยายามข่มอารมณ์และตั้งสติตอนที่คนบนตักเริ่มขยับตัวจนอะไรๆสัมผัสโดนกัน

    จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ที่แก้มสาก ปีเตอร์ได้แต่นั่งนิ่งโอบเอวฮันน่าไว้เพราะกลัวพี่ตก ไม่คิดว่าพอเมาแล้วจะเปลี่ยนเป็นคนละคน ทั้งขี้อ้อน นัวเนียเก่งแถมยัง

    “ปีเตอร์…”

    แถมยังยั่วยวนเก่งอีกต่างหาก… 

    เด็กหนุ่มขนลุกชัน ฮันน่ากระซิบข้างที่ใบหูขาว ริมฝีปากงับเข้าที่ติ่งหูเบาๆเป็นการหยอกล้อ

    “ไม่ทำกันจริงเหรอ”

    ขอร้องล่ะพระเจ้า เอาฮันน่าคนเดิมกลับมาที

    “พี่ฮะ ผมว่าพี่เมาหนักมากแล้วนะ” ปีเตอร์ยังคงตั้งใจเรียกสติ เขาสบตากับดวงตาเรียวดุ ทำหน้าจริงจังที่สุดแต่คนเป็นพี่กลับยิ้มแย้มส่งมาให้

    “อื้อ เมา” ฮันน่ารับรู้

    “แล้วพี่ก็เพิ่งชวนผู้ชายมีอะไรกันนะฮะ”

    “อื้อ ใช่” 

    ปีเตอร์นิ่งค้าง ฮันน่ายังคงมองตาหวานเยิ้ม เลยกลายเป็นว่าต้องเป็นเขาเองที่หลุบตาหลบเพราะไม่สามารถสู้สายตาหวานหยดนั่นได้

     ปีเตอร์หัวหมุน หาข้ออ้างที่ทำให้พี่เลิกคิดอะไรแผลงๆ 

    “พี่…เกลียดผมไม่ใช่เหรอฮะ แบบนี้มันจะดีเหรอ” เขาถามเสียงเบา ฮันน่าเงียบไปจนน่าใจเสีย เด็กหนุ่มเงยหน้ามองคนเป็นพี่ยามที่เรียวนิ้วกอบกุมใบหน้า

    ดวงตาเรียวเปล่งประกายแพรวพราวแม้จะหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำเมาแต่กลับปิดความจริงจังไว้ไม่นิด

    พี่ไม่เคยเกลียดเรา”

    หัวใจเด็กหนุ่มดังกึกก้อง เต้นรัวเร็วเหมือนมีคนมาตีกลองอยู่ข้างใน

    “เป็นผม…จะดีแล้วเหรอฮะ?”

    ฮันน่ายิ้ม กดจูบที่เปลือกตาปีเตอร์ที่แสนน่าเอ็นดูนักหนา

    เป็นเราน่ะดีแล้ว”

    ปีเตอร์หลับตาลงยามที่ริมฝีปากของคนเป็นพี่แนบลงมา สัมผัสกันแผ่วเบา ไม่มีการรุกล้ำเหมือนก่อนหน้านี้ ทั้งที่ไม่ได้ดูดดื่มแต่กลับส่งผลต่อใจดวงน้อยให้เต้นไม่เป็นจังหวะ เขากอดรอบเอวคอดให้เข้ามาใกล้ชิด แนบทุกสัดส่วนร่างกายเข้าหากัน ทันทีที่ริมฝีปากบางถอยออกไป ปีเตอร์ก็สบตาหวาน บอกเรื่องที่กังวลแผ่วเบา

    “แต่ผม… ทำไม่เป็น”

    คล้ายอับอายแต่คนเป็นพี่กลับนึกเอ็นดู ฮันน่าเกลี่ยเข้าที่ปอยผมของคนเป็นน้องก่อนที่จะเริ่มปลดตะขอด้านหลังออก ปล่อยให้เดรสสีเข้มหย่อนตัว เปิดเผยให้เห็นทรวดทรงอิ่มเอม

    เดี๋ยวสอน”

     

     

     

     

     

    สำหรับใครที่ถามว่าเมื่อไรเขาจะได้กัน

    สาแก่ใจเธอรึยัง!!

    CUT (18+) ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน 

    คลิ๊กลิงค์บนไบโอ (tw : @amnotyouronlyme)

     

     

     

     

     

    บ่ายวันต่อมา ฮันน่า ชาร์ลอต์ตนั่งนิ่งอยู่บนเตียง สิ่งแรกที่ตื่นมาพบเจอคือสภาพห้องที่เละเทะไม่เหลือเค้าโครงเดิม เสื้อผ้ากระจัดกระจายไว้ไม่เป็นที่พอบอกให้รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น

    สาวเอกเคมีกุมขมับ ความมึนเมาจากแอลกอฮอร์ยังมีอยู่แต่เธอก็ไม่ได้ใสซื่อจนรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น กลับกันกลับจำได้ทุกอย่าง ทั้งการกระทำทั้งเหตุการณ์หรือแม้แต่น้ำเสียงที่เรียกใช้

    “ผมผิดเองฮะ… ผมจะรับผิดชอบพี่เอง”

    คู่กรณีนั่งอยู่ปลายเตียง สภาพไม่ต่างจากเพิ่งผ่านสมรภูมิมา รอยขีดข่วนเต็มแผ่นหลังและหน้าอก ร่องรอยจูบและกัดเด่นชัดทั้งลำคอและลอนกล้ามเนื้อ บอกได้ชัดว่าเมื่อคืนนี้สาหัสกันขนาดไหน

    แต่ขอเถอะ เธอจำได้ว่าตัวเองเป็นคนที่รุกเด็กมันเอง

    คนที่ต้องรับผิดชอบมันเป็นเธอต่างหาก!

     

     

     

     

     

    TALK

    อ้าว ตอนแรกก็นึกว่าน้อย แต่งไปแต่งมาดันเยอะซะงั้น5555 สาหัสมาก แต่งลบแต่งลบกันสองสามวันเลย แบบว่าในหัวมันแซ่บมาก เพราะเจ๊ผ่านอะไรมาเยอะ เซียนมากแต่พอแต่งจริง เอ้า กลายเป็นว่าเจ๊มันเอ็นดูเด็กเลยออกมาอย่างที่เห็น

    ช่วยไม่ได้อ่ะเนอะ ก็เด็กมันไม่เคยอ่ะ

    ห่างหายจากการแต่ง***มานานมาก เลยไม่รู้ว่าจะแต่งถูกใจไหม ฮื่อ เครียดมาก ไม่รู้จะทำยังไง บทมันจะยากก็ยากเหลือเกิน /ร้องไห้

    หมดเวลาบ่นละ ขอคนละคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ฉันทีเถอะพส ! อยากอ่าน !

     

     

     

    เอลน่า said : แผนมันได้ผลเกินไปจนฉันตามไม่ทันแล้วพี่บัวลอย

     

     

     

     

     

    ________________________________

    แกรู้ปะว่าเอลน่าคู่ใคร ถ้ารู้ก็ช่วยแกล้งๆไปกดเฟบ ไปคอมเมนต์หน่อยละกัน เพิ่งเปิดเมื่อกี้สดๆร้อนๆเลย

     

     

    เรื่องนี้จะเป็นแนวสบายหัว ไม่มีอะไรให้หนัก หาสาระไม่ได้ พบเจอแต่ความกาวของเอลน่ากับท่านเจ้าที่และน้องจัสติน ใครเอ็นดูน้องก็อย่าลืมไปกดติดตาม! ท่านจะพบความบอยแบรนด์ของจัสตินอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเอลน่าที่สรรหาทุกอย่างมาถวายน้อง5555555555555

    และ และ และเรื่องนี้ลัสโซ่จะไม่ใช่ตัวประกอบอีกต่อไป! จะเป็นพระ พระ พระอะไรดี พระเอกหรือพระรองน้า กิ้ตๆ อยากรู้ก็ต้องตามละไหม!

    เรื่องของเอลน่าจะเริ่มแต่งก็ต่อเมื่อเรื่องของเจ๊ใกล้จบนะคะหรือไม่ก็คือเรื่องมาถึงกลางเรื่องแล้ว ป้องกันการดองของฉันเอง—

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×