คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 06. — Night
06
ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์กำลังคิดว่าตัวเองอาจทำกรรมอะไรไว้กับรุ่นพี่สาวเอกเคมีเมื่อชาติที่แล้ว
เขามักพบเจอรุ่นพี่ตลอดเวลาที่จะพักสายตา อย่างเมื่ออาทิตย์ก่อนก็ดันเผลอมองรุ่นพี่เขาที่สนามบาสจนเอลน่าหาเรื่องมาแกล้งได้ จนถึงตอนนี้ยังล้อกันไม่หยุดเลยคิดดูสิ! เน็ทก็เอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม เห็นดีเห็นงามกับที่เอลน่าพูดทุกประโยค เพื่อนกลุ่มเดียวกับเอลน่าก็ผสมโรงกันแกล้งเขา ปีเตอร์เหมือนกลายเป็นเด็กตัวเล็ก ทำอะไรไม่ได้สักอย่างนอกจากหน้าแดงหูแดงหันหลังหนีเพื่อนๆ
ขนาดลิซยังยิ้มขำให้เขาเลย! แบบนี้ไม่เท่ากับว่าหล่อนจะคิดว่าเขาชอบรุ่นพี่ชาร์ลอตต์หรอกนะ!
จะให้เขาเดินดุ่ม ๆ ไปบอกลิซว่าเขาไม่ได้ชอบรุ่นพี่ก็ดูไม่เข้าท่า ขนาดแก้ตัวตลอดทุกครั้งยังไม่มีใครฟังเลยสักคน โดยเฉพาะเอลน่า ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัวทุกครั้งที่เขาพูดแถมยังยกมือขึ้นมาเบรกแล้วบอก ` ไม่เป็นไรปีเตอร์ แกแค่ไม่รู้ใจตัวเอง ’
ไม่รู้ใจอะไรเล่า! เขาชอบลิซนะ คนที่เขาชอบคือลิซ คนที่ยิ้มเก่งและเป็นที่รักของเพื่อน
ไม่ใช่…-
“รุ่นพี่เขาเล่นเก่งดีเนอะ”
อือ ไม่ใช่คนที่เล่นบาสกับกลุ่มเพื่อนตรงหน้าเขาตอนนี้
ปีเตอร์กอดเข่าตัวเอง ซุกใบหน้าเข้ากับหัวเข่า ตอนนี้เป็นคาบพละ อาจารย์ให้พวกเขาทำสมรรถภาพร่างกาย ก่อนหน้านี้เขากับเน็ทซิมอัดกันไปแล้ว ตอนนี้เลยมีเวลาว่างมานั่งมองพวกรุ่นพี่เขาเล่นกัน
แปลกดี อยู่ๆก็มาเจอในโรงยิม เมื่อก่อนเขาไม่เคยเห็นเอกเฉพาะมาเลยด้วยซ้ำ
ปีเตอร์มองคนที่ชู้ตบาสเข้าห่วงได้อย่างสวยงาม ปลายผมสีดำปลิวสลวยตามแรงลมที่ขยับตัว ทุกท่วงท่าของฮันน่าอยู่ในสายตาของเด็กหนุ่มรุ่นน้องตลอด ท่าทางของฮันน่าเป็นธรรมชาติมาก แม้กำลังจะแย่งลูกบาสจากเพื่อนผู้ชายตัวโตก็ตาม
จะว่าไป พอมาดูแบบนี้รุ่นพี่เขาก็เก่งมากจริงๆ ปีเตอร์เองก็อยากเก่งได้แบบนั้น ทั้งการสับมือหลอกหรือแม้แต่วิธีหลอกคู่แข่งตรงข้ามได้ เหมือนทุกอย่างอยู่ในมือผู้หญิงคนนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็เหมือนกับการเต้นบนฝ่ามือ
เขาเปรียบเทียบดูน่ากลัวเกินไปรึเปล่านะ— แต่ว่ารุ่นพี่เขาดูดีจริงๆนี่นา
แต่ว่าก็ว่าเถอะ วันนั้นรุ่นพี่เขาใส่กระโปรงมา อวดขาขาวๆที่ปกติอยู่ใต้กางเกงยีนส์ วันนี้ดันใส่เสื้อรัดสายเดี่ยวสีดำมาอีก ขับผิวขาวให้ดูผ่องมากขึ้น ปีเตอร์ต้องตั้งสติดีๆที่จะไม่มองอะไรที่มันมากเกินไปจนดูล่วงเกิน…— โชคยังดีที่พี่แกยังใส่แจ็กเก็ตหนังทับไว้ ถึงตัวนั้นมันจะใหญ่ไปหน่อยแต่ก็คิดว่ามันเหมาะกับพี่เขาอยู่ดี
ก็… ก็… ก็พี่เขาสวย ใส่อะไรมันก็ดูดีนี่
แต่เขาพูดจากใจเลยนะว่าไม่ได้ชอบ!
ไม่ได้โกหกด้วย!!
“นั่นใช่แจ็กเก็ตรุ่นพี่เกเบรียนปะ”
อะไรนะ!!
ปีเตอร์หันขวับ เป็นกลุ่มของเอลน่าอีกแล้ว แต่คนที่เริ่มบทสนทนาไม่ใช่เพื่อนสาวที่ชอบล้อเลียน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เขาหันกลับไปมองแจ็กเก็ตตัวปัญหา ก็ว่าทำไมมันดูตัวใหญ่ ๆ ตอนแรกคิดว่าเป็นแฟชั่นสไตล์ของพี่เขา พอเห็นแบบนี้ก็ยิ่งเสริมสิ่งที่กลุ่มขาเม้าท์พูดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องจริง
เดี๋ยวนะ นั่นไม่เท่ากับว่า…- พี่เขาใส่แบบนั้นมาตั้งแต่บ้านอ่ะ!
ใส่สายเดี่ยวเพรียว ๆ แบบนั้นมาน่ะนะ!
ปีเตอร์ตีกับตัวเองในหัว ไม่รู้ทำไมต้องสนใจด้วยทั้งที่มันก็เป็นสรีระของพี่เขา แต่ แต่เขาก็รู้สึกขัดใจนิดหน่อย - นิดหน่อยจริงๆ ไม่รู้ว่าอาการแบบนี้มันเรียกว่าอะไร ครั้นจะหันไปถามเน็ทก็เห็นเพื่อนตัวเองมองมาอยู่ด้วยสายตาที่ติดจะเอือมระอา
ปีเตอร์งง เขาทำอะไรให้เน็ทมองด้วยสายตาแบบนั้น พอเงยหน้าขึ้นไปมองบนอัฒจันทร์ที่พวกเอลน่าอยู่ ก็- ก็พบกับสายตาแบบเดียวกัน ปีเตอร์รู้สึกเหมือนจะเจอกับความเดจาวู มั่นใจว่าเอลน่าต้องยกยิ้มล้อเลียนแล้วแซวเขาอีกแน่ เลยเลือกที่จะหันกลับไปนั่งปกติ ทำเป็นไม่สนใจเพื่อนๆที่มองอยู่
เอาอีกละ
เอลน่าอยากจะเบะปากมองคนไม่รู้ใจตัวเอง ทำเป็นปากแข็งบอกไม่ได้ชอบอย่างนู้นอย่างนี้แต่เมื่อกี้ที่เพื่อนเธอพูดว่าเสื้อมันเป็นของพี่เกเบรียนก็หูผึ่ง เข่นเขี้ยวฟันตัวเองแง่งๆ ไม่มีใครรู้เลยมั้งปีเตอร์ ไม่มีใครรู้เลยว่าไม่พอใจ
ท่าทางแสดงออกมาหมด แต่ทำไมเจ้าตัวเองมันไม่รู้วะ งง
ด้วยความเป็นแม่ยกที่ดี แอบลงเรือมาตั้งนาน เธอก็จะพายมันให้ถึงที่สุด เอลน่าคิดอะไรดีๆออก เธอลูบคางตัวเองแบบใช้ความคิด ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ตัดสินใจพูดออกมาเสียงดังฟังชัด
“ศุกร์นี้บ้านฉันจัดปาร์ตี้ ไปกันไหมทุกคน” เสียงเธอดังกังวาน ให้เหล่าเพื่อนที่อยู่ในเขตละแวกนี้ได้ยิน ปีเตอร์หันมามองแบบไม่เข้าใจ อาจจะเป็นเพราะเหลือเชื่อที่เธอไม่ได้ล้อ— แต่คนอย่างเองน่า มีแผนดีๆในหัวเสมอ!
“โอกาสอะไร” แฟลชเป็นคนที่มีท่าทีสนใจเป็นคนแรก เอลน่ามั่นใจอยู่แล้วว่าเพื่อนคนนี้ต้องมางานนี้แน่ แฟลชเป็นคนชอบปาร์ตี้ ชอบแสงสีเสียง ถึงปากและนิสัยจะน่าตบก็ตาม
“โอกาสอยากจัด หรือจะไม่ไป?”
“งานแบบนี้จะขาดตัวเด่นอย่างฉันไปได้ไง” เห็นไหม บอกแล้วว่ายังไงแฟลชก็ต้องไป หมอนี่ชอบนัก การทำตัวเด่น งานปาร์ตี้บ้านลิซครั้งที่แล้วยังเป็นดีเจในงานอีก รับบทเด่นได้แบบทุกคนต้องเห็นแน่นอน
ส่วนคนอื่นก็ดูสนใจสิ่งที่เธอเสนอ ว่าไปแล้วห้องเธอมันก็สายปาร์ตี้เหมือนกันนะ ยกเว้น… คู่หูปีเตอร์กับเน็ท พวกนั้นดูไม่สนใจเท่าไร พูดให้ถูกคือเน็ทสนใจแต่ปีเตอร์ยังนั่งเงียบ ไม่หือไม่อือ
เพราะแบบนั้น เอลน่าเลยหันไปหาสาวสวยในห้อง ผู้ที่ถูกเหล่าผู้ชายจับตามองอยู่ตลอด
“ลิซ เธอจะไปด้วยรึเปล่า” เอลน่ายิ้ม บอกทางสายตาว่าอยากให้ไปด้วยเต็มเหนี่ยว แล้วลิซก็ไม่ปฏิเสธคำชวน ลิซเองก็คอสายปาร์ตี้ กลุ่มหล่อนก็ไปกันหมด พอสาวในดวงใจของปีเตอร์รับปากว่าจะไปแล้ว เอลน่าก็หันมามองเป้าหมายสำคัญในงาน
ปีเตอร์มองลิซอยู่ นั่นเท่ากับว่าแผนเธออาจสำเร็จ เพื่อนเธอคนนี้คล้อยตามง่ายจะตายไป ไม่รู้ว่าทันคนอื่นกับเขาบ้างไหม ไม่เชื่อเดี๋ยวลอง—
“ปีเตอร์ เน็ทนายจะไปด้วยรึเปล่า”
“แน่นอน!!” เป็นเน็ทที่ตอบคำเชิญชวน เอลน่าเท้าศอกกับหัวเข่าที่ชันขึ้นมา ดวงหน้ายิ้มแย้มมองปีเตอร์ที่ดูจะไม่ไหวตัวทันกับแผนการนี้ สำหรับปีเตอร์แล้ว ถึงจะไปหรือไม่ไป ถ้าเน็ทมัดมือชกแบบนั้นก็ต้องมางานปาร์ตี้เธออยู่ดี
“แล้วนายล่ะปีเตอร์”
“ไป…ก็ได้”
มิชชั่นคอมพลีท!
เสียงเสียดสีพื้นโรงยิมดังแสบแก้วหู แต่สำหรับชชาวชมรมบาสที่ได้ยินเสียงนี้ตลอดเวลาก็ไม่ระคายหูเลยสักนิดเดียว ฮันน่ามองเพื่อนในทีมที่เล่นกันอยู่ ผลัดกันรุกกันรับได้อย่างสูสี มีผ้าชุบน้ำเย็นซับตามใบหน้าคลายความร้อน เธอเพิ่งออกจากเกมมาเมื่อกี้ อุณหภูมิในร่างกายร้อนขึ้นสูงเลยต้องถอดแจ็กเก็ตของเกเบรียนออกพาดผนังเก้าอี้
วันนี้เอกเคมีเลิกเรียนครึ่งวัน พวกเธอเลยวางแผนจะเล่นบาสกันตลอดช่วงบ่ายจะได้ดูจุดบอดแต่ละคนไปด้วย เอริคเป็นคนเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา ฮันน่าก็เห็นด้วยกับผู้จัดการ การฝึกให้ตัวเองไม่มีจุดอ่อนเป็นเรื่องดีแถมเธอยังได้ออกกำลังกาย เผาผลาญแคลอรี่ไปในตัว
ทำหนึ่งได้ถึงสอง ไปทางไหนก็มีแต่ประโยชน์
และเพราะการนัดกันแบบนั้นนั่นแหละ ฮันน่าเลยเลือกที่จะใส่เสื้อสายเดี่ยวมา ตอนเล่นมันร้อนและเสื้อมันก็ระบายอากาศได้ดี เธอไม่เห็นถึงความเสียหายของมันเลยเลือกที่จะใส่มา
พอใส่มาก็กลายเป็นว่าโดนเกเบรียนบ่นเข้าใหญ่ เพื่อนตัวโตบอกว่ามันไม่ดี มีแต่คนมอง กลัวว่าจะมีพวกไม่หวังดีมาทำอะไรไม่ดี เธอนึกขำ ใครมันจะไปกล้าทำกัน วันๆตัวก็อยู่กับเพื่อนสนิท อยู่ด้วยกันบ่อยจนได้ยินข่าวลือหนาหูว่าพวกเธอสองคนคบกัน
เอาอะไรที่ไหนมาพูด เธอไม่ชอบกินเพื่อนตัวเอง พอๆกับที่ไม่ชอบกินเด็ก
ตี๊ด
ฮันน่าก้มมองโทรศัพท์ในมือ แชทกลุ่มชมรมบาสเด้งขึ้นมาอยู่บนสุดเพราะมีข้อความเข้ามาใหม่ พอกดเข้าไปดูก็เป็นบทสนทนาของคนในชมรมยกเว้นคนในเอกเคมีที่ตอนนี้กำลังตะลุมบอนลูกบาสอยู่ พอเลื่อนขึ้นไปอีกหน่อยก็เจอเข้ากับชื่อตัวเองกับพวกที่เหลืออยู่ถูกแท็ก เลื่อนอีกนิดก็เจอต้นเหตุที่ทำให้แชทกลุ่มมีสีสันขึ้นมา
ELNA : ศุกร์นี้ปาร์ตี้กันหนุ่มๆ
ไปกันไปกัน ไปกันเถอะชาวเรา
ปาร์ตี้สุขสันต์ ปล่อยผีกันหน่อย
ALIC : ที่ไหน
ELNA : บ้านฉันอยู่แล้ว! มันส์สุดเหวี่ยงไปเลยค้าบบ
@HANAH ไปป่าวแม่
HANAH : ขอเหตุผลที่ต้องไป
ELNA : เหล้าไม่มีกั๊ก กินให้ภาพตัด มีหน่วยเก็บกวาด!
ของดีแบบนี้ ไม่ไปไม่ได้แล้ว ไปปะคะไปปะคะ
ฮันน่าหลุดหัวเราะให้กับความทะเล้นของลูกพี่ลูกน้องเอริค เอลน่าเป็นรุ่นน้องผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม ได้เข้ามาเพราะเอริคเชิญมา วันไหนที่เอริคไม่มาที่ชมรมหรือยุ่งก็ได้น้องมันเนี่ยแหละที่บอก
ฮันน่ารัวแป้นพิมพ์ตอบกลับ เด็กมันชวนมา ให้ปฏิเสธไปก็ใช่เรื่อง
HANAH : เจอกันหน้าบ้าน
เยส!
มิชชั่นสำเร็จ!
รอก่อนนะปีเตอร์ นายจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว!!
ตกเย็นมาถึง ฮันน่าเหงื่อท่วมตัว ไม่ต่างอะไรกับพวกบ้าพลังที่เหลือ พวกผู้ชายยิ่งแล้วใหญ่ เหงื่อออกเยอะจนเหมือนเพิ่งอาบน้ำมา ผู้หญิงเพียงคนเดียวขอออกจากเกม เธอไม่ไหวกับการเล่นมาราธอนโหด ทั้งขี้เกียจทั้งปวดเมื่อยขา แค่วันนี้วันเดียวแคลอรี่ที่เก็บสะสมไว้ในร่างกายก็ถูกเผาผลาญจนหมด
จะไม่เอาอีกแล้ว การเล่นแบบนี้ เธอเหมือนจะตาย กลับไปเล่นเรื่อย ๆ นั่งชิล ๆ เหมือนแต่ก่อนยังจะดีกว่า
“จะกลับแล้วเหรอ” ฮันน่าพยักหน้ารับคำถามของเพื่อน ขยับตัวให้เกเบรียนนั่งลงข้างกัน ยื่นผ้าเช็ดให้ไปซับเหงื่อ เห็นแล้วสงสาร หน้าแดง คอแดงไปหมด
ดีที่ไม่ได้เล่นกลางแจ้ง ไม่งั้นคงได้หนักกว่านี้แน่
“วางไว้ตรงนี้นะ” ฮันน่าหมายถึงเสื้อแจ็กเก็ตของเพื่อนที่ใส่มาตลอดแทบทั้งวัน เกเบรียนขมวดคิ้ว วางมือจากการซับหน้าแล้วคว้าเข้าที่เสื้อตัวเอง
ยัดใส่มือเธอ
ฮันน่าเงียบ หน้านิ่งเรียบแต่ในใจมีแต่เครื่องหมายคำถาม “อะไร?”
“ใส่กลับบ้าน” ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากถามว่าทำไมต้องใส่ เพื่อนตัวโตก็สะบัดแจ็กเก็ตไล่ฝุ่นออก กางมันทับไหล่เธอเสร็จสรรพ “กรมอุตุบอกว่าเย็น ๆ เดี๋ยวมันจะหนาว ใส่แค่นั้นมันไม่ช่วยให้อุ่นขึ้นหรอกนะ”
ฮันน่ายิ่งงงเข้าไปใหญ่ ฟังยังไงเหตุผลก็ไม่ขึ้น ครั้นจะถามเกเบรียนก็ลุกหนีเข้าไปลงสนาม หลีกเลี่ยงที่จะตอบ ฮันน่ามองเพื่อนตัวเอง สลับกับแจ็กเก็ตที่ถูกคลุมไว้อยู่
การกระทำบอกชัด ใช่ว่าจะไม่รู้
สุดท้ายก็เลือกที่จะยอมทำตามที่เพื่อนบอก ฮันน่าใส่แจ็กเก็ตตัวโปรดของเพื่อน วันนี้เกเบรียนเอาลูกรักมาเลยไม่ได้กลับบ้านพร้อมกันเหมือนทุกทีและวันนี้เธอก็ไม่ได้เอารถมาเช่นกัน
คำถาม ทำไมถึงไม่เอารถมา? ชัดเจนอยู่แล้วว่าเธอว่าจะไม่ยอมซวยอีก ตั้งแต่ตอนที่ถูกสตาร์คปล่อยทิ้งไว้หรือจะเป็นตอนที่หลงทางจนเจอปีเตอร์— ฮันน่าจะไม่ยอมเป็นแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สาม!
เธอจะลองนั่งรถสาธารณะบ้าง จะยากแค่ไหนกันเชียว
อย่างน้อยตอนนี้เธอก็กลับบ้านได้ถูก ศึกษามาแล้วว่าต้องขึ้นสายไหนถึงจะได้ลงเส้นทางที่ต้องการ การคิดเงินก็สะดวก ไม่ต้องมานั่งขับรถเองก็สบายอยู่ แต่ข้อเสียคือเสียเวลา
ถ้าใช้รถยนต์ ฮันน่าจะถึงบ้านไวกว่านั่งรถสาธารณะ
ฮันน่าเสียบหูฟังเข้ากับโทรศัพท์ เปิดเพลงเข้าสู่โลกส่วนตัวแล้วเริ่มเดินออกจากโรงเรียน ผ่านรถคันสีดำที่ดูคุ้นตาแต่จำไม่ได้ว่าของใคร อาจเป็นรถที่เคยเจอในโทรทัศน์เลยนึกไม่สนใจ ก้าวเดินตามปกติ
ป้ายรถประจำทางอยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณไม่กี่เมตร ตรงนั้นมีกลุ่มนักเรียนออกันอยู่ ฮันน่าเองก็จะเป็นหนึ่งในนั้น ถ้าไม่ติดว่าได้ยินเสียงบีบแตรลากยาวตามหลัง
เธอหันไปมอง นึกสงสัยว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรแต่ไม่พบอะไรนอกจากรถคันสีดำที่เคลื่อนตัวตามตัวเอง
สัมผัสได้ถึงความบัดซบ
“ไงสาวน้อย ไม่ได้เจอกันนานนะ”
ฮันน่า ชาร์ลอตต์หน้าเรียบนิ่ง มองคนที่ลดระดับกระจกเบาะหลังโผล่หน้ามาคุยด้วย ก่อนที่จะเลือกทำเป็นเมิน ไม่สนใจโทนี่ สตาร์คที่ถอดแว่นกันแดดออกมาทักทาย
“นี่คุณหนู สนใจกันบ้าง! ฉันมาหาเธอเลยนะ รู้ไหมว่าต้องเคลียร์ตารางงานมาหา บอกเลยว่าถ้าไม่ใช่เธอฉันไม่ยอมทำขนาดนี้หรอกนะจะบอกให้”
ฮันน่ากดเพิ่มเสียงเพลง ก้าวเดินเอื่อยๆเหมือนไม่มีรถคันโตขับตามประกบข้าง ๆ ไม่สนใจแม้กระทั่งสายตาของคนที่อยากรู้อยากเห็น บางคนที่เห็นหน้าสตาร์คก็วี้ดว้าย โบกมือทักทายกันเป็นว่าเล่น คนที่เป็นจุดสนใจก็เก๊กหน้ายิ้ม โบกมือกลับเป็นคนดัง
เธอรู้สึกเหมือนจะบ้า
ทำไมไอ้ไก่นี่มันหน้าด้านขนาดนี้
“นี่คุณหนู ฉันรู้นะว่านะได้ยินไม่ต้องทำมาเป็นเมินหรอก — โอ๊ะ ขอลายเซ็นเหรอ แป๊บนึงนะ ยื่นมาๆ…ระวังด้วย รถเคลื่อนอยู่ — โอเค… นี่ ขอบใจมากแล้วเจอกัน”
อะ ไร วะ เนี่ย
ทำไมกลายเป็นว่าคนที่ผ่านมาไม่โกรธเลยที่สตาร์คขับรถน่าเกลียด ไม่ยอมขับออกไปดี ๆ แต่กลับชื่นชมแถมให้กำลังใจหมอนี่ให้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมาอีก ซ้ำยังขอลายเซ็นเนี่ยนะ
ประสาทกันหมด
โวยวายกันสิ! หมอนี่จะได้เลิกวอแวเธอสักที ไม่ใช่สนับสนุนเขาแบบนี้!
“รุ่นพี่ฮะ?”
เออ เอาเข้าไป เจอสตาร์คไม่พอ เธอยังเจอปีเตอร์ตรงป้ายรถประจำทางอีก เยี่ยม ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
ปีเตอร์กะพริบตาปริบ มองรุ่นพี่เอกเคมีที่วันนี้มาแปลกจะนั่งรถโดยสารกลับ ไม่พอยังเจอกับคนที่อยากเจออยู่ข้างๆอีก สตาร์คโผล่หน้ามา ทันเห็นดวงตาลูกหมาของเด็กพอดิบพอดี นักธุรกิจหนุ่มกระแอมไอ หยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวม
“คุณสตาร์ค! มาหาใครเหรอฮะ! ผมเหรอ? แต่คุณน่าจะโทรมาบอกก่อนนี่ หวัดดีฮะแฮปปี้” ปีเตอร์รัวใส่ไม่ยั้ง ดวงตาเด็กหนุ่มมีแต่ประกายแสง ใบหน้ายิ้มแย้มไม่หุบ ฮันน่ามองน้องที่ตื่นเต้นได้เจอกับไอดอลตัวเองก็…
ก็… ก็อะไร เธอจะบอกว่าน้องมันน่ารักงั้นเหรอ ถ้าหมายถึงท่าทางเหมือนลูกหมาก็ใช่
แต่น้องมันรู้จักสตาร์คด้วยเหรอ บัดซบซะจริง
“อ๋อ เปล่า ฉันไม่ได้มาหานาย” สตาร์คสะบัดมือเป็นเชิงไม่ใช่ ปีเตอร์หน้าหงอยลง หูลู่หางตก “ มาหาคนข้างๆต่างหาก เอ้าคุณหนู มาคุยกันหน่อยจะได้ไหม”
“ไม่”
“รุ่นพี่รู้จักคุณสตาร์คด้วยเหรอฮะ สุดยอดไปเลย! จะทำงานด้วยกันเหรอฮะ เจ๋ง!”
ขอร้องล่ะปีเตอร์ แบตนายมีกี่ก้อนกัน เปลี่ยนอารมณ์ไวไปไหม
ฮันน่าน้ำตาแทบตกใน ไม่รู้ว่าควรจะปลีกตัวแยกออกยังไง มองน้องที่มีหูกับหางโผล่ออกมาสะบัดเหมือนดีใจก็นึกอะไรไม่ออก ยิ่งมองดวงตาใสแจ๋วเหมือนลูกหมาก็ยิ่งนึกสงสารตัวเอง
ทำไมเธอถึงเจอคนแบบนี้นะ
“นี่รู้จักกันเหรอ ดีเลย—ปีเตอร์ นายช่วยพูดให้คุณหนูคนนี้เข้าใจหน่อยว่าการทำงานที่สตาร์คมันดียังไง ฉันทรีตนายดีมากใช่ไหม” สตาร์คว่า มีเด็กก็ต้องใช้เด็กมันล่อ ท่าทางลูกหมาแบบปีเตอร์ล่อลวงคนง่ายมาก ฮันน่าอาจจะโดนตกถ้าปีเตอร์พูด
ส่วนปีเตอร์งง จากประสบการณ์ที่ทำงานกับสตาร์คมา มีแต่เขาที่ติดต่อหาแต่ไม่ได้รับการตอบกลับสักประโยค แบบไหนคือการทรีต หรือการที่แฮปปี้แวะมาสั่งงานกับห้ามเขานั่นคือการดูแล หรือการที่ร่วมทีมปะทะกับกัปตันอเมริกา
ทบทวนดูแล้วปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ก็นึกไม่ออกว่าการทรีตของสตาร์คเป็นยังไง
“ฮะ มันดีมากฮะ รุ่นพี่ถูกคุณสตาร์คชวนจริงๆด้วย ผมว่ามันต้องดีมากแน่ ถ้าพี่ร่วมงานกับสตาร์คมันต้องออกมาดีแน่นอน” ไม่รู้ว่าทรีตเป็นแบบไหน แต่ปีเตอร์ก็สนับสนุนสตาร์คทุกช่องทาง เด็กรุ่นน้องสบตาสาวเอกเคมีสื่อความจริงใจเต็มเปี่ยม เขาไม่ได้โกหกสักอย่าง คิดแบบไหนก็พูดเลย
เขาเชื่อว่าฮันน่าจะมีอนาคตไกลถ้าทำงานร่วมกับสตาร์ค
“เห็นไหม เด็กมันไม่โกหกหรอก เปิดใจกันสักหน่อยคุณหนู” สตาร์คยืดอกภูมิใจที่มีปีเตอร์เป็นแบ็คอัพ สีหน้าท่าทางของฮันน่าดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้เจ้าตัวรู้รึเปล่าแต่สตาร์คคิดว่ามันเป็นสัญญาณที่ดี
“แล้วยังไง” ฮันน่าหันมามองสตาร์ค “แล้วฉันจะได้อะไรตอบแทน”
“เรื่องนั้นค่อยคุย คุยกันตรงนี้คงไม่สะดวกหรอกจริงไหม” สตาร์คพยักเพยินไปทางคนอื่นที่เริ่มสนใจมากขึ้น รวมไปถึงปีเตอร์ที่ยังคงยืนหน้าซื่ออยู่ข้างๆ
สตาร์คปลดล็อคประตูหลัง เปิดออกให้สาวเอกเคมี พายมือเชื้อเชิญ
“มาสิ ฉันจะพาไปที่สตาร์คทาวเวอร์”
ฮันน่าชั่งใจนิดหน่อย เธอลังเลที่จะไป คิดจะปฏิเสธเหมือนทุกทีแต่พอเห็นหน้าน้องมันก็เล่นเอาพูดไม่ออก เธอไม่ชอบดวงตาคาดหวังของปีเตอร์ ไอ้อารมณ์ที่อยากให้เธอเข้าร่วมกับสตาร์คถูกส่งมาแบบไม่ปิดบังจนทำอึดอัดใจ สุดท้ายก็พาตัวเองเข้าไปนั่งบนรถคันหรู เรื่องธุรกิจที่สตาร์คจะพูดค่อยคิดล่วงหน้า
ถ้าไม่เห็นปีเตอร์ เธอน่าจะตัดสินใจอะไรง่ายกว่านี้
“แล้วผมล่ะฮะ?” น้องชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม สตาร์คถือวิสาสะข้ามตัวปิดประตูทันทีที่เธอเข้าไป
“อ้อ นายไม่เกี่ยว บาย”
“อ้าว”
รถแล่นออกไปแล้ว ทิ้งให้ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ยืนอยู่ที่เดิม เด็กหนุ่มยืนค้าง ยกมือจับหัวที่กำลังประมวลผลก่อนที่จะพบว่าตัวเองถูกทิ้งเอาไว้ อีกแล้ว
แต่ไม่เป็นไร เขาตามไปก็ได้!
“แล้วยังไงต่อ”
ฮันน่ากระดิกเท้าที่นั่งไขว้หางอยู่ ยกกาแฟที่เลขาสตาร์คชงมาให้ขึ้นมาจิบ เป็นชั่วโมงแล้วที่เธอมาอยู่ที่นี่ สตาร์คคุยงานที่ต้องการกับเธอ แจกแจงผลประโยชน์ รายรับที่ได้และสวัสดิการมีแฮปปี้เป็นคนคอยส่งเอกสารมาให้เเธอดูเป็นระยะตามที่เจ้านายตัวเองพูด
ทำงานได้ดี แต่บอดี้การ์ดไม่ใช่ต้องคอยเฝ้าอยู่นอกห้องเหรอ?
“ก็ไม่ยังไง ฉันแค่อยากให้เธอทำสัญญา” สตาร์คยักไหล่ “เรื่องผลประโยชน์ก็บอกไปแล้ว เธอจะได้เปอร์เซ็นต์เยอะกว่าและถ้าเธอร่วมทำงานวิจัยกับทีมเราจะยิ่งได้มากขึ้นไปอีก — ไม่คิดว่าความสามารถตัวเองไปได้ไกลกว่านี้เหรอ”
“…” ฮันน่าจิบกาแฟ ปลายตามองเอกสารสัญญามากมายที่วางอยู่ตรงหน้า ผลประโยชน์น่าสนใจทีเดียว ถ้าเธอร่วมมือจะได้เงินมาเป็นกอบเป็นกำ สวัสดิการของสตาร์คก็น่าสนใจ
เสียอย่างเดียว— เธอยังไม่อยากร่วมทำธุรกิจกับใคร และการทำงานกับสตาร์คก็เท่ากับว่าเป็นการเลือกฝ่ายอย่างชัดเจน มันขัดกับธุรกิจที่เธอทำ
ฮันน่าค้าขายอาวุธและสารเคมี แน่นอนว่าเธอส่งออกทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นบนดินหรือใต้ดิน
เพื่อผลประโยชน์ที่ได้มาอย่างมหาศาล ฮันน่าไม่สนใจที่จะเลือกพรรคพวก
แต่สตาร์คต้องการดึงให้เธอเป็นพวก เอกสารสัญญานี้บอกชัดเจนว่าเธอต้องเลิกงานใต้ดินแล้วมาจับงานที่ใสสะอาดแทน ถ้าอยู่ในช่วงวิกฤต ฮันน่าก็คงตอบรับข้อเสนอง่าย ๆ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปได้สวย อาวุธและสารเคมีที่ส่งออกยังทำเงินได้อย่างมหาศาล
แต่ถ้ามันล่ม เธอก็เสียมันไปมหาศาลเช่นเดียวกัน
“ลองคิดดูแล้วกัน ฉันไม่อยากบังคับใครแต่ถ้าฉันเป็นเธอก็เลือกทางนี้นะ ทุกอย่างที่เธอได้รวมแล้วซื้อที่ดินของฉันได้หลายไร่ — แถมยังถูกกฎหมาย”
สตาร์คเอนหลังพิงพนังเก้าอี้ ประสานมือเข้ากับหัวเข่า “เธอจะไม่ถูกเพ่งเล็งจากพวกตำรวจและองค์กรที่เธออยู่จะไม่ถูกขุด”
นี่มันไม่ต่างอะไรกับการขู่เธอเลยไม่ใช่รึไง
“สืบประวัติคนอื่นมันเสียมารยาทนะคุณสตาร์ค” ดวงตาวาววับ เธอไม่เคยพูดถึงองค์กรที่ตัวเองอยู่ ทุกคนรู้จักเธอแค่ในฐานะนักธุรกิจไม่ใช่คนขององค์กร และเรื่องแบบนี้เธอก็เก็บมันไว้ลึกที่สุด ไม่คิดว่าจะถูกขุดได้มาเสียง่าย
“ฉันก็ต้องศึกษาคู่ค้าให้ดีสิ” สตาร์คไม่แยแส “ว่าไง จะเซ็นมันรึเปล่า”
เอกสารสัญญาถูกยื่นมาตรงหน้าแต่ฮันน่าไม่คิดจะมองมันสักนิดเดียว ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างถือดี หยิบเอกสารสัญญามาโบกไปมาเหมือนไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไร
“ดูจริงจังกับเรื่องนี้จังนะโทนี่ สตาร์ค ผลประโยชน์ที่นายร่ายมาทั้งหมดไม่ใช่ไม่น่าสนใจ แต่อะไรทำให้ลงทุนยอมขาดทุนเพื่อฉันขนาดนั้น ธุรกิจที่ฉันทำมันเทียบไม่ได้กับเทคโนโลยีที่นายสร้าง… หรือจะเป็นอเวนเจอร์นี่อีก — คิดว่าฉันโง่นักรึไง ต้องการอะไรกันแน่”
“โอเค ใจเย็น ๆ” โทนี่ สตาร์คยกมือขึ้นเบรก ฮันน่าวางเอกสารสัญญาลงบนโต๊ะอย่างไม่สนใจใยดีมันอีก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นเป็นรอบที่ร้อยของวัน
“แม่เธอฝากฝังมา”
คราวนี้เป็นฮันน่าที่เงียบลง ใบหน้าที่ติดจะเรียบนิ่งเผยแววแปลกประหลาด เธอทำหน้ายาก ไม่สู้ดีกับสิ่งที่ได้ยินต่อจากนั้น
“ชาร์ลอตต์… ฉันควรบอกเธอตั้งนานแล้ว ขอโทษด้วยที่บอกช้าไปแต่คุณแม่ของเธอฝากให้ฉันดูแล มันเป็นเรื่องจริง” สตาร์คมีสีหน้าเคร่งเครียด เขารู้สึกผิดมาตลอดที่เพิ่งรู้อะไรช้าไปมาก กว่าจะเจอตัวลูกสาวของรุ่นน้อง หล่อนก็โตเป็นสาวแล้ว
“ขอโทษนะ… ลำบากมามากใช่ไหม” สตาร์คมองเด็กคราวรุ่นลูก ฮันน่ากุมขมับ ไม่เปิดเผยสีหน้าให้เห็นแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับนิ่งสนิทจนน่าหวั่นใจ
“… แล้วทำไมเพิ่งโผล่มาเอาปานนี้”
สตาร์คพูดไม่ออก เขาได้แต่เงียบ ประวัติที่สืบมาทำให้รู้ว่าเด็กคนนี้ผ่านอะไรมาบ้าง ผ่านโลกมาขนาดไหน และเจอเหตุการณ์น่าสะเทือนใจอะไรมา สตาร์คยอมรับผิดทุกอย่าง ถ้าหากเขารู้ตัวไวกว่านี้ รีบไปรับตัวฮันน่าตั้งแต่เธอยังเด็ก… เธอคงไม่เจอกับเหตุการณ์พวกนั้น
“ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว” ฮันน่าถอนหายใจ ลอบมองใบหน้าที่ไม่สู้ดีของสตาร์ค เรื่องธุรกิจที่เสนอมาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่สตาร์คมี สวัสดิการที่เธอได้มา ถ้าหากทำข้อตกลง— นั่นแทบจะเป็นครึ่งนึงของสตาร์ค
และนั่นแหละที่ทำให้เธอนึกสงสัยกับสัญญาฉบับนี้
“แม่ฝากฝังแค่นี้เหรอ ทำงานกับสตาร์ค?” เธอถาม มองยังไงการฝากฝังของครอบครัวอื่นคือการดูแล แต่สำหรับฮันน่าที่พึ่งตัวเองมาตลอดมันไม่จำเป็น เลยนึกสงสัยว่าการฝากฝังที่ว่ามันเป็นยังไง
สตาร์คนิ่งเงียบ ท่าทางกระอักกระอ่วน ก้มมองมือตัวเองที่จับกันไว้ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “เปล่า ฉันไม่รู้ว่าควรดูแลยังไง เลยยกสมบัติของสตาร์คทาวเวอร์ให้”
เธอนิ่ง ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงกับคำพูดนี้ เป็ปเปอร์ เลขาคนสวยของสตาร์คลอบหัวเราะแผ่วเบาคล้ายคนเอ็นดู
“งั้นนายก็ควรไปศึกษามาใหม่แล้วค่อยมาคุยกัน”
ฮันน่ามองเอกสารสัญญาอีกครั้ง เธอเก็บมันใส่กระเป๋าเป้ก่อนจะลุกขึ้น “ส่วนเอกสารนี้ขอเก็บเอาไปคิดก่อน ถ้าสนใจจะติดต่อกลับมา
สตาร์คเงยหน้าจากมือตัวเองที่กุมเอาไว้ หน้าตาแปลกประหลาด เธอชิงพูดดักก่อนที่จะปลีกตัวออกไปโดยมีเลขาของสตาร์คมาส่ง
“ถึงตอนนั้นก็ดูแลให้ดีเหมือนที่ผู้หญิงคนนั้นฝากฝังไว้หน่อย”
และแล้วฮันน่าก็พบกับความซวย
เธอไม่เคยมาสตาร์คทาวเวอร์ ไม่สิ พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกสักทีเดียว เธอเคยขับรถผ่านพอรู้ว่าเส้นทางมันไปมายังไง ถ้ามีรถเธอก็กลับไปได้สบาย แต่ที่ซวยคือเธอไม่รู้เส้นทางถ้าจะนั่งรถโดยสาร
สงสัยเธอต้องศึกษาให้ทั่วควีนส์แล้วแบบนี้
เอาเถอะ ถ้าเธอเดินหาป้ายประจำทางเจอ เธอก็อาจจะรอด ขอแค่ตัวหนังสือมันไม่เล็กพอให้แมงมุมอ่านเหมือนคราวนั้น
“หวัดดีคนสวย! เจอกันอีกแล้ว—โอ๊ย”
…
ฮันน่าคิดว่าตัวเองควรทำบุญจริงๆ
พูดถึงแมงมุม แมงมุมก็มา สไปเดอร์แมนไม่รู้ว่าอ่านใจเธอออกหรือยังไงถึงได้โผล่มาได้แบบพอดิบพอดีจากข้างหลังด้วยการยิงสลิงเส้นใยโหนแต่เหมือนว่าเจ้าตัวจะยิงผิดที่ ตัวถึงได้ไถลลงพื้นหน้าแทบเท้า
“ไม่เจ็บ…ไม่เจ็บบ” สไปเดอร์แมนอวดครวญก่อนที่จะเดตแอร์ไปหลายนาที มนุษย์คอสเพลย์พยุงตัวเองลุกขึ้นปัดฝุ่นตามตัวก่อนจะเท้าเอวเก๊กท่าใส่
“ไงคนสวย หลงทางอีกแล้วเหรอ”
ฮันน่าเงียบไม่ตอบโต้มนุษย์แมงมุม ยกมือขึ้นปิดปากก่อนที่จะหันหน้าหนีแล้วหัวเราะออกมาแผ่วเบา ตลก… ตลกจริงๆ ทั้งตลกทั้งรู้สึกเอ็นดู ทำเอาความเครียดที่อยู่ในหัวเมื่อครู่หายไปหมด
ส่วนสไปเดอร์แมนที่เจอคนหัวเราะใส่เข้าไปก็อึ้งเงียบพูดไม่ออกถ้าเป็นปกติเขาคงทำตัวถูกแต่นี่คนที่หัวเราะเสียงใสออกมากลับเป็นรุ่นพี่ที่ชอบตีหน้านิ่งตลอด พอมาเจอกันด้วยสถานการณ์แบบนี้ก็ทำเอารู้สึกฟูฟ่อง
“ใช่ ฉันหลงทาง ฮีโร่เมืองควีนส์จะช่วยบอกทางรึเปล่า” ฮันน่ากระแอมไอ รอยยิ้มเล็กๆยังประดับอยู่ที่ใบหน้าสวย สไปเดอร์แมนลอบกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า ไม่เคยพบเจอรุ่นพี่ที่เป็นแบบนี้
“ได้อยู่แล้ว” สไปเดอร์แมนกระตือรือร้น ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “แล้วได้พกเงินมารึเปล่า”
นี่ล้อเลียนเธอรึยังไง?
“พกมาอยู่แล้ว”
มนุษย์คอสเพลย์พยักหน้ารับรู้ ฮันน่ามองข้ามอาการล้อเลียนเล็กๆของสไปเดอร์แมนไปก่อนที่จะขมวดคิ้วมองคนที่อยู่ๆก็คร่อมตัวต่ำมองหน้าเธอ
หมอนี่ทำอะไร
“หน้าตาคุณดูกังวลนะ” สไปเดอร์แมนยืดตัวตรง เท้ามือเข้าที่เอว ยกมือมาลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด “ผมพาคุณไปดูอะไรดีๆไหม ที่นั้นเจ๋งมากเผื่อคุณจะสบายใจขึ้น”
“ฮีโร่นี่รับฟังความทุกข์ใจของประชาชนด้วยเหรอ” ฮันน่าประชด
“อะไรทำได้ก็ทำ” สไปเดอร์แมนหันหลัง ย่อตัวลง ฮันน่าลอบมองซีกใบหน้าภายใต้หน้ากากอย่างเงียบเชียบ “ขึ้นมาสิ ผมพาไปเอง”
ตัดสินใจคิดเพียงไม่กี่นาที หญิงสาวเอกเคมีปีนขึ้นแผ่นหลังกว้าง โอบรอบลำคอแกร่งภายใต้หน้ากาก ฮีโร่เมืองควีนส์กระซับมือกอดเธอไม่ให้พลัดตกลงไป พอมั่นใจก็ออกตัวยิงสลิงขึ้นตึกแล้วตึกเล่า พาสาวเอกเคมีไปยังที่ที่ผ่อนคลายอย่างที่เขาว่า
“เป็นไง ที่นี่สวยมากเลยใช่มั้ย!”
“อืม”
ที่ที่สไปเดอร์แมนพามาเป็นตึกสูงตระหง่านฟ้า ฮีโร่เมืองควีนส์พาเธอมายังบนหลังคาของตึกที่ไหนสักที่ มันสูงมากพอที่จะเห็นเบื้องล่างได้อย่างน่าหวาดเสียว แล้วก็มองเห็นดวงดาวนับพันที่เปล่งประกายอยู่บนท้องฟ้าได้ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง จากตรงนี้มองเห็นแม่น้ำสายยาวที่ไม่ไกลจากนี้ด้วย ผิวน้ำกระทบแสงสีจนเกิดประกายระยิบระยับจากท้องถนน
สวย อย่างที่เขาโม้ไว้จริงๆ
“อยากกินเบียร์” พอได้เห็นวิวเมืองควีนส์สวยๆ บรรยากาศดีๆก็อยากจะได้กับแกล้ม ฮันน่าเงยหน้ามองสไปเดอร์แมนที่ยังไม่ได้ทันได้นั่งลงข้างกัน เจ้าตัวซะงักค้างไปนิดนึงเหมือนติดสตั้น ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ให้ผมไปซื้อ?”
“เข้าใจถูกแล้ว ไปซะสิ” ฮันน่าพยักเพยิน ไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดอะไรที่ใช้ฮีโร่ของเมืองไปซื้อเบียร์ เธอยื่นแบงก์เทาให้ก่อนจะบอกว่า “เอามาสองกระป๋องที่เหลือเป็นทิป”
ใช้เหมือนสไปเดอร์แมนเป็นเด็กบริการเสิร์ฟ ส่วนคนที่โดนใช้ก็หันหลังกลับตัว เกาหัวยิก ๆ แล้วยิงสลิงโหนลงไปข้างล่างตามที่โดนสั่งมา
เออ ตลกดี
ฮันน่าก้มมองพื้นเบื้องล่าง ถนนเมืองควีนส์เต็มไปด้วยรถและแสงสีเสียง ข้างทางเต็มไปด้วยของซื้อและของขาย ส่วนใหญ่เป็นของกินเสียมากกว่า
เธอหลุบตามองปลายเท้าที่แกว่งไหว ไม่มีพื้นรองรับ หากก้าวผิดเพียงนิดเดียวก็พลัดตกลงไป จากตรงนี้ศพเธออาจจะไม่สวยสักเท่าไร
ก็แค่คิดเท่านั้น เธอไม่คิดจะเอาชีวิตมาเสียเปล่าหรอก
“อย่าก้มลงไปแบบนั้น” ฮันน่าหันไปมองคนที่ว่าเสียงดุ สไปเดอร์แมนหรี่ตามอง เอฟเฟ็กต์ของหน้ากากน่าทึ่งมาก เขาถือกระป๋องเบียร์มาสองกระป๋องอย่างที่สั่งไป มืออีกข้างยังกำเงินทอนไว้
เธอรับกระป๋องเบียร์มาเปิด ไม่สนใจตังค์ทอนที่เขาจะคืน พอเห็นว่าฮันน่าไม่รับ สไปเดอร์แมนก็วางมันลงข้าง ๆ กับเบียร์อีกกระป๋อง
รสชาตขมปร่า หวานล้ำไหลลงคอกับบรรยากาศที่ดื่มดำไปด้วยแสงสี กับคนข้างกายที่ดูน่าเหลือเชื่อเกินใคร
หากเป็นปกติ พื้นที่ตรงนี้คงถูกจับจองด้วยเกเบรียนและพวกเพื่อนตัวดี น่าแปลกที่วันไหนที่เจอกับสตาร์ค วันนั้นเธอจะพบกับสไปเดอร์แมนเสมอ
“ดื่มสิ” พยักเพยินไปทางกระป๋องเบียร์ที่ยังไม่ถูกเปิด ฮันน่าตั้งใจจะให้สไปเดอร์แมนดื่มเป็นเพื่อนอยู่แล้ว เลยสั่งมาสองกระป๋อง
“ฉันไม่สนใจหน้านายหรอก เปิดแค่ครึ่งหน้ามาดื่มเป็นเพื่อนกันก็แค่นั้น” บอกไปอีกที่เห็นสไปเดอร์แมนดูไม่ยอมท่าเดียว ฮันน่าแกว่งกระป๋องเบียร์ “ฉันดูเป็นคนสนใจอะไรขนาดนั้นเหรอ”
พูดให้ถูกคือเธอไม่สนใจอะไรเลย แม้คนตรงหน้าจะขึ้นชื่อว่าเป็นฮีโร่ก็ตาม
“สัญญาว่าจะไม่ดึงหน้ากากผม”
เธอหัวเราะแผ่วเบา “แน่นอน”
ฮันน่ามองสไปเดอร์แมนที่ดึงหน้ากากขึ้น เปิดเผยให้เห็นกันเพียงครึ่งหน้า ริมฝีปากบางเฉียบและปลายจมูกโด่ง— กระป๋องเบียร์ถูกเปิดฝา เธอยื่นมันไปให้เพื่อนร่วมดื่มในคืนนี้
เขารับไว้ ฮันน่าชนกระป๋องเบียร์ของตัวเองเข้ากับมันทันที “ขอบใจ” ที่ยอมดื่มเป็นเพื่อน
“คุณดูเอาแต่ใจดีนะ”
“ใครก็บอกแบบนั้น”
คนถูกว่าไม่แย่แส บทสนทนาเงียบลง ฮันน่ามองไปข้างหน้า มองไปอีกฟากของตึกสูงตระหง่า ลงไปยังความมืดที่มองไม่เห็นอะไร เหม่อมองไปไกล มีเพียงแต่ความเงียบที่ลอยวนรอบตัว
“นี่” สไปเดอร์แมนหันมาตามเสียงเรียก ฮันน่าละสายตาจากที่มองอยู่ หันมาสบตากับใบหน้าใต้หน้ากาก เธอสำรวจโครงหน้าครึ่งล่างก่อนที่จะเปล่งคำหยอกเย้าที่ทำให้ฮีโร่เมืองควีนส์สำลัก
“เคยจูบใครรึเปล่า”
เบียร์ที่จิบยังไม่ถึงครึ่งกระป๋องไม่ได้ทำให้สาวเอกเคมีเมามาย เธอถามในสิ่งที่อยากรู้ ยิ่งมองริมฝีปากตรงหน้าก็ยิ่งรู้ถึงความต้องการของตัวเอง
ริมฝีปากของสไปเดอร์แมนน่าจูบ— ยิ่งดูครึ่งๆกลางๆเพราะปิดหน้ากากไว้อยู่ก็ยิ่งดูเร้าอารมณ์
“คุณจะถามคำถามแบบนี้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่ได้”
”ทำไมล่ะ” สไปเดอร์แมนอึกอัก “นายไม่เคยจูบใครเหรอ”
คราวนี้คนเป็นฮีโร่ก็ยืดตัวตรง กระวนกระวายตอบเสียงดังฟังชัด “เคย!”
ฮันน่าหรี่ตามอง ท่าทางเหมือนเด็กกำลังโกหกไม่ได้ทำให้เธอเชื่อเสียเท่าไร เธอกระดกเบียร์ขึ้นดื่ม ก่อนจะวางมันลงตรงกลางระหว่างเรา
“งั้นมาจูบกัน” สไปเดอร์แมนร้องฮะ ริมฝีปากบางเฉียบที่น่าจับตามองเม้มเข้าหากันยามที่เรียวนิ้วของฮันน่าสัมผัสเข้าที่ปลายคางได้รูป
น่าแกล้งจริง
พอสไปเดอร์แมนทำอะไรไม่ถูก ฮันน่าก็ยิ้มพอใจ หัวเราะออกมาแผ่วเบาในลำคอคลอไปกับเสียงสายลม เธอเลิกแกล้งคนตรงหน้า แล้วยืดตัวกลับมาที่เดิมแต่ยังไม่ทันจะได้กลับไปนั่งตามเดิม ลำคอก็ถูกล็อคไว้ตามด้วยรู้สึกถึงความนุ่มหยุ่นและเปียกชื้นที่ริมฝีปาก
ดวงตาเรียวเบิกกว้างก่อนที่จะสงบนิ่งตามเดิม สไปเดอร์แมนถอนริมฝีปากออกไปแล้ว ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยสีแดง ริมฝีปากเม้มแน่นเข้าหากัน
เธอโดนจูบ เป็นเพียงแค่การประกบริมฝีปากเข้าหากันในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ไม่มีการเกินเลยมากกว่านั้น
“พอใจคุณรึยัง” เสียงตะกุกตะกัก ท่าทางไปไม่ถูกแต่พยายามเก๊กท่าเอาไว้
“แบบนั้นไม่เรียกจูบนะ” จากการกระทำเมื่อกี้บอกให้รู้ว่าคนตรงหน้ามีประสบการณ์เป็นศูนย์ ฮันน่าขยับตัวเข้าไปใกล้ วางมือเข้าที่ข้างตัวของมนุษย์คอสเพลย์
ปลายนิ้วเคลือบเจลสีดำแตะลงที่สันกรามของฮีโร่เมืองควีนส์ ใบหน้าสวยประชิดเข้าใกล้ รับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
ก่อนที่ทุกอย่างจะใกล้ชิดจนไม่มีช่องว่าง
“ฉันจะสอนให้”
ริมฝีปากเราประกบกันอีกครั้ง คราวนี้คนที่เป็นฝ่ายเริ่มคือหญิงสาวเอกเคมี สายลมพัดผ่านสองร่างที่ใกล้ชิด ริมฝีปากแนบเข้ากัน ลึกซึ้งและดูดดื่ม รับรู้ได้ถึงรสชาตของเบียร์กระป๋องที่ดูหวานล้ำกว่าทุกครั้งที่เคยชิม มอมเมาทั้งแมงมุมและเหยื่อให้ลุ่มหลงกับความใกล้ชิดนี้
ฮันน่าปล่อยตัวเอง ปล่อยความคิดที่ฟุ้งกระจาย ปล่อยความเครียดที่สะสมมาทั้งวัน ปล่อยทุกอย่างให้กับรสจูบและค่ำคืนนี้
แล้วเธอจะลืมทุกอย่างที่เกี่ยวกับวันนี้
ไม่ว่าจะเป็นรสจูบหอมหวานหรือแม้แต่โครงหน้าที่เคยเห็น
เธอจะไม่รับรู้
ปีเตอร์เด็กโง่
ᴛᴀʟᴋ
ขอบคุณทุกคนที่ยังรออยู่นะคะ เป็นปลื้ม
เพิ่งมาเห็นว่าตัวเองพิมพ์ผิดเยอะขนาดนี้ บางคำก็มีแป้นโนติ ไม่สังเกตก็คือไม่เห็นเลย 555555 ขอบคุณคุณ @Mickey1603 นะคะที่เตือนกัน ช่วยได้เยอะเลยค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองตกภาษาไทยเลยค่ะ 55555
เค้าเพิ่งรู้ว่าใช้คำว่า นั้น นั่น ผิดมาตลอดอ่ะ แง ;—;
ต้องขอโทษด้วยนะคะที่อาจทำให้รู้สึกขัดใจเวลาอ่านเพราะคำผิด ตกหล่น จากนี้ไปจะตรวจคำผิดก่อนลงนะคะ ทุกคนจะได้อ่านกันลื่นๆกันเนอะ
ถ้าเจอคำไหนพิมพ์ผิด ไม่ถูกต้องก็บอกกันได้นะคะ พร้อมแก้ไขเสมองับ
________________________________
ตอนนี้ปาไปตั้งสองหมื่นกว่าตัวอักษรแหน่ะ ปวดคอ ปวดหลังมากกก
เว็บก็ชอบแกงน้อง จะตรวจคำผิดก็ไม่ขึ้นให้ แก้สามสี่รอบเลย /ร้องไห้/
เพราะงั้นเพื่อกำลังใจให้น้องชื่นใจ อ่านแล้วอย่าลืมคอนเมนต์กันนะคะ!
น้องอยากอ่าน น้องอยากอ่านนน
ความคิดเห็น