คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 05. งง
05
เช้านี้ก็เหมือนกับทุกวัน ใช่ เหมือนกับทุกวัน ฮันน่า ชาร์ลอตต์ นักเรียนเอกเคมีปีสุดท้าย ตื่นขึ้นมาตามเวลาปกติ ทำธุระส่วนตัวเหมือนเคย ออกเวลาตามปกติเหมือนเดิม
แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือตอนนี้
ตอนนี้ ที่สาวเอกเคมีกำลังชั่งใจว่าควรนั่งรถสายไหนไปโรงเรียน--- เธอไม่เคยนั่งรถสาธารณะ ตั้งแต่เด็กจนโตมีคนคอยรับส่งตลอด โตมาก็มีรถขับไปโรงเรียน และถ้าถึงรถมีปัญหา เกเบรียน เพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็กก็อาสามารับเสมอ
นับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฮันน่าลองนั่งรถสาธารณะ และเพื่อไม่เป็นการดูถูกความสามารถตนเอง ที่ไม่มีอะไรติดตัวนอกจากเงิน โทรศัพท์ไม่มี แผนที่ไม่มี กระเป๋าเรียนไม่มี เธอเลยตัดสินใจขึ้นรถสายที่เพิ่งมาถึง จับจองที่นั่งสักพักก็สังเกตุท่าทางของคนร่วมซะตานั่งรถคันเดียวกัน
อ่าฮะ เธอพอจะใช้จ่ายค่าบริการได้ แต่ปัญหาคือเธอจะนั่งถึงเธอตรงไหน แล้วลงป้ายไหน ไม่เคยพบเจอความน่าปวดหัวขนาดนี้มาก่อน ฮันน่าคิดว่าการหาสารเคมีมาผสมให้เกิดปฎิกิริยารุนแรงยังง่ายกว่าการนั่งจำสายแต่ละสายว่ามันผ่านตรงไหนสักอีก ให้ตายเถอะ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น อย่าให้ลัสโซ่หรือสตาร์ครู้เรื่องนี้เด็ดขาด ไม่งั้นเธอจบแห่แน่
นั่งรถมาได้ไม่นานนัก นักเรียนเอกเคมีปีสุดท้ายก็ตัดสินใจก้าวลงจากรถตามคนอื่น คนอื่นที่ว่าเป็นหญิงชราคนนึงที่ดูไม่มีเรี่ยวแรง แต่ฮันน่านับถือจับใจที่หล่อนสามารถนั่งรถสายนี้แล้วจำเส้นทางได้ ในขณะที่ตัวเอง..ไม่แม้แต่จะคุ้นชิน
พอลงจากรถ จนหญิงชราเดินออกห่างไปแล้ว จนแล้วจนรอด ฮันน่า ชาร์ลอตต์ก็ยังอยู่ที่เดิม อยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่ไร้ผู้คน ไร้รี่แววของคนที่มานั่งโดยสาร อากาศเองก็พัดผ่าน ปลายผมที่ปล่อยสยายกลางหลังพริ้วไหว รวมถึงชายกระโปรงที่ฮันน่าไม่เคยคิดจะหยิบมาใส่ --- สาบานเลยว่าถ้าไม่ติดว่าไม่มีตัวไหนสามารถใส่ได้แล้ว เธอไม่มีทางใส่กระโปรงที่สั้นเหนือเข่านี่เด็ดขาด
วันนี้ถือว่าเป็นวันที่ไม่น่าสบอารมณ์ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
“อ๊ะ รุ่นพี่”
รุ่นพี่ที่ว่าเงยหน้ามาจากความอัปยศของตัวเอง เธอจำได้ดี น้ำเสียงร่าเริง ดวงตาสีน้ำตาลเปร่งประกายเหมือนลูกหมาโกลเด้น ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ขี่จักรยานมาขนาบข้าง ไม่รู้ตาฝาดเหนือเริ่มเลอะเลือนเหมือนลัซโซ่ เธอถึงได้เห็นว่าน้องมีหูกับหางโผล่ออกมากวัดแกว่งเหมือนหมาที่ดีใจตอนเจอเจ้าของ
ในขณะเดียวกันเธอเองก็รู้สึกอัปยศกว่าเดิม ทุกครั้ง-- ทำไมเธอต้องเจอคนที่ชวนปวดหัวทุกครั้งที่เจอสถานการณ์แบบนี้ด้วย! เมื่อคืนก็เจอสไปเดอร์แมน เช้านี้ก็เจอกับเด็กโกลเด้นนี่!
แต่จะว่าไปแล้ว ฮันน่าเหลือบมองจักรยานที่น้องเพิ่งลงมายืนคุยกับเธอดีๆ ความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัว
“ทำไมพี่ถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะฮะ คอนโดพี่อยู่อีกฝั่งนี่”
ฮันน่าขมวดคิ้ว จำได้ว่าไม่เคยบอกน้องมันว่าอยู่คอนโด แต่พอเห็นหน้าไม่รู้เรื่องไม่รู้ความของน้องแล้วก็เลิกสนใจ เธอไม่ได้สนใจว่าน้องรู้ได้ไง ตอนนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นอยู่
“หลง”เธอว่า มองปีเตอร์ที่ตาแป๋วจ้องมองมาทางนี้อย่างไม่เชื่อคำที่ได้ยิน เห็นแล้วมันคันใจยิกๆจนเปลี่ยนเรื่องเข้าแผนแทบไม่ทัน
“จากตรงนี้ไปโรงเรียนยังไง”
“อ๋อ! ถ้าโรงเรียนตรงไปประมาณสองซอยแล้วเลี้ยวขวาซอยที่ 3 จากนั้นไปอีกประมาณซอยนึง ไปเรื่อยๆจะเจอกับถนนตรงข้ามโรงเรียนเลยฮะ”ปีเตอร์พูดเจี๊ยวจ๊าว ในขณะที่ฮันน่ากำลังซึมซับสิ่งที่น้องพูดมา เธอเดินไปอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเด็กเกรด 10 มีจักรยานคั่นกลางระหว่างเรา
“คิดว่าไกลจากตรงนี้ไหม”เธอถามหยั่งเชิง คนที่ตัวสูงพอกันส่ายหน้าไปมา
“ไม่นะฮะ ผมว่า..”ปีเตอร์เงียบเสียงที่จะพูดลง ดวงตาสีน้ำตาลนั้นสั่นไหวยามที่ฮันน่าจงใจมองลึกเข้าไป ดวงตาลูกหมานั้นทำฮันน่าเผลอเอ็นดูขึ้นมาแวบนึง ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงเผยรอยยิ้มแผ่วเบา
“ขอบคุณนะ”
เธอว่าเสียงเบา ไม่ละสายตาจากดวงตากลมตรงหน้า ปีเตอร์เริ่มทำอะไรไม่ถูก คนเป็นน้องกวัดแกว่งมือหน้าแดงแจ๋ จังหวะเดียวกันที่ปีเตอร์เผลอตัวปล่อยมือจากจักรยาน ฮันน่าก็แย่งชิงยานพาหนะของน้อง ฟาดขาเข้ากับตัวถีบ ยกตัวขึ้นนั่งเบาะแล้วปั่นออกไปจากตรงนั้น ไม่สนใจว่ากระโปรงที่ใส่มาจะเปิดเตลิดเห็นต้นขาขาวต่อหน้าเด็กมัน
ไม่สนใจแม้กระทั่งปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ที่นั่งยองกุมหน้าตัวเองที่ร้อนผ่าว หูแดงลามจนถึงคอ บ่นพึมพำไม่เป็นภาษา
เช้านี้ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์คิดว่าเป็นเช้าที่ร้อนแปลกๆ
กว่าปีเตอร์จะรู้ตัวว่าโดนขโมยจักรยาน ฮันน่าก็ปั่นไปได้ไม่ไกลเท่าไร เด็กรุ่นน้องเงอะงะ พอตั้งสติได้ก็รีบออกตัววิ่งตามท้ายจักรยานตัวเองต้อยๆ โดยมีฮันน่า ชาล์ลอตต์นั่งปั่นเหมือนเป็นของตัวเอง ท้าลมจนเส้นผมปลิวไสวตามแรงที่ขับเคลื่อน ไม่สนใจแม้กระทั่งว่ากระโปรงที่ใส่มาจะเลิกขึ้นสูงตลอดที่ถีบตัวปั่น
ปีเตอร์สาบานจากใจ เขาไม่ได้ตั้งใจจะลอบมองต้นขาขาวๆของคนเป็นพี่ ลำพังแค่วิ่งตามจักรยานก็เหนื่อยแล้ว-- ถึงแม้ตอนมองพี่แกจะเผลอเลื่อนสายตาลงต่ำก็เถอะ..
แต่เขาก็เป็นลูกผู้ชายพอนะ! เขาพยายามบังคับให้สายตาไม่เลื่อนลงตลอด!
แล้วไม่รู้ว่าพี่แกล้อเขาเล่นหรือยังไง ถึงได้เดี๋ยวชะลอให้วิ่งตามทัน พอจะถึงตัวพี่แกก็ออกแรงถีบจนนำว่อน เขาต้องวิ่งตามเหมือนว่าเป็นสุนัขที่ออกมาวิ่งเล่นกับเจ้าของ
ทั้งๆที่จักรยานนั้นก็เป็นของเขาแท้ๆ!
แล้วถ้าปีเตอร์สังเกตุมองอีกนิด คงได้เห็นรอยยิ้มขบขันจากสาวเอกเคมีที่หยอกล้อตัวเองอยู่
พอถึงโรงเรียนก็กลายเป็นว่าปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ ในขณะที่คนที่ปั่นจักรยานลอยชายไม่สนใจอะไรกำลังก้าวลงมายืนจากพาหนะ ฮันน่าหันไปมองน้อง พอเห็นสภาพก็นึกตลก ก็เห็นบอกว่าไม่ไกลเลยให้วิ่งมา ไม่นึกว่าสภาพจะดูน่าตลกขนาดนี้
จะว่าไปเด็กมันก็น่าเอ็นดูเหมือนกันแหะ..
เดี๋ยว-- อะไร น่าเอ็นดูอะไร ฮันน่าข่มสติ กดรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาลงไป แสร้งทำเป็นไม่รับรู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองคิดอะไรอยู่ หันหัวจักรยานไปให้น้องแล้วรีบเดินออกมาทันที ปล่อยให้น้องมันยืนหอบคนเดียว
ฮันน่าเดินไปที่เกิดเหตุเมื่อวาน รถเธอยังอยู่ดีแถวนั้นก็เหมือนเดิมทุกอย่าง เหมือนเดิมแม้กระทั่งเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนจอดอยู่ที่เดิม เกเบรียนเอารถมาอีกแล้ว คิดว่าวันนี้ก็คงไม่กลับกับเธอเหมือนเช่นเดิม
มันคงจะไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นถ้าฮันน่าไม่จำได้ว่าตัวเองทำกระเป๋าเป้ตกตรงนี้ แต่ทว่า.. ตรงพื้นที่แถวลูกรัก ไม่มีแม้แต่เศษอะไรให้ดูสักอย่างเดียว!
สาวเอกเคมีกุมขมับ กระเป๋าเธอหายไป ไม่แปลกหรอกถ้ามันจะถูกขโมย เพราะตอนโดนสตาร์คจับตัวไปก็ช่วงที่คนพลุพล่านพอดี ถ้ามันยังอยู่ที่เดิมนี่สิแปลก แต่เธอก็ไม่คิดว่าคนมันจะกล้าทำอะไรแบบนี้ โรงเรียนนี้ใช่ว่าจะไก่กาซะที่ไหน
พอปลงได้แล้วก็ค่อยถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย สงสัยคงต้องซื้อโทรศัพท์ใหม่ ดีที่ของในกระเป๋าไม่ได้มีอะไรที่สำคัญมาก ส่วนใหญ่ก็ซื้อเอาแทน อืม โดยรวมก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้ามันหายไป ส่วนชีทเรียนค่อยขอเกเบรียนหรือเปปเปอร์ซีร็อคเอาอีกที
ฮันน่าถอนหายใจออกมาอีกรอบ นึกแค้นโทนี่ สตาร์คที่โผล่มาไม่รู้จักเวล่ำเวลา บัญชีแค้นที่เคยชำระไปแล้วก็หวนกลับมาอีก จดบัญชีดำใส่หัวยิกๆ เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจนกระทั่งเจอกับสตาร์คนี่แหละ
แล้วความบัดซบก็บังเกิด ฮันน่าเดินมาถึงที่ประจำของกลุ่มแต่กลับไม่พบใครสักคนเดียว ว่างเปล่าไร้ผู้คน
โอเค วันนี้อาจจะเป็นวันซวยของเธอ เวลาประมาณนี้พวกลัสโซ่ก็น่าจะมาถึงกันแล้ว พวกนั้นอาจจะติดต่อเธอมาให้เปลี่ยนสถานที่พบเจอ แต่-- เฮงซวยเถอะ โทรศัพท์เธออยู่ในกระเป๋าที่หาย ใครมันจะไปรับรู้ได้วะ
คิดตามหลักของลัสโซ่แล้ว ฮันน่าคิดว่าเจ้าตัวคงหนีไม่พ้นโรงอาหาร ลัสโซ่เป็นพวกกินข้าวเช้าช้า แถมมีเกเบรียนที่เป็นพวกกินจุ ถ้าอยู่ในโรงอาหารก็ไม่ผิดคาดเท่าไร คิดแบบนั้นสองเท้าก็หันหลังกลับ มุ่งตรงไปยังโรงอาหารที่ตั้งตระหง่าอยู่ตรงหน้า
แล้วเธอก็ไม่ได้คิดผิดสักทีเดียว
เดินเข้าไปได้ไม่กี่ก้าวก็เจอกับแก๊งค์เพื่อนที่นั่งกินข้าวกันอยู่ ต้องขอบคุณหัวทองๆของลัสโซ่ที่ดูเด่นกว่าเพื่อน ฮันน่าไม่ได้สนใจว่าทำไมกลุ่มตัวเองถึงดูใหญ่ขึ้นเป็นเท่าต้ว ไม่ได้สนใจด้วยว่ากลุ่มเอกฟิสิกส์มานั่งโต๊ะด้วยทำไม
“อ้าวฮันน่า!”
“ทำไมใส่กระโปรง”
ยังไม่ทันที่จะได้นั่ง เสียงทั้งลัสโซ่กับเกเบรียนก็เป็นฝ่ายทักขึ้นมา ฮันน่านั่งลงข้างเพื่อนสนิทตัวโต ไม่สนใจสายตาของเพื่อนอีกกลุ่มเลยสักนิด
“มันร้อน” เธอบอกไปแบบนั้น พอใส่กระโปรงก็รู้สึกว่ามันโล่งดี เวลาขยับก็สะดวกนิดหน่อย ถ้าเทียบกับกางเกงฮันน่าก็ชอบอะไรที่มันทะมัดทะแม่งมากกว่า
“นานๆทีฮันน่าของเราจะใส่กระโปรงนะเนี่ย ขาส๊วยสวย-- อั่ก” ลัสโซ่โอดครวญไม่นานก็หันมาหาเรื่องเกเบรียนที่ไปเตะขาเจ้าต้วเข้าใต้โต๊ะ เพื่อนสนิทหน้าทะมึน ไม่รู้ไปหงุดหงิดเรื่องอะไรมาถึงได้ทำหน้าไม่สบอารมณ์ขนาดนี้ ปกติก็หน้าดุอยู่แล้ว พอยิ่งไม่พอใจอะไรก็ยิ่งดูดุเข้าไปอีก
“เอ้า”
นั่งได้สักพักเกเบรียนก็ยื่นกระเป๋าเป้สีดำมาให้ ฮันน่าขมวดคิ้ว มันเป็นของเธอเอง ไม่ได้ดูผิดด้วย ของข้างในก็มีแต่ของเธอ ไม่มีอันไหนหายไปสักชิ้น พอคิดว่าเพื่อนเป็นคนเก็บไว้ให้ในใจก็รู้สึกโล่งขึ้นมา อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องเสียค่าอะไรเยอะแยะเพื่อซื้อของใหม่
“ขอบใจ” เธอบอก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิด ไม่รู้ว่ามันปิดไปตอนไหน แบตคงหมดเพราะเปิดไว้นาน พอเปิดได้ก็ไม่ต่างจากที่คิด แบตเตอรี่ขึ้นแถบสีแดงแถมยังมีทั้งเมจเสจและมิสคอลเด้งขึ้นมารัวๆ
หนึ่งในนั้นมีของเกเบรียน-- จริงๆพูดว่าหนึ่งในนั้นก็ไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่ก็มีแต่สายของเกเบรียนทั้งนั้น
เพื่อนสนิทตอนนี้ก็ไม่ได้ซักถามอะไร ฮันน่ารู้ดีว่าเกเบรียนคิดอะไรอยู่ ดูจากมิสคอลก็พอรู้ว่าเพื่อนตัวโตเป็นห่วงมากแค่ไหน ยิ่งกระเป๋าเธอตกแบบนี้ เกเบรียนก็คงรู้แล้วว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
ถัดจากนี้ เกเบรียนคงได้ถามอะไรแน่นอน หมอนี่อย่างกับพ่อจะตายไป
“ไปไหนอ่ะ" เสียงลัสโซ่ดังขึ้นพร้อมกับที่คนตรงหน้าลุกขึ้นยืน ฮันน่ามองตาม เพิ่งสังเกตว่าคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเธอคือคอนเนอร์ หนุ่มผิวขาวซีด หน้าเรียบ
คอนเนอร์หันมามองคนถาม เหมือนกับกำลังประมวลผลสิ่งที่ลัสโซ่เพิ่งพูดมาก่อนที่จะก้มมองเศษซากของกินที่วางอยู่ที่ตัวเอง
“อยากกิน..เบอร์เกอร์ หิว..”
อ่า.. แล้วมีลูบท้องที่แบนราบเป็นภาพประกอบด้วยนะ คอนเนอร์กินเยอะอย่างที่ลัสโซ่เคยบอกไว้ หน้าเธอยังมีกองซากเบอร์เกอร์อยู่เลย จริงๆ มันมีของกินอย่างอื่นด้วย เห็นกินเยอะแบบนั้นก็ยังหิวได้อีก ไม่รู้ว่าควรทึ่งหรืออะไรก่อนดี
“งั้นฉันไปด้วยๆๆ” ลัสโซ่ลุกขึ้นยืน คอนเนอร์พยักหน้าแล้วเดินนำลิ่วไปยังร้านแล้ว ไม่รั้งรอคนที่เพิ่งลุกขึ้นยืนเลยสักนิด ลัสโซ่เกาหัวแกรกๆ แล้วค่อยหันมาหาพวกเธอ
“เอาอะไรปะ”
เกเบรียนส่ายหัว ส่วนพวกนาธานก็สั่งของเล็กน้อยบ้าง พวกน้ำหรือขนมจุกจิกอะไรแบบนั้น ฮันน่ายังไม่หิว เธอคิดว่าคงไม่เอาอะไรเหมือนกับเกเบรียนแต่สายตาดันเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่นั่งเยิ้องอยู่ไม่ไกลเข้าสายตาพอดิบพอดีเหมือนจับวาง
มันก็ค่อนข้างไกลจากที่นั่งอยู่พอสมควร ปีเตอร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้ ฝั่งตรงข้ามมีเพื่อนสนิทของเจ้าตัว เห็นน้องมันยิ้มหัวเราะกับเพื่อนก็รู้สึกแปลกๆ
ฮันน่าว่าจะเลิกสนใจแต่สายตากลับเอาแต่มองน้องมัน สังเกตุแม้กระทั่งท่าทางการขยับตัว ข้อมือที่ดูเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง ข้อนิ้วที่ฉีกพลาสติกห่อเบอร์เกอร์ออก จนที่ริมฝีปากหยักของน้องมันอ้าปากน้อยๆส่งเบอร์เกอร์เข้าปากนั้นแหละฮันน่าก็เผลอกลืนน้ำลายดังอึก
“ฮันน่า? เอาอะไรรึเปล่า”
อยากกินชะมัด
“..เบอร์เกอร์”แล้วเธอก็ตอบไปเหมือนกับละเมอ ลัสโซ่เลิกคิ้ว แล้วพยักหน้าออกไปซื้อของตามคำสั่งของเพื่อน คนอื่นคุยกันเรื่องอะไรไม่รู้ มันไม่ได้เข้าหูเธอเลยสักนิด เมื่อสายตาเอาแต่จับจ้องเด็กโกลเด้นที่กินเบอร์เกอร์อยู่อย่างเอร็ดอร่อย
ฮันน่าไม่ได้หิว แต่เธอกลับรู้สึกอยากกินเบอร์เกอร์ที่น้องมันกิน ยิ่งเห็นเศษขนมปังติดมุมปากน้องมันก็อยากกิน ท้องไส้ปั่นป่วนจนนิ่วหน้าให้ฮันน่าได้สติ สาวเพียงคนเดียวของกลุ่มปิดหน้าปิดตา ก้มหน้ากุมขมับกับความคิดแปลกๆที่เข้ามาในหัว
เธอเป็นอะไรไป อยู่ๆก็ไปมอง ไปสนใจน้องมันเนี่ยนะ มันไม่ใช่เธอเลยด้วยซ้ำ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด ตัวก็ผอมเก้งก้าง หน้าตาก็ปกติ ไม่ได้ดีเด่นอะไรให้สนใจ--..
แล้ว-- แล้วทำไมแววตาลูกหมานั้นถึงได้โผล่มาในหัวเธออีกแล้ววะ?
ฮันน่าไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองปล่อยออร่าดำทมิฬออกมา รังสีที่บอกว่าอย่าเข้ามาใกล้ลอยอยู่รอบตัว เกเรียนมองเพื่อนตัวเอง เห็นก็แค่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา กัดฟันพึมพำอะไรบางอย่าง ดูแล้วเหมือนไม่ใช่ฮันน่า ชาร์ลลอตต์ที่ไม่เคยสนใจอะไร
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน สงสัยว่าอะไรทำให้เพื่อนสนิทกลายเป็นแบบนี้ ไม่รู้อีกตามเคยหรอกว่าการมองของตัวเองไปสะกิดสายตาของเพื่อนเอกฟิสิกส์ที่นั่งอยู่ด้วยกันเข้า
แล้วก็สะกิดคนที่อยู่ในหัวของสาวเอกเคมีเข้าด้วย
ปีเตอร์เผลอขมวดคิ้ว เพิ่งสังเกตเห็นว่ารุ่นพี่สาวนั่งอยู่ไม่ห่างไกลจากที่ตัวเองนั่งมากนัก มุมองศาที่นั่งอยู่ไม่ต่างอะไรกับเขานั่งคู่กับพี่แกเลยสักนิด
แถมองศาที่โคตรจะบังเอิญนี้ยังทำให้เห็นอะไรหลายอย่าง ทั้งที่สายตาของรุ่นพี่กัปตันทีมบาสหรือแม้แต่ท่าทางหนักใจอะไรของฮันน่า
แต่ ให้ ตาย เถอะ! เขาพยายามไม่สนใจสองรุ่นพี่คนนี้แล้วนะ แต่อยากโทษเจ๊แกแรงๆสักที ทำไมใส่กระโปรงที่สั้นขนาดนั้นมา-- เอ่อ จริงๆมันก็ไม่ได้สั้นขนาดนั้น มันก็ปกติที่ผู้หญิงเขาใส่กัน แต่เวลานั่งแล้วกระโปรงพี่เขามันเลิกขึ้นนะ! เห็นต้นขาขาวๆนั้นเต็มตา แถมรุ่นพี่ปากร้ายยังชอบนั่งไขว้หางอีก เขาแทบจะก้มกราบให้พี่แกเปลี่ยนไปใส่กางเกงขายาวเหมือนเดิม
ไม่ปลอดภัยเลยสักนิด ถ้าคนอื่นมาเห็นเขาจะว่ายังไง พี่เขาก็ไม่สนใจอะไรอีก ไม่รู้ต้องพูดอะไร แต่มันไม่ปลอดภัยเข้าใจไหม! ไม่ปลอดภัยทั้งตัวพี่เขาแล้วก็ต่อตัวปีเตอร์เองด้วย
“ปีเตอร์ ทำไมนายหน้าแดงล่ะ ไม่สบายเหรอ”
เน็ทเรียกสติที่เตลิดของปีเตอร์ให้กลับเข้าที่ เพื่อนร่างท้วมขมวดคิ้วทำหน้าจริงจัง คำพูดของเน็ททำให้เขาลูบหน้าตัวเองก่อนที่จะรู้สึกร้อนๆที่หน้าอย่างที่เพื่อนบอก
เขาไม่ได้ไม่สบาย ร่างกายแข็งแรงดีครบ 32 เพิ่มเติมยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่ากว่าทุกวันเพราะได้ออกกำลังกายตอนเช้า(วิ่งตามจักรยาน) แต่ที่หน้าแดง-- ไม่ เขาไม่คิดว่าที่หน้าแดงเป็นเพราะรุ่นพี่ผู้หญิงตรงนั้นหรอก เธอไม่ได้ทำอะไรสักนิด อือ แต่ถ้าหมายถึงต้นขาขาวๆที่ปีเตอร์เผลอมองก็อาจจะใช่
โธ่.. ตั้งสติหน่อยปีเตอร์ นับวันยิ่งทำตัวเหมือนโรคจิตขึ้นไปทุกทีแล้วนะ
“เปล่า ไม่มีอะไร” ปีเตอร์ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง เผลอมองไปที่ที่พี่เขาอยู่ ทันเห็นช็อตที่รุ่นพี่ที่ชื่อว่าลัสโซ่ยื่นกระป๋องน้ำอัดลมกับห่อเบอร์เกอร์ให้พอดี เขาจะไม่ว่าอะไรเลยถ้ารุ่นพี่ฮันน่าไม่เปิดกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นดื่ม แล้วน้ำที่อยู่ข้างในไม่ไหลย้อนออกมาตามริมฝีปาก
ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ซะงัก ใบหน้าร้อนเหมือนมีคนมาอังไฟอยู่ข้างๆ หูเขาแดงแจ๋เพราะมองตามเรียวลิ้นเล็กที่แลบเลียออกมาตามโครงปาก ไม่พอพี่แกยังยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาเลียตามขอบเพราะน้ำมันเอ่อคลออยู่ตรงนั้น จังหวะที่เรียวลิ้นกำลังลากผ่านมันช่างยาวนานในความคิด กว่าจะตั้งสติได้ก็เลื่อนสายตาขึ้นมองคนเป็นพี่
แล้วเขาก็พบ.. พบว่าคนที่เขาแอบมองแลบเลียน้ำอัดลมอยู่นั้นกำลังมองมาอยู่ สายตาเราสองคนประสานกัน จังหวะที่คนเป็นพี่กระตุกยิ้มร้ายกาจส่งมา ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ที่เกิดมาอายุ 17 ปีคิดว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจวายตรงนั้นทันที!
หัวใจด้านซ้ายเขามันดันเต้นไม่ส่ำ เหมือนกับมีคนมาตีกลองอยู่ข้างใน แถมยังรู้สึกหน้าร้อน ตัวร้อนจนต้องรีบผุดลุกขึ้นยืน หนีออกมาจากตรงนั้นจนเน็ทงง
ส่วนคนที่เป็นสาเหตุก็งง ไม่รู้น้องมันรีบอะไรขนาดนั้น แค่สบตาก็กลัวจนลุกขึ้นหนีเลยเหรอ
ฮันน่าขมวดคิ้ว วางกระป๋องน้ำอัดลมลงกับโต๊ะ หยิบทิชชู่เช็ดตามโครงปากที่กินน้ำอัดลมหก มันไหลตามคางเธอด้วย แอบเสียดายเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าวันนี้น้ำมันอร่อยกว่าทุกวัน
“คราวหน้าใช้หลอดไหม”
เปปเปอร์ถามหลังจากที่เห็นเหตุการ์ณน้ำอัดลมหกตามปาก เธอพยักหน้า คิดว่าถ้ากระดกดื่มตลอดคงต้องมีแบบนี้เข้าสักวัน ถ้าเธอไม่ยั้งมือทันก็คงได้หกเลอะมากกว่านี้
“อืม ก็คิดแบบนั้นอยู่” ฮันน่าแกะห่อเบอร์เกอร์ออกครึ่งนึง มองเนื้อที่สอดแทรกอยู่กับผัก จะอ้าปากกินก็รู้สึกว่ามันใหญ่เกินไปที่จะอ้างับไปทั้งหมด เลยเลือกที่จะกัดกินทีละนิดแทน
อืม รสชาติก็ไม่ได้แย่
“นายเป็นอะไ--”
“ไม่ได้เป็นอะไร!”
เอลน่ายังถามไม่ทันจบ คนหูแดง หน้าแดง คอแดงก็ตอบกลับมาเสียงดังฟังชัด เพื่อนสาวกระพริบตาปริบ มองปีเตอร์ที่สับขาเร็วเหมือนจะวิ่งไปนั่งที่ตัวเอง
เธอมองสังเกตการณ์ ปีเตอร์นั่งหลังตรง เหม่อมองไปข้างหน้า สักพักก็หน้าแดงจ๋า เหมือนเจ้าตัวจะทำอะไรไม่ถูกที่เป็นแบบนี้เลยเลือกที่จะฟุบหน้าลงกับโต๊ะเสียงดังจนกลัวว่าโต๊ะจะเป็นรอย
เป็นอะไรของเขา ตอนแรกก็ว่าจะถามดีๆแต่หน้าแบบนี้ คงไม่ได้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นล่ะมั้ง
พอเห็นเน็ทเดินเข้าห้องมาแบบงงๆก็เลือกที่จะไม่ถาม เดาว่าเพื่อนร่างท้วมของปีเตอร์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้เจ้าตัวเป็นแบบนี้
เอลน่าหันไปมองปีเตอร์อีกรอบ เด็กหนุ่มยังคงก้มหน้าอยู่เหมือนเดิม มีเพียงหูแดงๆที่โผล่ออกมา เธอครุ่นคิด ลูบคางหรี่ตาเหมือนนักสืบที่กำลังจับผิดคนร้าย
มันต้องมีอะไรแน่นอน
“โอเค หายใจเข้า ใจเย็นไว้ปีเตอร์”
ปีเตอร์นั่งทำสมาธิ หายใจเข้าออกลึกสุดออกสุดบังคับไม่ให้ตัวเองคิดเตลิดเลยไปถึงรุ่นพี่เอกเฉพาะ วันนี้เกือบทั้งวันเขาแทบไม่มีสมาธิเพราะอยู่ๆพี่แกก็ผุดเข้าผุดออกในหัวเป็นว่าเล่น
เดี๋ยวตีหน้านิ่งว่าเขาบ้างล่ะ เดี๋ยวออกปากด่าเขาบ้างล่ะ ทำเป็นรำคาญเขาบ้างล่ะ เดี๋ยวยิ้มให้บ้างล่ะ วนอยู่แบบนี้จนเรียนอะไรไม่รู้เรื่องสักอย่าง
เนี่ย พี่เขาโผล่มาอีกละ ว่างนักหรือไงถึงได้มาอยู่ในหัวเขาตลอด ปีเตอร์ตบหน้าตัวเองเรียกสติ พึมพำหายใจเข้า หายใจออกจนเน็ทมองเหมือนเห็นตัวประหลาด
“นายเป็นอะไรน่ะปีเตอร์”
“ฉันเปล่า ฉันโอเค วู้ว!” ปีเตอร์เรียกกำลังใจตัวเองกลับมาทำตัวเหมือนปกติ
ตอนนี้เขาออกมาเรียนนอกสถานที่ วิชาพฤกษศาสตร์ ต้องปลูกต้นไม้เอง นั้นเลยทำให้ตอนนี้ทั้งเขาและเน็ทใส่ถุงมือกันดินกับต้นไม้กระถางเล็กๆคนละกระถาง คนอื่นกระจัดกระจายอยู่รอบตัว สวนนี่อยู่ไม่ไกลจากตึกเขาเท่าไร แล้วก็ไม่ไกลจากสนามบาสกลางแจ้งด้วย
นั้นเลยทำให้เขาไม่แปลกใจที่เห็นสาวๆมุงดูอยู่ตรงนั้น
แต่ดีหน่อยตรงที่ว่าสาวที่เขาแอบปลื้ม-- ลิซ สาวผมดำขลับ สวยมีเสน่ห์จนจับตาไม่ได้มุงดูเหมือนคนอื่น หล่อนกับเพื่อนเพียงแค่ยิ้มที่เห็นแบบนั้นแล้วก็กลับไปยุ่งกับกระถางต้นไม้เล็กๆต่อ
น่ารัก
หล่อนยิ้มง่ายแถมใจดี ไม่เหมือนกับ--
ปีเตอร์! นายเลิกคิดถึงหน้าพี่เขาสักทีเถอะ!
เขามั่นใจว่าไม่ได้กำลังอินเลิฟกับพี่เขาแน่ อีกอย่างเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ลิซทั้งน่ารัก พูดง่าย ยิ้มเก่งไม่เหมือนกับรุ่นพี่คนนั้นที่อ้าปากทีก็ร้ายเสียจนเขาแทบกระอักเลือด
แล้วทำไมต้องคิดถึงพี่เขาอีกแล้วเนี่ย หรือว่าเป็นเพราะจุดเริ่มต้นระหว่างเรามันไม่ดีกันนะ
“กรี๊ด นั้นมันรุ่นพี่เกเบรียนไม่ใช่เหรอ ถอดเสื้อเล่นบาสฮอตเว่อร์”
ปีเตอร์หลุดจากภวังค์ หูกระดิกที่ได้ยินชื่อคนที่รู้จัก กลุ่มเพื่อนของเอลน่าวีดว๊ายกันใหญ่ พอได้ยินชื่อของรุ่นพี่กัปตันชมรมบาสแล้ว ใจก็คิดว่าคนที่อยู่ในหัวตลอดคงอยู่ข้างกันแน่ ทั้งสองคนไม่เคยออกห่างกันเลยสักนิด
คิดแบบนั้นก็อยากจะหันไปมอง แต่พอรู้ตัวว่าเขากำลังสนใจพี่แกอยู่ก็หันกลับมาแทบไม่ทัน เขารีบหันกลับมาคอแทบเคล็ด ตั้งสติไม่ให้หันไปมองหาฮันน่าเด็ดขาด ท่องในใจเป็นสิบรอบจนกระทั่ง
“เรือแล่นค่า! รุ่นพี่ชาร์ลล็อตต์เช็ดหน้าให้พี่เกเบรียน บร๊ะ! แบบนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนแล้วมั้ง!”
ตอนรีบหันกลับมาคอแทบเคล็ดขนาดไหน ตอนรีบหันไปมองตามเสียงของเอลน่าก็คอแทบเคล็ดมากกว่านั้น ปีเตอร์ลุกขึ้นพรวด กวาดสายตามองไม่ถึงนาทีก็เห็นรุ่นพี่เอกเคมีสองคนเช็ดหน้าให้กันอยู่ ระยะที่ชิดกันขนาดนั้นมันก็ดูไม่เหมือนเพื่อนจริงนั้นแหละ ขนาดเขากับเน็ทเป็นเพื่อนกันยังไม่เคยใกล้กันขนาดนั้นเลยนะ
แต่เดี๋ยว-- แล้วเขาจะสนใจทำไมเนี่ย
ปีเตอร์ทะเลาะกับตัวเองในใจ โดยมีเอลน่ามองอยู่อย่างเบื่อหน่าย เธอตั้งใจพูดเสียงดังให้ปีเตอร์ได้ยิน ตอนพูดก็คิดว่าเพื่อนตัวเองคงไม่มีปฎิกิริยาอะไรหรอก ที่ไหนได้ รีบลุก ตาวาว จำอ้าวมามองด้วยเฉย
แล้วเนี่ยนะ บอกว่าไม่ได้ชอบ
รู้ตัวสักทีเถอะปีเตอร์เอ๊ย
ขนาดเน็ทที่นั่งมองอยู่เฉยๆยังทำหน้าไม่ต่างจากเธอ พอมองส่งซิกกันก็กลายเป็นว่าเน็ทหน่ายใจมากที่เพื่อนไม่รู้ใจตัวเอง สนใจเขาขนาดนี้ บอกบ้าไม่ได้ชอบ
เห็นแบบนั้นด้วยความเป็นเพื่อนที่ดี เอลน่าตั้งปฎิญาณกับตัวเองแน่วแน่ว่าจะทำให้เพื่อนสมหวังให้ได้แม้ตอนนี้เพื่อนที่ว่าจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองก้าวเท้าสนใจพี่แกไปครึ่งนึงแล้วก็ตาม
ขออีกครึ่งนึงกันไว้เผื่อเธอหน้าแตก
คิดแบบนั้นก็ขอจุดไฟหน่อย
“หรือว่าเขาสองคนคบกันจริงๆวะแก” เธอกระซิบคุยที่ไม่ใช่กระซิบ มันเสียงดังพอที่จะทำให้ปีเตอร์ได้ยิน แอบเห็นนะว่าเหล่ตามองอ่ะ แล้วเพื่อนเธอก็เหมือนรู้ใจ ชงคู่นี้ดีเหมือนเป็นกัปตันเอง
“ไม่รู้ว่ะ แต่อาจจะใช่ เมื่อวานกูเห็นพี่เขาสะพายกระเป๋าของรุ่นพี่ชาร์ลล็อตด้วย”
“อันนั้นเพื่อนก็สะพายให้กันก็ได้ปะ”
“ก็จริงนะแก เฮ้ย แต่ๆ อันนี้เด็ดมาก ได้ยินมาว่าตอนอยู่ชมรมพี่เขาสองคนนั่งติดกันมากก ไม่ให้ใครนั่งใกล้เลยสักคนเดียว ขนาดรุ่นพี่ลัสโซ่ที่อยู่กลุ่มเดียวกันยังไม่ใกล้ขนาดนี้เลย เออ แล้วกูก็สังเกตนะ ว่ามันจริง แต่ละทีที่ข้างๆของรุ่นพี่เกเบรียนก็มีแต่รุ่นพี่ชาร์ลลอตต์ที่นั่ง”
“อันนี้น่าจะเป็นไปได้ว่ะ ละได้ยินนี่ยัง เห็นเขาลือกันว่าสองคนนี้เขาออกมาจากห้องน้ำด้วยกันอ่ะ กูแบบกรี๊ด เรือแล่นแบบไม่มีไม้พาย ถ้ากัปตันเอาขนาดนี้กูไม่ต้องทำอะไรแล้วค่า” เอลน่าใส่สีตีไข่กับกลุ่มเพื่อนตัวเอง แต่ที่เธอได้ยินมาก็ได้ยินจริงๆนะ รู้ด้วยว่าที่เข้าไปทำอะไรกัน เรื่องนี้ในชมรมบาสก็ล้อกันหนาหู คนที่เดินเข้าออกเป็นครั้งคราวเพราะพี่เอริคยังรู้เลย
ขอบอกก่อน รุ่นพี่เอริคผู้จัดการบาสคือลูกพี่ลูกน้องเธอเองจ้า เลยไม่แปลกเลยที่จะรู้จักพวกพี่แกแล้วได้ข้อมูลมาใส่สีตีไข่ให้คนแถวนี้รู้ตัว
ที่พูดไปทั้งหมดนั้นดันได้ผลเกิดคาด ปีเตอร์เม้มปากแน่น หน้าตาเครียดจัด ไม่รู้เจ้าตัวคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำหน้าทำตาขนาดนี้
เอ๊ะ หรือเธอจะพูดเกินไปนะ
บ้า ไม่หรอกมั้ง แกอ่ะคิดมาก
งั้นเดินแผนต่อไป สเต็ปที่สอง แซวพ่อหนุ่มกันสักหน่อย
“อ้าว ปีเตอร์ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ” เอลน่าเอาไหล่ไปสะกิดพ่อหนุ่มที่ทำหน้าเคร่งเครียด ปีเตอร์หันมามอง คิ้วยังขมวดเป็นโบว์อยู่เลย สงสัยคิดหนักจริง แบบนี้แผนเธอจะได้ผลปะเนี่ย ไม่ใช่ปีเตอร์ใจกากไม่กล้ารุกหน้านะ
แต่คิดอีกที อาจจะใช่ ปีเตอร์มันซื่อบื่อ
“ก--ก็เปล่านี่”
เสียงตะกุกตะกักมาแล้วหนึ่ง เอลน่าเลิกคิ้วข้างนึง ทำหน้าสงสัยครุ่นคิด ปีเตอร์เห็นแบบนั้นก็ยิ่งกระวนกระวายใจ แสดงสีหน้าออกนอกหน้ากันหมด เออ เอาเข้าไป เขารู้กันหมดแล้วว่าคิดไม่ซื่อ
“ไม่ใช่ว่าแอบมามองรุ่นพี่ชาร์ลลอตต์หรอกเหรอ” เธอลากเสียงยาว ล้อเลียนเพื่อนตัวเองจนหูแดง เห็นแล้วนึกเอ็นดู ปีเตอร์ถึงจะซื่อบื้อแต่ก็มีมุมน่ารักแบบนี้ ถ้าอยู่ใกล้แล้วทำความรู้จัก เอลน่าคิดว่ารุ่นพี่ชาร์ลลอตต์ต้องตกบ่วงแน่นอน!
จัดการกับเพื่อนได้ก่อนเถอะ เธอจะไปหว่านเมล็ดใส่รุ่นพี่สาวคนนั้นเอง ต่อให้มีมารมาขวาง เอลน่าก็จะปูพรมให้เพื่อนได้เชิดฉาย
“มะ ไม่ได้แอบมอง! ฉันเอากระถางต้นไม้มาปลูกตรงนี้ต่างหาก ตรงนี้แสงดีแถมยังปลูกแนวสวยด้วย ใคร-- ใครจะไปแอบมองรุ่นพี่เขากัน!”
“นี่ปีเตอร์” เอลน่านั่งยองลงข้างเพื่อนที่กำลังทำการย้ายโอนต้นไม้เล็กๆลงดิน เห็นเพื่อนกลบเกลื่อนจริงจังก็ไม่ว่าอะไร ถึงใจอยากจะบอกว่าไอ้ที่พูดมาเนี่ย ไม่ได้ดูน่าเชื่อถือเลยสักนิด
“อะไร”
“ถ้าไม่รีบจีบ รุ่นพี่เกเบรียนได้เอาไปกินจริงๆนะ”
“ไม่ ได้ ชอบ!”
เออเฮ้ย บอกไม่ได้ชอบแต่หน้าแดงถึงคอ งงว่ะปีเตอร์ เอ็งเลือกสักทางดิวะ
100 per
___________
#แมงมุมแพ้เหยื่อ
เอลน่า : ทุกคนรู้ โลกรู้แต่ปีเตอร์ไม่รู้ กูล่ะเพลีย
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นกันนะคับ คิคิ♥
ความคิดเห็น