ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC MARVEL I SPIDER-MAN #แมงมุมแพ้เหยื่อ

    ลำดับตอนที่ #4 : 03 — PARKER HOME

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 64


     

     

     

    03

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

    ทั้งที่คิดว่าจะไม่ได้เจอกันแล้วแท้ๆ

     

    ฮันน่า ชาร์ลอต์ถอนหายใจเบื่อหน่าย เอนหลังพิงกับเบาะรถคันหรู ผ่านไปอาทิตย์กว่าฮันน่าไม่เจอปีเตอร์เลยสักครั้ง เธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าหน้าค่าตาน้องเป็นยังไงและจะลืมมันต่อไปถ้าวันนี้ไม่คิดอยากกลับเร็วมาก่อน

    ปกติเธอมักจะอยู่ร่วมกับพวกไร้สติ มีลัสโซ่เป็นแกนนำหาเรื่องทำ บางครั้งก็มีเปปเปอร์ที่ช่วงนี้มักชวนไปทำงานที่คาเฟ่ของเมทา แอบคิดว่าเพื่อนตัวเองคงหลงชอบหนุ่มหน้าใสเข้าแล้ว เธอไม่ได้รังเกียจ ฮันน่ายอมรับรสนิยมของเพื่อนตัวเองได้ ไม่ได้ถือสาอะไรกับเรื่องแบบนี้

    ทุกครั้งจะเป็นแบบนั้นแต่วันนี้แปลกไปจากเดิม เธอปลีกตัวออกมาหลังจากออดเลิกเรียนดัง หมดความอดทนกับการนั่งหลังขดหลังแข็งฟังการบรรยาย ยิ่งวันนี้เป็นวันศุกร์ด้วยแล้วฮันน่าก็อยากกลับไปนอนเล่นบนเตียงมากกว่านั่งฟังพวกไร้สติเม้าท์มอย

    ฮันน่าเลือกใช้ทางลัด ซอกซอยเล็กๆนำพาเธอไปยังคอนโดได้ บางครั้งมันก็เร็วกว่าการไปโลดแล่นบนถนนใหญ่ แค่ต้องเลี้ยวหลายตลบไปหน่อย

    แล้วเป็นไงรู้ไหม เธอเจอเด็กนั่น

    ปีเตอร์ยังเหมือนเดิม เก้งก้าง ไร้เรี่ยวแรง ไม่มีอะไรน่าดึงดูด

    เพิ่มเติมคือตอนนี้ถูกรุมด้วยชายร่างใหญ่สี่ห้าคน ไม่แปลกใจทำไมถึงได้โดนหาเรื่อง ท่าทางของปีเตอร์มันอ้อนแอ้นเลยมักเป็นเหยื่อของเจ้าพวกนี้บ่อยๆ พนันได้เลยว่าต่อจากนี้เจ้าลูกหมาโกลเด้นจะสะบักสะบอม

    เธอไม่คิดจะช่วย ฮันน่าไม่ใช่แม่พระ เธอไม่ใช่คนดีและไม่นิยมทำตัวเป็นพระเอกเหมือนบราวน์ — อย่างที่เขาบอก เธอน่ะเป็นนางร้าย ต่อให้ปีเตอร์หันมาเห็น ฮันน่าก็ไม่คิดจะยื่นมือไป เธอสามารถดูคนถูกทำร้ายได้ด้วยความรู้สึกเรียบเฉย

    มนุษย์ต้องดิ้นรน แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นไปอีกถึงจะอยู่ในโลกใบนี้ได้

    โลกนี้มันเน่าเฟะ

    เธอก็ไม่ต่างจากมันมากนัก ไขว่คว้ามามากเท่าไรถึงได้มาอยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร

    มือเธอสกปรก แต่ฮันน่าไม่คิดจะล้างออก

    ดวงตาเรียวมองตรงไป จากตรงนี้สามารถมองเห็นได้ทุกสถานการณ์ เห็นแม้กระทั่งมีหนึ่งในนั้นผลักปีเตอร์ล้มก้นจ้ำม่ำ เผลอแค่นหัวเราะกับท่าทางอ่อนแอของน้องมัน อีกไม่กี่อึดใจฮันน่าก็จะเห็นพวกมันรุมกระทึบปีเตอร์ แต่เธอกลับละสายตาจากตรงนั้น

    "ให้ตาย"

    ทั้งที่ไม่ได้ใยดีเลยสักนิด

    มือฮันน่ากลับเข้าเกียร์ หักเลี้ยวพวงมาลัยเข้าซอย ฮันน่าเหยียบคันเร่งจนมิด เธอบีบแตรลากเสียงยาวจนลั่นซอย วงตรงหน้าแตกตื่น กระจัดกระจายกันออกไปตอนที่ขับพุ่งเข้าไปไม่ยอมแม้แต่ลดความเร็ว

    เอี๊ยด!

    "เฮ้ย! อะไรวะ!"

    หญิงสาวไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของพวกนั้น เธอปลดล็อกประตูฝั่งตรงข้ามแล้วเปิดออกให้เด็กซื่อบื้อ เราสบตากันอีกครั้ง ดวงตาปีเตอร์ยังเหมือนเดิม ใสเหมือนลูกแก้วแล้วก็โง่เหมือนเจ้าของ

    "ขึ้นมา"

    ปีเตอร์ยังคงนิ่งเฉยจนต้องออกคำสั่งเสียงแข็ง น้องมันกระวนกระวายรีบขึ้นมาแทบทันที แทนที่จะโล่งใจที่ไม่โดนทำร้ายเป็นสิ่งแรกแต่ปีเตอร์กลับรัดเข็มขัดแทนซะงั้น เป็นเด็กที่ทำให้ฮันน่าไม่รู้จะเอ็นดูหรือด่าก่อนดี

    "เอ่อ ขอบคุณนะฮะแต่จริงๆผมเอาตัวรอดได้นะ ไม่ใช่ว่าผมจะว่าพี่นะแต่แบบผม —เกรงใจ…—"

    "เอาตัวรอดได้แต่โดนเขาเตะไปกี่รอบล่ะ"

    ฮันน่าสวนกลับ เหล่มองน้องที่นั่งเงียบ ทันเห็นปีเตอร์กำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้ใต้แขนเสื้อ มันเป็นเครื่องอะไรสักอย่างที่ฮันน่าเห็นไม่ชัด เธอไม่ได้เอะใจกับเรื่องที่เด็กกำลังซ่อนของบางอย่าง พูดง่ายๆว่าไม่ได้สนใจเลยสักนิด

    มีอะไรบ้างที่ฮันน่าสนใจ ตัวเธอเองยังไม่รู้เลย

    "เอ่อ… ฮะ..ว่าแต่บ้านพี่อยู่แถวนี้เหรอฮะ ผมไม่เคยเห็นพี่เลย"

    "เปล่า"เธอผ่อนคันเร่งหลังจากที่มองกระจกหลังสะท้อนว่าไม่มีใครตามมา

    "อ้าว แล้วทำไมพี่ถึงมาแถวนี้ล่ะ ผมก็ว่าถ้าพี่อยู่แถวนี้คงเห็นรถหรูๆพี่ทุกวันแน่แต่นี่ไม่เห็นเลย"

    "แค่ทางลัด"

    น้องมันร้องอ้อ ดวงตาจับจ้องไปข้างหน้าตาแป๋ว เธอสบัดความคิดว่ากำลังคุยกับลูกหมาออก มองปีเตอร์ทีไรก็เห็นเป็นโกลเด้นทุกที ล่าสุดจะเห็นหูกับหางโผล่มาจากตัวน้องมันด้วยซ้ำไป

    ผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา แสร้งยกมือเสยลูกผมที่ปรกหน้าขึ้นลวกๆ หรือเธอเริ่มจะเพี้ยนตามพวกลัสโซ่แล้วกัน?

    "บ้านอยู่ไหน"

    "ครับ?"

    "บ้านอยู่ไหน จะไปส่ง"

    เธอขยายความ เลี้ยวอีกซอยนึงก็ถึงซอยถนนสามแยก ตอนนี้เวลาบอกจะทุ่ม ฟ้าเริ่มมืด ถ้าปล่อยให้เด็กมันลงตรงนี้ไม่หลงก็โดนเล่นงานอีก จริงๆมันก็ไม่ใช่เหตุผลที่พูดออกไปแบบนั้นแต่ฮันน่าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพูดออกไป

    เธอปล่อยให้เด็กมันลงตรงนี้ยังได้ ไม่ได้มีเหตุผลที่ต้องถ่อไปส่งถึงที่ด้วยซ้ำไป

    "เลี้ยวขวาซอยข้างหน้าฮะ แล้วก็พอถึงร้านขายซีดีก็เลี้ยวขวาอีกที บ้านผมอยู่แถวนั้นฮะ"

    ฮันน่ารับคำในลำคอ หักเลี้ยวพวงมาลัยพาน้องไปส่งถึงที่ แถวนี้เป็นย่านการค้า มีร้านขายของเยอะพอสมควร ร้านขายแผงลอยก็มีเยอะ ส่วนใหญ่เป็นพวกอาหาร พอเริ่มดึกหน่อยน่าจะครึกครื้นมากกว่านี้

    เยี่ยมชมบรรยากาศค้าขายได้ไม่นานฮันน่าก็เจอเข้ากับบ้านหลังเล็กๆ เป็นหมู่บ้านอะไรสักอย่างที่ฮันน่าไม่คิดจะอ่านชื่อ ตัวบ้านปีเตอร์ค่อนข้างอบอุ่น มีสวนหย่อมเล็กๆ ตัวบ้านสองชั้น ไม่ได้แย่ น่ารักเลยทีเดียว

    จังหวะที่มองลอดเข้าไปผ่านตัวปีเตอร์ ประตูตัวบ้านถูกเปิดออกด้วยคนข้างใน เป็นผู้หญิงวัยกลางคนคนนึง หน้าตาสระสวย ฮันน่าคิดว่าคงเป็นคนในครอบครัวของปีเตอร์ ยิ่งหล่อนพูดทักทายก็ยิ่งตอบรับความจริง

    "อ้าว พีทกลับมาแล้วเหรอ"

    พีท?

    "เอ้อ..ขอบคุณนะฮะที่มาส่ง"

    รู้ตัวอีกทีเด็กโกลเด้นก็กุลีกุจอก้าวลงจากรถพร้อมกอดกระเป๋าเป้ลงไปด้วย น้องหันไปคุยกับคนที่มารับก่อน ฮันน่าได้ยินแว่วๆว่าปีเตอร์เรียกหล่อนว่าป้าเมย์ คุยสักพักถึงได้หันมาส่งยิ้มให้ ยิ่งน้องยิ้ม ฮันน่าก็คิดว่าน้องเหมือนโกลเด้นเข้าไปทุกที

    เธอพยักหน้า รอให้ปีเตอร์ปิดประตูแล้วจะเข้าเกียร์เตรียมถอยรถออกจากบริเวณหน้าบ้านแต่เสียงของคนเป็นป้าก็เรียกรั้งฮันน่าให้ไม่ไปไหน

    "ไม่มากินข้าวเย็นด้วยกันเหรอหนู"

    "?"

    คิดว่าตัวเองฟังผิด ฮันน่าเลิกคิ้วขึ้นว่าหมายความว่าไง หญิงวัยกลางคนก้มมองเธอผ่านประตูรถที่เปิดอ้าไว้ พอมองใกล้ๆแล้วฮันน่าคิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แก่ลงเลย หล่อนดูเป็นสาววัยรุ่นมากกว่าเป็นคุณป้าของปีเตอร์ด้วยซ้ำ

    รอยยิ้มใจดีถูกส่งมาให้ ฮันน่าเริ่มรู้ตัวว่าถูกล่อลวงก็ตอนที่ป้าเมย์ขยั้นขยอให้เธอลงจากรถได้สำเร็จ

    "ตอนนี้ก็ดึกแล้ว แถมหนูก็อุตส่าห์มาส่งเจ้าหลานชายตัวดีให้ ยังไงก็มานั่งกินข้าวด้วยกันก่อนสิจ๊ะ ถือว่าเป็นการตอบแทนเล็กๆน้อยๆก็ได้"

    แล้วตอนนี้รุ่นพี่เกรด 12 ก็ยืนอยู่ในตัวบ้านสองชั้นของป้าหลานที่ดูคึกครื้นตลอดเวลา ป้าเมย์บอกให้เธอรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นก่อนเพราะหล่อนกำลังทำอาหาร

    มันจะเสร็จแล้ว เหลือเพียงไม่กี่อย่าง เธอหยุดทำมันเพราะได้ยินเสียงเครื่องยนต์เลยออกมาดู

    ฮันน่าไม่แปลกใจเท่าไรถ้าอาหารที่เหลือมันจะเย็นชื่น

    "โทษนะฮะ พอดีเขาเป็นแบบนี้บ่อยๆ"

    "ก็ไม่ได้ว่าอะไร"ดีซะอีก ฮันน่าจะได้ไม่ต้องออกไปหาอะไรกิน

    ประโยคหลังเธอตอบกลับในใจเงียบๆ ปีเตอร์ยังคงยิ้ม ไม่รู้ว่าชาตินี้ทั้งชาติเด็กมันไม่เคยยิ้มรึไงถึงได้ยิ้มมาให้ตลอด ยิ้มอย่างเดียวไม่ว่ายังชอบมองด้วยดวงตาลูกหมาอีก

    "พีท หยิบจานมาให้ป้าหน่อย"

    "ครับป้าเมย์!"

    ฮันน่าลอบถอนหายใจหลังจากที่น้องมันลุกขึ้นไปหยิบของให้คนเป็นป้า เธอมองตามไป เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้น้องมันอยู่ในสภาพหลุดหลุ่ยมากแค่ไหน ชายเสื้อออกนอก ลูกผมที่เสยขึ้นลวกๆ เหงื่อที่ไหลตามแผ่นหลังจนเนื้อผ้าแนบเนื้อไปบางส่วน รวมถึงหยดน้ำที่เกาะพราวตามโครงหน้าและลำคอ

    เสียงน้ำลายดังอึก เธอยกมือลูบหน้าตัวเอง ท่องในใจว่านั่นเด็ก เด็กที่ห่างจากเธอเป็นปี เด็กเนิร์ดที่ดูไม่มีอะไรเลยสักอย่าง

    ฮันน่าไม่ใช่คนดี เป็นสิ่งที่รู้กันอยู่แล้ว ไม่ใช่คนดีที่เธอว่านี่หมายรวมทุกอย่างที่มันไม่ดี —เธอทำทุกอย่าง ค้าขาย ส่ง ทะเลาะวิวาทหรือแม้แต่เรื่องชู้สาว

    ไม่พิศวาสความสัมพันธ์ยาวนาน ถนัดชั่วค่ำคืน

    แต่จะให้เธอมีความสัมพันธ์อย่างว่ากับปีเตอร์ ปาร์คเกอร์? ฝันไปได้เลย น้องมันไม่มีอะไรน่าดูเลยสักนิดถึงเมื่อกี้จะเผลอมองตามร่างกายเจ้าตัวไปก็ตาม

    โธ่ ตั้งสติหน่อยน่าฮันน่า เป็นอะไรไปเนี่ย

    "มาแล้วจ้าา"

    ฮันน่าเงยหน้าจากฝ่ามือตัวเอง ป้าเมย์วางจานข้าวสวยลงบนโต๊ะข้างหน้า พร้อมด้วยอาหารหน้าตาน่ากินสองสามอย่างแล้วตบท้ายด้วยน้ำชุปร้อนที่ปีเตอร์เป็นคนถือ

    หน้าตาแต่ละอย่างดูน่ากินมาก มากขนาดที่ว่าฮันน่าไม่อยากเชื่อว่าหล่อนเป็นคนทำเอง ถ้าไม่ได้นั่งคอย คงคิดว่าแอบไปซื้อมาด้วยซ้ำ

    "วันนี้ป้าทำอาหารไทยด้วยนะ อันนี้เป็นยำปลากระป๋อง ซุปไข่น้ำใส อ้อ มีลาบหมูด้วยนะแล้วก็อันนี้ เจ้าพีทชอบมาก ผัดไท"มองตามแต่ละอย่างที่ป้าเมย์พูดแล้วจบด้วยจานที่มีแต่เส้นๆวางอยู่ ผัดด้วยกับพวกผักและถั่วงอก จะว่าไปก็เพิ่งสังเกตว่าจานผัดไทที่ป้าเมย์พูดถึงอยู่ตรงหน้าปีเตอร์พอดี

    "โธ่ป้าครับ"น้องบ่นงึมงำในขณะที่คนเป็นป้าหัวเราะร่า

    "อะไรล่ะพีท ของชอบก็ต้องกินเยอะๆสิ"

    บรรยากาศคึกครื้นที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นยังคงอยู่ตลอด ทุกครั้งคลอไปด้วยเสียงหัวเราะของป้าเมย์และเสียงโวยวายของปีเตอร์ เธอลองชิมอาหารตรงหน้าที่ว่าก่อนที่จะรู้ว่ามันอร่อยมากๆ แปลกใจที่อาหารฝีมือป้าเมย์อร่อยขนาดนี้แต่ทำไมปีเตอร์ถึงยังผอม

    ผอมในลักษณะที่ไม่ได้แห้งแต่มันดูเก้งก้าง ถ้าน้องมันมีเนื้อหนังมากขึ้นอีกนิดมันคงดีไม่น้อย อย่างน้อยก็ดูดีกว่านี้อีกหน่อย

    "ว่าแต่หนูชื่ออะไรจ้ะ ป้าเองก็ลืมถาม"

    หลังจากที่ทานอาหารเสร็จคนโต๊ะหัวมุมก็ทำลายความเงียบ ฮันน่ารวบช้อนกับส้อมเข้าด้วยกัน

    "ฮันน่า ชาร์ลอตต์"

    "ชื่อน่ารักจัง หนูก็ดูนุ่มนิ่มสมชื่ออยู่นะ"ป้าเมย์หัวเราะคิกคัก ปล่อยให้หลานชายเก็บจานชามไปล้าง เธอเผลอสบตาปีเตอร์นิดหน่อยแต่ไม่มีอะไรต่อจากนั้น

    "ไม่หรอกค่ะ"เธอน่ะแข็งกระด้าง ไม่มีความอ่อนนุ่มอยู่ในตัวสักนิด

    "แล้วหนูเป็นเพื่อนกับเจ้าพีทเหรอจ้ะ สนิทกันไหมแล้วเจ้าพีทที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง ทำตัวดีรึเปล่า"

    "เป็นรุ่นพี่ค่ะไม่ใช่เพื่อน"เธอตอบ เหล่มองเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องอยู่ในครัว"ไม่สนิทกันค่ะ เจอน้องนับครั้งได้"

    ป้าเมย์ร้องโอ้"แล้วทำไมถึงมาส่งเจ้าพีทได้ล่ะเนี่ย"

    "ไม่รู้เหมือนกัน"ฮันน่าตอบตามความเป็นจริง สบตากับดวงตาของคนตรงหน้า"รู้ตัวอีกทีก็เปิดประตูให้น้องเข้ามาแล้ว"

    เป็นไปอย่างที่พูดจริงๆ ฮันน่าไม่ได้โกหกสักคำที่พูดออกไป นี่ยังงงอยู่เลยว่าทำไมถึงเข้าไปช่วย คนเป็นป้ายิ้มมาให้ เป็นรอยยิ้มที่ไม่แตกต่างจากของปีเตอร์มากนัก รู้เลยว่าเด็กรุ่นน้องได้ใครมา ทั้งนิสัย ทั้งรอยยิ้ม

    พวกเธอคุยกันต่ออีกสักพัก หัวข้อที่คุยล้วนแต่เป็นเรื่องสัมเพเหระ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ป้าเมย์เป็นคนที่เข้าถึงคนอื่นได้ง่าย ทุกอย่างที่หล่อนแสดงออกมาล้วนเหมือนปีเตอร์ไม่มีผิด ถ้าให้จัดประเภท สองป้าหลานนี้คงเป็นครอบครัวที่อบอุ่นฉบับดิสนีย์

    อีกหนึ่งอย่างที่ฮันน่ารู้คือป้าเมย์ขาเม้าท์

    "เจ้าพีทน่ะชอบใส่กางเกงนอนลายคิตตี้ ป้าก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ตอนแรกก็คิดนะว่าหรือจะได้หลานสาว จะเอาไปทิ้งเพราะมันขาดก้นก็ไม่ยอม เอาไปเย็บเองซะงั้น"

    โดยเฉพาะเรื่องหลานตัวเอง

    เธอเผลอหลุดขำออกมานิดหน่อย ไม่อยากเชื่อว่าน้องจะมีรสนิยมชอบอะไรหวานแหวว ดีที่ตอนนี้ปีเตอร์ไม่อยู่ เจ้าตัวเดินขึ้นไปชั้นสอง น่าจะกลับเข้าห้องตัวเองไป

    "จะขึ้นไปเล่นที่ห้องเจ้าพีทก่อนไหมลูก อยู่ตรงนี้ยุงน่าจะเยอะ"

    ป้าเมย์ว่าพลางตบยุงดังแป๊ะมันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เด็กโกลเด้นเดินลงมาจากบันไดชั้นสอง ปีเตอร์อยู่ในชุดเสื้อยึดกางเกงวอร์ม ผมลู่ลง มีละอองหยดน้ำตามไรผมและมีผ้าขนหนูวางแหมะไว้อยู่บนไหล่

    อาบน้ำมา รู้ได้ทันทีที่น้องเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นสบู่หอมอ่อนละมุน

    แล้วฮันน่าจะสนใจทำไมเนี่ย สาวเกรดเอกเคมีตั้งสติ ทันหันไปเหลือบมองนาฬิกาผนังห้องพอดี มันชี้เวลาสองทุ่มได้ แปลกใจเหมือนกันที่อยู่ที่นี่ได้นานหลายชั่วโมง ป้าเมย์ชวนเมาท์ฆ่าเวลาจนเธอไม่รู้เวลา

    "ฮันน่าลูก จะขึ้นไปห้องพีทไหม?"

    "ห้องผมเหรอ?"

    "ไม่เป็นไรค่ะ"สาวเคมีพูดขึ้นมาขัดหน้าตาเหลอหลาของน้อง ปีเตอร์มองเธอตาปริบ"สองทุ่มแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะคะ"

    "แต่ดึกแล้วนะลูก ฟ้าเองก็มืดมากแล้วด้วย"หล่อนว่าพลางมองไปยังนอกหน้าต่าง มันก็จริงอย่างที่ป้าเมย์พูด มันมืดแล้วแต่มันไม่ใช่ปัญหา

    "ไม่นอนค้างที่นี่เลยล่ะ ยังไงพรุ่งนี้ก็หยุดแล้ว อยู่เป็นเพื่อนเจ้าพีทก็ได้"

    "ห๊ะ?"

    ฮันน่ากับปีเตอร์ร้องออกมาพร้อมกัน ป้าเมย์ยังคงยุยงให้เธอนอนค้าง ไม่ได้ถามหลานตัวเองที่หน้าตาเอ๋อมากกว่าตอนให้เธอเดินขึ้นไปเล่นบนห้อง จะหาข้อแก้ตัวแต่ก็โดนมือคนเป็นป้าจับเข้าที่ศอก ใบหน้าคนวัยกลางคนคล้ายออดอ้อน

    เข้าใจอยู่ว่าเป็นห่วงความปลอดภัยแต่ฮันน่าไม่ใช่เด็ก เธอดูแลตัวเองได้ ขับรถตอนดึกกว่านี้ก็เคยทำมาแล้ว

    "ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ"ป้าเมย์ลดมือลงตามแรงที่ฮันน่าดันลง เธอพยายามยิ้มบอกว่าไม่เป็นไรแต่ไม่รู้มันออกมาแบบไหนป้าเมย์ถึงได้ปล่อยมือไปเอง หล่อนถอนหายใจนิดหน่อย ยอมปล่อยเธอไปแต่โดยดี

    "งั้นระวังด้วยนะ แถวนี้พอดึกแล้วค่อนข้างมืด ขับระวังๆนะหนู"

    เธอพยักหน้า ตอบรับไปว่าค่ะ ลากันนิดหน่อยก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากตัวบ้าน ฮันน่ากดกุญแจปลดล็อครถคันหรู เงาสะท้อนตามพื้นจากแสงไฟทำให้รู้ว่ามีใครตามมาไม่ห่าง

    ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร

    "มีอะไร"

    "เปล่าฮะ"

    ไม่รู้ว่าเด็กมันกวนรึเปล่าแต่หน้าตาใสซื่อก็ทำฮันน่าเชื่อสนิทใจว่าน้องไม่มีอะไรอย่างที่พูดจริงๆ ฮันน่าหันหลังกลับ เดินไปเปิดประตูรถ เจ้าเด็กโกลเด้นก็พูดขึ้นมาอีกประโยค

    "กลับบ้านดีๆนะครับ"

    "อืม"

    ประโยคธรรมดาที่มักได้ยินตลอด ฮันน่าเองก็ตอบกลับไปแบบนั้นตลอดไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร เราสองคนสบตากันอีกครั้ง เจ้าเด็กโกลเด้นปล่อยมือจากผ้าขนหนูพาดคอข้างนึงมายกมือโบกไปมา

    หึ

    "เด็กชะมัด"

    แล้วฮันน่าก็สอดตัวเองเข้าไปนั่งที่คนขับทิ้งให้ปีเตอร์ทำหน้าเหวออยู่ตรงนั้น เธอมองลอดผ่านกระจกบานทึบ น้องมันทำหน้าเหงอะงะ มองมือที่บ๊ายบายมาให้สักพักถึงได้เอามือลูบต้นคอแก้เก้อ ท่าทางทำอะไรไม่ถูกดูน่าขันไม่หยอก

    เป็นเด็กที่น่าแกล้ง

    ฮันน่าเลิกสนใจ จัดการเข้าเกียร์แล้วหักพวงมาลัยถอยรถออกจากตัวบ้าน กระทั่งกลับรถแล้วขับผ่านหน้าบ้านอีกที ปีเตอร์ก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ฮันน่ามองหน้าน้องผ่านกระจก เขายืนอยู่นิ่ง มองตามรถที่ขับออกไปไกลเรื่อยๆจนเธอหักเลี้ยวเข้าซอยก็ไม่เห็นอีก

     

     

     

     

    ท้องฟ้ามืดครื้มมาพร้อมกับบรรยากาศที่เย็นตัวลง มีเพียงแสงไฟตามแนวทางที่เพิ่มแสงสว่าง ฮันน่าวนรถผ่านลานน้ำพุขนาดใหญ่ แม้แต่ตอนนี้น้ำที่พวยพุ่งขึ้นมาก็ยังไม่หยุดยั้ง สร้างจิตรกรรมน้ำไม่หยุดหย่อนผ่านใจกลางรูปปั้นเทพี

    หญิงสาวเกรด 12 ลงจากรถ โยนกุญแจให้คนเฝ้ารักษาการ์ณหน้าประตูทางเข้า ไม่ต้องพูดอะไรมากเจ้าตัวก็รู้ดีกว่าควรทำอะไรต่อ

    เบื้องหน้าคือคอนโดขนาดใหญ่ ขึ้นชื่อว่าเป็นระดับดีมากที่สุด ระบบรักษาความปลอดภัยมีทุก 24 ชั่วโมง คนบริการเองก็มีเยอะเหลือ และอย่าพูดถึงตัวด้านใน ทุกอย่างถูกจัดแต่งด้วยของสวยงาม สบายตา เหมาะกับคนมีฐานทรัพย์

    แน่นอนว่าเธอเป็นเจ้าของที่นี่

    ใครจะไปเชื่อว่าเด็กอายุแค่นี้จะมีคอนโดเป็นของตัวเอง เธอมีธุรกิจหลายร้อย ให้พูดโม้ก็ไม่มีใครเชื่อ เธอเคยโดนคนพักอาศัยที่นี่ด่าทอ หาว่าแส่ไม่เข้าเรื่องกับปัญหาที่กำลังก่อ ต้องการเรียกเจ้าของคอนโดมาคุย หากพนักงานที่วิ่งตามมาไม่ก้มหัวให้ ฮันน่าคงต้องปวดหูกับการโวยวายของมนุษย์ร่วมโลก

    ฮันน่าไม่ชอบความวุ่นวาย คนที่ก่อมันขึ้นมาในพื้นที่ที่เธอเป็นเจ้าของย่อมถูกเชิญออก ไม่แม้แต่คนที่มีกระเป๋าหนัก ขาดไปคนเดียวก็ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งล่วง

    อีกอย่าง เงินที่ไหลมาก็ไม่ได้มาจากที่นี่ซะทีเดียว

    แกร๊ก

    [ ยินดีต้อนรับกลับ ]

    เปิดประตูห้องเข้าไปถึงนาทีเสียงตอบรับก็ดังกังวาน ทั้งห้องสว่างวาบด้วยหลอดไฟนีออนทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาเหยียบภายในพื้นห้อง คู่หูเอไอคือคนที่จัดการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัย จัดระเบียบเอกสารและงานตลอดจนถึงการจัดการเรื่องสัมเพเหระ

    ฮันน่าปลดกระดุมออกคลายร้อน แอร์เย็นฉ่ำกระทบเนิ้อผิวที่โผล่พ้น มีเอไอรู้ใจก็ดีอย่าง ไม่ต้องทำอะไรเองให้เมื่อย

    "วันนี้มีอะไรคืบหน้าบ้าง"

    เปลือกตาสีมุกหลับเพลิ้ม หญิงสาวเพียงคนเดียวปล่อยกระเป๋าเป้ข้างตัวลงสู่พื้นแบบไม่แยแส เธอซึมซับความเย็นชื่นให้หายเหนื่อยล้าในขณะที่หูเองก็ประมวลผลกับสิ่งที่เอไอรายงาน

    [ เช้าวันนี้คุณนายห้อง 403 ทะเลาะวิวาทกับเจ้าหน้าที่โรงแรมแต่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีครับ มียามรักษาความปลอดภัยสมัครเข้ามาใหม่ หน่วยก้านดีเลยทีเดียว โดยรวมแล้วก็ยังคงปกติเหมือนเดิมทุกวันครับ ]

    เธอฮึมฮัมในลำคอเป็นอันรับรู้

    [ ส่วนเรื่องธุรกิจบริษัท ฝั่งนั้นต้องการนัดเจอส่งของครับ ยิ่งเร็วยิ่งดี มีการต่อราคานิดหน่อย ผมประมวลผลแล้วราคาที่เขาต่อไม่มีผลต่อกำไรเรามากเท่าไรแต่ฝั่งนั้นเองก็ต้องการความปลอดภัยมากด้วยครับ เราอาจจะต้องส่งกำลังคนไปเพิ่ม ]

    "ก็ส่งไปสิ บอกพิกัดด้วยว่าจะให้ส่งที่ไหน อย่าให้ใกล้กับโกดัง ฉันขี้เกียจมานั่งแก้เวลามีปัญหา" ยกมือขึ้นเสยผมลวกๆ คว้ากระเป๋าเป้ที่ปล่อยเอาไว้เมื่อกี้ไปวางไว้บนโต๊ะเตี้ยแทน ฮันน่าเดินตรงดิ่งไปยังห้องนอนในขณะเดียวกันมือทั้งสองข้างก็ถยอยปลดเปลื้องผ้าจนเหลือเพียงชุดชั้นในสีดำสนิท

    [ ครับ ]

    คู่หูยังคงตามมาไม่ห่าง เขาเป็นเพียงเทคโนโลยีที่ไม่มีรูปร่างแน่นอน อย่างตอนนี้เธอก็สร้างให้เขาออกมาได้เป็นเพียงเศษของอินเตอร์เน็ตมารวมกันเป็นกระจุกเท่านั้น

    ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีความรู้สึก ฮันน่ากับฟอร์สรู้จักกันตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสร้างธุรกิจเลยด้วยซ้ำ อันที่จริง..ฟอร์สเป็นคนดูแลระบบงานต่างๆตั้งแต่รุ่นแม่ พอแม่เสีย ทุกอย่างเลยตกเป็นของฮันน่าทั้งหมด

    อย่าถามหาถึงพ่อเชียว รายนั้นไม่เคยแม้แต่แยแสเธอ ฮันน่าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง

    แม้แต่งานศพของแม่ เธอยังไม่เห็นแต่เงาหัวของผู้ชายคนนั้นแถมยัง..

    [ อาการเริ่มไม่ดีแล้วนะครับ ]

    สติกลับมาตอนที่ฟอร์สเอ่ยทัก ฮันน่าเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองจิกเล็บเข้าที่อุ้งมือตัวเองจนเป็นรอย มันไม่ได้รู้สึกเจ็บเท่าไร ไม่มีอะไรเจ็บเท่าสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอดตั้งแต่จำความได้

    ไอ้พ่อเฮงซวยมันทุเรศสิ้นดี

    "ก็แค่คิดอะไรนิดหน่อย"เกี่ยวกับเรื่องในอดีต จุดที่ต่ำที่สุดในชีวิต จุดที่เธอยังสมเพชตัวเองไม่หาย

    มองตัวเองผ่านจุดนี้สิ

    ส่องผ่านกระจกที่สะท้อนตัวตนออกมา ฮันน่ากลับแค่นหัวเราะให้ตัวเอง ดูเธอตอนนี้สิ มีสิ่งไหนที่อยากได้แล้วไม่ได้บ้าง ดูใบหน้าเธอสิ หยิ่งผยองเพียงไหน ดูตัวตนของเธอสิ คนที่เป็นถึงจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร

    ต่อให้มีใครกล้ามาต่อกร ฮันน่าก็จะยืนหยัดด้วยลำแข้ง

    ต่อให้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นกลับมา ฮันน่าก็จะเป็นฝ่ายโหดร้ายใส่

    เธอไม่ใช่เด็กที่ต้องทนมือทนตีนอีกต่อไปแล้ว

    แค่นหัวเราะให้กับความคิดบ้าๆ ฟอร์สเงียบลงไปสักพักแล้ว ปล่อยให้เธอใช้เวลานี้เกี่ยวกับต้วเอง อีกอย่างสภาพเธอเองก็หลุดรุ่ยพอสมควร ตะขอที่ติดกันระหว่างกลางของบาร์เองหลุดออก อีกนิดคงเปลือยเปล่า

    อย่างที่บอกฟอร์สก็มีความรู้สึก โดยรวมแล้วเขาเองก็เป็นผู้ชาย ไม่แปลกที่จะพาตัวเองหนีออกไป ทั้งที่ควรจะชินได้แล้วแท้ๆเพราะฮันน่าเองก็ไม่เคยถอดเสื้อในห้องน้ำเลยสักครั้ง

    พอคิดแบบนี้ก็คิดว่าตัวเองพิลึกคนไม่น้อย

    แต่นี่มันห้องเธอนะ เธอเป็นเจ้าของ จะถอดจะวางตรงไหนก็ได้ไม่ใช่หรือ

    คิดอะไรเรื่อยเปื่อยตอนแช่น้ำไม่นานก็ลุกออก เนื้อเนียนเกาะพราวไปด้วยหยดน้ำ ฮันน่าใช้ผ้าขนหนูพันรอบตัวไว้ก่อนที่จะเดินออกไป

    [ คุณหนูครับ ]

    "ว่าไง"ฮันน่าขานรับ เปิดฝาเหยือกนมกระดกขึ้นดื่ม ใช้บั้นท้ายปิดตู้เย็นโดยไม่ลืมหยิบแอปเปิ้ลลูกแดงสดออกมาด้วย

    [ คุณลัสโซ่โทรมาครับ อยากให้กดตัดสายเลยไหมครับ ]

    ก็ดีนะ

    เธอตอบในใจแต่คิดไปคิดมาเพื่อนตัวดีอาจจะมีอะไรเร่งด่วนถึงได้โทรมาปานนี้ ถึงแม้ปกติจะชอบโทรมาก่อกวนจนฟอร์สรำคาญกดตัดสายไปเองก็ตาม

    "รับดูแล้วกัน"

    หลังจากนั้นไม่นาน หน้าลัสโซ่กับชื่อที่เมมเอาไว้ในตัวโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมากลางอากาศ มีเสียงแว้ดๆดังออกมาฟังไม่ได้ศัพท์ ฮันน่ากัดแอปเปิ้ลไปคำหนึ่งเพื่อรอสิ่งที่เพื่อนจะพูด

    "ฮายยยยแม่มสาวน้อยยยย"

    มือที่ถือแอปเปิ้ลซะงักค้าง ฮันน่าหน้าเฉยชา ฟังจากน้ำเสียงดูรู้เลยว่าลัสโซ่ไปไหน เสียงเพลงดังกระหึ่มออกมาขนาดนี้คงหนีไม่พ้นผับที่ไหนสักที่

    น้ำเสียงงัวเงียฟังไม่ได้ศัพท์นี่ก็ด้วย ลัสโซ่กำลังเมา

    "คิดถุงจุงเบยอ่าา ทัมมัยม่ายมาตี้กะพวกเลาฟะ--"

    "ตัดสายไปเลยฟอร์ส"

    "ฉ้านน่าน--ติ๊ด"

    ไม่น่ารับเลย

    เป็นความคิดที่ผิดชะมัดที่ไปรับสาย ฮันน่าบีบหัวคิ้วเข้าด้วยกัน

    [ ไม่น่ารับเลยนะครับ ]

    "ฉันก็ว่างั้น"

    ฮันน่าส่ายหัวเอือมระอา เพลียใจกับความไร้สาระของเพื่อนแต่ส่วนนี้ก็ถือว่าเป็นข้อดีส่วนนึงของลัสโซ่ ลัสโซ่เป็นคนที่ไม่คิดอะไรมากแถมยังเรียกเสียงเฮฮาได้จากคนอื่นได้ง่าย พูดอีกแบบคือเป็นตัวท็อปของการสังสรรค์ อยู่ด้วยทีไรก็เป็นอันให้คลายเครียดตลอดแถมยังคอแห้งเพราะต้องโต้ตอบกับมันอีก พูดมากจริงๆ

    คิดมาถึงจุดนี้ก็ขอถอนหายใจอีกรอบ

    เฮ้อ

    ตี๊ด

    คราวนี้อะไรอีก ลัสโซ่นี่ไม่ยอมแพ้กับการโทรมาก่อกวนเธอเลยรึไงกัน

    [ คุณหนูครับ—]

    "ตัดสายไป"

    ไม่คิดอะไรให้เสียเวลา สายเงียบไปได้ไม่นานก็มีเสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกสองสามสาย เธอข่มอารมณ์กับความช่างตื้อ(การก่อกวน)ของเพื่อน ไม่อยากคิดว่าถ้าเธอเป็นคนที่ต้องถือโทรศัพท์ตัดสายซะเองจะมือหงิกเพราะสายๆนี้มากขนาดไหน

    โทรมาเหมือนบ้านผลิตเครือข่ายใช้เอง

    ติ๊ดติ๊ดติ๊ด

    "กดตัดสายไปเรื่อยๆเลยฟรอส"

    [ เอ่อ แต่นี่เป็นสายที่สามที่คุณสตาร์คโทรมาแล้วนะครับ ]

    "กดไป —..."เธอนิ่งเงียบตอนที่รู้ว่าเผลอสั่งอะไรไปแบบไม่ยั้งคิดเพราะคิดว่าคนที่โทรมายังคงเป็นลัสโซ่ ฮันน่าเงยมองโฮโลแกรมที่ฉายหน้าคู่ค้าทางการธุรกิจ

    หมอนี่ชื่ออะไรนะ?

    กระต๊าก?

    [ ให้ตัดสายไหมครับ ]

    ฮันน่ามองใบหน้าของคนที่เด้งขึ้นมาในโฮโลแกรม เจ้าไก่สวมแว่นกันแดดยังคงโชว์เด่นหรา จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าติดต่อธุรกิจอะไรกับคนคนนี้แต่งานที่ทำอยู่ช่วงนี้ ฮันน่าจำได้ว่าตนเองเป็นคนจัดการทั้งหมดไม่ได้มีส่วนร่วมกับโครงการหรือเครือข่ายบริษัทไหน มันยุ่งยากแถมยังไม่ได้ดั่งใจ

    ฟอร์สยังคงถามคำถามเดิมในขณะที่เธอนิ่งเงียบ หน้าของกระต๊ากยังคงเด้งขึ้นมาอยู่เรื่อยๆรอการตอบรับ

    "กดตัดสายไป"

    ช่างมันเถอะ ขี้เกียจคุย

     

     

     

     

    TALK♡¡

    สอบเสร็จแล้วค่ะทุกคน! ฮื่อ นี่คือครั้งแรกที่กลับมาเขียนฟิคหลังจากที่หายไปนาน คิดถึงเรากับเจ๊และน้องทอมกันไหมคะๆๆๆ เราคิดถึงมากๆเลย! ยังอ่านทุกคอมเม้นนะค้าบ♡

    ขอบคุณคนที่ยังรอกันอยู่นะคะ มาส่องอยู่บ่อยๆแต่ไม่สามารถเขียนได้เพราะติดสอบเข้า อุแงแงแง

    คือบับข้อสอบแบบอิหยังวะเยอะมาก เครียดมากแต่ก็ปลงแล้วด้วย55555 เลยมาคลายเครียดกับเจ๊ฮันน่ากันดีกว่า ♡

    แอบยอมรับนะคะว่าเริ่มลืมเนื้อหากับการเขียนเรื่องนี้ไปแล้ว555555 แต่ยังพอจำโครงได้เลยคลอดออกมาเป็นตอนนี้

    โดยรวมแล้วตอนนี้เราก็ยังคงชอบน้องทอมอยู่ดี ชอบความเงอะงะตอนอยู่กะเจ๊ แถมเจ๊เองก็ยังไม่รู้ตัวด้วยว่าเริ่มสนใจน้องแล้ว ฮื่อ มันสุดแสนน่าแกล้ง ;___;

    ใดๆล้วน ขอฝากเจ๊ฮันน่ากับน้องทอมและคุณกระต๊ากที่เจ๊ไม่ยอมรับสายในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะเจ้าคะ 

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×