คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 01. — PETER PARKER
01
เสียงเพลงดังกระหึ่มอยู่ในหู ทำลายเสียงรบกวนที่ดังเอะอะโวยวายตามโรงเรียนไฮสคูลธรรมดา ฮันน่า ชาร์ลอตต์มองสิ่งรอบตัวไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียนรุ่นน้องที่กำลังเตะบอล อ่านหนังสือหรือแม้แต่เล่นบาสกันอยู่ด้วยสายตาเบื่อหน่าย
ว่ากันตามตรง ฮันน่าค่อนข้างคิดว่าทุกอย่างมันดูน่าเบื่อไปหมด เธอคิดมาตลอดว่าอะไรคือการทำให้ตัวเองมาอยู่ตรงนี้ คนที่มีสมองระดับที่สามารถสอบเทียบเท่าด๊อกเตอร์ได้สบายๆ เป็นเจ้าของบัญชีมูลค่าหลายล้านดอลล่า มีธุรกิจส่วนตัว มีชีวิตสมบูรณ์แบบที่พูดได้ว่าใครๆต่างอิจฉา ทำไมต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งเรียนเป็นเด็กเกรด 12 ด้วยวะ
"เฮ้ย เอาตีนลงไปดิ้"
ฮันน่าเปิดเปลือกตาขึ้นมองเจ้าของเสียงทุ้มพวงด้วยเจ้าของส่วนสูงถึง 190 เซนติเมตร สาวเจ้าคนเดียวของกลุ่มยกส้นเท้าที่ใช้วางกับโต๊ะหินอ่อนลงกับพื้น ทำท่าพายมือให้กับเพื่อนสนิทสุดประเสริฐ
"อัญเชิญเพคะองค์ชายเกเบรียน"
"กวนส้นตีน"
ฮันน่าแค่นหัวเราะ สิ่งหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศในโรงเรียนไฮสคูลสนุกคือเกเบรียน เขาเป็นคนที่น่าแกล้งมากๆคนนึงแต่ด้วยลักษณะที่เหมือนจะเป็นคนดุ หน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลา คนในกลุ่มหรือนักเรียนคนอื่นเลยไม่กล้าเข้ามาหยอก มาทำความรู้จัก
ป๊อก
"อ๊อก!"
"..."
เกเบรียนทำหน้าเหยในขณะที่ฮันน่ากำลังกลั้น พยายามจะไม่คิดอะไรละนะแต่การกระทำโก๊ะๆของเกเบรียนนี่โคตรจะจี้ เจ้าตัวซื้อบะหมี่มากินเป็นมื้อเที่ยง ขณะที่กำลังแกะตะเกียบที่ติดกันออกมันก็ดันหักเป็นสองท่อนแล้วกระแทกใส่เบ้าหน้าเข้มๆของเจ้าตัวดังป๊อก!
ถามอีกรอบ ถ้ามีคนมาเจอมันทำตัวโก๊ะๆแบบนี้จะมีใครกลัวมันอีกวะ
"หมดกันท่านเกเบรียนผู้น่าเกรงขรามของเรา"ลัสโซ่หัวเราะ ในขณะที่คนอื่นก็ล้อเลียนเกเบรียนไม่หยุดจนเจ้าตัวหน้าดำหน้าแดง
"คราวนี้เด็กๆเกรด 10 ก็หมดศรัทธาแล้วมั้ง"
ฮันน่ายิ้มให้กับคำล้อเลียนของเปบเปอร์ เธอไม่ได้ฟังเสียงทะเลาะง้องแง้งของเกเบรียนกับคนที่เหลือเท่าไร เล็บยาวที่เคลือบด้วยเจลดำสนิทเขี่ยฝากระป๋องน้ำอัดลมไปมา ในขณะที่สายตากำลังจดจ้องอยู่ที่เด็กกลุ่มนึง
มองออกก็รู้ว่ากำลังโดนรุมแกล้งแต่ฮันน่าไม่ใช่ประเภทที่จะออกตัวเป็นฮีโร่เข้าไปช่วยเด็กพวกนั้น ความเป็นจริงของโลกใบนี้คือไม่มีใครที่จะเข้าไปช่วยพวกนั้นได้ตลอดเวลา ถ้าไม่คิดช่วยตัวเองก่อนก็อย่าหวังเรียกร้องให้คนอื่นช่วยเลยแถมคนที่อยู่แถวนั้น ใกล้กว่าเธอกว่านี้ ยังไม่กล้าแม้แต่จะลุกไปห้ามเด็กพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ
โลกนี้มันต้องยืนขึ้นด้วยลำแข้งของตัวเอง
เป๊าะ
ฮันน่ากระดกกระป๋องน้ำอัดลมไปอึกหนึ่ง เธอละสายตาจากเด็กกลุ่มนั้นเมื่อรู้สึกว่ามองไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูก็รู้ว่าไอ้เด็กกลางวงจะโดนรุม เธอวางกระป๋องน้ำลงต่อหน้าเกเบรียนที่เงยหน้าขึ้นมาจากการซูดบะหมี่เส้นสุดท้ายหมด เจ้าตัวคว้าเข้าที่กระป๋องน้ำอัดลมทันทีแล้วกระดกดื่ม
เธอน่ะรู้ใจหมอนี่ที่สุด
"อย่างกับแฟน"
จะทำเป็นว่าไม่ได้ยินสิ่งที่ลัสโซ่กำลังกระซิบกระซาบกับเปปเปอร์อยู่ละกัน ฮันน่าทำเป็นหูทวนลม ยังดีที่มีหูฟังเสียบคาเอาไว้อยู่ในหูเลยดูไม่ออกว่าได้ยินที่เจ้าเพื่อนตัวดีพูดรึเปล่า
"เขาอาจจะคบกันอยู่ก็ได้"
"อย่างนี้เราก็โสดคู่เหรอวะ"
"หรือพวกมึงจะคบกันเอง"
ลัสโซ่กับเปปเปอร์สะดุ้งตัวโหยงตอนที่เกเบรียนโพล่งขึ้นมา เพื่อนหน้าดุเอาเศษซากตะเกียบใส่ลงในชามก่อนที่จะยันตัวลุกขึ้น
"จะกระซิบกระซาบอะไรก็ให้มันเบาๆหน่อย กูได้ยินครบทุกประโยค"
"ค้าบพ่อออ"
"ไปได้แล้ว"คราวนี้เกเบรียนหันมาทางเธอ ฮันน่าส่งเสียงในลำคอว่ารับรู้ก่อนที่จะคว้ากระป๋องน้ำอัดลมที่เหลืออยู่ก้นกระป๋องขึ้นมาด้วย เราเดินไปทิ้งขยะข้างๆเหมือนปกติและด้วยความเสียดายน้ำอัดลมกระป๋อง ฮันน่าเลยเลือกที่จะกระดกขึ้นดื่มให้คุ้มค่ากับกับเงินที่เสียไป
แต่ทว่า
ปั่ก!
"ขอโทษครับพี่!"
ฮันน่า ชาร์ลอตต์เกิดมา 18 ปี อยู่โรงเรียนไฮสคูลที่นี่มาตั้งแต่ยังแบเบาะไม่เคยมีวันไหนสักวันที่จะได้รับอุบัติเหตุในโรงเรียนมาก่อน
ร่างสมส่วนเอียงเซ กระป๋องน้ำอัดลมกระเด็นกระดอยตกลงบนพื้นส่งเสียงกร็องแกร๊ง ชายชาติแมน 3 คนที่ยืนหลายล้อมไม่ได้ช่วยอะไรเลยนอกจากลัสโซ่ส่งเสียงออกมาว่าอุต๊ะ
ฮันน่ากะพริบตาไล่ความมึนงง ปรับภาพโฟกัสที่อยู่ตรงหน้า ลูกบอลสีส้มลอยกระเด้งมาอยู่แทบเท้าเหมือนกับขอขมาเจ้าแม่เอกภาคเคมี เธอไม่ได้สนใจความเจ็บปวดแล่นแปล๊บที่อยู่บนหัว เลือกที่จะคว้าลูกบาสขึ้นมาไว้ในกำมือพร้อมกับหันไปมองไอ้เด็กที่กล้าหือใส่
"ผะ ผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริงๆครับ"เจ้าตัวพนมมือตรงหน้า ขอโทษขอโพยยกใหญ่ ไม่รู้ว่าฮันน่าทำหน้าแบบไหนเด็กนั้นถึงได้เหงื่อแตกพลั่ก ได้ยินเสียงเปปเปอร์พูดว่าเอาแล้ว
"ชู้ตแม่นดี"เธอชม ดวงหน้าเรียบเฉยยิ่งทำให้เด็กเหงื่อตกกว่าเดิม
"ใจเย็นน่า ปาร์คเกอร์ไม่ได้ตั้งใจ"เกเบรียนออกตัวปกป้อง แล้วไอ้หมอนี่มันรู้ชื่อน้องมันได้ยังไง อ้อ ลืมไปมันเป็นกัปตันทีมบาสของโรงเรียน
"ฉันไม่ได้โกรธ"เธอว่า ไม่ได้สนใจเด็กที่ชื่อปาร์คเกอร์ ปาร์คก้องอะไรนั่น สองมือจับลูกบาสแน่นก่อนที่จะโยนมันขึ้นแล้วรับเป็นการวอร์ม
"นักบาสของโรงเรียน?"
"ผ..ผมแค่เข้ามาเล่นกับเพื่อนเฉยๆครับ"
"เหรอ"ส่งเสียงแค่นั้น ก่อนที่จะตั้งท่าชู้ตแล้วออกแรงผลักลูกสีส้มในมือให้ลงห่วง ด้วยระยะที่ไกลพอสมควรมันเป็นไปได้ยากที่ผู้หญิงคนนึงจะชู้ดลงด้วยแรงทั้งหมดแต่ฮันน่าไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ด้วยพละกำลังที่มีมากกว่าเพศเดียวกันประกอบด้วยการเล่นกีฬามาหลายชนิดจนชำนาญ ทำให้ลูกบาสสีส้มลงห่วงได้อย่างสวยงาม
"ไนท์ชู้ต"ลัสโซ่กับเปปเปอร์ประสานเสียง เธอหันมามองเด็กเจ้าปัญหาอีกครั้ง มุมปากเธอยกยิ้ม
"ไปเก็บมา"
ปาร์คเกอร์ทำหน้าเหลอหลา กว่าจะเข้าใจอะไรได้ก็ตอนที่เธอคว้ากระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาโยนใส่น้องมันแล้วเจ้าตัวรับได้แบบพอดิบพอดี
"แล้วก็ไปซื้อโค้กมาด้วย เกรด 12 เอกเคมี"
แล้วสาวเจ้าเอกเคมีก็เดินตัวปลิวออกมาจากเด็กบื้อที่ยังทำหน้าไม่รู้เรื่อง กว่าสามหน่อจะตั้งสติได้ก็เดตแอร์ไปเกือบหลายนาที เกเบรียนเป็นคนแรกที่วิ่งมาตีข้าง
"ไปแกล้งน้องมันทำไมวะ"
"ไม่ได้แกล้ง"เธอเดินเอื่อย เปลี่ยนเพลงที่จะฟังไปด้วย"อยากกินน้ำเฉยๆ"
ด้วยความสัตย์จริง ฮันน่าแค่เสียดายน้ำก้นกระป๋องที่ไม่ได้จิบสักหยด
"ไปซื้อเองก็ได้ไหมล่าา"ลัสโซ่กระโดดกระเหยงมาหา กอดคอเปปเปอร์ให้เดินตามมาด้วย"เดี๋ยวเด็กก็กลัวกันหมดอ่ะ"
"สนที่ไหน"
"โหดจริงแม่คุณ"เปปเปอร์ซี๊ดปาก ฟังจากเสียงก็รู้ว่าประชด ฮันน่าทำเพียงแค่ยักไหล่ไม่แยแส หญิงสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มเดินนำหน้า ฮึมฮัมเพลงในลำคอไม่สนใจเพื่อนที่ตามมา
"แฟนนายเนี่ยเดาอารมณ์ยากจัง"ลัสโซ่กระซิบ
"ไม่ใช่แฟน"แล้วก็เป็นเกเบรียนที่ต้องแก้ต่าง
"ตอนนี้ไม่ใช่แต่ตอนหน้าใช่รึปะ"เพื่อนตัวดีปิดปากยกยิ้มกระย่อง มีเปปเปอร์เป็นลูกสมุนโห่แซวอยู่ข้างๆ
"อ้ายยย"
บอกทีเปปเปอร์ ว่านั่นเสียงโห่แซว
"ทำไมของฉันมันไม่ใสวะ"
ฮันน่าเงยหน้าจากสไลด์ทดลอง วางตัวบีบน้ำยาสารเคมีลงอย่างระมัดระวัง มั่นใจว่าถ้าหากวางลงไปแล้วมันหกตกแตกแล้วไม่กระเด็นโดนตัวถึงได้หันไปมองเกเบรียน
เจ้าคนหน้าดุยิ่งทำหน้าดุเข้าไปใหญ่ในตอนที่คิ้วเข้มทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเป็นโบว์ ฮันน่าเหลือบสายตามองสไลด์ของเพื่อนตัวดี สารเคมีของเจ้าตัวแตกต่างจากพวกเพราะมันมีสีออกชมพูม่วง
นี่เป็นคาบวิจัยสารเคมี อาจารย์คนประเสริฐสั่งให้สกัดสารเคมีที่ให้มา โดยตัวเริ่มแรกสารมันค่อนข้างมีกลิ่นฉุน สีจัดจ้านขนาดที่ว่าอยู่ไกลยังมองเห็น ท่านสั่งให้สกัดมันจนเป็นสีใส พูดง่ายๆก็เหมือนกับการหักล้างสารเคมีของมันเอง
เกเบรียนเริ่มทำหน้ายุ่ง อีกฝ่ายลากเก้าอี้มานั่งแล้วจดจ้องกับสารตรงหน้า ตั้งอกตั้งใจจนน่าขัน
คิดสภาพผู้ชายตัวโตๆ หน้าดุมานั่งสกัดสาร ตลกชิบหาย
"ใส่ไป"
เห็นเพื่อนนั่งจ้องนานเหมือนจะให้มันใสเองแล้วปลง ฮันน่าเลื่อนสารที่ใช้หยดไปเมื่อกี้ให้เกเบรียน เจ้าตัวใหญ่ทำหน้าบรรลุธรรม เอาไปหยดแล้วไม่นานสารละลายสไลด์ตรงหน้าก็ใสแว๊บ
"เก่งมากฮันน่า ไหนมาให้เบียนจุ๊บเป็นรางวัลสิ้"
"ลามปามไอ้นี่"ไม่ว่าเปล่า มือขาวดันหน้าเกเบรียนที่ยื่นมาใกล้ออกห่าง มันก็เป็นการเล่นปกติของพวกเธอทั้งคู่แต่มันดันไม่ปกติก็ตรงที่ฮันน่าลืมไปว่าตอนนี้เรากำลังทำการทดลองกันอยู่
เธอสวมถุงมือยางเอาไว้กันสารเคมีและตอนนี้มือที่ไม่รู้ไปโดนอะไรต่อมิอะไรก็กำลังแปะอยู่บนใบหน้าเพื่อนสนิท
เกเบรียนเดตแอร์ ฮันน่าซะงัก ทั้งห้องเงียบกริบ
ชิบหายแล้วไง..
"โอ้ยย..แสบเชี่ย!"เกเบรียนสะดุ้งออกห่าง จะยกมือมาลูบหน้าก็ไม่ได้เพราะเจ้าตัวก็ใส่ถุงมือกันเอาไว้อยู่ เธออ้าปากพะงาบ หมดลุคแม่คนติสต์เอกเคมี
"เกิดอะไรขึ้น"อาจารย์เดินเข้ามา คาดว่าน่าจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากในห้อง เกเบรียนทำหน้าจะร้องไห้ อีกฝ่ายตาแดง จมูกแดงไปหมด
"ฉันเผลอจับหน้าเกเบรียนค่ะ"ฮันน่าออกตัว รู้ตัวว่าผิดเต็มๆที่เผลอ ค้านจะให้เกเบรียนเป็นฝ่ายบอกก็ดูเป็นไปไม่ได้ในเมื่อเจ้าตัวหน้าตึงไปหมด
"ตายแล้ว! รีบพาเพื่อนไปล้างหน้าล้างตาแล้วพาไปห้องพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยคุณชาร์ลอตต์!"
จ้า รู้แล้วจ้า
"ไปเกเบรียน"เธอคว้าแขนเพื่อน ยังดีที่มีเสื้อกาวน์คั่นไว้อยู่ ไม่งั้นผิวขาวๆของหมอนี่ได้แดงเหมือนหน้าแน่
เจ้าตัวเดินตามว่าง่าย ยังดีที่มีห้องน้ำอยู่ข้างๆไม่งั้นเกเบรียนได้แสบจนหน้าได้ลอกแน่ ฮันน่าจัดการดึงถุงมือตัวเองและของเพื่อนออก เปิดก๊อกน้ำ ล้างหน้าล้างตาให้คนที่ใหญ่แต่ตัว
"แสบชิบ"เกเบรียนบ่นอุบ
"เล่นอะไรไม่รู้เรื่องเอง"
เธอกวักน้ำแปะเข้าที่ใบหน้าคมจนดังแป๊ะ เกเบรียนจมูกแดงก่ำ ไม่ได้เป็นเพราะร้องไห้แต่สารเคมีที่ทำการทดลองใช่ว่าจะอ่อนที่ไหน ยังดีที่มันไม่กัดใบหน้าหล่อๆนี่ แต่ยังไงก็ละเลยไม่ได้อยู่ดี ล้างแค่น้ำเปล่ากับสบู่เหลวก็ใช่ว่าจะหาย ยังไงเธอก็ต้องหามเกเบรียนเข้าห้องพยาบาลให้คนที่นู่นดู
โชคยังดีไม่น้อยที่โรงเรียนนี่มันระดับนานาชาติ อาจารย์ห้องพยาบาลกับยาต่างๆในห้องเลยไม่ได้ไก่กา
"ไหนดูสิ้"มือทั้งสองข้างประคองเข้าที่ใบหน้าเพื่อนสนิท ดวงตาคมเฉี่ยวมีน้ำเอ่อคลอและรอยแดง ใบหน้าคมมีหยาดน้ำเกาะพราวเป็นบางจุด
บางครั้งฮันน่าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรุ่นน้องที่โรงเรียนถึงได้กรี๊ดกันนัก ทั้งที่เธอดูจากมุมไหนก็ไม่เห็นจะรู้สึกพิศวาสในตัวเกเบรียนเลย ยิ่งมองยิ่งมีแค่คำถามที่ว่าหล่อตรงไหนวะ
"ก็ไม่ได้แย่"หมายถึงสารเคมีที่มันไม่ได้ลามไปมากเท่าไร ดีที่เธอยั้งมือออกทัน ไม่อยากคิดว่าถ้าแช่ค้างไว้นานกว่านั้น สภาพจะยังเป็นแบบนี้อยู่รึเปล่า
"มาเป็นเองเดี๋ยวรู้เลย"
"พูดมากน่ะเบียน"เธอคว้าถุงมือยางแล้วขย้ำไว้ อยากจะทิ้งในห้องน้ำเหมือนกันแต่ถุงมือที่โดนสารเคมีมาอะไรต่อมิอะไร ทิ้งไม่เป็นที่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร
แถมโรงเรียนนี้ก็ไฮเทคเกิ๊น มีขยะป้องกันสารเคมีให้ทิ้งอยู่ในห้องแล็ป
"เอ๊ะ"
เดินออกมาจากห้องน้ำได้ไม่ถึงสิบวินาทีฮันน่าก็ได้ยินอุทานดังเอ๊ะออกมาจากทางเดิน เธอหันไปมองโดยอัตโนมัติตามประสาคนหูดี สบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลทองเข้าพอดิบพอดี
ให้ทายว่าเจอใคร
เด็กกระโปกหน้าเนิร์ดที่กล้าโยนบาสใส่หัวเมื่อเช้าไง ข้างๆมีเพื่อนติดห้อยสอยมาด้วย น้องมันทำหน้าคนช็อคโลก ไม่รู้ว่าทำไมทำหน้าอ้ำๆอึ้งๆกันขนาดนั้น ยิ่งตอนเกเบรียนบ่นตามหลังมาก็อ้าปากจนเห็นฟันครบทุกซี่
"อ้าว ปาร์คเกอร์"คนที่ตามหลังมาเป็นฝ่ายทัก จังหวะที่เอนตัวหลบออกห่างจากทางเข้าห้องน้ำถึงได้รู้สาเหตุที่ทำให้เด็กมันเอ๋อ
ฮันน่าก็แค่ออกมาจากห้องน้ำผู้ชาย
"สวัสดีครับพี่"
"มาทำอะไรที่ชั้นนี่เนี่ย มีทำแล็ปต่อเหรอ"
ฮันน่าไล่มองสายตาเพื่อนเด็กปาร์คเกอร์ ร่างท้วมนุ่มนิ่ม ผิวคล้ำถือว่าเป็นคนที่มีลักษณะเฉพาะตัว
"เอ่อ เปล่าครับ พอดีผมมาหาเพื่อนพี่ที่ห้องแต่เผอิญไม่อยู่"ปาร์คเกอร์เหลือบมอง ฮันน่าก็มองกลับไม่แพ้กันแล้วน้องมันก็เป็นฝ่ายหลบตาแทบจะทันที เพิ่งสังเกตเห็นว่าน้องถือกระป๋องโค๊กติดตัวมาด้วย"เห็นตารางในคาบว่ามีทำแล็ปเลยขึ้นมาดู.."
"แล้วไม่วางไว้บนโต๊ะ?"ถามเรียบนิ่ง เอียงคอมองเด็กที่จะสูงกว่าไม่สูงกว่าตรงหน้า"โง่หรือซื่อ?"
"ฮันน่า"เจ้าของชื่อหันไปมองเกเบรียน มือใหญ่ๆกุมรอบแขนเธอจนมิด เพื่อนชายมองเป็นเชิงตำหนิแต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าตำหนิกันเรื่องอะไร
"นั่นของยัยนี่ใช่ไหม"เกเบรียนชี้ไปทางกระป๋องในมือ ปาร์คเกอร์พยักหน้ารับ"งั้นเอามา ขอบคุณมากนะปาร์คเกอร์"
พอเกเบรียนรับของจากเด็กปาร์คเกอร์เสร็จก็ยัดใส่มือเธอแทบทันที ฮันน่าจะอ้าปากพูดอะไรก็ถูกเพื่อนตัวดีลากเดินออกไปก่อนแล้ว
ไม่วายพูดก่อนไปกับเด็กสองหน่อว่า"โทษทีนะ ฮันน่ามันมนุษย์ปากหมา"
อ้าวไอ้นี่! คนโดนพาดพิงสะบัดต้วออกจากการกอบกุม จะหันไปต่อว่าก็โดนเกเบรียนพูดขัดขึ้นมาก่อน
"ทำไมพูดกับน้องแบบนั้นวะ"เธอส่งเสียงห๊ะออกมา"น้องแม่งหน้าเสียชิบหาย ไม่ชอบอะไรน้องวะ"
"อะไรของนาย?"
"หรือยังโกรธเรื่องเมื่อกลางวันอยู่?"เกเบรียนท้าวเอว ทำตัวเหมือนคุณพ่ออบรบลูกสาว
ฮันน่าประมวลผล นึกคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดก็คิดไม่ออก ได้แต่ยืนมองเกเบรียนคว้ากระป๋องน้ำอัดลมออกจากมือตัวเองแล้วชูมันขึ้นเหมือนคนกำลังเทศน์
"น้ำนี่ก็เหมือนกัน มันเป็นอุตบัติเหตุ น้องมันก็ไม่ได้ตั้งใจ เธอก็ยังบอกให้น้องมันซื้อมาถวายให้ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากกิน? พอน้องเอามาให้ถึงที่แล้วเธอก็พูดแบบนั้นใส่มันดูไม่ไร้เหตุผลเกินไปหน่อยเหรอวะ?"
เดี๋ยว.. ใจเย็น เธอทำอะไรผิดนะ
ที่เธอพูดกับปาร์คเกอร์อ่ะนะ?
"แล้ว?"แล้วทำไมต้องใส่ใจขนาดนั้นวะ
"แล้ว? แล้วเนี่ยนะ? ถ้าเธอโดนพูดแบบนั้นใส่บ้างจะรู้สึกยังไง"
"เฉยๆ"
"เออโทษที เธอมันติสท์"เกเบรียนเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น ใบหน้ายังคงขุ่มมัว เขาผ่อนลมหายใจแล้วเปิดฝากระป๋องน้ำอัดลม กระดกกินรวดเดียว
เดี๋ยว นั่นมันของเธอไม่ใช่เหรอ
"เกเบรียน"
"อะไร"
"นั้นน้ำฉัน!"ฮันน่ากระโดดคว้าคอเพื่อนตัวดี ยื้อแย่งน้ำอัดลมกระป๋องจากมือหนา ด้วยส่วนสูงที่ห่างกันมากทำให้การกอดคอของฮันน่าทำให้เกเบรียนต้องเดินหลังค่อมแล้วยอมปล่อยมือออกจากกระป๋องน้ำโค้ก
"เนียนเลยนะแก"เข่นเขี้ยวใส่หน้าเกเบรียน กระดกน้ำอัดลมโชว์จนหมดกระป๋องด้วยเลย คนสูงกว่าหัวเราะแผ่วเบา จี้เอวบางจนอีกฝ่ายสะดุ้งตัวโหยง
หนึ่งในความลับของฮันน่า ชาร์ลอตต์คือเจ้าตัวน่ะบ้าจี้ขั้นหนัก
"ไอ้เบรียน!"
"ยอมแล้วค้าบบ"
สรุปแล้วเรื่องที่เหมือนจะทะเลาะกันเมื่อกี้ก็จบลงด้วยน้ำอัดลมกระป๋องเล็กๆกระป๋องเดียว ฮันน่าเองก็ลืมคิดไปสนิทว่าเกเบรียนเป็นคนที่ใส่ใจความรู้สึกเล็กๆน้อยๆของคนอื่นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นคนที่รู้จักหรือไม่รู้จัก อีกฝ่ายมักพูดให้ทุกอย่างชอต์ฟลงตลอดถ้าเธอพูดอะไรไม่เข้าหูใคร
ยอมรับว่าตัวเองปากไม่ดีแต่เป็นเพราะรู้ว่ายังไงก็มีเกเบรียนอยู่ข้างๆ ฮันน่าเลยไม่ค่อยคิดอะไรเท่าไร
สงสัยเธอต้องหัดพูดให้ดีขึ้นละมั้ง
ตกเย็นวันนั้น จะจบวันเหมือนคนอื่นเขาก็ไม่จบ เลิกเรียนทั้งทีแทนที่จะได้แยกย้ายกลับบ้านแต่กลับต้องถ่อสังขารแบกกระเป๋าและชีทงานวิจัยมาทำที่ร้านกาแฟ
ยังดีที่วันนี้ขับรถมาเองเลยไม่เสียค่ารถเท่าไรแถมยัดเยียดให้เกเบรียนเป็นโชเฟอร์จำเป็นได้อีก ได้คนขับรถให้ก็ดีอยู่แต่แลกกับเวลาตลอดช่วงเย็นมาทำวิจัยก็คงไม่ดีมั้ง
"ไม่ต้องเกรงใจนะทุกคน พี่เราดีใจใหญ่เลยที่มีคนเยอะๆ"
เมทา หนุ่มแว่นที่เหมือนจะเนิร์ดก็ไม่เนิร์ด เจ้าตัวหน้าใสกริ๊งเหมือนกับผู้หญิง ตอนที่จับกลุ่มทำวิจัยพูดเลยว่านึกว่าเป็นเพศเดียวกัน ดีที่ไม่เผลอแซวไปไม่งั้นคงได้โดนเจ้าตัวไม่พอใจใส่เหมือนเปปเปอร์ที่ดันไปแซวในคาบ เมทาค่อนข้างซีเรียสกับหน้าตาตัวเอง ไม่มีใครชอบให้ชมตัวเองเหมือนผู้หญิงหรอก
"คนเยอะแต่ไม่ได้สั่งอะไรกินงี้ดีเหรอวะ"ลัสโซ่บ่นอุบอิบ เพื่อนขี้บ่นประจำกลุ่มนั่งอยู่หัวโต๊ะ ตรงหน้าไม่มีชีทสักแผ่น บ่งบอกว่าตัวเองไม่คิดจะทำอะไร
"เราชวนมาแค่กลุ่มทำวิจัยเรานะแล้วนายเป็นใครอ่ะ"
"อุ้ย"ลัสโซ่ก้มหน้างุด ไม่เถียงกับเมทา พูดอีกก็ถูกอีกเพราะเจ้าตัวไม่ได้เรียนอยู่ที่เอกเคมี ลัสโซ่เรียนเอกฟิ อยู่กันคนละฟากแต่กลับมาจับพลัดจับพลูมาเป็นกลุ่มเดียวกันได้ก็เพราะเปปเปอร์ที่ลากมาด้วย
"สมน้ำหน้า"เปปเปอร์หัวเราะ
"แล้วคนของเอกฟิมาทำอะไรตรงนี้วะ"เกเบรียนเงยหน้าจากรายงานวิจัย มุมปากมีรอยยิ้มประดับ แค่เอ่ยแซว
"ก็เค้าเหงาง่ะ"เอกฟิสิกส์เพียงคนเดียวทำเสียงแบ๊ว พองล่มจนแก้มป่อง"ไม่อยากกลับบ้านคนเดียวด้วย บับว่าเค้าน่ะคิดถึงเพิ่ลๆล่ะ"
"ลิ้นไก่สั้นเหรอลัสโซ่"
ลัสโซ่ซี๊ดปากกับคำพูดของเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียว ฮันน่ายกยิ้ม วางสมุดเมนูของทางร้านก่อนจะหันไปหาเมทา
"มีอะไรแนะนำไหม อยากกินอะไรหวานๆ"
"โอ๊ะ พี่เราเพิ่งทำเมนูนี้มาใหม่เดี๋ยวเราเอามาให้นะ"คนตัวเล็กสุดในกลุ่มดี๊ด๊า แปบเดียวก็ลุกขึ้นไปหาพี่สาวตัวเองที่อยู่หน้าเคาว์เตอร์
"น่ารักดีเนอะ"เปปเปอร์มองตามส่วนฮันน่ากับคนที่เหลือก็หันควับมามองเพื่อนตัวเองจนคอแทบเคล็ด
"ชอบเหรอเป๊ป"ลัสโซ่
"อีกรอบดิ"ฮันน่า
"ไม่อยากจะเชื่อ"เกเบรียน
"อะไรเล่า! ก็แค่ชมว่าน่ารักดีเฉยๆ"ฮันน่าประเมิณคำพูดเพื่อนตัวเอง มือที่โบกไปมาหรือจะเป็นใบหน้าที่เริ่มขึ้นสี แน่ใจนะว่าไม่ได้พูดเบียดเบียนความจริงเมื่อกี้
"อ้อเหรอ"เราประสานเสียงกัน ลัสโซ่จะแซวเพื่อนตัวเองก็ต้องเงียบปากลงตอนที่คนที่เป็นหัวข้อโผล่มาวางของกินลงบนโต๊ะ
"เราเอามาเผื่อทุกคนด้วย ไม่รู้ว่าชอบกินอะไรแต่ดูแล้วเกเบรียนกับฮันน่าน่าจะชอบอะไรเข้มๆไหม? เปปเปอร์น่าจะชอบอะไรหวานๆหน่อยส่วนนาย--"เมทาหันไปมองคนหัวโต๊ะ ลัสโซ่มองปริบ"--น้ำเปล่าไปละกัน"
"อ้าว"
ไม่ได้พูดเล่นเพราะเมทาวางแก้วน้ำเปล่าลงต่อหน้าลัสโซ่จริงๆ คนร้องอ้าวทำหน้าเหลอหลา หันมาขอความช่วยเหลือก็ไม่มีใครสบตาสักคน
ฮันน่าเลื่อนแก้วกาแฟดำไปทางเกเบรียน ถึงตรงหน้าเจ้าตัวจะมีอเมริกาโน่เข้มข้นอยู่ก็ตาม แม่สาวเอกเคมีทำเป็นไม่รับรู้สายตาของคนที่โดนยัดเยียด ทำเป็นเลื่อนจานคัพเค้กหน้าตาน่ารักที่เมทานำเสนอมาตรงหน้าแทน
"ฮันน่าไม่ชอบกาแฟเหรอ"
น้องเจ้าของคาเฟ่ทัก คงเห็นตอนที่เธอเลื่อนถาดถ้วยกาแฟไปให้เกเบรียน เธอส่ายหัวน้อยๆ
"เปล่า แต่ไม่ได้อยากกินตอนนี้"กินตอนนี้ได้นอนตาค้างทั้งคืนแน่ ฮันน่าต้องการหนุนหมอนนุ่มแล้วหลับสบายตัวมากกว่าต้องมานั่งจ้องเพดานห้องทั้งคืน
ถามว่าแล้วเกเบรียนไม่ตาค้างเหมือนกันเหรอ? ก็ช่างสิ
นั่นเกเบรียนไม่ใช่เธอเพราะงั้นมันไม่ใช่เรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอเลยสักนิด และต่อให้ฮันน่าหยิบยื่นอะไรไปให้ เกเบรียนก็ยินยอมที่จะรับมันอยู่ดี ทุกครั้ง
"อ้อ"เมทาพยักหน้าขึ้นลง ปากเป็นรูปตัวโอตามที่เจ้าตัวส่งเสียง
พอเห็นแบบนี้ก็คิดว่าเจ้าตัวก็น่ารักไม่หยอก
ไม่น่าเปปเปอร์ถึงได้ชม
อ่ะ นั่น เจ้าเพื่อนตัวดีมีแอบชำเลืองมองหน้าคนตัวเล็กด้วย
พูดเลยนะฮันน่าไม่ใช่ประเภทที่ชอบจับคู่คนอื่น ไม่นิยมรักร่วมเพศ พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก เธอค่อนข้างเฉยๆกับทุกอย่าง ต่อให้เขารักกันก็ไม่ได้หนักหัวอะไร ถือคติที่ว่าทำอะไรแล้วไม่เดือดร้อนฮันน่าก็โอเค
หมายถึงไม่เดือดร้อนเธอ ส่วนเดือดร้อนคนอื่นไหมอันนี้ก็เว้นในส่วนที่เข้าใจกันอยู่
เธอน่ะเห็นแก่ตัวตัวแม่
"ทำไมฉันไม่ย้ายมาเรียนเอกเคมีนะ"
นั่งทำงานกันได้ไม่เท่าไร คนของเอกฟิสิกส์ก็บ่นงึมงำ เจ้าตัวเปลี่ยนจากการนั่งเท้าคางดีๆเป็นนั่งเกยคางลงกับโต๊ะ
"พอมาอยู่แบบนี้แล้วมันว่างงานเหลือเกิน"
"อยากทำไหมล่ะ"
"ขอบาย"
ปฎิเสธแทบทันทีที่เอ่ยชวน ฮันน่าปรายตามองแล้วพ่นลมหายใจใส่แสร้งบอกทางสายตาว่าไร้ประโยชน์เป็นการล้อเล่น
"แล้วทำไมนายไม่ยื่นเรียนที่นี่ตั้งแต่แรกล่ะ"เมทาดันแว่นสายตาขึ้นในขณะที่ถาม"เพื่อนๆก็เรียนที่นี่หมดเลยไม่ใช่เหรอ"
"ก็ตอนนั้นยื่นไปแล้วมันติดพอดีง่ะ"ลัสโซ่เบะปาก ชี้ไปทางเกเบรียนที่นั่งจิบกาแฟเป็นคุณชาย"อีกอย่างตอนแรกที่เห็นหมอนี่ใครจะไปนึกว่าเรียนเอกเคมี หน้าก็ดุ ตัวก็ถึกเหมือนจะเรียนเอกฟิจะตายไป"
"หึ"ฮันน่าเผลอหัวเราะ ไม่ได้สนใจเกเบรียนที่แอบมองเคือง"ทรงโจร"
"ทรงโจรแต่ใจคิตตี้นะค้าบ"เปปเปอร์ต่อมุขมาดื้อๆ แล้วมันแปลกก็ตรงที่ทุกคนหัวเราะพรืดกับคำนี้ จริงอย่างที่เปปเปอร์ว่า เกเบรียนแม่งโคตรใจคิตตี้
"หุบปากไปเลยเปปเปอร์"เกเบรียนสวน"คนหนีมาเรียนเคมีไม่มีสิทธิพูดเว้ย"
"เออจริง!"เหมือนนึกขึ้นได้ ลัสโซ่ทำท่าตบโต๊ะ"หมอนี่บอกจะเรียนเอกฟิเป็นเพื่อน พอวันจริงดันไปเรียนเอกเคมีเฉย เป็นงง"
"อ้าว ทำไมเปปเปอร์ทำแบบนั้นล่ะ"คราวนี้เมทาหันมาถามคนทิ้งเพื่อน
"ติดสา..-- ตึงง!"
จะพูดใส่ร้ายป้ายสีเพื่อนไม่ทันจบก็เกิดการกระแทกวงกว้าง ฮันน่าหายใจสะดุด เสียงแจ้งเตือนฉุกเฉินของร้านดังไปทั่วปนไปกับเสียงแจ้งเตือนความปลอดภัยของรถที่จอดอยู่หน้าร้าน
ต้นเหตุแทบไม่ต้องมองหาที่อื่นไกลในเมื่อหันไปก็พบกับทะเบียนรถโชว์เด่น ฮันน่าใจกระตุก มีเพียงแค่กระจกร้านใสป้องกันเธอกับรถบรรทุกคันนี้ไว้เท่ากัน เป็นเหตุการณ์ลุ้นละทึกแบบไม่ได้ตั้งใจ ยังไม่ทันได้ตั้งสติอะไรก็ถูกใครไม่รู้ดึงออกมาจากตรงนั้น ไอ้ตอนแรกก็นึกว่าจะห่วงกัน กลัวเพื่อนเฉียดอันตราย ที่ไหนได้ดันถูกลากมายืนดูเหตุการณ์หน้าร้านแทนซะงั้น
และต้องขอบคุณพวกเพื่อนขี้เสือกอยากรู้อยากเห็นถึงได้ทำให้ฮันน่ารู้ว่าอะไรเป็นอะไร
มีการชนกันของรถกระบะกับรถบรรทุกตรงถนนสายข้างหน้า ชนกันแรงถึงขนาดที่ว่ารถมันกระเด็นชนรถลูกค้าที่จอดอยู่ตรงหน้าร้าน เธอคิดว่ามันควรจะคว่ำด้วยซ้ำตามกฏแรงฟิสิกส์ที่เคยเรียนมา
แต่นั่นแหละ ฮันน่าไม่อยากคิดว่าไอ้ตัวการที่ไม่ทำให้รถคว่ำคือมนุษย์ชุดแดงน้ำเงินกลางวงล้อมอันตราย เส้นใยขาวยึดเหนี่ยวรถทั้งสองคันไว้ไม่ให้ระเนระนาดไปมากกว่านี้ พอเจ้าตัวดึงรถให้ตั้งหลักแล้วช่วยคนที่อยู่ข้างในออกมาได้ก็ได้รับเสียงปรบมือไปทั่วพร้อมกับคำชมของคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ระทึกขวัญ
"สุดยอดเลยสไปเดอร์แมน!"
"เท่มากเลยครับ!"
"เพื่อนบ้านของเรา!"
สรุปไอ้ตัวน้ำเงินแดงตรงหน้าก็คือไอ้แมงมุม?
อะไรมันสรรหาให้ตั้งชื่อนี้วะ
จริงๆฮันน่าเองก็อยากจะขอบคุณอยู่หรอกที่ทำให้เธอรอดตายหวุดหวิดได้จากเหตุการณ์เมื่อกี้ถ้าไม่ติดว่าเจ้าแมงมุมไม่ชักใยออกไปซะก่อน หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงวอร์ของรถพยาบาลเพื่อมาดูผู้บาดเจ็บ
ฮันน่าคิดว่ามันไม่มีอะไรสำคัญต่อแล้วเลยลากเพื่อนที่เอาแต่ชื่นชมมนุษย์แดงน้ำเงินไม่หยุดมานั่งปั่นงานกันต่อโดยมีลัสโซ่สาธยายความอลังการของไอ้แมงมุมไม่หยุด
"โคตรเท่อ่ะเมื่อกี้ เป็ปเห็นตอนเขาชักใยปะ โคตรเจ๋ง!"
แล้วก็
"ดีจริงที่เราอยู่ควีนส์ ไม่อยากคิดว่าถ้าเจอเรื่องแบบเมื่อกี้แล้วไม่มีสไปเดอร์แมนมาช่วยจะเป็นยังไง"
แล้วก็
"โอ่ย ให้ตาย ใจฉันยังเต้นแรงไม่หยุดเลยอ่ะ เขาแม่งเท่มาก!"
ฮันน่ากุมขมับ แทบจะพิมพ์รายงานเป็นคำพูดของลัสโซ่ได้อยู่แล้ว จริงๆคือเผลอพิมพ์ตามที่ลัสโซ่พูดไปประโยคนึงแล้วด้วยซ้ำ
"ดูท่านายจะเป็นเอฟซีสไปเดอร์แมนตัวยงเลยนะ"เมทาวางปากกาลงกับโต๊ะ ลัสโซ่แทบจะกระดิกหางกับเรื่องแบบนี้
"อยู่แล้ว! ก็ฉันน่ะชอบสไปเดอร์แมน!"
ไม่รู้ว่าสไปเดอร์แมนดียังไง หนึ่งอาจจะเป็นฮีโร่คอยช่วยมนุษย์เมืองควีนส์แต่นั่นแหละ กะอีแค่เรื่องแค่นี้ทำให้เพื่อนเธอกรี๊ดเขาเป็นดาราขนาดนี้เลยเรอะหรือเพราะเธอมันตายด้านกับเรื่องนี้วะ
ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่ค่อยจะตามกรี๊ดดาราคนไหนด้วย ไม่ค่อยจะอินกับพวกบรรดาฮีโร่ซะเท่าไร แทบจะไม่รู้อะไรกับพวกนี้เลยด้วยซ้ำ ดูได้จากการมองไอ้แมงมุมตอนแรกเป็นมนุษย์แดงน้ำเงินได้เลย
กว่างานจะเสร็จฮันน่าก็ลบแล้วพิมพ์ใหม่เพราะเผลอพิมพ์ประโยคตามลัสโซ่ไปหลายที ผู้หญิงคนเดียวถอนหายใจยาวพรืดเหมือนยกภูเขาออกจากอกได้สักที เพื่อนร่วมซะตากรรมมีสภาพไม่ต่างกันเท่าไร
"เอ้า กลับบ้าน"เกเบรียนบอก ทุกคนทยอยเก็บของลงกระเป๋ากันพัลควัน ฮันน่าหาวออกมาหน่อยๆเพราะใช้พลังงานไปสูง ฟ้าเองก็เริ่มมืดแล้ว อยากกลับบ้านไปนอนซุกผ้าห่มใจจะขาด
"เย้ กลับบ้าน"ในบรรดาสภาพคนไร้เรี่ยวแรงก็ยังมีลัสโซ่ที่ดี๊ด๊าตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อนเอกฟิสิกส์จ้องฮันน่าตาแป๋วจนรู้สึกไม่ชอบมาพากล
"ไปส่งเค้าหน่อยจิ"
ว่าแล้วเชียว
"นี่เป็นเหตุผลที่มาด้วยใช่ไหมเนี่ย"เปปเปอร์หยั่งเชิง คนถูกจับได้ก็ทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตา
"อุ้ย ถูกจับได้ซะละ"
กวนส้นตีน
"ถามโชเฟอร์เอา"ฮันน่าโยนปัญหาไปให้เพื่อนตัวโต พร้อมคว้ากุญแจรถไปให้เกเบรียนพร้อม"เกเบรียนบอกว่าจะส่งทุกคนถึงที่แน่นอน"
"ฉันพูดตอนไหนวะ"
เพื่อนที่เหลือไม่ได้ฟังคำคัดค้านของโชเฟอร์จำเป็นซะเท่าไร ลัสโซ่ชูมือขึ้นแล้วร้องเย้ เปปเปอร์เองก็รีบเก็บของพร้อมพูดว่าไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่แล้วมีแต่เมทาที่หัวเราะกับการกระทำของทุกคน
"กลับดีๆนะทุกคน"
เมทาโบกมือบ๊ายบายหลังจากที่เราพากันออกมาจากร้าน ฮันน่าพยักหน้ารับรู้ ลัสโซ่กับเปปเปอร์ขานรับคำแล้วพูดลาอะไรกับเมทาต่อ เธอเดินล่วงหน้ามาที่รถกับเกเบรียนสองคนก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะซะงัก
ไม่ได้ซะงักแค่คนเดียว เกเบรียนเองก็ยืนแข็งทื่อเหมือนกัน
"กลับบ้านน กลับบ้านน"เสียงลัสโซ่ที่มาแต่ไกลก็หยุดซะงักลงแทบจะทันที เจ้าตัวอ้าปากเหวอแบบไม่คาดคิด
"มีอะไรกันรึเปล่า"แล้วคนสุดท้าย เปปเปอร์ที่เห็นปฎิกิริยาของเพื่อนก็ทักถามแต่พอเห็นสภาพต้นเหตุก็เงียบลง ฮันน่ากุมมือตัวเองแน่น เล็บยาวสวยจิกเข้าที่อุ้งมือจนด้านชาก่อนที่จะทุบเข้าที่กระโปรงรถเละเทะของตัวเอง
รถที่เธออุตส่าห์ถนุดถนอมมายังดี ใช้ตั้งแต่โตพอที่จะดูแลรักษาได้ ยุงไม่ให้กัดไรไม่ให้ตอมแล้วมันเป็นใครถึงได้กล้าชนจนลูกเธอบุบไม่มีเค้าโครงสวยขนาดนี้!
ฮันน่านึกย้อนไปตอนเกิดอุบัติเหตุ จำได้ว่ารถบรรทุกก่อนที่จะชนทะลุกระจกมาจะชนเข้ากับรถใครสักคน ตอนนั้นก็นึกเห็นใจเจ้าของรถอยู่แต่ก็ไม่คิดว่าเจ้าของรถที่ว่าจะเป็นเธอซะเอง
ฮันน่าคิดว่าที่รถมันไม่พุ่งมาทางเธอน่าจะเป็นเพราะมันชนเข้ากับลูกรักจนความเร็วลดลงมากกว่าเส้นใยของไอ้แมงมุมนั่น
ก็ว่าทำไมถึงได้ชักใยออกไปเร็วขนาดนั้น
"ไอ้มนุษย์คอสเพลย์เอ๊ย!!"
-----------talk------------
ใดๆล้วนชอบเจ๊แรงๆรุกน้องกันแต่โทษด้วย เราจะเปิดด้วยการที่เจ๊เบื่อหน้าน้องกันไปข้างค่ะ555555
ถึงตอนนี้น้องจะไม่มีอิทธิพลกับเจ๊มากแต่เชื่อเลยว่านานเข้าเจ๊จะหลงน้องจนโงหัวไม่ขึ้นแน่นวลล
สุดท้าย ฝากเจ๊ฮันน่าและผองเพื่อนกับน้องปีเตอร์ในอ้อมอก ้อมใจด้วยนะคะ จู๊บบบ
ความคิดเห็น