คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : - ความคลุมเครือ
“หลิน เธออยู่ตรงนี้ซักพักก่อนนะ” ผมเอ่ยขึ้น และหลินตกลงทำตาม
ผมตัดสินใจเดินไปสำรวจ มือจับที่ประตูเลื่อน และเปิดมันออกอย่างรวดเร็ว
ปรากฏว่าผมไม่เห็นสิ่งใดเลย น่าแปลก ทั้งๆ ที่ผมได้ยินเสียงฝีเท้านั่นชัดเจนอยู่แท้ๆ ผมหันไปยิ้มให้กับแฟนสาว
“ไม่มีอะไรหรอกหลิน ฉันคงหูฝาดไปเองแหละ” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มไปให้เธอ
“อือ” เธอพยักหน้า และเดินเข้าหาผม
“กลับบ้านกันเถอะ” ผมจูงมือเธอและเดินนำหน้าออกไป
แต่ระหว่างทางเดินนั้นผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง และคาดว่า หลินเองก็น่าจะรู้สึกเช่นเดียวกับผมด้วย
พวกเรากำลังถูกจ้องมองอยู่
ด้วยเหตุนี้ผมจึงตัดสินใจ รีบเดินทางออกจากโรงเรียน และกลับบ้านให้เร็วที่สุด หลินเองก็คิดเช่นเดียวกับผม
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผมวางกระเป๋าลงบนโซฟาตัวเก่ง ก่อนล้มตัวลงนอน แล้วขบคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ แต่แล้วก็คิดหาข้อสรุปไม่ได้เสียที
ผม คมกฤษ คนนี้เป็นคนที่ไม่ชอบเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ซักเท่าไหร่ เพราะคำตอบมันคลุมเครือ ไม่แจ่มแจ้งแน่ชัด แต่เมื่อคิดอะไรไม่ได้แล้วผมจึงต้องปล่อยวางมันลง และเดินเข้าห้องครัว เพื่อทำอาหารมื้อเย็นให้คุณป้าทาน
ระหว่างที่ผมเดินเข้าห้องครัวเพื่อทำอาหารนั้น ผมก็ไม่ลืมที่จะเปิดโทรทัศน์ชมด้วย
“อืม อนิเมชั่นน่าจะเริ่มแล้วนี่นา” ผมพยายามเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ให้อยู่ในรายการอนิเมชั่น แต่กลับเป็นรายการข่าวด่วน
และเมื่อเปลี่ยนไปเป็นช่องอื่น ก็เหมือนกัน ผมคาดว่าน่าจะเป็นข่าวด่วนที่ร้ายแรงเสียด้วย
ด้วยเหตุนี้ผมจึงรับชมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ท่านผู้ชมคะ” ผู้สื่อข่าวมีสีหน้าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง เขาแพนมุมกล้องไปยังห้องขังเดี่ยวห้องหนึ่ง ภายในไม่มีนักโทษเลย
“ท่านเชื่อหรือไม่คะ ว่าอดีตผู้สมัครนายกรัฐมนตรีของเรา ผู้ซึ่งเป็นอาชญากรในปัจจุบัน ได้หลบหนีจากห้องขังค่ะ” เขาสรุปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ผมได้ยิน ความรู้สึกหวาดระแวงเริ่มเข้ามาในใจของผมทันที ภาพและเสียงเมื่อหลังเลิกเรียนยังสะท้อนอยู่ในหัวของผม
เสียงฝีเท้า
การถูกจ้อง
และภัยคุกคาม
ผมไม่มีแรงแม้กระทั่งจะหั่นแตงกวา มือไม้สั่นไปหมด นัยน์ตาเบิกกว้างเมื่อผู้สื่อข่าวรายงานต่ออีกว่า ณ ห้องขังแห่งนี้เป็นที่ๆ หลบหนีได้ยากที่สุด เนื่องจากมีการป้องกันด้วยระบบคอมพิวเตอร์อย่างแน่นหนา และการตรวจจับที่ดี
“คุณตำรวจคะ ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นคะ” ผู้สื่อข่าวถาม ตำรวจที่ถูกถามเองรู้สึกถึงความคุกคาม เขาจึงตอบกลับไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวว่า
“ผมจะไปรู้ได้อย่างไรกัน” เขาพยายามหลีกตัวออก แต่ทว่าน่าเสียดายที่นักข่าวมากเหลือเกิน
“คุณผู้ชมคะ ดิฉันจะสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังค่ะ”
“เนื่องด้วยนักโทษคนนี้ เคยเป็นผู้สมัครลงเลือกตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกำลังจะถึงวันเลือกตั้ง จู่ๆ เขาก็ทำการฆ่าผู้สมัครลงเลือกตั้งด้วยกันเอง เมื่อตอนมีการหาเสียงกันค่ะ.....” นักข่าวเล่ายาวเสียจนผมจับประเด็นไม่ได้
จนสุดท้าย เธอพูดว่า
“นักโทษนี้ต้องโทษประหารในวันรุ่งขึ้น แต่การหลบหนีในครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ดิฉันใคร่อยากให้พวกคุณควรตั้งสติ หากพบเห็นนักโทษคนดังกล่าว กรุณาแจ้งสำนักงานตำรวจด้วยนะคะ”
หน้าจอโทรทัศน์ขึ้นภาพ รูปลักษณ์นักโทษคนดังกล่าว ก่อนที่จะตัดสัญญาณมายังช่อง
อนิเมชันตามปกติ
แม้ว่าวันนี้จะฉายเรื่องที่ผมติดตามอยู่ก็ตาม แต่ผมหมดอารมณ์
เพราะผมเพิ่งผ่านประสบการณ์รอดตายมาอย่างหวุดหวิด
สำนักงานตำรวจ
“คุณคงไม่ได้ให้การอะไรเป็นพิเศษแก่นักข่าวใช่ไหมครับ คุณเจษ” ผบ.ตร เอ่ยขึ้น
“ครับ ผมทำตามคำสั่งทุกประการ” เจษกล่าว “อีกทั้งยังติดต่อกระทรวงกลาโหมให้ช่วยในเรื่องนี้อีกด้วย”
“แปลกมาก ทั้งๆ ที่ห้องขังเราก็ออกแบบมาเป็นอย่างดี”
“นักโทษเองก็ไม่น่าจะฆ่าตัวตายด้วย”
และตำรวจทุกนายต่างเคร่งเครียดเพื่อหาข้อสรุปแก่การตามตัวนักโทษคนนี้
เสียงกริ่งดังขึ้น บ่งบอกถึงการกลับมาของคุณป้าของผมเป็นอย่างดี
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ” ผมตะโกนจากห้องครัว
“จ้า” คุณป้าตะโกนตอบ เธอเดินเข้ามาหาผมในห้องครัว
“กฤษ ลูกได้ดูข่าวหรือยัง?”
“ครับ” ผมเอ่ย
“น่ากลัวจังเนอะ ขนาดเป็นกระทั่งผู้สมัคร ทำไมถึงฆ่ากันอย่างนี้ได้ โหดร้ายจริงๆ นักการเมืองประเทศเรา”
ผมเองก็ไม่รู้จะตอบท่านอย่างไรดี
พวกเราทั้งสองทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน เมื่อเสร็จสิ้น คุณป้าขอตัวไปอาบน้ำและทำงานที่ของบริษัทต่อ หลังจากที่คุณป้าอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมจึงอาบต่อ และเข้าห้องไปอ่านหนังสือเตรียมสอบเวิลด์เทส
สักพัก หลินโทรศัพท์มาหาผม
“กฤษ” เสียงของเธอสั่นเอามาก
“มีอะไรเหรอ” ผมขมวดคิ้ว และไม่แน่ใจอารมณ์ของเธอ
“ที่โรงเรียนเธอรู้สึกเหมือนกันไหม”
“ว่ากำลังมีใครจ้องมองเราอยู่” หลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ผมเงียบ ไม่รู้ว่าจะให้คำตอบอะไรแก่เธอดี
“ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกันนั่นแหละ” ผมตัดสินใจเอ่ยความจริงไป
“แล้วพรุ่งนี้เราควรไปโรงเรียนดีไหม?” ผมรู้ว่าเธอเสียกำลังใจเต็มทีแล้ว น้ำเสียงของเธอตอกย้ำความกลัวของผมลงไปอีก
“ไป” ผมตอบ
“ทำไมล่ะ?”
“ก็พรุ่งนี้เราจะไปบอกอาจารย์ไง ว่าที่นี่อาจมีนักโทษดังกล่าวก็ได้” ผมพูด
“อือ”
“ราตรีสวัสดิ์นะ”
“เช่นกัน” เธอวางสาย
ผมลูบโทรศัพท์ ก่อนวางมันลงอย่างนิ่มนวล แล้วพิงพนักเก้าอี้ เมื่อคิดอะไรบางอย่างเสร็จ ผมปิดไป และเข้านอนทันที
รุ่งเช้า ผมทำกิจวัตรเหมือนเดิมทุกอย่าง ก่อนจบด้วยการเดินทางมาโรงเรียน และหลินเองก็รอผมอยู่หน้าบ้าน
“อรุณสวัสดิ์” ผมทักก่อน
“อือ” เธอทักตอบ
“เธอดูแย่นะ” ผมถาม
“ใช่ เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับ” เธอว่า
“ทำไมล่ะ บ้านเธอเองก็ปลอดภัยดีนี่”
“ไม่หรอก กฤษ -- พ่อและแม่ของฉันกลับจีนน่ะ ท่านบอกจะไปติดต่อธุระสักสามวัน ท่านเพิ่งออกเดินทางเมื่อตอนหนึ่งทุ่มของเมื่อวานเอง”
“ฉันกลัว เมื่อวานตอนแยกทางกัน ฉันยังรู้สึกเหมือนมีคนมองฉันอยู่ตลอด” เธอว่า
มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ จึงจับมือเธอแน่น
“วันนี้มาค้างที่บ้านคุณป้าไหมล่ะ ท่านมีห้องเหลืออยู่”
“อือ” หลินบอก “ขอบใจมากนะ” เธอแหงนหน้ามามองผม มือของเธอเย็นมาก
“ไม่เป็นไรหรอก” ผมให้กำลังใจเธอ
ความคิดเห็น