คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Intro : นักรบแห่งดาร์กนีซ แพลซ
“คุณปู่ครับ เมื่อไหร่เราจะถึงค่ายของศัตรูกัน” เสียงร้องดังขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน เนื่องจากเจ้าตัวล้ากับการเดินทางมาก ส่วนบุคคลที่ถูกเรียกว่าปู่นั้นนั่งฮัมเพลงอย่างมีความสุขบนรถเทียมม้า
“ใจเย็นๆหน่อยซิขอรับเจ้าชาย ท่านปล่อยอารมณ์มากเกินไปมันจะดูไม่งามนะครับ” ชายชราในชุดคลุมกล่าว
“ชิ เข้มงวดจริงๆ” เจ้าชายโอดโอยเบาๆ ก่อนจะสงบอารมณ์และหันหน้าไปมอง ทิวทัศน์เหมือนปู่บ้าง แต่แล้วเขาก็รู้ได้ว่าการมองมันไม่สร้างความรื่นรมย์ให้เท่าไหร่นัก
จากอาณาจักรดาร์กนีซ แพลซ มายังแอสการ์ดนั้นใช้เวลานานมาก และพวกราชาเงา ซึ่งเดินทางมาได้ หนึ่งวันเศษๆ ก็ยังถึงแค่ครึ่งทางอยู่เลย แต่สำหรับราชาเงานามว่าอเล็กซ์นั้นกลับไม่เป็นปัญหาต่อเขาแต่อย่างใด
อาจเป็นเพราะอายุ แปดสิบกว่าๆ แล้วก็ได้ เลยทำให้ร่างกายดูเชื่องช้าลง อารมณ์ดูนิ่งสงบ ผิดกับเจ้าชายอายุ สิบเจ็ดแต่ซนราวกับลิง
แม้ว่าเจ้าชายจะซนซักเท่าไหร่ และชายชรากลับไม่โกรธ เพราะเขาเข้าใจว่าวัยรุ่นกับการอดทนมันสวนทางกันอยู่เสมอ
กล่าวถึงภารกิจที่พวกเขาต้องมาทำในวันนี้ก็คือ สัญญารบระหว่างแอสการ์ดและดาร์กนีซ แพลซ โดยราชาเงามีจุดประสงค์ในการสงบศึกเป็นการชั่วคราว และตอนนี้ราชาเงาปลดปีศาจและทหารออกจากกองประจำการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่เจรจากับราชาทางฝ่ายนู้น
ในขบวนรถเทียมม้าตอนนี้มีคนนั่งด้วยกันอยู่ 5 คน ได้แก่ ราชาเงาอเล็กซ์ เจ้าชาย
เชสเตอร์ว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่น่าเบื่อที่สุด เขาต้องทนเดินทางไปยังที่ชนบท แห้งแล้ง กันดาร ขาดอาหารตา อาหารใจ
เจ้าตัวถอนหายใจออกเป็นช่วงๆ ตลอดเสียงม้าเดิน นอร์ตไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงเอ่ยปากเล่าเรื่องให้เจ้าชายฟัง
ทุกคนต่างตั้งใจฟังเป็นการใหญ่ เพราะเรื่องที่จอมเวทเฒ่าเล่านั้น เกี่ยวเนื่องกับสงครามที่เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ด้วย
แอสการ์และดาร์กนีซ แพลซ นั้นไม่ถูกกันมานานแล้ว
ตั้งแต่อดีตที่เหล่าปีศาจชั้นสูงต่อสู้กับเทพและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ จนนับไม่ถ้วน พลัดกันพ่ายพลัดกันชนะอยู่ร่ำไป โดยหัวหน้าสูงสุดของเผ่าปีศาจคือ หมอกอนันต์แห่งความชั่วร้าย ส่วนฝ่ายเทพก็คือ เทพธิดาเฮเลน
ผลล่าสุดของมหาสงคราม เทพเป็นฝ่ายชนะ และใช้พันธะสัญญาจองจำเหล่ามารชั้นสูงเอาไว้ ผลก็คือ อสูรที่ราชาอเล็กซ์ใช้รบก็คือ อสูรชั้นต่ำนั่นเอง
แม้ว่าฝ่ายหมอกอนันต์จะเป็นฝ่ายพ่ายก็ตาม แต่ว่ามันหายอมไม่ มันหาวิธีสุดท้ายที่ใช้เล่นงานฝ่ายเทพ นั่นก็คือ
ใช้มนุษย์แห่งดาร์กนีซ แพลซ เป็นตัวแทนสงคราม
และฝ่ายเทพเองก็ใช้มนุษย์ของอาณาจักรแอสการ์ดบ้าง
ผลสุดท้าย สงครามไม่เคยให้ผู้ใดชนะเลย
พวกเขารบกันมาจนกระทั่งถึงรุ่นที่ 2 ราชาเงารุ่นปัจจุบันนี้ ราชาอเล็กซ์
ราชาของเราต้องการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาทั้งหมด จึงใช้สันติวิธีเข้าต่อสู้ แม้ว่าครั้งก่อนๆ จะล้มเหลวมามากก็ตาม
แอสการ์ดไม่ยอมทำตามบ้าง
เหล่าปีศาจที่เกินควบคุมบ้าง
หลายปัจจัยทั้งนั้น
“แหม ท่านนี่ก็กล่าวชมกันเกินไปหน่อยนะ” ราชาอเล็กซ์เอ่ยขึ้น
“ไม่หรอกครับ ข้าแค่พูดตามความจริง” นอร์ตหลับตาลงก่อนเอ่ยปาก
“พอเลยตาเฒ่า ข้าฟังเรื่องนี้จนเบื่อแล้วล่ะ” เชสเตอร์เอ่ยพร้อมกับหันไปมองด้านข้างอย่างอารมณ์เสีย ทำให้สองอัศวินที่ติดตามแอบหัวเราะอยู่
เชสเตอร์หันกลับไปมอง ทั้งคู่ต่างเงียบทันที
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรอเท่านั้นแหละ เชสเตอร์เอ๋ย” ผู้เป็นปู่ว่าพร้อมกับเหยียดแขนไปมา ก่อนอ้าปากหาว
“ชิ น่าเบื่อจริง” เจ้าชายพูด แต่สุดท้ายเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
เวลาผ่านไป 6 ชั่วโมง
ขบวนราชาแห่งดาร์กนีซ แพลซ ก็มาถึงที่ค่ายของแอสการ์ด ราชาเงาแสดงตัวตนก่อนที่ทหารยามจะปล่อยให้พวกเขาผ่านเข้าไปได้
ที่ค่ายของแอสการ์ดนั้นเรียกได้ว่า เป็นค่ายที่มีทหารหนาแน่นมาก บ่งบอกได้ถึงความรอบคอบของผู้ตั้งค่าย และทหารแต่ละคนต่างฝึกซ้อมกันบ่อยครั้ง จนราชาเงาซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามเองก็อดรู้สึกชื่นชมไม่ได้
เมื่อขบวนของราชาผ่านทหารเหล่านั้น พวกเขาต่างมองรถเทียมม้าด้วยสายตาเหยียดหยาม บ่งบอกถึงความไม่เป็นมิตร แต่พวกเขาก็ไม่ได้เข้ามาทำร้ายขบวนรถแต่อย่างใด
จนกระทั่งรถเทียมม้าของราชาเงามาถึงค่ายหลวง ทหารที่ดูแลบอกให้พวกเขาทั้งหมดลงจากรถ และอาสาเอาม้าไปเก็บที่คอก จากนั้นราชาเงาเดินเข้าค่ายหลวง ซึ่งมีเต็นท์สีทองอร่ามตั้งโดดเด่น และทหารล้อมรอบอย่างแน่นหนา
เมื่อทหารที่เฝ้าหน้าเต็นท์เห็นราชาเงาเดินเข้ามา เขาก็หลีกทางให้คณะต่างประเทศ
ราชาเงาและพวกเดินเข้าไปในเต็นท์ด้วยสีหน้าปกติสุข เว้นแต่เจ้าชายที่หงุดหงิดตลอดการเดินทาง เบื้องหน้าของพวกเขาทั้งหมดก็คือ ราชาแห่งแอสการ์ด อัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่งแสง กษัตริย์หนุ่มรูปงาม
พระองค์นั่งอยู่บนเก้าอี้ และกุมมือทั้งสองวางไว้บนโต๊ะไม้ยาว รอบข้างมีเก้าอี้ แต่กลับว่างเปล่า
“เชิญ พวกท่านนั่งลงก่อน” เสียงอันเปี่ยมไปด้วยอำนาจแห่งกษัตริย์เอ่ยขึ้น
“ขอบใจมาก พวกข้าเดินทางมาตั้งไกล เจ้าหลานรักข้าก็บ่นอยู่เนืองๆ นี่ถ้าไม่ได้จดหมายของท่านที่ยอมเจรจาล่ะก็ ข้าคงไม่รีบมาขนาดนี้หรอก” ราชาอเล็กซ์เอ่ย และยิ้มให้กษัตริย์ผู้มีอายุน้อยกว่ามาก
แม้ว่าอเล็กซ์จะชรามากก็ตาม แต่ใบหน้าของเขายังคงความเสน่ห์แห่งผู้ชายไม่มีขาดเลยแม้แต่น้อย
“พวกเจ้าสองคนนั้น” ราชาแห่งอัศวินศักดิ์สิทธิ์เอ่ยขึ้น
“ไปเอาน้ำและอาหารว่างมาต้อนรับแขกหน่อย”
“ขอรับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เชสเตอร์มีสีหน้าแช่มชื้นขึ้นเล็กน้อย ราชาเงาเองก็สังเกตใบหน้าของเจ้าหลานตัวแสบก่อนส่ายหน้า
‘จริงๆเลย เจ้านี่เห็นของหวานไม่ได้ซะ’ ราชาเงาคิดในใจ
“ตอนนี้ข้าขอเปิดการเจรจา ท่านคงไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าหากว่าข้าจะขอคุยกับท่านแค่สองคน” กษัตริย์แห่งอัศวินกล่าว
“ข้าขอให้พวกเขาอยู่ที่นี่ได้ไหมล่ะ ข้าเองก็แก่มากแล้ว เห็นทีความจำอาจเลอะเลือนบ้าง หากสัญญาไหนสำคัญ ข้าคงจำมันไม่ได้หรอก หากมันมีจำนวนมาก” ราชาเงากล่าว
ราชาอาเธอร์กัดริมฝีปากเล็กน้อยก่อนยอมตอบตกลง
และการเจรจาอันตรึงเครียดก็เริ่มต้นขึ้น
ความคิดเห็น