คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : การเผชิญหน้า
"ผู้หญิงผมยาวที่สวมกระโปรงชุดสีม่วงอ่อนๆ ทับเสื้อสีดำคนนั้นน่ะเหรอ"
นิ้วเรียวยาวของภัทราชี้ไปยังร่างบางของหญิงสาวผิวขาวอมชมพู ผมยาวตรงสีน้ำตาลยาวสยายเต็มแผ่นหลัง เสื้อแขนยาวพอประมาณเข้ารูปสีม่วงพาสเทลสดใสทับเสื้อเกาะอกสีดำกับกระโปรงยาวถึงเข่าสีดำทำให้ร่างสูงโปร่งนั้นดูบอบบางน่าทะนุถนอมยิ่งขึ้น ดวงหน้ารูปไข่ เครื่องหน้าหวานซึ้งอ่อนโยน ริมฝีปากอิ่มสีแดงเรื่อๆ แย้มยิ้มขณะพูดคุยอยู่กับศรายุทขณะที่ทั้งคู่ออกมาจากห้องตรวจ
“เป็นอะไรรึเปล่าริน ฉันเห็นเธอทำหน้าเบื่อโลกมาตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้วนะ"
“เราชอบคุณดาวนะฟ้า ชอบมากเพราะเธอน่ารัก นิสัยดี...”
“และไม่งี่เง่าแบบผู้หญิงแถมไม่ได้ปัญญานิ่มเหมือนนางเอกละครหลังข่าว” ภัทราต่อให้ “อันนี้ฉันรู้ตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้ว แต่ที่ฉันอยากถามคืออะไรทำให้เธอเหนื่อยใจนัก คงไม่ใช่การทำให้พี่ซันสมหวังกับคุณดาวหรอกใช่มั้ย เพราะฉันว่าทั้งสองคนนี้มองดีๆ ก็เหมือนจะใจตรงกันอยู่บ้างหรอกนะ”
“ถูก ดูจากท่าทางและคำพูดคำจาของคุณดาวกับพี่ซันก็รู้แล้ว แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดน่ะ มัน... ”
ครืด...ครืด...ครืด... มือถือของสลิลนรีสั่นขึ้น แล้วทันทีที่เห็นข้อความที่ได้รับเท่านั้น หญิงสาวก็สบถกับตัวเองเบาๆ นี่นายตัวดีนั่นจะทำอะไรเนี่ย!!
“มีอะไรเหรอริน” ภัทราถาม ขณะที่สีหน้าสลิลนรีนั้นได้เปลี่ยนจากโหมดหนักใจเป็นหงุดหงิดไปเรียบร้อยแล้ว
“ก็ปัญหาใหญ่กำลังมาที่นี่แล้วไงล่ะ” หญิงสาวตอบเสียงลอดไรฟัน ก่อนจะหันไปทางประตูทางเข้าแผนก แล้วทันทีที่สายตาปะทะเข้ากับเป้าหมาย หญิงสาวก็เบะปากในทันใด
ภาพผู้ชายตัวสูง หน้าขาวใสเหมือนดาราแต่เครื่องหน้าคมเข้มที่เธอแสนจะคุ้นเคย มาวันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงินกับกางเกงขายาว เน็คไทและสูทสีดำเดินเข้ามาในแผนกด้วยมาดผู้บริหารเต็มยศขณะที่ข้างกายนั้นมีสาวสวยแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดจนคนไข้ทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่พากันมองสาวเจ้าจนคอแทบหมุนมาอยู่ข้างหลังเดินเกาะแขนตามมาด้วย
"ผู้หญิงคนนั้นใครน่ะริน แต่งตัวเปรี้ยวเป็นบ้า"
ภัทราถามด้วยไม่ได้รู้สึกชื่นชมการแต่งตัวของหญิงสาวผู้นั้นเลยซักนิด เกาะอกที่อยู่ใต้เสื้อนอกสีชมพูหวานนั้นอยู่ต่ำจนเห็นเนินอกขาวๆ อยู่รำไร กระโปรงทรงสอบเข้ากับเสื้อนอกนั้นก็สั้นประมาณคืบกว่าๆ เท่านั้น แล้วเมื่อรวมเข้ากับร่างสูงเพรียวสมส่วน ผมยาวดัดเป็นลอนสยายเต็มแผ่นหลัง ดวงหน้ารีรูปไข่ ดวงตาโตสีดำสนิท ริมฝีปากอิ่มได้รูปและพวงแก้มขาวเนียนถูกตบแต่งด้วยเครื่องสำอางครบสูตร กับท่าทางการเดินนวยนาด หน้าตั้งหลังตรงแบบนี้ ก็คงไม่มีคำนิยามเหมาะเท่ากับคำว่า ’สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง’ อีกแล้ว
"เฮ้อ... แต่งตัวแบบนี้ไม่กลัวโดนฉุดโดนจี้กับเขาบ้างรึไงนะ" ภัทราบ่น
"ผู้หญิงคนนั้นน่ะพี่สาวของคุณดาวและเป็นคนที่จะทำให้พี่ซันมาออกปากขอให้พวกเราช่วยยังไงล่ะ" สลิลนรีตอบเรียบๆ สายตายังคงจับจ้องที่ร่างสูงเพรียวนั้นไม่วางตา
“ผู้หญิงคนนั้นเหรอ ทำไมล่ะ ร้ายกาจมากเลยเหรอ” หากไม่ทันที่สลิลนรีจะได้ตอบ คนถามก็รู้ได้เองเมื่อเสียงแหลมสะบัดนิดๆ บ่งบอกถึงนิสัยเอาแต่ใจและเจ้ากี้เจ้าการของสาวสวยผู้นั้นดังขึ้นเมื่อร่างบางของดารารัตน์เดินออกมาจากห้องตรวจพร้อมกับศรายุท
"เสร็จธุระแล้วใช่มั้ยดาว"
เสียงแหลมที่เอ่ยขึ้นส่งผลให้ทั้งดารารัตน์และศรายุทซึ่งกำลังเดินคุยไปอยู่หันมามองต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง หญิงสาวมีท่าทีตกใจเล็กๆ ก่อนจะกลับมาเป็นปกติในเวลาต่อมาขณะที่ศรายุทนั้นแม้ใบหน้าจะเปื้อนยิ้มแต่สลิลนรีก็รู้สึกได้ถึงอาการหนักใจที่แผ่ออกมาจากตัวศรายุทชัดเจน
“รีบไปจัดการก่อนที่พี่ซันจะได้ม้วนเสื่อกลับบ้านดีกว่า” ว่าแล้วสลิลนรีก็เดินตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายทันที พยายามเก็บซ่อนความหวานหวั่นและหวั่นไหวบางอย่างที่เธอก็ไม่เคยรู้และไม่เคยคิดจะหาคำตอบไว้ภายใต้ท่าทางมาดมั่นและดวงตาที่เป็นประกายกล้า ถ้าเลือกได้ ฉันจะขอให้ไม่ต้องมาเจอคุณอีกคุณรื่นรตี แต่เพราะคุณอยากมาขวางทางรักของพี่ซันเอง เพราะฉะนั้นฉันก็จะขอรบกับคุณล่ะ
"ที่นี่โรงพยาบาลนะคะคุณรื่นรตีไม่ใช่ตลาดสด ช่วยเกรงใจคนไข้คนอื่นๆ ด้วยค่ะ"
เสียงใสหากแข็งกร้าวนิดๆ เอ่ยขึ้นไม่ดังนักจากด้านหลังของสาวสวย เรียกความสนใจจากเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกได้เป็นอย่างดี
“เธอ!! ยัยเด็กเมื่อวันนั้น” ริมฝีปากแดงเรื่อเอ่ยขึ้น ดวงตาเบิกโตด้วยความแปลกใจและตกใจนิดๆ ที่ได้พบคนตรงหน้า ขณะที่สลิลนรีนั้นกระตุกมุมปากส่งยิ้มให้ด้วยท่าทีนิ่งเฉย ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ายังจำกันได้ซินะ ไม่เสียแรงที่ฝากรอยแค้นไว้จริงๆ !!
“ค่ะ ฉันคือ ‘ยัยเด็กเมื่อวันนั้น’ เอง ดีใจที่ยังจำกันได้นะคะ คุณรื่นรตี” สลิลนรีส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้ก่อนจะหันไปทางดารารัตน์ด้วยสีหน้าและดวงตาที่เป็นมิตร
"สวัสดีค่ะคุณดารารัตน์ คงไม่รังเกียจนะคะถ้าฉันจะขอเรียกคุณว่าคุณดาว ฉันชื่อสลิลนรีค่ะ คุณจะเรียกว่ารินเฉยๆ ก็ได้ ฉันเป็นน้องสาวของพี่ซันค่ะ ส่วนคนนี้ก็ภัทราหรือฟ้า เป็นเพื่อนของฉันเองค่ะไม่ทราบว่าพี่ซันได้บอกคุณดาวแล้วหรือยังคะว่าจะเชิญคุณดาวไปทานอาหารเย็นพร้อมกับพวกเราด้วย"
“ยังหรอกค่ะ แต่ก็ยินดีรับคำชวนนะคะ อยากเจอคุณรินมานานแล้ว ได้ยินแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างจากคุณซันมานาน วันนี้ได้มาเจอตัวจริงซักที” เสียงใสๆ ตอบกลับมาอย่างร่าเริงพร้อมกับยิ้มหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าและประกายในดวงตาที่มองเธออย่างเอ็นดู ทำเอาสลิลนรีอดที่จะยิ้มตอบไม่ได้หากแต่สายตานั้นกลับพุ่งตรงไปยังศรายุท... ไปเผาอะไรน้องให้คนอื่นเขาฟังอีกล่ะ และคำตอบที่ได้ก็คือรอยยิ้มแหยๆ จากศรายุทเท่านั้น
"แต่ดิฉันเกรงว่าดาวจะต้องกลับบ้านนะคะคุณสลิลนรี เพราะเมื่อกี้ดิฉันเพิ่งจะให้คุณภพโทรตามคุณภัทธมารับดาว เสียใจด้วยนะคะ" รื่นรตีเอ่ยขึ้น ปลายประโยคน้ำเสียงติดจะสะบัดนิดๆ พร้อมกับเชิดหน้าใส่ ทำให้ภัทราที่ยืนอยู่ข้างๆ สลิลนรีรู้สึกคันๆ ในใจยังไงชอบกล ส่วนสลิลนรีนั้นก็ยังคงยิ้มหวานจ้องตากลับ ก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างไม่กลัวเกรง มาถึงขั้นนี้แล้วใครจะยอมถอยง่ายๆ กันล่ะ!!
"เอ... ฉันว่าฉันถามคุณดาวนะคะไม่ใช่คุณ"
“เอ๊ะ!!” นั่นปะไร... ย้อนแค่นี้ก็จะเต้นแล้ว ยั่วขึ้นจริง
“ยัยหนูริน!!” เสียงทุ้มห้าวของใครคนหนึ่งทักขึ้น ส่งผลให้คนถูกเรียกหันไปมองต้นเสียงในทันที ชายหนุ่มผิวขาว ตัวสูงใหญ่ โครงหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับพิภพกำลังเดินส่งยิ้มมาให้เธอ
“พี่ภัทธ!!” สลิลนรีร้องก่อนจะโผเข้าหาวงแขนของชายหนุ่มผู้มาใหม่ที่อ้ารอไว้เต็มรัก
“ไม่เจอนานนี่โตเป็นสาวขึ้นเยอะนะเรา” ชายหนุ่มทักพร้อมกับยกมือขึ้นยีผมสลิลนรีอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะหันไปส่งยิ้มแหยให้พิภพซึ่งกำลังมองมาทางเขาที่ยังโอบไหล่สลิลนรีโดยที่หญิงสาวเองก็กำลังเกาะเอวของเขาอยู่ด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตรนัก นี่ก็อีกคน.... อะไรจะหวงน้องชายขนาดนี้นะ
“เออ... พี่ภพครับ ธุระที่พี่ว่าอยากให้ผมช่วยนี่...”
“จะชวนนายมาทานข้าวด้วยกันน่ะ สนใจมั้ย มี ‘ยัยหนูริน’ ไปด้วยนะ” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ รู้สึก
อยากลากหญิงสาวที่กำลังยืนเกาะเอวน้องชายของตนพร้อมทำหน้าท้าทายเขาอยู่ตะหงิดๆ นั่นมาตีซะให้ตาย ยัยเด็กบ้า ไม่อายสายตาชาวบ้านเขาหรือไงกันนะ
“ก็ดีเหมือนกันครับ ว่าแต่มีร้านอาหารที่เล็งไว้แล้วรึยังล่ะครับจะได้ไปกันเลยไม่ต้องเสียเวลา” ชายหนุ่มตอบก่อนจะหันไปยิ้มให้กับรื่นรตีที่มองเขาด้วยแววตาแปลกๆ วูบหนึ่งก่อนจะสะบัดหน้าหันไปทางอื่น
“งั้นลองร้านอาหารใหม่ที่เพิ่งเปิดใกล้ๆ ชานเมืองมั้ยคะ” ฟ้าออกความเห็น
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” พิภพตอบรับ
“เอ๊ะไหนคุณภพบอกว่าจะพารตีไปดินเนอร์ไงล่ะคะ” รื่นรตีส่งเสียงกระเง้ากระงอดพร้อมกับทำสีหน้าออดอ้อนขณะที่พิภพนั้นก็ยังคงส่งยิ้มอ่อนโยนเป็นทัพหน้าเช่นเดิม
“ก็ไปพร้อมกับคนอื่นๆ นี่ไงล่ะครับ นานๆ ทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศอีกอย่างไปทานหลายๆ คนก็สนุกดีนะครับ” ชายหนุ่มหว่านล้อมเสียงนุ่ม ทำเอารื่นรตียอมอ่อนลงให้ในทันทีแม้ลึกๆ จะไม่ค่อยเต็มใจนักก็ตาม ทำเอาสลิลนรีที่ยืนมองท่าทีออดอ้อนออเซาะของคนทั้งสองอยู่นานสองนานราวกับบนโลกใบนี้มีพวกเขาแค่เพียงสองคนเท่านั้นอดไม่ได้ที่จะแอบหันไปทำท่าคลื่นไส้โดยไม่ให้ใครเห็น
“เน่าชะมัด”
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรหรือครับคุณสลิลนรี” พิภพหันมาถามด้วยสีหน้าขรึมๆ แต่แววตาและท่าทีนั้นเตรียมหาเรื่องกันชัดๆ ชิ!! ทีงี้หน้าหุบอย่างกับบัวตูมเชียวนะ เลือกปฏิบัติชะมัด
“เปล่านี่คะ แต่ว่าฉันคงจะไปด้วยไม่ได้เพราะมีธุระที่ต้องไปจัดการนิดหน่อย ดังนั้นขอแยกกับพวกคุณตรงนี้เลยจะดีกว่า ขอตัวก่อนนะคะ ไว้วันหลังค่อยไปทานข้าวกันใหม่นะคะพี่ภัทธ”
“ตามสบายเลยริน” พิภัทธว่า
ขณะที่สลิลนรีนั้นหันไปขยิบตาให้ภัทราและศรายุท ซึ่งทั้งคู่ต่างก็รับรู้ได้ไม่ยากว่าหญิงสาวโกหกเพื่อปลีกตัวไปเตี๊ยมกับเจ้าของร้านอาหารซึ่งก็คือคุณน้าของภัทราต่างหาก
แต่ดูเหมือนจะมีคนที่ล่วงรู้แผนของสลิลนรีอีกคน ดังนั้นยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ก้าวขาออกจากประตูแผนกร่างสูงใหญ่ของพิภพก็ก้าวเข้ามาขวางเธอเอาไว้เสียก่อน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่กำลังยืนส่งยิ้มเย็นมาให้เธอพร้อมกับสายตารู้ทันอย่างหงุดหงิด
"หลีกไปนะ"
"จะไปไหนล่ะสาวน้อย ไม่ไปช่วยพี่ชายที่รักก่อนเหรอ" ชายหนุ่มถามกลับเสียงเรียบ
หญิงสาวจ้องตาชายหนุ่มไม่กระพริบ ก่อนจะคลี่ยิ้มหวานให้ ซึ่งเขาไม่เคยนึกจะชอบไอ้รอยยิ้มแบบนี้ของเธอเลยจริงๆ เพราะทุกครั้งที่เธอยิ้มแบบนี้ทีไร เขาจะต้องเจอเรื่องยุ่งยากวุ่นวายทุกครั้งไป โดยมีคนตรงหน้าเขานี่แหละเป็นต้นเหตุ
"ฉันว่าคนที่คุณควรห่วงน่ะน่าจะเป็นคุณรื่นรตีแฟนคุณมากกว่านะ ไม่ใช่พี่ซัน"
หญิงสาวจงใจเน้นคำว่า ‘แฟน’ ชัดถ้อยชัดคำด้วยรู้ว่ามันจะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเธอคาดเดาเอาเองว่าคงเพราะเขาไม่ชอบที่เธอใช้น้ำเสียงกระแนะกระแหนแบบนั้นกับคู่ควงของเขาล่ะกระมัง
“จะต้องให้ผมบอกคุณกี่ครั้งว่าอย่าใช้คำและน้ำเสียงแบบนั้นเรียกคุณรตี” ชายหนุ่มว่าเข้าให้ รู้สึกหงุดหงิดในใจโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ก็จนกว่าคุณจะเรียนรู้ไงว่าฉันไม่เคยคิดจะทำตามคำสั่งของคุณ” หญิงสาวเถียงกลับพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกมองเขาด้วยท่าทีกวนประสาทจนพิภพนึกอยากจับร่างบางตรงหน้ามาเขย่าแรงๆ ซักทีสองทีให้หายหงุดหงิดแต่ขืนเขาทำอย่างนั้นมีหวังเขากับเธอได้ฆ่ากันตายตรงนี้เป็นแน่
"บอกผมมาตามตรงดีกว่าว่าทำไมคุณถึงไม่ยอมไปกับพวกเราดีๆ แล้วไปจัดการสะสางอะไรซึ่งๆ หน้าให้รู้แล้วรู้รอดไป แทนที่จะมาคอย ‘ลอบกัด’ กันแบบนี้" ชายหนุ่มจงใจยั่วโมโห
"ก็อยากจะไปอยู่หรอกนะคะคุณภพ ติดแต่ว่าฉันไม่อยากจะไปร่วมโต๊ะกับคุณให้รู้สึกทานอะไรไม่ลงก็เท่านั้นเองล่ะค่ะ"
หญิงสาวตอกกลับ ซึ่งไอ้คำพูดตรงแสนตรงจากใจแบบไม่มีปิดบังกับน้ำเสียงที่จงใจใส่จริตนั่นทำให้ชายหนุ่มเกิดอาการคอแข็ง มองเธอด้วยสายตาคุกคาม... ปากร้ายจริงๆ นะแม่คุณ อย่างนี้มันน่านัก แต่สลิลนรีก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาใดๆ กับดวงตาลุกวาวคู่นั้นแม้แต่น้อย สุดท้ายก็ต้องเป็นเขาเองที่ต้องถอยทัพ ด้วยรู้ว่าในเวลานี้คนที่จะช่วยศรายุทได้นั้นก็คือคนตรงหน้าเขาเท่านั้น
"พูดกันตรงๆ เลยนะคุณ ซันต้องการให้คุณช่วย”
“แล้วคุณไม่คิดจะช่วยเพื่อนคุณบ้างเลยรึไง” หญิงสาวตอกกลับ
“ผมว่าคุณรู้คำตอบและเหตุผลของผมดีอยู่แล้วนะ” ชายหนุ่มตอบด้วยเสียงกระซิบ
“แล้วไง สุดท้ายก็มาโยนโครมที่ฉัน นี่ฉันยังไม่ได้จัดการคุณกับพี่ซันนะที่ไม่บอกฉันล่วงหน้า” สลิลนรีว่าพร้อมจ้องพิภพเขม็ง แต่กลับได้รับรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มตอบกลับมาเสียนี่
“ใครว่าผมไม่บอกคุณ เมื่อวานพอผมรู้ว่าไอ้ซันมันมีนัดผมก็รีบโทรหาคุณแล้ว แต่คุณดันวางหูปิดเครื่องไปซะอย่างนั้น แล้วจะให้ผมทำยังไง” ชายหนุ่มตอบ อ้าว ก็ผมโทรแล้วจริงๆ นะ แต่หลังจากที่ซันบอกสามชั่วโมงแค่นั้นเอง “คุณคงไม่คิดหนีเอาตัวรอดใช่มั้ย”
ถ้าหากการยั่วก่อนหน้านี้ไม่ได้ผลล่ะก็ คราวนี้คงได้ผลชะงัดเพราะตอนนี้หญิงสาวตรงหน้าเขานั้นเริ่มจะแปลงร่างเป็นเสือกระโจนเข้ามาฉีกอกเขาอยู่มะรอมมะร่อแล้ว
“ใครหนีพูดให้ดีๆ นะ ไม่งั้นคุณได้กินอย่างอื่นแทนข้าวเย็นแน่” สลิลนรีขู่เสียงเขียวพร้อมกับกำหมัดแน่น ส่วนพิภพนั้นได้แต่แอบยิ้มในใจที่เริ่มจะเห็นลางชนะมารำไร แม้จะแอบเสียววาบว่าอาจได้กินกำปั้นแทนอาหารเย็นตามคำขู่เล็กน้อยก็ตาม ได้ยินคำว่า ‘หนี’ ทีไรต้องของขึ้นทุกที นี่ล่ะหนอเด็ก เอาล่ะ เดินลงหลุมมาซะดีๆ
“ก็แล้วผมจะหมายถึงใครล่ะถ้าไม่ใช่คุณ ผมว่าผมเคยได้ยินคุณพูดว่าอยากจัดการคุณรตีเรื่องไอ้ซันกับคุณดาวอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมวันนี้แค่มีผมอยู่ด้วยกลับจะหนีกันซะงั้น”
"ฉันเนี่ยนะหนีเพราะคุณ!! เฮอะ!! ไว้รอซักชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะ” สลิลนรีเตอบเสียงลอดไรฟัน ดวงตาที่แผ่รังสีทำลายล้างจับจ้องคนตรงหน้าราวกับจะเผาเขาให้มอดไหม้เป็นผุยผงไปต่อหน้าต่อตา “คนอย่างฉันไม่เคยกลัวใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างคุณ คุณภพ จำไว้ด้วย”
รอยยิ้มพอใจปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา “ถ้างั้นก็พิสูจน์ซิครับ” ชายหนุ่มท้ากลับ
ยืนจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง มือที่กำแน่นจนเห็นกระดูกขาวโพลนของสลิลนรีก็คลายออกก่อนที่หญิงสาวจะส่งยิ้มหวานแต่เย็นยะเยือกถึงใจมาให้จนพิภพชักรู้สึกว่าน้ำลายมันฝืดๆ คอยังไงชอบกล
"ฉันพิสูจน์แน่ไม่ต้องห่วง คิดห่วงตัวเองเอาไว้แล้วกัน" ขู่อาฆาตเสร็จเธอก็สะบัดหน้าพรืดใส่เขา ก่อนจะเดินกลับไปยังกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังและเป็นฝ่ายขอตัวไปยังที่นัดหมายก่อนโดยไม่ลืมลากเอาภัทราตามติดไปด้วย แต่ก่อนไปก็ยังไม่วายส่งดวงตาวาววับมาให้ใครบางคนได้รู้สึกเสียวสันหลังเล่น... คืนนี้จะรอดชีวิตกลับบ้านครบสามสิบสองมั้ยเนี่ย
"รินจ๋า จะตอบคำถามฉันได้รึยังจ๊ะ" เสียงหวานใสของภัทราลอยมากระทบโสตทันทีที่รถจอดสนิทตรงหน้าร้านอาหารซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายสำหรับคืนนี้ ส่งผลให้คนถูกเรียกชายตามามองคนถามเล็กน้อยด้วยท่าทีเซ็งสุดชีวิต
"อยากรู้อะไรล่ะ" สลิลนรีถามก่อนจะปรับเบาะที่นั่งอยู่ให้เอนหลังไปเล็กน้อยเพื่อให้นั่งได้สบายขึ้น
"คุณภัทธเป็นใครทำไมเธอถึงได้สนิทกับเขานัก แล้วก็จะให้ดี ช่วยเล่าประวัติความเป็นมาระหว่างคุณภพ คุณ
“ก็พี่ภัทธเป็นลูกคนที่สามของคุณป้าทิพย์ศิณีกับคุณลุงเกรียงไกร เป็นน้องชายแท้ๆ ของคุณภพ ตอนนี้คิดว่าน่าจะทำงานอยู่ที่บริษัทไทยบิวท์อินดัสทรี้ บริษัทออกแบบ ก่อสร้างและตกแต่งอาคารระดับแนวหน้าของประเทศซึ่งก่อตั้งโดยคุณพ่อของพี่เขากับคุณพ่อของพี่ซัน โดยมีพี่กร พี่ชายคุณภพเป็นประธานต่อจากคุณลุงเกรียงไกร ซึ่งถ้าให้เราเดา ถ้าพี่เขาไม่ได้อยู่ตำแหน่งสถาปนิกก็คงเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารล่ะมั้ง
เรารู้จักพี่ภัทธตอนที่เราตามพี่ซันไปเยี่ยมคุณลุงเกรียงไกรกับคุณป้าทิพย์ที่ราชบุรีนี่เมื่อตอนม.หก เลยได้คุยกับพี่เขา แล้วก็เกิดถูกคอเลยติดต่อกันบ่อยๆ สุดท้ายก็สนิทกันแบบพี่น้อง ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ที่ฟ้าไม่เคยเจอก็เพราะพี่เขาไปเรียนต่อหลังจากที่เราเจอพี่เขาได้ไม่นานเลยไม่มีโอกาสแนะนำให้รู้จัก
ส่วนเรื่องความเป็นมาระหว่างสี่ห้าคนนั้น จุดเริ่มต้นก็คือ เมื่อประมาณหกปีก่อนบริษัทไทยบิวฯ รับงานเมกกะโปรเจ็คของรัฐบาลมาสองสามงานพร้อมกัน ทำให้บริษัทที่ป้อนวัสดุอุปกรณ์ให้ไทยบิวฯ นั้นไม่พอ พี่กรเลยต้องติดต่อซื้อขายกับบริษัทของพ่อคุณดาวไปซักระยะหนึ่ง โดยตัวแทนติดต่อประสานงานในตอนนั้นก็คือคุณรื่นรตีกับพี่ภัทธ
ตอนแรกเราก็เห็นพี่ภัทธกับคุณรื่นรตีสนิทสนมกันดีหรอกนะ จนกระทั่งพี่กรให้คุณภพมาทำหน้าที่แทนพี่ภัทธที่ไปเรียนต่อนั่นแหละ คุณรตีเลยหันไปติดคุณภพแจอย่างที่เห็นๆ อยู่จนถึงทุกวันนี้นี่แหละ
แล้วพี่ซันก็มาเจอกับคุณดาวหลังจากนั้นไม่กี่ปี เพราะเอางานออกแบบมาส่งที่บริษัทแทนนายรันที่ดันป่วยนอนซมอยู่บ้านซึ่งก็ประจวบเหมาะพอดีกับที่วันนั้นคุณดาวตามคุณรื่นรตีมาด้วย สองคนนั้นเลยได้คุยกัน พี่ซันคงติดใจคุณดาวตั้งแต่วันนั้นเลยตามจีบ มีอะไรสงสัยอีกมั้ย”
“แล้วทำไมคุณรื่นรตีต้องมาคอยขัดขวางพี่ซันอยู่อย่างนี้ด้วยล่ะ”
“พี่ซันเคยบอกเราว่าคุณภพเขาไม่ได้คิดอะไรกับคุณรื่นรตีนอกจากความเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้คุณรื่นรตีเขาเข้าใจและยอมรับได้โดยไม่มีผลกระทบถึงบริษัท เห็นนิสัยคุณเธอฟ้าก็น่าจะรู้นะว่าเอาแต่ใจขนาดไหน พี่ซันเลยคอยเป็นตัวช่วยคุณภพตลอด คุณรื่นรตีเธอก็คงจะหมั่นไส้เลยพาลไม่ชอบพี่ซันอย่างนี้ล่ะเราว่า”
“อืม... ก็พอจะฟังขึ้นอยู่ แต่เอ... รินบอกว่าคุณรื่นรตีเคยสนิทสนมกับคุณภัทธมาก่อนใช่มั้ย แล้วเคยคิดมั้ยว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงเปลี่ยนไปหาคุณภพแทน” ภัทราถามความเห็น สลิลนรีนั่งนิ่งไปพร้อมกับนึกไปถึงแววตาประหลาดของรื่นรตีตอนที่มองพิภัทธเมื่อครู่ก็อดรู้สึกสงสัยไม่ได้ เพราะสายตาแบบนั้นจะบอกว่าเฉยก็ไม่ใช่ จะว่าชอบว่ารักก็ไม่เชิง จะว่าเกลียด น้อยใจอะไรแบบนั้นก็ไม่แน่ใจ สุดท้ายเลยกลับกลายเป็นไร้คำตอบอย่างนี้ไง
“เราเองก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เราไม่เชื่อว่าคุณภพจะคิดกับคุณรตีแค่เพื่อนร่วมงาน เพราะเราเห็นเขาชอบไปไหนมาไหนกันสองคนบ่อยๆ แล้วอีกอย่าง เราเองไม่ชอบคุณเธอมาตั้งแต่แรกแล้วเลยไม่คิดจะใส่ใจอะไรอีก ไม่แน่นะอาจจะเป็นเหตุผลเดียวกับตัวร้ายในละครก็ได้ใครจะรู้ มีอะไรจะถามอีกมั้ย” สลิลนรีหันไปถามภัทรา ซึ่งก็ได้รับการส่ายหน้าหวือเป็นคำตอบ
"ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ไว้คิดออกแล้วค่อยถามอีกที ว่าแต่ตอนนี้เธอคิดหาวิธีช่วยพี่ชายที่รักของเราได้แล้วรึยัง" ภัทราถาม แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏบนใบหน้าของสลิลนรี ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกถ่ายทอดออกมา
“เอาแค่นี้จริงเหรอ น้อยไปรึเปล่า” ภัทราถามอย่างไม่แน่ใจ
“วันนี้แค่ประกาศท้ารบอย่างเป็นทางการ เอาแค่เบาะๆ แค่นี้ก็พอแล้ว” สลิลนรีให้เหตุผลซึ่งภัทราเองก็รับฟังแต่โดยดี ก่อนที่หญิงสาวจะยกมือถือขึ้นมากดหาหมายเลขเป้าหมายเพื่อดำเนินการตามแผน
"เจ็ดที่ครับ" เสียงทุ้มห้าวของพิภพบอกกับพนักงานสาวสวยด้วยรอยยิ้มกระชากใจ ส่งผลให้สาวเจ้าหน้าแดงแล้วแดงอีก
"ขอโทษนะคะ พอดีว่าตอนนี้โต๊ะใหญ่เต็มหมดแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าจะนั่งแยกกันได้มั้ยคะ" พนักงานสาวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงและท่าทีแสดงความเสียใจแต่ก็ไม่วายชายตาหวานให้กับชายหนุ่ม
"ไม่มีปัญหาค่ะ เชิญนำไปเลยค่ะ" ภัทราชิงตอบเสียงดุทำเอาพนักงานสาวแอบหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยก่อนจะเดินนำทุกคนเข้าไปในร้าน
ทันทีที่สบโอกาส สลิลนรีก็ลากศรายุทกับดารารัตน์เดินแยกออกมาที่โต๊ะริมหน้าต่างอย่างรวดเร็ว ทีแรกดารารัตน์นั้นทำท่าจะถามอะไรเธอ แต่สลิลนรีไม่คิดจะเปิดโอกาสให้อยู่แล้ว
“พี่ซันไม่กัดหรอกค่ะคุณ
“ถ้าคุณดาวต้องการไปนั่งกับทางโน้นก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมพาเดินกลับไปเอง” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ แต่ใจนั้นกลับเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ กลัวคำตอบของสาวสวยตรงหน้าเหลือเกิน
“ก็แล้วคุณซันทำอะไรให้ดาวไม่อยากนั่งกับคุณรึเปล่าล่ะคะ” หญิงสาวตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มเขินๆ และดวงหน้าที่ออกแดงเรื่อๆ ทำเอาศรายุทแทบจะร้องไชโยออกมาดังๆ ...งานนี้คงต้องตอบแทนแม่น้องสาวแสนดีเสียหน่อยแล้ว
"แล้วพี่ซันกับดาวล่ะริน" พิภัทธซึ่งเดินอยู่ข้างหน้าสลิลนรีหันมาถามเสียงเบาพอให้ได้ยินกันแค่สองคน
"ไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างตรงโน้นแล้ว พี่ภัทธไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ห่วงอย่างอื่นดีกว่านะคะ" เธอตอบก่อนจะส่งยิ้มทะเล้นให้กับเขา พร้อมกับขยิบตาให้ ผลที่ได้ก็คือมือหนาๆ ของคนข้างตัวที่เคาะลงบนศีรษะของเธอเบาๆ
“ทะเล้นจริงนะเรานี่ เอาเถอะ ยังไงก็อย่าให้โหดมากนักล่ะ” เขาไม่วายสั่งกำชับเธอไว้ แม้จะรู้ดีว่าบอกไปเธอก็คงไม่ฟังเขาเท่าไหร่ก็ตามทีเถอะ... ก็รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นมันบอกเขาว่าอย่างนั้นนี่
“เชิญครับคุณรตี” พิภพเลื่อนเก้าอี้ตัวหนึ่งให้กับหญิงสาว ก่อนจะหันมาเลื่อนอีกตัวข้างๆ กันพร้อมกับหันมามองภัทราโดยมีสายตาของสลิลนรีคอยจับตาดูอยู่... คิดจะหายันต์กันผู้หญิงรึไงกันยะ อย่าหวังเลย
ไวเท่าความคิดมือบางก็ฉวยหมับเข้าที่ข้อมือกลมกลึงของภัทราก่อนที่สลิลนรีจะพาเพื่อนเดินฉับๆ มายังที่นั่งฝั่งตรงข้ามทันที ทำเอาทั้งภัทรากับพิภพอึ้งไปชั่วขณะ
และดูเหมือนไอ้ชั่วขณะที่ว่านี้จะกินเวลากว่าที่ชายหนุ่มคิด เพราะเมื่อเขาทำท่าจะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นพิภัทธ ชายหนุ่มก็จับจองที่นั่งตรงหัวโต๊ะไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พอหันกลับมาก็สบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายวิบวับชอบอกชอบใจของสลิลนรีพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ แต่กวนประสาทมากๆ ของเธอ
"ที่นั่งตรงนั้นเป็นอะไรเหรอคะคุณภพ" หญิงสาวถามสีหน้าใสซื่อผิดกับดวงตาที่ฉายแววขำขันอย่างสิ้นเชิง คนโดนเยาะด้วยดวงตาจึงได้แต่จำใจนั่งลงตรงที่ว่างตรงนั้นก่อนจะหันมามองแม่ตัวแสบที่ยังคงส่งยิ้มสมใจแกมสมน้ำหน้าเขาอยู่
ฝากไว้ก่อนเถอะแม่ตัวดี!! เขาขยับปากนิดๆ โดยปราศจากเสียงกับเธอซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นคำพูดไร้เสียงเช่นกัน... รีบมาเอาคืนแล้วกัน ถ้าคิดว่าทำได้ล่ะก็!!
"ไปแกล้งคุณภพเขาทำไมน่ะริน" ภัทรากระซิบดุๆ กับเพื่อน ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นการยักไหล่ด้วยท่าทีกวนอารมณ์สุดๆ
"ไม่ได้แกล้งซักหน่อย คนร้ากกกกกกกกกกันนั่งติดกันเนี่ยดีออกจะตายไป"
ช่วงแรกของประโยคเธอตอบภัทราด้วยเสียงกระซิบ หากช่วงหลังนั้นเธอจงใจให้ชายหนุ่มที่กำลังนั่งมองหน้าเธออยู่ในเวลานี้ได้ยินชัดถนัดหู ส่งผลให้พิภพมองเธอตาวาวหนักเข้าไปอีก หากก็ต้องระงับเอาไว้ด้วยจู่ๆ รื่นรตีเกิดระลึกขึ้นมาได้ว่าน้องสาวของตนหายไปจึงคิดจะให้เขาไปช่วยเดินหาซะเฉยๆ ซึ่งในฐานะเพื่อนที่ดีของศรายุท เขาต้องเกลี้ยกล่อมให้เธอหยุดความคิดนั้นซะ โดยมีสลิลนรีคอยช่วย ( ให้ยุ่ง ) อีกแรง สุดท้ายพิภัทธก็ต้องเข้ามาช่วยอีกคนนั่นแหละหญิงสาวจึงยอม หากก็ไม่วายจ้องสลิลนรีเขม็งอยู่นั่นเอง
และสำหรับสลิลนรีแล้ว มันคงจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีความสุขมาก หากเธอจะได้นั่งทานอาหารเงียบๆ สงบๆ ไม่ต้องสู้รบปรบมือกับใคร แต่เธอคงได้เพียงแค่หวังเท่านั้น เพราะต้องคอยรับศึกทั้งสองด้าน ทั้งจากรื่นรตีที่พูดจาจิกกัดเธอไม่หยุดและจากพิภพที่หาเรื่องเธอตลอดเวลา จนเธอทนไม่ไหวต้องหันไปฉะจนกระทั่งทั้งสองคนเป็นฝ่ายถอยนั่นแหละ
"ไปนั่งทานเต้าฮวยนมสดที่ห้องเรามั้ย" สลิลนรีเอ่ยชวน
“เนื่องในวโรกาสอะไรล่ะ”
“วโรกาสแก้เซ็งไง ทำไมใครๆ ถึงได้ชอบหาเรื่องฉันกันนักก็ไม่รู้!!” (ก็ดันไปหาเรื่องก่อนเองนี่ยะ)
แล้วสลิลนรีก็บ่นไปอีกหลายนาทีจนกระทั่งถึงที่หมายนั่นแหละเธอถึงได้หยุด แต่ทันทีที่หญิงสาวทั้งสองก้าวขาลงจากรถ สายตาของภัทราก็เหลือบไปเห็นซีรี่ส์เจ็ดคันโก้จอดอยู่ไม่ไกลจากรถของสลิลนรีเท่าไหร่นัก หญิงสาวเพ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าเป็นรถของใครก็หันมาสะกิดคนใกล้ตัวเบาๆ ก่อนจะบุ้ยใบ้ไปทางรถคันนั้น แล้วทันทีที่สลิลนรีหันไปทางรถเจ้ากรรมคันนั้น เธอก็สบตากับเจ้าของรถเข้าอย่างจัง
"โอ๊ย..... ฉันจะบ้าตาย ตาบ้านั่นมาทำอะไรที่นี่อีกเนี่ย!!" พูดจบเธอก็เดินฉับๆ ตรงไปที่เจ้าของซีรี่ส์เจ็ดคันนั้นที่เดินหน้านิ่งเข้ามาหาเธอในทันที
"มีธุระอะไรที่นี่ไม่ทราบ" หญิงสาวแหวใส่ หากพิภพกลับยังคงนิ่งเช่นเดิมก่อนจะยื่นถุงพลาสติกที่ข้างในมีน้ำเต้าหู้ร้อนๆ สองถุงมาตรงหน้าเธอ ทำเอาริมฝีปากบางของสลิลนรีหุบฉับลงทันที
"พี่ชายที่รักของคุณฝากให้ผมเอามาให้พวกคุณสองคนเป็นการตอบแทน" สิ้นประโยคของชายหนุ่ม สลิลนรีก็ยื่นมือไปรับถุงอย่างงงๆ แต่สิ่งที่เธอสัมผัสกลับมีเพียงอากาศเท่านั้น
"เป็นเด็กเป็นเล็กคำขอบคุณน่ะพูดไม่เป็นรึไง" เขาว่าเสียงนุ่มราวกับกำลังอบรมเด็กตัวน้อย ส่งผลให้คนโดนอบรมเงยหน้าจ้องเขาตาวาว
"ขอบคุณเรื่องอะไรมิทราบ ถ้าแค่เพราะคุณขับรถเอามาส่งให้ล่ะก็ ฉันว่ามันคงไม่จำเป็นหรอก เพราะยังไงหอฉันน่ะมันก็ทางผ่านไปบ้านคุณอยู่แล้วนี่" หญิงสาวย้อนก่อนจะกระชากถุงกลับมาได้ในที่สุด หากชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมปล่อย
"ถ้างั้นเปลี่ยนเป็นคำขอโทษที่เมื่อหัวค่ำคุณว่าผมไว้ซะเยอะแทนเป็นไง" เขาพูดเสียงเบา ก่อนจะส่งยิ้มเย็นกวนอารมณ์มาให้จนสลิลนรีนึกอยากฝากรอยเล็บบนหน้าหล่อๆ นั่นซักรอยสองรอย
“ฉันไม่ได้ว่าคุณซักหน่อย ฉันก็แค่พูดลอยๆ ใครอยากรับก็รับ ใครไม่อยากรับก็ไม่ต้องรับ ไม่เห็นได้ไปหาเรื่องคุณตอนไหน ไม่ต้องมามั่วนิ่มกับฉันนะ” เธอแว้ดกลับ
"ท่าทางคุณก็ไม่เหมือนคนสมองเสื่อมหรือคนความจำสั้นนี่ ไม่งั้นคงจำได้ว่าบางประโยคลอยๆ ของคุณน่ะมันอ้างอิงถึงผมนะครับ” ชายหนุ่มยอกย้อนกลับไม่ได้รู้สึกกลัวตาเขียวๆ กับเขี้ยวขาวๆ ที่กำลังงอกออกมาจากปากของหญิงสาวหน้าหมวยในเวลานี้เลยซักนิด
"เอ๊ะนี่คุณ!! สรุปว่าที่มานี่อยากจะมีเรื่องใช่มั้ย เดี๋ยวจะจัดให้!!"
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าทำท่าจะ ‘จัดให้’ ตามที่พูดจริงๆ ชายหนุ่มก็รีบปล่อยมือจากถุงน้ำเต้าหู้แล้วเดินถอยห่างจากคนที่เริ่มจะแปลงร่างเป็นเสือออกมาสองก้าวเพื่อความปลอดภัยในชีวิต ก่อนจะฉวยข้อมือบางๆ ของเธอไว้โดยที่สลิลนรีไม่ทันได้ตั้งตัว
"จริงซิ!! ขอให้หลับฝันถึงผมก็แล้วกันนะ"
ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ พร้อมกับที่ริมฝีปากอุ่นๆ ฉกวูบมาที่แก้มเนียนของสลิลนรีอย่างรวดเร็วเพื่อเอาคืนด้วยรู้ว่าหญิงสาวไม่ชอบการโดนเพศตรงข้ามสัมผัสแบบใกล้ชิด ยิ่งกับเขาด้วยแล้วยิ่งไม่ชอบหนัก เมื่อทำการฝากรอยแค้นไว้เรียบร้อยแล้วเขาก็ปล่อยเธอให้เป็นอิสระแล้วรีบวิ่งขึ้นรถแล้วขับจากไปในทันทีด้วยกลัวว่าหากสลิลนรีได้สติขึ้นมาจะคว้าอะไรที่อยู่ใกล้มือมาแปลงเป็นอาวุธบินมาทำร้ายร่างกายหรือเจ้าซีรี่ส์เจ็ดสุดหวงของเขาเสียก่อน
"ไอ้บ้านั่น..."
สลิลนรียกมือขึ้นกุมแก้มข้างที่โดนขโมยหอมทันทีที่หายงง หญิงสาวออกแรงถูจนแก้มข้างนั้นแดงไปหมดพร้อมกับเต้นเร่าๆ ปากก็สรรเสริญเจริญพร ‘ไอ้บ้านั่น’ ตลอดเวลา ส่วนภัทรานั้นแม้จะอึ้งๆ ไปกับการกระทำที่เรียกได้ว่าไม่กลัวตายของชายหนุ่มอยู่ไม่น้อยแต่ก็อดหัวเราะกับท่าทีราวกับโดนของร้อนของเพื่อนไม่ได้
"เอาน่าๆ ริน ใจเย็นๆ นะ" ภัทราพูดปลอบ
“ใจเย็นเหรอฟ้า อีตานั่นกล้าดียังไงถึงมาทำกับเราแบบนี้ คนอะไรน่ารังเกียจที่สุด ให้ตายซิ!!”
“จ้าๆๆ แต่ตอนนี้เธอทำอะไรเขาไม่ได้แล้วล่ะ เพราะเขาไปนู่นแล้ว เอาน่า... คราวหน้ายังมีให้แก้แค้นอีก ตอนนี้ขึ้นห้องก่อนเถอะนะ”
ว่าแล้วภัทราก็รีบฉุดกระชากคนอารมณ์ร้อนไปที่ลิฟท์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่สลิลนรีจะวิ่งไปที่รถแล้วขับตามไปถล่มชายหนุ่มที่ฝากรอยแค้นไว้ถึงบ้านให้ผู้ใหญ่บ้านนั้นตกอกตกใจแตกตื่นกันกลางดึก ถึงแม้ว่าคุณเกรียงไกรและคุณทิพย์ศิณี พ่อแม่ของพิภพจะเคยชินกับอาการหมาแมวกัดกันของทั้งสองคนนี้ดีและเข้าข้างเพื่อนเธออยู่ไม่น้อยก็ตามทีเถอะ
"ถามจริงเถอะริน เมื่อไหร่เธอจะพูดดีๆ กับคุณภพเขาซะทีล่ะ ฉันว่าเขาก็เป็นคนดีออกนะ" ภัทราถามขึ้นระหว่างที่กำลังจัดการกับน้ำเต้าหู้ที่ศรายุทฝากมาให้อย่างเอร็ดอร่อยแต่เพียงผู้เดียว เนื่องด้วยสลิลนรีนั้นหมดอารมณ์กินไปเรียบร้อย
"รอจนกว่าฝนจะตกเป็นแมวแล้วกันฟ้า จะชาติหน้าฉันใดเราก็ไม่มีวันญาติดีกับตานั่นเด็ดขาด" จบประโยคเหล่าถุงพลาสติกใสที่ใส่น้ำเต้าหู้มาก็ถูกขย้ำเป็นก้อนก่อนโดนปาลงถังขยะอย่างแรงตามอารมณ์คนปา
"จ้าๆ แล้วฉันจะรอดู ฉันกลับล่ะนะ"
"เดี๋ยวเราไปส่ง" สลิลนรีฉวยแก้วเซรามิกที่ภัทราใช้ทานน้ำเต้าหู้ไปไว้ที่อ่างล้างจาน ก่อนจะคว้ากุญแจรถกับกุญแจหอวิ่งตามภัทราออกไป
"คนเราน่ะเกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้นนะริน ไม่เชื่อคอยดู"
ภัทราเอ่ยลอยๆ เมื่อรถที่โดยสารมาจอดนิ่งที่หน้าหอของตนเอง ก่อนที่หญิงสาวจะรีบลงจากรถแล้วหนีขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็วโดยที่คนขับมาส่งยังไม่ทันจะได้อ้าปากแว้ดอะไรกลับ สลิลนรีจึงได้แต่มองตามหลังเพื่อนรักไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดจนกระทั่งไฟในห้องของภัทราสว่างขึ้นเธอจึงออกรถจากไป
"ต่อให้โลกนี้ถล่มก็ไม่มีทางมีวันนั้นหรอกฟ้า เพราะเขาเกลียดเราอย่างกับอะไร" หญิงสาวบ่นพึมพำกับตนเองเบาๆ
เมื่อถึงหอ สลิลนรีก็รีบขึ้นห้องอาบน้ำเข้านอน เมื่อหัวถึงหมอนเปลือกตาของหญิงสาวก็ปิดลงทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ยังไม่ทันจะหลับ เสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้นมาจากมือถือของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
‘ฝันถึงผมเนี่ยแสดงว่าฝันดีนะครับ’
ดวงหน้าของใครคนหนึ่งที่ฝากรอยแค้นไว้บนแก้มเนียนปรากฏขึ้นทันทีที่หญิงสาวอ่านข้อความจบ มือบางถูกยกขึ้นถูแก้มแรงๆ สองสามที ก่อนที่หญิงสาวจะทิ้งตัวลงนอนแรงๆ อย่างหงุดหงิด
"ฝันร้ายมหาร้ายน่ะซิไม่ว่า!!”
ความคิดเห็น