คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Mission 1 :: เปิดฉาก ปะทะ สูญเสีย ความตาย(1)
Mission 1 :: เปิดฉาก ปะทะ สูญเสีย ความตาย(1)
.....................................................................................................
ณ ใจกลางมหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ปี 25XX
......................................................................
" ตามไปๆ เร็วๆ เข้า" เสียงสั่งจากชายในชุดพรางและสวมหมวกแก็ปสีดำสนิท บนบ่าแบกซับแมชชีนกันหนึ่งกระบอก ข้างเอวเหน็บมีดสั้นหนึ่งเล่ม เขาใส่รองเท้าคอมแบทสีดำพื้นหนา รูปร่างสูงโปร่ง ไม่อ้วนและไม่ผอมจนเกินไป ดูแล้วก็ไม่ต่างจากคนอเมริกันทั่วๆ ไป มีแต่สีหน้าของเขาเท่านั้น ที่ดูเครียดพอสมควร
" ครับผม!" กลุ่มคนที่แต่งกายแบบเดียวกับเขาขานรับเสียงดังกึกก้อง
"หน่วยเอขึ้นลิฟต์ไปดักที่ชั้นดาดฟ้า หน่วยบีไล่ตามขึ้นไปทางบันไดหนีไฟ ส่วนอั๊วกับพวกเราที่เหลือจะคอยเป็นแบ็คอัพให้เอง เอ้า! ไปกันได้....."
" ครับผม!"
...................................................
ที่ตึกสูงแห่งหนึ่งในนิวยอร์ค บัดนี้ได้กลายเป็นสถานที่ไล่ล่าไปซะแล้ว เจ้าหน้าที่ของกองกำลังหน่วยเฉพาะกิจและหน่วย S.W.A.T ได้ร่วมมือกันตามจับกุมบุคคลผู้หนึ่ง ชายผู้นี้มีอะไรพิเศษงั้นหรือ? ทำไมถึงต้องยกขโยงกันมามากมายขนาดนี้ เพื่อที่จะจับเขาแค่เพียงคนเดียว.....
" รังกระต่ายเปลี่ยน...ซ่า...รังกระต่ายเปลี่ยน...ซ่า...นี่หน่วยบี...เปลี่ยน...ซ่า...พบเป้าหมายแล้ว...ซ่า...ขณะนี้เป้าหมายอยู่ที่ชั้น 25...เปลี่ยน...ซ่า...ให้ทำอย่างไรดี...เปลี่ยน...ซ่า..."
" นี่รังกระต่าย...ซ่า...รับทราบแล้ว...เปลี่ยน...ซ่า...พยายามจับเป็นไว้ก่อน...เปลี่ยน..."
" รับทราบแล้ว...ซ่า...รังกระต่าย...เปลี่ยน...อ๊ะ!"
" ปังงง!"
เสียงปืนดังแทรกเข้ามา ในระหว่างที่ตำรวจกำลังสื่อสารด้วยวิทยุกันอยู่ หัวหน้าหน่วย S.W.A.T นามว่า "นิค" รีบติดต่อกลับไปทันทีที่สิ้นเสียงปืน
" นี่รังกระต่าย...เปลี่ยน...รับทราบแล้วตอบด้วย...เปลี่ยน...ซ่า..."
เมื่อเรียกไปแล้วแต่ไม่มีการตอบกลับมา เขาก็เรียกซ้ำอีกสองถึงสามครั้ง ผลที่ได้ก็ยังไม่มีการตอบกลับมาเช่นเดิม แต่ในขณะที่นิคกำลังจะเรียกซ้ำอีกครั้งปรากฏว่ามีสัญญาณตอบกลับมาเสียก่อน.....
" ไง...ซ่า...คุณตำรวจที่รัก...เปลี่ยน..." เสียงที่ไม่น่าใช่พวกของเขาตอบกลับมาอย่างน่าสงสัย
" นายเป็นใคร...ซ่า...ตอบด้วย...เปลี่ยน" นิคถามกลับ ใจเขาเริ่มสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาบ้างแล้วตอนนี้
" ลองเดาเล่นๆ ดูซิว่าใคร?...เปลี่ยน...ซ่า" เสียงปริศนาถามกลับอย่างกวนๆ
" ฉันรู้แล้ว...ซ่า...ว่าแกเป็นใคร...เปลี่ยน"
" เก่งมากที่เดาออก...เปลี่ยน...ซ่า..."
" แกทำอะไรกับลูกน้องฉัน...ซ่า...ตอบด้วย...เปลี่ยน..." เขาถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ
" แล้วคุณหัวหน้าคิดว่าเป็นยังไงล่ะ?...ซ่า...เปลี่ยน"
" อย่าเล่นลิ้น...ซ่า...ตอบมา...เปลี่ยน...ซ่า..."
" ลิ้นเล่นยังไงล่ะ?...ซ่า...คุณหัวหน้าบอกผมทีสิ?...ซ่า...เปลี่ยน..." มันยังถามกวนTeen อีก
" แก...!"
" พระเจ้าท่านทรงมีเมตตา...ซ่า...ท่นรับลูกน้องของคุณ...ซ่า...ขึ้นสวรรค์ไปหมดแล้ว...เปลี่ยน..."
คำตอบของเสียงปริศนาไม่ผิดไปจากที่เขาคาดเดาแม้แต่น้อย แม้รู้ความจริง แต่มันก็ทำใจรับได้ยากกว่าที่คิด หน่วยบีที่ติดตามคนร้ายขึ้นไปมีจำนวนทั้งสิ้น 9 นาย คนร้ายถึงกับสังหารหมดสิ้นเชียวหรือ? นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ เลย เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! เขาไม่เชื่อ....
นิคปิดวิทยุทันทีที่เสียงลึกลับตอบกลับ เขาไม่อยากฟังไอ้เบื๊อกนี่พล่ามอีกแล้ว มันไม่ได้บ้าเลือดเพียงอย่างเดียวแล้ว มันเพี้ยนสุดๆ อีกตะหาก ขืนคุยต่อ เขาต้องประสาทแด๊กแน่นอน ไวเท่าความคิด นิครีบสั่งการต่ออย่างเร่งด่วน
" พวกลื้อตามอั๊วขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวนี้เลย พบเป้าหมายให้จับตายได้เลยทันที ไปได้!"
" ครับผม!" พวกที่เหลือรับคำแล้ววิ่งตามนิคไปโดยเร็ว
ระหว่างที่วิ่งขึ้นบันได เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามนิคว่า " ขอโทษครับหัวหน้า เป้าหมายที่เรากำลังตามจับเนี่ย มันเป็นใครหรือครับ?"
" Bloody Devil" นิคตอบห้วนๆ เขานับดูว่าระหว่างนี้เขามาถึงชั้นที่ 15 แล้ว
" หา!?" ลูกน้องที่ถามงงกับคำตอบของนิค
" นายพึ่งเข้ามาใหม่คงยังไม่รู้ล่ะสิ จะบอกให้ก็ได้ แล้วจำไว้ให้มั่นด้วยล่ะ"
แล้วนิคก็เล่าให้ลูกน้องฟังเกี่ยวกับคนที่กำลังไล่ล่า ตอนนี้เขาขึ้นมาที่ชั้น 17 แล้ว
" มันคือมือสังหารหมายเลขหนึ่งของอเมริกา ไม่สิ..ของโลกต่างหาก มันผู้นี้เชี่ยวชาญการใช้ปืนและ อาวุธยุทโธปกรณ์ทุกรูปแบบ แม่นปืนหาคนจับยาก มันสังหารคนไปแล้วกว่า 300 ศพ มีชื่อในหมายจับทั่วโลก ค่าหัวของมันมีค่าถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทีเดียว ฉายาในวงการของมันเรียกว่า " Bloody Devil" นี่คือคนที่เรากำลังตามอยู่ตอนนี้ไง" นิคเล่าเป็นฉากๆ
" โอ้โห! หัวหน้า แล้วเราจะต่อกรกับมันไหวหรอครับ?"
" โป๊กกก!" นิคเงื้อหมัดเขกกบาลลูกน้อง แล้วเอ่ยว่า
" ไอ้เจ้าบ้า! แค่นี้ปอดแหกไปได้ อั๊วก็ฟังเขาเล่ามาอีกทีโว้ย! มันจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้? อย่าตีตนไปก่อนไข้เลยวะ เข้มแข็งเข้าไว้สิ นายเป็นหน่วยพิเศษนะ เอ้า! เร็วๆ เข้า"
ลูกน้องที่ถูกลูกพี่เขกกบาลซะหัวปูด วิ่งไปก็นึกในใจไปว่า " ฉิบหายเอ๊ย! แล้วมึงมาเล่าให้ตูฟังทำไมวะ?"
" ฮัดเช้ยยยย!" การด่าในใจท่าจะได้ผล เพราะเจ้าตัวคนที่ถูกด่าจามเสียงดังลั่นทีเดียวเชียว
" สงสัยคงมีสาวบ่นถึงอั๊วแหงเลยว่ะ" นิคเอ่ยพลางซี๊ดจมูกดังพรืด!
" แม่ง..เพี้ยนแหงมๆ" เหล่าลูกน้องที่วิ่งตามมาคิดอย่างนี้ (แทบทุกคน)
และแล้วก็มาถึงชั้นที่เกิดเหตุ ชั้นที่ 25 ซึ่งเป็นห้องทำงาน ห้องนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน มีทางเดินตรงกลาง ส่วนซ้ายและขวาเป็นบริเวณของโต๊ะพนักงานออฟฟิศ น่าแปลกที่ว่า...เมื่อครู่มีการยิงกันแท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่มีเศษกระจกแตกของแผงกั้นโต๊ะบ้าง? ข้าวของก็ไม่กระจัดกระจายเลยแม้แต่น้อย นิคไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่า...ที่นี่อันตรายมาก!
นิคส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ตามมาทุกคนหยุด เขาสั่งกระจายกำลังออกเป็นส่วนๆ พวกที่ตามเขามามีทั้งสิ้น 5 นาย ไปทางขวาสามนาย เขากับอีกสองคนจะไปทางซ้ายเอง ค่อยๆ ตีวงล้อมเข้ามาตรงกลาง แล้วจึงเริ่มปฏิบัติการณ์ทันที.....
.......................................
กลางลานจอดรถด้านหน้าของตึก รถเก๋งสีขาวคันหนึ่งแล่นเข้ามายังบริเวณที่เกิดเหตุ เสียงไซเรนที่ดังมาจากรถคันนี้ บ่งบอกว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เมื่อรถจอดสนิทแล้ว ประตูรถทั้งสองข้างก็เปิดในเวลาแทบจะพร้อมกัน ชายสองคนก้าวลงมาจากรถและเดินเข้ามาสมทบกับกองกำลังที่ปิดล้อมอยู่ทันที
" สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?" ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด ผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาและยังหนุ่มแน่น สวมชุดสูทสีดำแต่ไม่ผูกเนคไท รองเท้าหนังสีดำมันวาวรับกับชุดที่ใส่ ถามกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นผู้รับผิดชอบในปฏิบัติการครั้งนี้
" นี่นายมาด้วยเหรอราฟ" ชายที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการถามกลับ
" อืม!...ท่านผู้บัญชาการส่งมาช่วยนายน่ะ ว่าแต่สถานการณ์เป็นยังไงบ้างล่ะ?"
" เราเคลียร์คนออกจากตึกหมดแล้วและเมื่อครู่มีการมีการติดต่อกลับมาจากหน่วยแรกที่บุกเข้าไป รายงานล่าสุดบอกว่าเป้าหมายอยู่ที่ชั้น25 จากนั้นก็ขาดการติดต่อไปเลย....." เขาตอบ
" งั้นรึ?" แล้วชายในชุดสูทก็หันไปมองชายอีกคนที่มากับเขา พร้อมกับกล่าวว่า
" ยังไม่มีอะไรครับคุณพ่อ ไมเคิ่ลยังไม่ได้โดนจับตาย ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ"
" โอ..โชคดีไป พ่อคิดว่าเขาเป็นอะไรไปซะแล้ว ราฟ...ลูกต้องช่วยเกลี้ยกล่อมให้ไมเคิ่ลมอบตัวให้ได้นะ พ่อไม่อยากให้เขาต้องทำร้ายไมเคิ่ลจนถึงแก่ชีวิตเลย ช่วยพ่อด้วยนะราฟ"
เสียงอ้อนวอนขอจากชายที่ราฟเรียกว่าคุณพ่อ เขาแต่งกายอยู่ในชุดบาทหลวงสีดำมีขลิปขาวแทรกอยู่ตรงกลาง ชุดยาวคลุมไปถึงข้อเท้า เขาสวมแว่นตาหนาเตอะ ใบหน้าตามแบบฉบับคนมีอายุพอสมควร แต่รอยเหี่ยวย่นและริ้วรอยบางส่วน มิได้ลบเลือนความใจดีที่แสดงออกอย่างเด่นชัด บนใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย
" ผมจะพยายามให้ถึงที่สุดครับคุณพ่อ เพราะยังไงเสีย ไมเคิ่ลก็เป็นเพื่อนของผมคนหนึ่งเหมือนกัน ดังนั้นคุณพ่อไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ" ราฟตอบเสียงแผ่วเบาราวกับจะไม่ต้องการให้บุคคลอื่นได้ยิน
" พ่อรู้ว่าเจ้าต้องทำได้...ราฟลูกพ่อ" ชายแก่พูดพลางตบบ่าราฟเพื่อแสดงความมั่นใจในตัวเขา
" ทนรอไม่ไหวแล้วโว้ย! เราต้องบุกเข้าไปข้างในบ้างแล้ว" เสียงดังแทรกเข้ามาจากชายที่เป็นหัวหน้าชุด เขาไม่อาจอดทนรอได้อีก จึงเตรียมที่จะนำกองกำลังที่เหลือบุกเข้าไปแล้วตอนนี้....
" ช้าก่อนเคอร์ติส ฉันจะเข้าไปเอง!" ราฟวิ่งมาขวางหน้าแล้วเอ่ยเสนอตัว
" เฮ้! นี่นายจะบ้าไปแล้วเรอะ จะเข้าไปคนเดียวได้ยังไงกันเล่า" เคอร์ติสแย้งทันควัน
" ขอให้เชื่อใจฉันเถอะ ฉันตามจับเจ้าหมอนี่มานานกว่านายนะ เรื่องที่เกี่ยวกับหมอนี่ ฉันรู้ดีกว่าใครทั้งหมดที่นี่ ผิดพลาดประการใด ฉันขอรับผิดชอบเอง" ราฟเอ่ยแกมขอร้อง
" นายนี่มัน...เฮ้อ! เอาเถอะ...ฝากด้วยนะราฟ" หัวหน้าชุดถอนหายใจพลางกล่าวอนุญาต
" ช่วยดูแลคุณพ่อทางด้านหลังด้วยนะ ฉันไปก่อนล่ะ" ราฟฝากฝังเสร็จก็รีบวิ่งเข้าไปในตัวตึกทันที
" ราฟ...พ่อขอวิงวอนพระองค์ให้เจ้าโชคดีนะ" บาทหลวงกล่าวอธิษฐานในใจพลางกุมไม้กางเขนที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอกไปด้วย เวลานี้เขาต้องขอพรจากพระเจ้าเสียแล้ว...
ราฟขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นที่ 24 ก็กดลงที่นั่น เขาเดินขึ้นบันไดต่อไปที่ชั้น 25 มือขวากระชากเอาปืนพกขนาด 11 มม. ขึ้นมาถือไว้ เขาค่อยๆ ก้าวอย่างระมัดระวังและเงียบเชียบที่สุด เมื่อถึงชั้นเป้าหมายแล้วก็หมอบตัวลงต่ำแง้มเปิดประตูแอบมองเข้าไปสำรวจก่อน แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับทำให้เขาตกตะลึง!
เจ้าหน้าที่หลายสิบคนนอนกองกันอยู่เต็มไปหมด ไม่มีเลือด ไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? เขาลองมองหาเป้าหมายแล้ว แต่ไม่พบอะไรเลย จึงเข้าไปดูสภาพศพของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ตัวเขาที่สุด
พลิกร่างเจ้าหน้าที่ขึ้นมาดู ปรากฎว่าไม่พบบาดแผลจากกระสุนในที่ใดเลย เมื่อพลิกดูดีๆ กลับพบว่า ตรงบริเวณขมับขวามีรอยถลอกเป็นแนวยาวอยู่ รอยถลอกนี้ไม่ลึก ตื้นเพียงแค่ผิวชั้นนอกเท่านั้น จู่ๆ เขาคิดอะไรขึ้นมาได้จึงลองแตะชีพจรดูเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง
" ยังไม่ตายนี่!" ราฟเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนตัดสินใจเดินดูแทบทุกคน เพราะมั่นใจว่าไมเคิ่ลไม่ได้อยู่ที่ชั้นนี้แล้ว น่าแปลก...น่าแปลกมากๆ ไม่มีใครตายเลยสักคนเดียว พวกเขาแค่สลบไปเท่านั้น เขาไม่เข้าใจ...ไมเคิ่ล
ไม่ได้สังหารพวกนี้ แล้วเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
" ไง..ราฟ เพื่อนยาก" เสียงทักทายอย่างสนิทสนมเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ
ราฟสะดุ้งสุดตัว! เขารีบหันไปและกระชับกระบอกปืนเล็งไปที่ต้นเสียง ในที่สุดเป้าหมายสำคัญก็เผยตัวออกมาจนได้.....
" นาย...ไมเคิ่ล" ราฟเอ่ยเรียกแกมสงสัย นี่ไมเคิ่ลมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
" เจอหน้ากันก็หันปืนเข้าหาเลยเหรอ ใจร้ายจังนะนายเนี่ย" ชายที่ชื่อไมเคิ่ลค่อยๆ ก้าวออกมาจากมุมมืด แล้วโฉมหน้าของเขาก็ปรากฏให้เห็น เขาไว้ผมสั้นและมีสีทอง ใบหน้าเรียวยาวได้รูป ดวงตาแหลมเล็กสีฟ้า ร่างกายกำยำสูงใหญ่ กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เขาใส่กางเกงยีนส์สีน้ำเงินและสวมเสื้อยืดสีขาวธรรมดา คาดเข็มขัดหนังหัวเป็นรูปกะโหลก รองเท้าก็เป็นผ้าใบหุ้มส้นสีขาวแกมดำ จากการแต่งกายอันแสนจะเรียบง่ายนี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือชายที่ถูกขนานนามว่า "Bloody Devil"
" นายทำอะไรกับพวกเขาไมเคิ่ล?" ราฟถาม แต่ปืนของเขายังคงอยู่ในมือแนบแน่นเช่นเดิม
" ฮึ! ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ยิงให้ถากๆ ตรงขมับนิดหน่อยน่ะ แต่แรงจากลูกกระสุนมันทำให้เกิดการช็อค พวกมันก็เลยหลับสนิทกันหมดไงล่ะ" ไมเคิ่ลกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ขมับตัวเองให้ดูไปด้วย
คราวนี้ราฟตกใจมากขึ้นไปอีก เป็นไปได้ยังไง? ยิงลักษณะนั้นกับทุกคนเลยรึ? บ้าชัดๆ เลย ไม่แม่นยำสุดๆ ไม่มีทางทำได้แน่นอน ที่คนเขาล่ำลือว่าไมเคิ่ลเป็นมือหนึ่ง สงสัยไม่ใช่ข่าวโคมลอยเสียแล้ว.....
" นายมาทำไมที่นี่หือ? ราฟ" ไมเคิลเอ่ยถาม
ราฟตื่นจากความคิดฟุ้งซ่าน เขาแทบลืมจุดประสงค์ตอนแรกที่มาที่นี่ซะแล้ว
" มอบตัวซะเถอะไมเคิ่ล เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว ไม่มีทางหนีใดๆ อีก มอบตัวตั้งแต่ตอนนี้ยังไม่สายนะ ฉันรับประกันด้วยเกียรติของฉันเอง จะไม่มีใครทำร้ายนายได้เด็ดขาด" ราฟกล่าว
ไมเคิ่ลไม่ตอบกลับ เขาเดินไปยืนพิงแผงกั้นโต๊ะ แล้วนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ดูเหมือนว่าเขากำลังใช้ความคิด เพื่อประมวลเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่
" ว่าไงไมเคิ่ล? นายมีเวลาคิดไม่นานนักหรอกนะ" ราฟที่เล็งปืนตามการเคลื่อนไหวของไมเคิ่ลตลอดทุกระยะเอ่ยถามอีกครั้ง
" ก่อนอื่นนายลดปืนลงก่อนได้ไหมราฟ? เราเป็นเพื่อนกันนะโว้ย ทำอย่างนี้มันไม่ให้เกียรติกันเลยนี่นา"
" ขอโทษด้วยนะไมเคิ่ลเพื่อนยาก ฉันจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ว่ะ" ราฟไม่ทำตามที่ไมเคิ่ลขอร้อง
" เออๆ ชั้นเข้าใจแกว่ะ ไม่ได้ก็ไม่ได้ ไม่เห็นต้องทำหน้าเครียดอย่างนั้นก็ได้นี่นา รีแลกซ์บ้างสิ"
" เวลาเหลือน้อยแล้วไมเคิ่ล ชั้นขอร้องนายเถอะ มอบตัวซะ"
" ตาแก่มาด้วยหรือเปล่าล่ะราฟ?" จู่ๆ ไมเคิลก็ถามคำถามประหลาดขึ้นมา
ราฟนึกขึ้นมาได้ คุณพ่อขอร้องให้เขามาเกลี้ยกล่อมไมเคิ่ลนี่ ถ้าเขาเอาคุณพ่อมาเป็นเหตุผล บางทีไมเคิ่ลอาจยอมมอบตัวแต่โดยดีก็ได้.....
" ท่านมากับฉันด้วย นายอยากพบท่านไหมล่ะ? ถ้าเช่นนั้น..นายก็มอบตัวและไปหาท่านพร้อมกันกับฉันเถอะ"
ไมเคิ่ลกุมศีรษะแล้วหัวเราะออกมาดังลั่นห้องพร้อมกับกล่าวว่า....
" ฮ่าๆๆๆๆๆ นี่นายคิดว่าเอาตาแก่มาอ้างแล้วฉันจะยอมแต่โดยดีเรอะ บ้ารึเปล่า?"
" หยุดนะไมเคิ่ล! นายห้ามลบหลู่คุณพ่อแบบนี้นะ ฉันขอเตือน"
ขณะที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันอยู่ จู่ๆ ไมเคิ่ลก็หยุดพูดจาไร้สาระและหัวเราะ เขาทำหน้าเครียดขึ้นมาจนทำให้ราฟงงกับท่าทีของเพื่อนเขา...
" ตึง!" ไมเคิ่ลถีบเท้าวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เป้าหมายของเขาอยู่ที่ราฟข้างหน้า?
ราฟไม่คิดว่าไมเคิ่ลจะจู่โจมเขากะทันหันแบบนี้ ปืนในมือเขาไม่ทันเล็งดี ก็ลั่นไกไปแล้ว....
" ปังงงงง!"
เขาไม่รู้ว่าลูกปืนปะทะเป้าหมายไหม? แต่เขารู้สึกวูบและหน้ามืดทันที แล้วเขาก็ล้มลงไป.....
" ขอโทษนะไอ้เพื่อนยาก หลับอยู่ตรงนี้สักพักเถอะ" ไมเคิ่ลกล่าว เขากระโดดข้ามตัวราฟแล้วสับสันมือเข้าที่ท้ายทอยจนราฟแน่นิ่งไป แต่เขามีเหตุผลอะไรกันล่ะ?
เหตุผลนั้นอยู่ตรงหน้าของไมเคิ่ลแล้วตอนนี้.....
" ไง...ฟาเบียง มาได้ซะทีนะ" ไมเคิ่ลเอ่ยทักบุคคลผู้หนึ่งที่ยืนตรงปากประตู คนที่มีชื่อว่าฟาเบียงค่อยๆ ก้าวเข้ามาในห้อง เขาเป็นใครกันแน่? และไมเคิ่ลรอเขาด้วยเหตุผลอะไร?
ความคิดเห็น