ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GUN&GIRL

    ลำดับตอนที่ #3 : Mission 1 :: เปิดฉาก ปะทะ สูญเสีย ความตาย(1)

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 50



    Mission 1 ::  เปิดฉาก ปะทะ สูญเสีย ความตาย(1)

    .....................................................................................................

                    

    ณ ใจกลางมหานครนิวยอร์ค  สหรัฐอเมริกา  ปี 25XX

    ......................................................................

     " ตามไปๆ เร็วๆ เข้า"  เสียงสั่งจากชายในชุดพรางและสวมหมวกแก็ปสีดำสนิท  บนบ่าแบกซับแมชชีนกันหนึ่งกระบอก  ข้างเอวเหน็บมีดสั้นหนึ่งเล่ม  เขาใส่รองเท้าคอมแบทสีดำพื้นหนา  รูปร่างสูงโปร่ง  ไม่อ้วนและไม่ผอมจนเกินไป  ดูแล้วก็ไม่ต่างจากคนอเมริกันทั่วๆ ไป  มีแต่สีหน้าของเขาเท่านั้น  ที่ดูเครียดพอสมควร     

    " ครับผม!"  กลุ่มคนที่แต่งกายแบบเดียวกับเขาขานรับเสียงดังกึกก้อง

    "หน่วยเอขึ้นลิฟต์ไปดักที่ชั้นดาดฟ้า  หน่วยบีไล่ตามขึ้นไปทางบันไดหนีไฟ  ส่วนอั๊วกับพวกเราที่เหลือจะคอยเป็นแบ็คอัพให้เอง  เอ้า! ไปกันได้....."

                       " ครับผม!"

                       ...................................................

                       ที่ตึกสูงแห่งหนึ่งในนิวยอร์ค  บัดนี้ได้กลายเป็นสถานที่ไล่ล่าไปซะแล้ว  เจ้าหน้าที่ของกองกำลังหน่วยเฉพาะกิจและหน่วย S.W.A.T ได้ร่วมมือกันตามจับกุมบุคคลผู้หนึ่ง  ชายผู้นี้มีอะไรพิเศษงั้นหรือ?  ทำไมถึงต้องยกขโยงกันมามากมายขนาดนี้  เพื่อที่จะจับเขาแค่เพียงคนเดียว.....

                        " รังกระต่ายเปลี่ยน...ซ่า...รังกระต่ายเปลี่ยน...ซ่า...นี่หน่วยบี...เปลี่ยน...ซ่า...พบเป้าหมายแล้ว...ซ่า...ขณะนี้เป้าหมายอยู่ที่ชั้น 25...เปลี่ยน...ซ่า...ให้ทำอย่างไรดี...เปลี่ยน...ซ่า..."

                        " นี่รังกระต่าย...ซ่า...รับทราบแล้ว...เปลี่ยน...ซ่า...พยายามจับเป็นไว้ก่อน...เปลี่ยน..."

                        " รับทราบแล้ว...ซ่า...รังกระต่าย...เปลี่ยน...อ๊ะ!"

                        " ปังงง!"

                        เสียงปืนดังแทรกเข้ามา  ในระหว่างที่ตำรวจกำลังสื่อสารด้วยวิทยุกันอยู่  หัวหน้าหน่วย S.W.A.T นามว่า "นิค" รีบติดต่อกลับไปทันทีที่สิ้นเสียงปืน

                        " นี่รังกระต่าย...เปลี่ยน...รับทราบแล้วตอบด้วย...เปลี่ยน...ซ่า..."

                        เมื่อเรียกไปแล้วแต่ไม่มีการตอบกลับมา  เขาก็เรียกซ้ำอีกสองถึงสามครั้ง  ผลที่ได้ก็ยังไม่มีการตอบกลับมาเช่นเดิม  แต่ในขณะที่นิคกำลังจะเรียกซ้ำอีกครั้งปรากฏว่ามีสัญญาณตอบกลับมาเสียก่อน.....

                        " ไง...ซ่า...คุณตำรวจที่รัก...เปลี่ยน..."  เสียงที่ไม่น่าใช่พวกของเขาตอบกลับมาอย่างน่าสงสัย

                        " นายเป็นใคร...ซ่า...ตอบด้วย...เปลี่ยน"  นิคถามกลับ  ใจเขาเริ่มสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาบ้างแล้วตอนนี้

                        " ลองเดาเล่นๆ ดูซิว่าใคร?...เปลี่ยน...ซ่า"  เสียงปริศนาถามกลับอย่างกวนๆ

                        " ฉันรู้แล้ว...ซ่า...ว่าแกเป็นใคร...เปลี่ยน"

                        " เก่งมากที่เดาออก...เปลี่ยน...ซ่า..."

                        " แกทำอะไรกับลูกน้องฉัน...ซ่า...ตอบด้วย...เปลี่ยน..."  เขาถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ

                        " แล้วคุณหัวหน้าคิดว่าเป็นยังไงล่ะ?...ซ่า...เปลี่ยน"

                        " อย่าเล่นลิ้น...ซ่า...ตอบมา...เปลี่ยน...ซ่า..."

                        " ลิ้นเล่นยังไงล่ะ?...ซ่า...คุณหัวหน้าบอกผมทีสิ?...ซ่า...เปลี่ยน..."  มันยังถามกวนTeen อีก

                        " แก...!"

                         " พระเจ้าท่านทรงมีเมตตา...ซ่า...ท่นรับลูกน้องของคุณ...ซ่า...ขึ้นสวรรค์ไปหมดแล้ว...เปลี่ยน..."

                         คำตอบของเสียงปริศนาไม่ผิดไปจากที่เขาคาดเดาแม้แต่น้อย  แม้รู้ความจริง  แต่มันก็ทำใจรับได้ยากกว่าที่คิด  หน่วยบีที่ติดตามคนร้ายขึ้นไปมีจำนวนทั้งสิ้น 9 นาย  คนร้ายถึงกับสังหารหมดสิ้นเชียวหรือ?  นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ เลย  เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!  เขาไม่เชื่อ....

                          นิคปิดวิทยุทันทีที่เสียงลึกลับตอบกลับ  เขาไม่อยากฟังไอ้เบื๊อกนี่พล่ามอีกแล้ว  มันไม่ได้บ้าเลือดเพียงอย่างเดียวแล้ว  มันเพี้ยนสุดๆ อีกตะหาก  ขืนคุยต่อ  เขาต้องประสาทแด๊กแน่นอน  ไวเท่าความคิด  นิครีบสั่งการต่ออย่างเร่งด่วน

                          " พวกลื้อตามอั๊วขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวนี้เลย   พบเป้าหมายให้จับตายได้เลยทันที  ไปได้!"

                          " ครับผม!"  พวกที่เหลือรับคำแล้ววิ่งตามนิคไปโดยเร็ว

                          ระหว่างที่วิ่งขึ้นบันได  เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามนิคว่า  " ขอโทษครับหัวหน้า  เป้าหมายที่เรากำลังตามจับเนี่ย  มันเป็นใครหรือครับ?"

                          " Bloody Devil"  นิคตอบห้วนๆ  เขานับดูว่าระหว่างนี้เขามาถึงชั้นที่ 15 แล้ว

                          " หา!?"  ลูกน้องที่ถามงงกับคำตอบของนิค

                          " นายพึ่งเข้ามาใหม่คงยังไม่รู้ล่ะสิ  จะบอกให้ก็ได้  แล้วจำไว้ให้มั่นด้วยล่ะ"

                          แล้วนิคก็เล่าให้ลูกน้องฟังเกี่ยวกับคนที่กำลังไล่ล่า  ตอนนี้เขาขึ้นมาที่ชั้น 17 แล้ว

                          " มันคือมือสังหารหมายเลขหนึ่งของอเมริกา  ไม่สิ..ของโลกต่างหาก  มันผู้นี้เชี่ยวชาญการใช้ปืนและ  อาวุธยุทโธปกรณ์ทุกรูปแบบ  แม่นปืนหาคนจับยาก  มันสังหารคนไปแล้วกว่า 300 ศพ  มีชื่อในหมายจับทั่วโลก  ค่าหัวของมันมีค่าถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทีเดียว  ฉายาในวงการของมันเรียกว่า " Bloody Devil" นี่คือคนที่เรากำลังตามอยู่ตอนนี้ไง"  นิคเล่าเป็นฉากๆ

                          " โอ้โห!  หัวหน้า  แล้วเราจะต่อกรกับมันไหวหรอครับ?"

                          " โป๊กกก!"  นิคเงื้อหมัดเขกกบาลลูกน้อง  แล้วเอ่ยว่า

                          " ไอ้เจ้าบ้า!  แค่นี้ปอดแหกไปได้  อั๊วก็ฟังเขาเล่ามาอีกทีโว้ย!  มันจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้?  อย่าตีตนไปก่อนไข้เลยวะ  เข้มแข็งเข้าไว้สิ  นายเป็นหน่วยพิเศษนะ  เอ้า! เร็วๆ เข้า"

                          ลูกน้องที่ถูกลูกพี่เขกกบาลซะหัวปูด  วิ่งไปก็นึกในใจไปว่า " ฉิบหายเอ๊ย! แล้วมึงมาเล่าให้ตูฟังทำไมวะ?" 

                          " ฮัดเช้ยยยย!"  การด่าในใจท่าจะได้ผล  เพราะเจ้าตัวคนที่ถูกด่าจามเสียงดังลั่นทีเดียวเชียว

                          " สงสัยคงมีสาวบ่นถึงอั๊วแหงเลยว่ะ"  นิคเอ่ยพลางซี๊ดจมูกดังพรืด!

                          " แม่ง..เพี้ยนแหงมๆ"  เหล่าลูกน้องที่วิ่งตามมาคิดอย่างนี้ (แทบทุกคน)

                          และแล้วก็มาถึงชั้นที่เกิดเหตุ  ชั้นที่ 25  ซึ่งเป็นห้องทำงาน  ห้องนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน  มีทางเดินตรงกลาง  ส่วนซ้ายและขวาเป็นบริเวณของโต๊ะพนักงานออฟฟิศ  น่าแปลกที่ว่า...เมื่อครู่มีการยิงกันแท้ๆ  แต่ทำไมถึงไม่มีเศษกระจกแตกของแผงกั้นโต๊ะบ้าง?  ข้าวของก็ไม่กระจัดกระจายเลยแม้แต่น้อย  นิคไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่า...ที่นี่อันตรายมาก!   

                          นิคส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ตามมาทุกคนหยุด  เขาสั่งกระจายกำลังออกเป็นส่วนๆ  พวกที่ตามเขามามีทั้งสิ้น 5 นาย  ไปทางขวาสามนาย  เขากับอีกสองคนจะไปทางซ้ายเอง  ค่อยๆ ตีวงล้อมเข้ามาตรงกลาง  แล้วจึงเริ่มปฏิบัติการณ์ทันที.....

                          

                           .......................................

                           กลางลานจอดรถด้านหน้าของตึก  รถเก๋งสีขาวคันหนึ่งแล่นเข้ามายังบริเวณที่เกิดเหตุ  เสียงไซเรนที่ดังมาจากรถคันนี้  บ่งบอกว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน  เมื่อรถจอดสนิทแล้ว  ประตูรถทั้งสองข้างก็เปิดในเวลาแทบจะพร้อมกัน  ชายสองคนก้าวลงมาจากรถและเดินเข้ามาสมทบกับกองกำลังที่ปิดล้อมอยู่ทันที

                           " สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?"  ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด  ผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม  ใบหน้าหล่อเหลาและยังหนุ่มแน่น สวมชุดสูทสีดำแต่ไม่ผูกเนคไท  รองเท้าหนังสีดำมันวาวรับกับชุดที่ใส่  ถามกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นผู้รับผิดชอบในปฏิบัติการครั้งนี้

                           " นี่นายมาด้วยเหรอราฟ"  ชายที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการถามกลับ

                           " อืม!...ท่านผู้บัญชาการส่งมาช่วยนายน่ะ  ว่าแต่สถานการณ์เป็นยังไงบ้างล่ะ?"

                           " เราเคลียร์คนออกจากตึกหมดแล้วและเมื่อครู่มีการมีการติดต่อกลับมาจากหน่วยแรกที่บุกเข้าไป  รายงานล่าสุดบอกว่าเป้าหมายอยู่ที่ชั้น25  จากนั้นก็ขาดการติดต่อไปเลย....."  เขาตอบ

                           " งั้นรึ?"  แล้วชายในชุดสูทก็หันไปมองชายอีกคนที่มากับเขา  พร้อมกับกล่าวว่า

                           " ยังไม่มีอะไรครับคุณพ่อ  ไมเคิ่ลยังไม่ได้โดนจับตาย  ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ"

                           " โอ..โชคดีไป  พ่อคิดว่าเขาเป็นอะไรไปซะแล้ว  ราฟ...ลูกต้องช่วยเกลี้ยกล่อมให้ไมเคิ่ลมอบตัวให้ได้นะ  พ่อไม่อยากให้เขาต้องทำร้ายไมเคิ่ลจนถึงแก่ชีวิตเลย  ช่วยพ่อด้วยนะราฟ"

                            เสียงอ้อนวอนขอจากชายที่ราฟเรียกว่าคุณพ่อ  เขาแต่งกายอยู่ในชุดบาทหลวงสีดำมีขลิปขาวแทรกอยู่ตรงกลาง  ชุดยาวคลุมไปถึงข้อเท้า  เขาสวมแว่นตาหนาเตอะ  ใบหน้าตามแบบฉบับคนมีอายุพอสมควร  แต่รอยเหี่ยวย่นและริ้วรอยบางส่วน  มิได้ลบเลือนความใจดีที่แสดงออกอย่างเด่นชัด  บนใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย

                            " ผมจะพยายามให้ถึงที่สุดครับคุณพ่อ  เพราะยังไงเสีย  ไมเคิ่ลก็เป็นเพื่อนของผมคนหนึ่งเหมือนกัน  ดังนั้นคุณพ่อไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ"  ราฟตอบเสียงแผ่วเบาราวกับจะไม่ต้องการให้บุคคลอื่นได้ยิน

                            " พ่อรู้ว่าเจ้าต้องทำได้...ราฟลูกพ่อ"  ชายแก่พูดพลางตบบ่าราฟเพื่อแสดงความมั่นใจในตัวเขา

                            " ทนรอไม่ไหวแล้วโว้ย!  เราต้องบุกเข้าไปข้างในบ้างแล้ว"  เสียงดังแทรกเข้ามาจากชายที่เป็นหัวหน้าชุด  เขาไม่อาจอดทนรอได้อีก  จึงเตรียมที่จะนำกองกำลังที่เหลือบุกเข้าไปแล้วตอนนี้....

                            " ช้าก่อนเคอร์ติส  ฉันจะเข้าไปเอง!"  ราฟวิ่งมาขวางหน้าแล้วเอ่ยเสนอตัว

                            " เฮ้!  นี่นายจะบ้าไปแล้วเรอะ  จะเข้าไปคนเดียวได้ยังไงกันเล่า"  เคอร์ติสแย้งทันควัน

                            " ขอให้เชื่อใจฉันเถอะ  ฉันตามจับเจ้าหมอนี่มานานกว่านายนะ  เรื่องที่เกี่ยวกับหมอนี่  ฉันรู้ดีกว่าใครทั้งหมดที่นี่  ผิดพลาดประการใด  ฉันขอรับผิดชอบเอง"  ราฟเอ่ยแกมขอร้อง

                            " นายนี่มัน...เฮ้อ!  เอาเถอะ...ฝากด้วยนะราฟ"  หัวหน้าชุดถอนหายใจพลางกล่าวอนุญาต

                            " ช่วยดูแลคุณพ่อทางด้านหลังด้วยนะ  ฉันไปก่อนล่ะ"  ราฟฝากฝังเสร็จก็รีบวิ่งเข้าไปในตัวตึกทันที

                            " ราฟ...พ่อขอวิงวอนพระองค์ให้เจ้าโชคดีนะ"  บาทหลวงกล่าวอธิษฐานในใจพลางกุมไม้กางเขนที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอกไปด้วย  เวลานี้เขาต้องขอพรจากพระเจ้าเสียแล้ว...

                            ราฟขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นที่ 24 ก็กดลงที่นั่น  เขาเดินขึ้นบันไดต่อไปที่ชั้น 25  มือขวากระชากเอาปืนพกขนาด 11 มม.  ขึ้นมาถือไว้  เขาค่อยๆ ก้าวอย่างระมัดระวังและเงียบเชียบที่สุด  เมื่อถึงชั้นเป้าหมายแล้วก็หมอบตัวลงต่ำแง้มเปิดประตูแอบมองเข้าไปสำรวจก่อน  แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับทำให้เขาตกตะลึง!

                            เจ้าหน้าที่หลายสิบคนนอนกองกันอยู่เต็มไปหมด  ไม่มีเลือด  ไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น  นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?  เขาลองมองหาเป้าหมายแล้ว  แต่ไม่พบอะไรเลย  จึงเข้าไปดูสภาพศพของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ตัวเขาที่สุด

                            พลิกร่างเจ้าหน้าที่ขึ้นมาดู  ปรากฎว่าไม่พบบาดแผลจากกระสุนในที่ใดเลย  เมื่อพลิกดูดีๆ กลับพบว่า  ตรงบริเวณขมับขวามีรอยถลอกเป็นแนวยาวอยู่  รอยถลอกนี้ไม่ลึก  ตื้นเพียงแค่ผิวชั้นนอกเท่านั้น  จู่ๆ เขาคิดอะไรขึ้นมาได้จึงลองแตะชีพจรดูเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง

                            " ยังไม่ตายนี่!"  ราฟเอ่ยออกมาเบาๆ  ก่อนตัดสินใจเดินดูแทบทุกคน  เพราะมั่นใจว่าไมเคิ่ลไม่ได้อยู่ที่ชั้นนี้แล้ว  น่าแปลก...น่าแปลกมากๆ  ไม่มีใครตายเลยสักคนเดียว  พวกเขาแค่สลบไปเท่านั้น  เขาไม่เข้าใจ...ไมเคิ่ล

    ไม่ได้สังหารพวกนี้  แล้วเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่?

                            " ไง..ราฟ  เพื่อนยาก"  เสียงทักทายอย่างสนิทสนมเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ

                            ราฟสะดุ้งสุดตัว!  เขารีบหันไปและกระชับกระบอกปืนเล็งไปที่ต้นเสียง   ในที่สุดเป้าหมายสำคัญก็เผยตัวออกมาจนได้.....

                            " นาย...ไมเคิ่ล"  ราฟเอ่ยเรียกแกมสงสัย  นี่ไมเคิ่ลมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?  เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

                            " เจอหน้ากันก็หันปืนเข้าหาเลยเหรอ  ใจร้ายจังนะนายเนี่ย"  ชายที่ชื่อไมเคิ่ลค่อยๆ ก้าวออกมาจากมุมมืด  แล้วโฉมหน้าของเขาก็ปรากฏให้เห็น  เขาไว้ผมสั้นและมีสีทอง  ใบหน้าเรียวยาวได้รูป  ดวงตาแหลมเล็กสีฟ้า  ร่างกายกำยำสูงใหญ่  กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ  แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง  เขาใส่กางเกงยีนส์สีน้ำเงินและสวมเสื้อยืดสีขาวธรรมดา  คาดเข็มขัดหนังหัวเป็นรูปกะโหลก  รองเท้าก็เป็นผ้าใบหุ้มส้นสีขาวแกมดำ  จากการแต่งกายอันแสนจะเรียบง่ายนี้  ไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือชายที่ถูกขนานนามว่า "Bloody Devil"

                             " นายทำอะไรกับพวกเขาไมเคิ่ล?"  ราฟถาม  แต่ปืนของเขายังคงอยู่ในมือแนบแน่นเช่นเดิม

                             " ฮึ!  ไม่มีอะไรมาก  ก็แค่ยิงให้ถากๆ ตรงขมับนิดหน่อยน่ะ  แต่แรงจากลูกกระสุนมันทำให้เกิดการช็อค  พวกมันก็เลยหลับสนิทกันหมดไงล่ะ"  ไมเคิ่ลกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ขมับตัวเองให้ดูไปด้วย

                             คราวนี้ราฟตกใจมากขึ้นไปอีก  เป็นไปได้ยังไง?  ยิงลักษณะนั้นกับทุกคนเลยรึ?  บ้าชัดๆ เลย  ไม่แม่นยำสุดๆ ไม่มีทางทำได้แน่นอน  ที่คนเขาล่ำลือว่าไมเคิ่ลเป็นมือหนึ่ง   สงสัยไม่ใช่ข่าวโคมลอยเสียแล้ว.....

                              " นายมาทำไมที่นี่หือ? ราฟ"  ไมเคิลเอ่ยถาม

                              ราฟตื่นจากความคิดฟุ้งซ่าน  เขาแทบลืมจุดประสงค์ตอนแรกที่มาที่นี่ซะแล้ว

                              " มอบตัวซะเถอะไมเคิ่ล  เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว  ไม่มีทางหนีใดๆ อีก  มอบตัวตั้งแต่ตอนนี้ยังไม่สายนะ  ฉันรับประกันด้วยเกียรติของฉันเอง  จะไม่มีใครทำร้ายนายได้เด็ดขาด"  ราฟกล่าว

                              ไมเคิ่ลไม่ตอบกลับ  เขาเดินไปยืนพิงแผงกั้นโต๊ะ  แล้วนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อนไปไหน  ดูเหมือนว่าเขากำลังใช้ความคิด  เพื่อประมวลเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่

                               " ว่าไงไมเคิ่ล?  นายมีเวลาคิดไม่นานนักหรอกนะ"  ราฟที่เล็งปืนตามการเคลื่อนไหวของไมเคิ่ลตลอดทุกระยะเอ่ยถามอีกครั้ง

                               " ก่อนอื่นนายลดปืนลงก่อนได้ไหมราฟ?  เราเป็นเพื่อนกันนะโว้ย  ทำอย่างนี้มันไม่ให้เกียรติกันเลยนี่นา"

                               " ขอโทษด้วยนะไมเคิ่ลเพื่อนยาก  ฉันจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ว่ะ"  ราฟไม่ทำตามที่ไมเคิ่ลขอร้อง

                               " เออๆ ชั้นเข้าใจแกว่ะ  ไม่ได้ก็ไม่ได้  ไม่เห็นต้องทำหน้าเครียดอย่างนั้นก็ได้นี่นา  รีแลกซ์บ้างสิ"

                               " เวลาเหลือน้อยแล้วไมเคิ่ล  ชั้นขอร้องนายเถอะ  มอบตัวซะ"

                               " ตาแก่มาด้วยหรือเปล่าล่ะราฟ?"  จู่ๆ ไมเคิลก็ถามคำถามประหลาดขึ้นมา

                               ราฟนึกขึ้นมาได้  คุณพ่อขอร้องให้เขามาเกลี้ยกล่อมไมเคิ่ลนี่  ถ้าเขาเอาคุณพ่อมาเป็นเหตุผล  บางทีไมเคิ่ลอาจยอมมอบตัวแต่โดยดีก็ได้.....

                                " ท่านมากับฉันด้วย  นายอยากพบท่านไหมล่ะ?  ถ้าเช่นนั้น..นายก็มอบตัวและไปหาท่านพร้อมกันกับฉันเถอะ"

                                ไมเคิ่ลกุมศีรษะแล้วหัวเราะออกมาดังลั่นห้องพร้อมกับกล่าวว่า....

                                 " ฮ่าๆๆๆๆๆ  นี่นายคิดว่าเอาตาแก่มาอ้างแล้วฉันจะยอมแต่โดยดีเรอะ  บ้ารึเปล่า?"

                                 " หยุดนะไมเคิ่ล!  นายห้ามลบหลู่คุณพ่อแบบนี้นะ  ฉันขอเตือน"

                                 ขณะที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกันอยู่  จู่ๆ ไมเคิ่ลก็หยุดพูดจาไร้สาระและหัวเราะ  เขาทำหน้าเครียดขึ้นมาจนทำให้ราฟงงกับท่าทีของเพื่อนเขา...

                                 " ตึง!"  ไมเคิ่ลถีบเท้าวิ่งมาด้วยความเร็วสูง  เป้าหมายของเขาอยู่ที่ราฟข้างหน้า?

                                 ราฟไม่คิดว่าไมเคิ่ลจะจู่โจมเขากะทันหันแบบนี้  ปืนในมือเขาไม่ทันเล็งดี  ก็ลั่นไกไปแล้ว....

                                 " ปังงงงง!" 

                                 เขาไม่รู้ว่าลูกปืนปะทะเป้าหมายไหม?  แต่เขารู้สึกวูบและหน้ามืดทันที  แล้วเขาก็ล้มลงไป.....

                                 " ขอโทษนะไอ้เพื่อนยาก  หลับอยู่ตรงนี้สักพักเถอะ"  ไมเคิ่ลกล่าว  เขากระโดดข้ามตัวราฟแล้วสับสันมือเข้าที่ท้ายทอยจนราฟแน่นิ่งไป  แต่เขามีเหตุผลอะไรกันล่ะ?

                                 เหตุผลนั้นอยู่ตรงหน้าของไมเคิ่ลแล้วตอนนี้.....

                                 " ไง...ฟาเบียง  มาได้ซะทีนะ"  ไมเคิ่ลเอ่ยทักบุคคลผู้หนึ่งที่ยืนตรงปากประตู  คนที่มีชื่อว่าฟาเบียงค่อยๆ ก้าวเข้ามาในห้อง  เขาเป็นใครกันแน่?  และไมเคิ่ลรอเขาด้วยเหตุผลอะไร?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×