ตอนที่ 5 : Chapter4
GOLDEN CLOSET
Chapter4
กรุ๊งกริ๊ง
เสียงกระดิ่งที่ถูกแขวนไว้กับประตูร้านดังขึ้น จีมินก้าวเข้ามาในร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ริมถนน บรรยากาศในร้านตกแต่งโทนเรียบๆที่มองแล้วสบายตา แต่กลับไม่ได้เรียบจนดูไร้ชีวิตชีวา
“Hope’s Cafe ยินดีต้อนรับค่ะ”
เสียงกล่าวต้อนรับจากพนักงานสาวที่ยืนอยู่หลังเค้าเตอร์ดังขึ้น จีมินที่กำลังมองดูรอบๆร้านละความสนใจจากภาพตรงหน้าก่อนจะเดินตรงไปที่เค้าเตอร์
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า รับอะไรดีคะ”
“อเมริกาโน่เย็นแล้วก็แซนวิชแฮมชีสครับ”
“อเมริกาโน่เย็นกับแซนวิชแฮมชีสทั้งหมดสองรายการนะคะ” พนักงานสาวทวนรายการอาหารที่เพิ่งสั่งไปเมื่อครู่ จีมินมองอีกฝ่ายอย่างลังเลก่อนจะตัดสินใจเอ่ยความต้องการของตัวเองออกไป
“ที่นี่ยังรับสมัครพนักงานอยู่ไหมครับ”
ใช่แล้ว วันนี้เขามาสมัครงานที่ร้านกาแฟแห่งนี้
“รับค่ะ กรอกเอกสารใบนี้เสร็จแล้วมาสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ” เธอยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้าจีมินก่อนจะอธิบายรายละเอียดต่างๆพร้อมกับค่ากาแฟที่จีมินเพิ่งจะสั่งไป จีมินจ่ายค่ากาแฟกับแซนวิชที่สั่งไปก่อนจะเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายแล้วเดินมานั่งกรอกเอกสารอยู่บนโต๊ะภายในร้าน
วันนี้คนในร้านไม่เยอะมาก ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องปกติหรือเพราะนี่เป็นช่วงเวลาที่สายมากสำหรับคนวัยทำงานแล้วกันแน่ คนตัวเล็กนั่งกรอกเอกสารสมัครงานไปสักพักก็มีผู้ชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่งเปิดประตูร้านเข้ามา เสียงทักทายของพนักงานหลายคนดังขึ้น
หากแต่จีมินยังคงนั่งก้มหน้าก้มตากรอกเอกสารต่อไป เขาตั้งใจไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องทำงานที่นี่ให้ได้ เพื่อสิ่งที่หวังไว้...
“มาสมัครงานเหรอครับ”
จีมินเงยหน้ามองคนที่เข้ามาทักด้วยสีหน้าแปลกใจ คนตรงหน้าเป็นผู้ชายร่างบาง หน้าตาออกไปทางหวานๆแต่ก็มีมุมที่ดูหล่อ ผมสีดำของเจ้าตัวที่ดูเข้ากับใบหน้านั้นอย่างลงตัว กว่าจะรู้ว่าตัวเองทำเสียมารยาทจ้องมองอีกฝ่ายเกินควรก็ตอนที่โดนทักอีกรอบ
“คุณครับ”
“ครับ! ขอโทษด้วยครับ” คนตัวเล็กลุกขึ้นแล้วรีบเอ่ยขอโทษ พลางด่าตัวเองในใจว่าไม่ควรเสียมารยาทกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่จะให้ทำยังไงล่ะ พอจ้องมองก็เหมือนกับโดนสะกดเอาไว้ให้มองไปเรื่อยๆ
“ไม่เป็นไรครับ ใช่คนที่มาสมัครงานไหมครับ” คนตรงหน้ายิ้มให้กับความน่ารักนั่น เอ่ยคำถามเดิมเป็นรอบที่สอง
“ใช่ครับ”
“จองโฮซอกครับ เป็นเจ้าของร้าน เห็นน้องพนักงานบอกมีคนมาสมัครงานเลยจะแวะมาสัมภาษณ์พนักงานใหม่สักหน่อยน่ะครับ” โฮซอกส่งยิ้มน้อยๆให้คนตรงหน้า ปกติแล้วเรื่องรับพนักงานเขาจะปล่อยให้ผู้จัดการร้านเป็นคนทำ แต่ไม่รู้ทำไมพอเห็นคนตรงหน้าก็รู้สึกถูกชะตาจนอยากจะเข้ามาคุย
“จีมินครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณจอง”
“เรียกโฮซอกก็ได้ครับ นั่งกันก่อนเถอะครับ” โฮซอกว่าก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามจีมินแล้วนั่งลง มือเรียวรับกระดาษจากมือเล็กๆของจีมินที่ยื่นมาให้
“ทำไมถึงอยากทำงานที่นี่เหรอครับ” โฮซอกเอ่ยถามขึ้นหลังจากไล่อ่านประวัติของคนตรงหน้า ซึ่งดูๆแล้วไม่น่าจะมาสมัครเป็นพนักงานร้านกาแฟเล็กๆแบบนี้
“อยากหาประสบการณ์ครับ”
“คนจบนอกแถมภาษาอังกฤษก็ดีมากแบบคุณจำเป็นต้องมาหาประสบการณ์ในร้านกาแฟจริงๆเหรอครับ”
“อ่า...พอดีผมกำลังเรียนต่อน่ะครับ ก็เลยหางานทำไปด้วย อีกอย่างคือผมชอบที่นี่ครับ” จีมินเอ่ยขึ้น คำถามที่โฮซอกตั้งมาเมื่อครู่ทำเอาเขามึนงงไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าคนท่าทางใจดีแบบนี้จะดูมีมุมที่ดูจะเอาเรื่องขนาดนี้ ทั้งๆที่ก็เป็นคำถามที่ดูธรรมดา แต่กลับรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก
โฮซอกมองคนตรงหน้ายิ้มๆ เขามันเป็นพวกที่มองคนทะลุ เหมือนเป็นสิ่งที่พระเจ้าให้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เด็กหนุ่มตรงหน้าคงมีสิ่งที่ต้องการถึงได้เอาใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกามาสมัครเป็นพนักงานร้านกาแฟแบบนี้ แต่เขาก็ถูกชะตากับเด็กคนนี้มากเกินกว่าที่จะเอ่ยปฏิเสธออกไป
เอาเถอะ ได้คนเก่งๆมาช่วยงานก็คงเบาใจไปได้นิดนึงล่ะนะ ถึงจะดูเก่งเกินกว่าที่จะมาทำงานแบบนี้ก็ตาม
ก่อนที่จะได้เอ่ยคำถามอะไรออกไป พนักงานสาวที่เคยยืนประจำอยู่ตรงหน้าเค้าเตอร์ก็เดินมากระซิบอะไรบางอย่างเข้าซะก่อน โฮซอกมองไปที่เค้าเตอร์ก่อนจะเห็นว่ามีคนยืนรออยู่ เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะเอ่ยบางอย่างกับพนักงานก่อนที่
เธอจะเดินกลับออกไป
“คุณอายุน้อยกว่าผม ถ้างั้นก็เรียกพี่โฮซอกก็แล้วกันนะ จีมิน” โฮซอกเอ่ยขึ้น เขาต้องรีบหน่อยเพราะต้องไปชงกาแฟให้ลูกค้าเรื่องมากที่ดื่มกาแฟฝีมือคนอื่นไม่ได้
“ครับ”
“พี่รับเราเข้าทำงาน ว่าแต่จะเริ่มงานได้วันไหน”
“วะ...วันจันทร์หน้าได้ไหมครับ!” จีมินเกือบจะส่งตะโกนออกไปด้วยความดีใจเมื่อได้งานที่ตัวเองหวังไว้ ตอนแรกก็นึกว่าจะต้องไปหาสมัครงานที่ใหม่ซะแล้ว
“โอเค พี่ต้องไปล่ะ ไว้เจอกันวันจันทร์นะจีมิน”
“ครับ ขอบคุณมากครับ” คนตัวเล็กเอ่ยขอบคุณและได้รับรอยยิ้มกลับมา จีมินมองตามหลังโฮซอกเดินไปที่เค้าเตอร์ เห็นอีกฝ่ายยืนคุยกับใครสักคนอยู่ เขาละลายตาจากโฮซอกแล้วเก็บของเข้ากระเป๋าก่อนจะถือแก้วกาแฟแล้วเดินออกจากร้าน
ทว่าคนที่ยืนคุยกับโฮซอกอยู่ตรงนั้นทำให้ชะงักจนเกือบจะทำแก้วกาแฟหลุดจากมือ
...คิมนัมจุน คนที่เขาตั้งใจไว้ว่าจะมาหา คนที่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาอยากจะมาที่นี่
อยู่ตรงหน้า แต่ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยอะไรออกไป
_____GOLDEN CLOSET_____
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนที่กำลังนั่งทำงานอยู่กลางห้อง จองกุกยกโน๊ตบุ๊คเครื่องบางออกจากตักก่อนจะวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีแล้วลุกขึ้นไป
เปิดประตู ภาพตรงหน้าเรียกรอยยิ้มบางๆออกมาได้ในรอบวัน
พัคจีมินกับไก่ทอดและเบียร์อีกหลายกระป๋อง
จองกุกเปิดประตูให้กว้างขึ้นพร้อมกับหลีกทางให้อีกคนเดินเข้ามาข้างในได้สะดวกขึ้น จีมินวางกล่องไก่ทอดไว้บนโต๊ะข้างๆกับโน๊ตบุ๊คที่จองกุกเปิดทิ้งไว้ คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มก่อนจะหลับตาลงช้าๆ
จองกุกกลับมานั่งที่เดิมแล้วยกโน๊ตบุ๊คขึ้นมาทำงานต่อ เขาเร่งเคลียร์งานให้เสร็จเพราะสัญญากับคนข้างๆไว้ว่าจะพาไปเที่ยวปูซาน มือหนากดส่งงานชิ้นสุดท้ายให้ทางมหาลัยแล้วจัดการปิดเจ้าโน๊ตบุ๊คเครื่องบางก่อนจะวางไว้บนโต๊ะตามเดิม
“เป็นอะไรครับ” จองกุกเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งมองจีมินที่เอาแต่นั่งหลับตาอยู่หลายนาที คนตรงหน้าลืมตาขึ้นมาก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำเอาเขาแปลกใจไม่น้อย
“เราไปสมัครงานมาแหละ”
“คิดยังไงถึงอยากทำงานครับ”
“ไม่รู้สิ...” จีมินเอ่ยตอบก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระป๋องเบียร์ในถุงมาเปิด เขาส่งมันให้จองกุกแต่อีกฝ่ายส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ จีมินมุ่ยหน้าให้กับคนที่ไม่ยอมดื่มเป็นเพื่อน
“วันนี้ตอนเราไปสมัครงาน เราคิดว่าเราเจอคนๆนึงที่เรารู้จัก...” จีมินเริ่มเล่าสิ่งที่ตัวเองเจอมาให้คนตรงหน้าฟัง
“ครับ”
“เราไม่แน่ใจว่าจะใช่ไหม เราไม่กล้าเดินเข้าไปทักเขา”
“.....”
และจองกุกก็เป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ เขาเพียงแค่ขานรับบางครั้งคราวเพื่อให้จีมินรับรู้ว่าเขายังฟังอยู่
“ไม่รู้สิ ...บางทีเราอาจจะจำคนผิดก็ได้”
“ถามได้ไหมครับว่าเขาเป็นใคร” จองกุกเอ่ยขึ้นหลังจากที่จีมินเว้นระยะไปพอสมควร เป็นคำถามที่ไม่ได้บังคับให้อีกคนต้องตอบ เพียงแค่เอ่ยขึ้นมาเพื่อให้จีมินได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาก็เท่านั้น
“เป็นเหมือนสิ่งที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริงในชีวิตเรา เขาเป็นอะไรประมาณนั้นแหละ แต่ถ้าเราแน่ใจว่าเราจะพาเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราเมื่อไหร่ เราจะแนะนำให้จองกุกรู้จักเป็นคนแรกเลย”
จีมินวางกระป๋องเบียร์ที่เพิ่งจะดื่มหมดลงบนพื้น หันไปมองจองกุกที่นั่งมองเขาอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อครู่
“ถ้ามั่นใจเมื่อไหร่ก็บอกนะครับ” จองกุกว่าก่อนจะยื่นกระป๋องเบียร์ที่เขาเพิ่งเปิดให้จีมิน รอให้อีกคนรับไปก่อนจะเปิดอีกกระป๋องให้ตัวเอง
“เขาไม่เหมือนกับจองกุกนะ” จีมินกระดกเบียร์หมดไปครึ่งกระป๋องก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ไม่เหมือนยังไง”
“ไม่เหมือน” จีมินว่า มือเล็กวางกระป๋องเบียร์ที่เพิ่งดื่มหมดไปไว้บนพื้น ตาปรือๆจ้องมองจองกุกที่กำลังดื่มเบียร์อีกกระป๋องช้าๆ
“ไม่เหมือนก็ไม่เหมือนครับ” จองกุกว่า พลางมองคนตัวเล็กที่เริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะปีนขึ้นมานั่งบนตักเขา
“อือ” จีมินส่งเสียงออกมาเบาๆ แขนสองข้างโอบกอดรอบลำคอของอีกคนแน่นก่อนจะคลายออกแล้วซบหน้าลงบนไหล่หนา
“เมาแล้วหรอ”
“ยัง”
“ไม่เมาแล้วทำไมถึงยั่วคะ” จองกุกเอ่ยถามคนที่กำลังเปลี่ยนที่ซบใหม่ จากไหล่หนาเป็นซอกคออุ่นๆ ลมหายใจร้อนๆจากคนตัวเล็กทำเอาเขาเริ่มเสียการควบคุมตัวเองเข้าไปทุกที
อา...ให้ตายเถอะ ช่วงนี้พัคจีมินทำให้เขาเริ่มสูญเสียการควบคุมเกือบทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน
“ไม่พูดคะได้ไหม”
“ไม่ได้ค่ะ”
“ขี้โกงอีกแล้ว” จีมินว่า ปากหนาเริ่มซนโดยการขบลงบนซอกคอของจองกุกเบาๆ คนตัวโตกว่าสะดุ้งน้อยๆตอนที่ฟันของอีกคนสัมผัสเข้ากับผิวหนัง ในหัวกำลังคิดหาวิธีหยุดคนขี้ยั่วก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
“เลิกยั่วได้แล้วค่ะ”
“ไม่ได้ยั่วนะ เราแค่อ้อน”
“นี่เลยเลเวลของการอ้อนแล้วค่ะ”
“งั้นเหรอ” จีมินผละออกมา แต่หากไม่ยอมลุกออกจากตักของจองกุก มือเล็กทั้งสองข้างวางไว้บนไหล่ของอีกคน ตาเรียวเล็กจ้องมองไปดวงตากลมโตของจองกุกที่เขาชอบนักหนา
“ให้โอกาสแค่ครั้งเดี๋ยว เลิกยั่วแล้วลุกขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวไปปูซานพรุ่งนี้.....” จองกุกเว้นจังหวะพูด มือหน้ายกขึ้นเกลี่ยแก้มแดงๆของจีมินอย่างเบามือ เวลาปกติแก้มเจ้าตัวก็แดงมากอยู่แล้ว ยิ่งเวลาที่กินแอลกอฮอล์เข้าไปก็ยิ่งแดงจัดจนอยากจับมาฟัด
“หรือจะยั่วต่อ ยกเลิกทริปปูซานแล้วเราจะไปจบกันที่บนเตียงดีคะ”
“เตียงเติงอะไร! อ๊ะ...เหวอออ!” คนตัวเล็กที่ลนลานหลังจากได้ฟังคำพูดนั่นรีบดีดตัวลุกขึ้น จีมินเซไปข้างหลังพร้อมกับหลับตาปี๋เตรียมรับแรงกระแทกกับโต๊ะ ในใจภาวนาขอให้โน๊ตบุ๊คที่จองกุกวางทิ้งไว้ตรงนั้นปลอดภัยไร้รอยขี้ข่วน
หมับ!
“ระวังหน่อยสิคะ” มือหนาคว้าแขนจีมินไว้ก่อนจะดึงเข้าหาตัว อีกแขนโอบรอบเอวบางไว้ก่อนจะเอ่ยเสียงดุ
“ฮืออออ เราขอโทษ”
“ร้องทำไมคะ เจ็บตรงไหน” จองกุกเอ่ยถามแล้วปล่อยมือจากเอวบางๆนั่นก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายออก ตาคมมองไปทั่วตัวเพื่อสำรวจ
“ไม่เจ็บ” จีมินเอ่ยตอบพร้อมกับส่ายหน้ารัวๆจนจองกุกต้องเอื้อมมือไปจับหัวไว้เพราะกลัวว่าอีกคนจะเวียนหัว
“ไม่เจ็บแล้วร้องทำไมคะ”
“เลิกพูดคะค่ะได้แล้ว ...เราเขิน” จีมินว่า หัวเล็กๆนั่นมุดลงกับอกกว้างแล้วถูไปมา จองกุกมองดูสิ่งที่คนบนตักทำก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา มือหนาเอื้อมไปกอดเอวอีกคนไว้หลวมๆ เขาดันตัวจีมินขึ้นมาก่อนจะซบหน้าลงบนไหล่เล็กๆนั่นแล้วเอ่ยขึ้น
“ไม่อยากไปปูซานแล้วครับ”
_____GOLDEN CLOSET_____
“เอาอันนี้ด้วยๆ” จองกุกยืนมองคนอายุมากกว่าที่ชี้จะเอานั่นนี่ไม่หยุดด้วยความเอ็นดู เขาพาจีมินนั่งรถไฟจากโซลมาปูซานตั้งแต่เช้าตรู่ หลังจากที่เมื่อคืนเขาพูดล้อจีมินจนโดนมือเล็กๆของอีกฝ่ายตีเข้าที่คอก่อนที่คนตัวแสบขี้ยั่วจะวิ่งหนีกลับห้องตัวเองไป
“เยอะเกินไปแล้วครับ” จองกุกเอ่ยเตือนคนที่ร้องจะซื้อของไม่หยุด ทุกอย่างที่ซื้อล้วนแล้วแต่เป็นของกินซึ่งดูๆแล้วซื้อกลับไปกินสามวันก็คงไม่หมด
“ขออันนี้อีกชิ้นนึงนะๆ” จีมินทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาพร้อมกับความอ้อนที่ส่งผ่านมาทางสายตาจนทำให้คนตัวโตปฏิเสธไม่ลง
“ครับๆ”
หลังจากได้รับอนุญาตจากจองกุกคนตัวเล็กก็หันไปคุยกับป้าคนขาย ได้ของแถมมาเต็มไม้เต็มมือเพราะคนแก่เอ็นดู ทั้งคู่เดินกลับบ้านมาทำอาหารรอคุณพ่อกับคุณแม่ของจองกุกที่โทรมาบอกว่าอาจจะกลับมาถึงตอนค่ำๆ
“จองกุก คุณน้าชอบทานอะไร” จีมินที่กำลังแกะอาหารสดออกจากถุงเอ่ยถามจองกุกที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก
“ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษครับ”
“แล้วของที่ไม่ชอบล่ะ”
“ของที่ไม่อร่อยครับ”
หลังจากได้ฟังคำตอบคนตัวเล็กก็วางมือจากของแล้วเดินไปแกล้งยีผมเจ้าเด็กตัวโต จองกุกจับข้อมือเล็กๆนั่นไว้ก่อนที่หัวเขาจะยุ่งไปมากกว่านี้
“มาช่วยกันทำอาหารเลย” จีมินว่า
“ไม่ทำได้ไหม”
“แล้วจะกินอะไรเล่า” คนตัวเล็กว่าเสียงขุ่น แกะมือหนาๆของอีกคนออกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัว
“คุณแม่ส่งข้อความมาบอกว่าจะกลับดึกครับ” จองกุกเดินตามจีมินเข้ามาในครัว เอ่ยอธิบายเพราะไม่อยากให้จีมินอารมณ์เสีย
“งั้นเราก็ทำกินสองคนไง”
“ยังจะกินอีกเหรอครับ” จองกุกว่าขำๆ วันนี้ทั้งวันเขาพาจีมินไปเดินเที่ยวและคนตัวเล็กก็หาอะไรกินไม่หยุดตลอดทาง จนตอนนี้เขาคิดว่าคนตรงหน้าคงกินอะไรเข้าไปอีกไม่ได้แน่ๆ
“ก็...” จีมินชะงักไป มือเล็กลูบท้องตัวเองไปมาก่อนจะทำหน้าเบะใส่จองกุก เขาเองก็ลืมไปวันนี้กินอะไรเข้าไปเยอะแยะมากมายขนาดไหน
“ไม่กินแล้วก็ได้”
“งั้นไปอาบน้ำครับ เดี๋ยวจะพาไปดูอะไรดีๆ” จองกุกดันคนที่ทำตัวอิดออดไม่อยากอาบน้ำให้เดินขึ้นไปบนห้อง เขาเดินไปหยิบชุดนอนในตู้เสื้อผ้ามาให้จีมินพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่
“ไปดูก่อนไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ครับ” จองกุกจูงแขนเด็กดื้อที่ไม่อยากอาบน้ำให้เดินตาม มือหนาเอื้อมไปเปิดประตูห้องน้ำให้ก่อนจะถอยออกมา
“ขอไปดูก่อนนะๆ นะๆ” จีมินที่ยังไม่อยากอาบน้ำเพราะอยากไปดูสิ่งที่จองกุกว่ารีบทำตัวอ้อน
“ยังไม่ถึงเวลาครับ ไปอาบน้ำก่อน”
“ก็เรายังไม่อยากอาบอ่ะ” คนตัวเล็กที่อายุมากกว่าเริ่มงอแงทำหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้ หวังจะให้จองกุกใจอ่อน
“ถ้าไม่อาบน้ำก็ไม่พาไปดูนะ”
“ใจร้ายอ่ะ”
“หรือจะให้อาบให้”
“ไม่!” คนดื้อที่ไม่ยอมอาบน้ำเอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง มือเล็กคว้าเอาผ้าเช็ดตัวกับชุดคลุมในมือจองกุกก่อนจะเดินหนีเข้าห้องน้ำไป
“ไม่ให้อาบให้จริงเหรอ” จองกุกตะโกนถามคนในห้องน้ำพลางยิ้มขำกับความน่ารักของอีกคน ถ้ารู้ว่าใช้ไม้นี้แล้วจะทำให้จีมินเลิกดื้อได้ที่ผ่านมาเขาคงไม่ต้องมานั่งปวดหัว
“ไปจัดการตัวเองเถอะ เจ้าเด็กลามก!”
_____GOLDEN CLOSET_____
“อะไรอ่ะ ห้องหนังสือเหรอ” จีมินที่เดินตามหลังจองกุกเข้ามาในห้องเอ่ยถามเสียงใส ห้องที่ว่าเป็นห้องขนาดกลางที่ไม่เล็กแต่ก็ไม่ได้ใหญ่มาก ภายในห้องเต็มไปด้วยหนังสือมากมายและดูเหมือนจะเป็นวรรณกรรมจากต่างประเทศซะส่วนใหญ่
“มานั่งตรงนี้”
จองกุกดึงแขนคนที่มัวแต่สนใจหนังสือให้เดินตาม เขากดไหล่อีกคนให้นั่งลงบนฟูกนุ่มๆที่วางอยู่หลังโต๊ะอ่านหนังสือ
“นี่เหรอ ที่ว่าจะพาเรามาดู” จีมินที่โดนกดให้นั่งอยู่ฟูกคว้าหมอนใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างๆมากอดแล้วเอ่ยถาม
“อือ” จองกุกตอบสั้นๆแค่นั้น เขาเดินไปหยิบหนังสือสักเล่มแล้วเดินกลับมานั่งลงข้างๆจีมิน มือหนาเปิดหนังสือเล่มใหญ่ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมา จีมินมองตามด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป
ครืดด~
“โอ๊ะ” จีมินสะดุ้งตอนที่เสียงบางอย่างดังขึ้นก่อนที่ไฟในห้องจะจะค่อยๆหรี่แสงลงจนเหลือแค่แสงสีเหลืองนวลๆ หลังคาห้องที่ค่อยๆเลื่อนออกจนเหลือแค่กระจกใสๆที่มองเห็นดาวเต็มท้องฟ้า รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อเห็นสิ่งที่อีกคนบอกว่าจะพามาดู
จองกุกมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ รอยยิ้มอบอุ่นที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นกำลังปรากฏขึ้นช้าๆบนใบหน้าหล่อเหลา ไม่ว่าจะอีกสักกี่ครั้งมันก็จะยังคงเดิมและไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไป
รอยยิ้มของพัคจีมินยังคงเป็นสิ่งที่เขาชอบมากที่สุด
เป็นมาตั้งแต่ต้นและไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“ขอบคุณนะ” คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นทั้งที่สายตายังมองดวงดาวที่สว่างไสวอยู่เต็มฟ้า จองกุกยิ้มบางให้กับคำขอบคุณที่จีมินเอ่ยออกมา
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง จากดวงที่เปล่งประกายบนท้องฟ้าน้อยๆก็เริ่มเด่นชัดขึ้น ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ดวงตายังจับจ้องไปที่ดวงดาว สองมือที่ผสานกันอยู่ข้างตัว ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร แค่ปล่อยเวลาให้มันผ่านไป
“จองกุก” จีมินเอ่ยขึ้นหลังจากปล่อยเวลาล่วงเลยมานาน
“ครับ”
“เราถามอะไรหน่อยได้ไหม” คนตัวเล็กเอ่ยถาม
“ถ้าตอบได้จะตอบครับ” คำตอบตกลงที่ดูเหมือนจะไม่แน่ใจดังตามมา จองกุกเลือกที่จะตอบแค่คำถามที่เขาอยากจะตอบเท่านั้น
“ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงไม่ค่อยยิ้มเลย”
“ขอไม่ตอบนะครับ”
“ไม่ได้เหรอ” คนตัวเล็กว่า ละสายตาจากทองฟ้ากลับมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จองกุกไม่ได้มีท่าทีแปลกไป ยังคงนิ่งและทุกอย่างยังดูเหมือนปกติ
“ยังไม่พร้อมครับ”
“เราเข้าใจ” จีมินเอ่ยขึ้น สิ่งที่ได้รับกลับมาเพียงพอที่จะทำให้ความขุ่นข้องหมองใจเมื่อครู่หายไป รอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้าของจองกุกที่ทำให้จีมินเลือกที่จะไม่เซ้าซี้อะไรต่อ
“ขอบคุณครับ”
“เรามีอีกคำถาม”
“.....”
“เราต้องทำยังไงจองกุกถึงจะยิ้ม ...เราเคยคิดว่าอยากจะได้จองกุกคนเดิมกลับมา แต่เราเองก็ลืมไปว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เราไม่อยากได้จองกุกคนเดิมอีกแล้ว เราอยากได้จองกุกคนที่เป็นอยู่ตอนนี้ อยากได้จองกุกที่พร้อมจะยิ้มให้เรา เราต้องทำยังไง”
“สงสารเหรอ”
“ไม่ใช่ เราไม่เคยสงสาร แต่เราก็ยังไม่อยากพูดคำนั้นออกไปเหมือนกัน” จีมินว่า มือข้างที่ผสานกันอยู่บีบแน่นราวกับว่ากำลังกลัวว่าอีกคนจะหายไป
“แค่อยู่ด้วยกันตรงนี้ก็พอครับ”
“เข้าใจแล้ว” จีมินเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มน้อยๆให้คนตรงหน้า เขาไม่อยากให้จองกุกลำบากใจ ไม่ได้อยากเร่งรัดอะไร ขอแค่รอยยิ้มที่กำลังเป็นอยู่แบบตอนนี้ก็พอ
“จีมิน”
“หือ” เสียงตอบรับเอ่ยได้ไม่เต็มเสียงนักเพราะนิ้วหัวแม่มือของอีกคนกำลังไล้วนอยู่บนริมฝีปาก จีมินไม่ยอมละสายตาไปจากคนตรงหน้าสักเสี้ยววินาที เช่นเดียวกันกับจองกุก
“ขอได้ไหมคะ”
“อือ...”
สิ้นคำตอบตกลงที่อีกคนเอ่ย ริมฝีปากบางประกบเข้ากับริมฝีปากอิ้มของคนตัวเล็กตรงหน้า ไม่ได้ลุกล้ำ บดเบียด มีเพียงแค่ริมผีปากอุ่นที่แนบชิดไม่ยอมละไปไหน
“ขอบคุณที่ทำให้ยิ้มได้ในทุกๆวันค่ะ” เสียงทุ้มหวานเอ่ยขึ้นก่อนที่ริมฝีปากจะกลับไปแนบชิด
และถ้าจองกุกบอกว่าตัวเองชอบรอยยิ้มของจีมินมากที่สุด จีมินเองก็คงไม่ต่างกัน
...เขาเองก็ชอบรอยยิ้มของจองกุกมากที่สุดเหมือนกัน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นัมจุนผู้เป็นปริศนา
ละต้องมาเจอกันแบบนี้น่าจะต้องเจอกันเรื่อยๆเลยนะเนี่ย
ไรท์คิดจะทิ้งปมไว้ทุกตอนเลยใช่มั้ยคะ 5555
จีมินไม่น่าจะแอบชอบนัมจุนเพราะตอนที่แล้วจีมินบอกจองกุกคือรักเดียวของจีมิน เพราะงั้นกับนัมจุนน่าจะมีเงื่อนงำด้านอื่นๆ ซึ่งเราไม่ขอเดาก็แล้วกันเนอะ อยากรู้ว่าเรื่องจะดำเนินต่อไปในมุมไหน รออ่านต่อนะคะ สู้ๆค่ะ / แอบกรี๊ดม่อนโฮปเบาๆค่ะ นานๆจะเจอคนแต่งคู่นี้แล้วภาษาดีๆแบบนี้ที