ตอนที่ 18 : Chapter17
GOLDEN CLOSET
Chapter17
รอย...รอยแดงๆนี่มันอะไรกัน!
จีมินยืนสำรวจตัวเองตัวเองอยู่หน้ากระจก เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเขาโดนจองกุกปลุกให้ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาเสร็จแล้วก็พาตัวเองมาอาบน้ำเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้จะมีแขกคนสำคัญที่ไม่รู้จะโผล่มาตอนไหน เพราะถ้าโผล่มาตอนที่เขายังนอนหมดแรงอยู่บนเตียงก็คงจะดูไม่ดีนัก
มือเล็กลูบรอยบนตัวไปเรื่อยก่อนจะถอนหายใจออกมา โชคดีที่ตอนนี้เข้าหน้าหนาวแล้วเพราะไม่งั้นทุกคนที่เจอเขาคงสงสัยกันแย่ว่าทำไมถึงได้ไปค้นเสื้อคอเต่าที่นอนนิ่งอยู่ในตู้เสื้อผ้าออกมาใส่ พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ได้แต่ยกมือขึ้นมาลูบหน้าลูบตาที่แดงแจ๋เป็นลูกตำลึง จีมินสะบัดหัวเบาๆก่อนจะหยิบเสื้อคอเต่าตัวที่ว่ามาใส่พร้อมกับเสียงเคาะประตูที่ตังตามมาหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที
ก๊อก ก๊อก
“จีมิน ออกมาได้แล้วครับ เข้าห้องน้ำไปเป็นชั่วโมงแล้วนะ”
“รู้แล้วๆ”
คนโดนเร่งเปิดประตูห้องน้ำออกไปก่อนจะพบกับเด็กตัวโตยืนรออยู่ตรงหน้าประตู จองกุกยื่นโทรศัพท์ในมือมาให้ ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนวานให้จองกุกช่วยไปหยิบเสื้อผ้าที่ห้องมาให้ พอเอาเสื้อผ้ามาให้เสร็จเจ้าตัวก็บอกจะกลับไปเก็บห้องที่ทำเละไว้เมื่อคืนอีกรอบ
“เมื่อกี้พี่โฮซอกโทรมาหาผม บอกว่าติดต่อจีมินไม่ได้” จองกุกว่า คนตัวเล็กยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาดูก็เจอข้อความมามายที่ถูกส่งเข้ามา เหลือบไปดูเปอร์เซ็นแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ไม่มากนักก็ได้แต่นึกสงสัย
“ผมชาร์จให้แล้ว เหมือนทางนั้นเขาจะเป็นห่วงนะ”
“ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเราโทรหาพี่โฮซอกก่อนนะ” จีมินว่าก่อนจะเดินออกไป จองกุกมองท่าเดินประหลาดๆนั่นแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ เดินเข้าไปช้อนตัวอีกคนเข้ามาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะพาไปนั่งที่โซฟา
“เจ็บก็บอกสิครับ”
“เพราะใครกันล่ะ ฮึ่ย!” จองกุกมองคนที่ทำท่าทางฮึดฮัดแต่แก้มแดงแจ๋อยู่ตรงหน้าด้วยความเอ็นดู
“ครับๆ จองกุกผิดเองครับ ขอโทษนะครับ” ว่ายิ้มๆก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากหนาๆนั่นไปทีแล้วรีบผละออกก่อนที่อีกคนจะโวยวาย
“อื้อ อย่ามาแกล้งเรานะจองกุก” คนกำลังเขินทำโมโหกลบเกลื่อน หยิบหมอนอิงที่วางอยู่ข้างๆมาโยนใส่จองกุก
“ครับๆ จองกุกไม่แกล้งจีมินแล้วเนอะ” จองกุกว่าก่อนจะยืนขึ้นแล้วก้มลงไปหอมแก้มยุ้ยๆของอีกคนก่อนจะรีบเดินหนีเข้าไปในครัว ปล่อยให้จีมินนั่งบ่นเบาๆอยู่คนเดียว
จองกุกยืนปลอกผลไม้รอเวลาแล้วปล่อยให้จีมินนั่งคุยโทรศัพท์กับโฮซอก ตอนที่ปลุกจีมินมากินข้าวกินยาอีกฝ่ายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้เขาฟังทั้งหมดรวมถึงเรื่องของคิมนัมจุน จริงๆเขาไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ผู้ชายคนนั้นเป็นคนฉลาด และตอนที่ได้รู้ว่ายุนกิทำงานให้นัมจุนอยู่เขาก็ยิ่งมั่นใจ
ช่วงเวลาที่เขาทะเลาะกับจีมินถ้าให้พูดกันตามตรงเลยก็คงต้องบอกว่าช่วงนั้นเขาค่อนข้างที่จะทำตัวเป็นสตอล์กเกอร์อยู่หน่อยๆ ช่วงที่ว่างเขาตามติดจีมินไปเกือบทุกที่ ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองเบลอที่เห็นภาพมินยุนกิผลุบๆโผล่ๆอยู่รอบๆตัว
จีมิน แต่พอได้รู้เขาก็คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญและเขาก็คงไม่ได้ตาฝาดเห็นผู้ชายคนนั้นหลายๆรอบแน่ๆ แม้ตอนที่ยังไม่รู้จะคิดแบบนั้นจริงๆก็เถอะ
จองกุกยืนคิดอะไรไปเรื่อยจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น มือหนาวางมีดลงบนจานก่อนจะเดินออกไปเปิดประตู
“สวัสดีครับ” เอ่ยทักผู้มาเยือนทั้งสองคนก่อนจะเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายเข้าห้อง เป็นคิมนัมจุนกับมินยุนกิคนที่โทรหาเขาตั้งแต่เช้าเพื่อถามว่าวันนี้จีมินสะดวกที่จะรับแขกไหม จองกุกหันไปมองจีมินที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนเหมือนคนทำอะไรไม่ถูกตอนที่นัมจุนเดินไปหา
“ตามสบายนะครับ” ว่าแล้วก็หันไปมองที่จีมินที่ดูเหมือนจะอยากให้เขาอยู่ด้วย แต่หากจองกุกทำเพียงแค่ยิ้มให้แล้วเดินเลี่ยงออกไปอีกทางกับยุนกิ ปล่อยให้สองพี่น้องมีเวลาได้คุยกันแบบส่วนตัว
เจ้าของห้องเปิดตู้เย็นแล้วหยิบเบียร์ออกมาสองกระป๋องก่อนจะเดินนำออกไปที่ระเบียง ยุนกิทำเพียงแค่เดินตามจองกุกออกไปเพราะเขาเองก็มีเรื่องที่ต้องคุยกับจองกุกเหมือนกัน
“สักหน่อยไหมครับ” จองกุกยื่นกระป๋องเบียร์ให้คนอายุมากกว่า อีกฝ่ายเอื้อมมือมารับไปก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ
“เรื่องเมื่อคืนน่ะ ฝีมือมึงใช่ไหม” ยุนกิเอ่ยถามออกไป เรื่องที่เขาจะคุยกับจองกุกก็คือเรื่องนี้ หลังจากที่เขากลับออกไปเมื่อวานก็จัดการโทรหานัมจุนแล้วบอกกล่าวเรื่องที่เกิดขึ้น ให้นัมจุนช่วยกักตัวเด็กพวกนั้นเอาไว้ก่อน แต่ใครจะไปรู้ว่าแค่ช่วงระยะเวลาที่นัมจุนผละออกมาคุยโทรศัพท์กับเขาเพียงไม่กี่นาทีจะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“เรื่องที่คลับ”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” จองกุกเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่เมื่อคืนเขาก็ยังไม่ได้คุยอะไรกับแทฮยองอีก ไม่รู้ว่าแทฮยองจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไง
“มึงไม่ได้ทำ?”
“เปล่าครับ เมื่อคืนผมอยู่กับจีมิน” เขาไม่ได้ทำจริงๆ ถึงจะเป็นคนบอกเรื่องนี้ให้แทฮยองรู้ก็เถอะ แต่เมื่อไม่ได้ลงมือเองเขาก็ถือว่าไม่ได้ทำ
“ถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นใคร”
“เอาเป็นว่าไม่ใช่ผมก็แล้วกัน แล้วสรุปเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นครับ” จองกุกเบี่ยงประเด็นโดยการเอ่ยถามกลับไป
“เมื่อคืนกูโทรหานัมจุน ว่าจะบอกให้มันกักตัวเด็กพวกนั้นไว้หน่อย แต่พอกลับเข้าไปอีกรอบก็เละหมดแล้ว ไอ้เด็กที่เข้ามายุ่งกับจีมินโดนซ้อมเละอยู่หลังคลับ งานวันเกิดก็ล่มไม่เป็นท่า ถามอะไรไปก็ไม่มีคนตอบ กูเลยต้องมาถามมึงนี่ไงว่าใครเป็นคนทำ”
“อือ ที่โดนไปก็สมควรแล้ว”
“มึงยังไม่ตอบคำถามกูนะจองกุก” ยุนกิซักไซ้จนอีกฝ่ายถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เมื่อคืนผมบอกเพื่อนจีมินไปว่าจีมินโดนวางยา”
“แล้วมันใช่เรื่องที่ต้องไปซ้อมไอ้เด็กนั่นขนาดนั้นไหม ถ้าเกิดพ่อแม่มันเอาเรื่องขึ้นมาพวกมึงจะทำยังไง กูได้ยินมาว่ามันลูกคนใหญ่คนโตในกรมด้วย” ยุนกิว่า จริงๆเรื่องนี้เขาไม่อยากจะยุ่งนักถ้าไม่กลัวไอ้เด็กที่ยืนกินเบียร์หน้าตาเฉยอยู่ข้างๆจะเดือดร้อน
“มันไม่กล้าหรอก”
“อะไรที่ทำให้มึงมั่นใจแบบนั้น”
“เพราะคนที่ลงมือไม่ใช่คนที่พวกนั้นจะเอาเรื่องได้ยังไงล่ะ” จองกุกยกยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงหน้าของบุคคลที่กำลังเอ่ยถึง
“ใคร” ยุนกิไม่คิดจะหยุดหากเขายังไม่ได้รับคำตอบ และดูเหมือนจองกุกเองก็จะเบื่อกับการบ่ายเบี่ยงเต็มที เจ้าตัวถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเอ่ยคำตอบคำถามที่ยุนกิอยากรู้
“คิมแทฮยอง”
ชื่อที่จองกุกเอ่ยออกมาทำให้ยุนกิต้องครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง เขาเคยเจอคิมแทฮยองอยู่สองสามครั้งช่วงงานศพของยุนจี เจ้าตัวเข้ามาช่วยจัดการเรื่องต่างๆให้จนครอบครัวเขาแทบจะไม่ต้องทำอะไร เขาจำได้...เป็นเด็กที่ถ้าเอ่ยอะไรออกมาทุกคนจะต้องฟัง คิมแทฮยองที่เขาเคยรู้จักเป็นคนแบบนั้น
เป็นคนที่มีอำนาจในตัวเอง
“มึงขอให้เขาทำเหรอ”
“เปล่า จริงๆแล้วบอกให้มันไปเอาตัวไอ้เหี้ยนั่นมาให้ แต่มันบอกจะจัดการเอง”
“จัดการแรงนะ เพราะมายุ่งกับคนของมึงงั้นสิ” จองกุกยิ้มออกมาน้อยๆหลังจากที่ได้ฟังคำถาม ไม่ใช่เลย...ที่เป็นแบบนี้เพราะคนๆนั้นคือพัคจีมินต่างหาก
“เปล่าหรอก ถ้าปกติมันก็คงทำแค่ที่ขอไป แต่เพราะเป็นจีมิน...” จองกุกละสายตาจากวิวท้องฟ้าตรงหน้าก่อนจะหันกลับไปมองคนที่นั่งคุยอยู่กับนัมจุนในห้อง “เพราะเป็นพัคจีมิน”
“จะบอกว่าสำคัญกว่าคนอื่นว่างั้น”
“อือ ไม่ใช่แค่กับผม แต่เป็นคิมแทฮยองด้วย สองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันน่ะ” จองกุกคลายข้อสงสัยให้กับคนที่กำลังทำหน้างงอยู่
“ทำไมในประวัติบอกพัคจีมินไม่มีเพื่อนสนิท...”
“ข้อมูลเกี่ยวกับแทฮยองก็แบบนี้แหละ”
“หึ คนรอบตัวพัคจีมินนี่มีแต่คนแปลกๆนะ” ยุนกิคิดแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ ตั้งแต่จอนจองกุก คิมนัมจุน แถมที่โผล่มาล่าสุดก็เหมือนจะเป็นตัวบอสซะด้วยสิ ...คิมแทฮยอง
จองกุกไม่ได้สนใจเรื่องที่ยุนกิเอ่ยออกมา เด็กตัวสูงวางกระป๋องเบียร์ในมือลงก่อนจะหันไปมองภาพท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ตรงหน้า
“เห็นพยากรณ์อากาศบอกอีกสองอาทิตย์หิมะจะตก...” จองกุกเอ่ยออกมาลอยๆ เรียกความงุนงงจากคนฟังได้เป็นอย่างดี “ผมมีเรื่องจะขอให้พี่ช่วย”
_____GOLDEN CLOSET_____
บรรยากาศในห้องต่างกับด้านนอกอย่างสิ้นเชิง เพราะต่างคนดูเหมือนจะทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องมานั่งอยู่ต่อหน้ากันและกัน จีมินกอดหมอนอิงเอาไว้แน่นระหว่างรอให้อีกฝ่ายเอ่ยคำพูดออกมา ตอนนี้เขาพูดอะไรไม่ออกจริงๆ ทุกอย่างมันดูกระอักกระอ่วนไปหมด
...อยากจะร้องไห้จริงๆนะ
“เอ่อ...คือ เมื่อวาน...ให้เลขาติดต่อมาใช่ไหม” ไม่ใช่แค่จีมินที่พูดอะไรไม่ออก แต่คนเป็นพี่เองก็เช่นกัน ทั้งๆที่คิดว่าเตรียมตัวมาดีแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายก็มาตกม้าตายตอนได้เห็นหน้าน้อง
“อ่า...ใช่ครับ” จีมินพยักหน้าหงึกๆตอนที่ตอบคำถาม ไม่คิดว่าคุณเลขาจะทำงานเร็วขนาดนี้ ...เร็วจนเขาตั้งตัวไม่ทัน
“แล้วมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ก็...มีเรื่องที่อยากจะคุยด้วยหลายเรื่องครับ” จีมินอ้อมแอ้มตอบ เขาไม่รู้จะพูดยังไงดี ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ไม่รู้ว่าต้องไปต่อยังไง
“ฮ่าๆ อย่าเกร็งนักสิ มันพลอยทำให้ทางนี้พูดไม่ออกไปด้วยนะ” นัมจุนว่า
“ก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงหนิครับ” คนน้องเริ่มมีท่าทีงอแงจนนัมจุนต้องยิ้มออกมา ท่าทางที่แสดงออกมาเป็นมุมที่เขาไม่เคยได้เห็นจากเด็กคนนี้ และไม่รู้ว่าเพราะจีมินน่ารักเกินไปหรือความเป็นพี่ชายในตัวมันพุ่งพล่านถึงขีดสุดเขาถึงได้มองว่ามันน่ารักน่าเอ็นดูเอามากๆ
“งั้นมาเล่นเกมตอบคำถามกันไหม ผลัดกันถามตอบไปเรื่อยๆ”
“เอางั้นก็ได้ครับ”
“รู้เรื่องพี่มาตั้งแต่แรกเลยเหรอ” นัมจุนเป็นคนเริ่มคำถามแรก
“ครับ คุณแม่ไม่เคยปิด ...แล้วทำไมถึงรู้ได้ล่ะครับว่าผมเป็น...น้องชาย”
สองพี่น้องเล่นเกมตอบคำถามกันไปเรื่อย จนเวลาร่วงเลยไปหลายชั่วโมง ทุกอย่างที่อยากรู้ถูกคลายความสงสัยด้วยคำถามและคำตอบของอีกฝ่าย สุดท้ายก็จบลงด้วยการที่นัมจุนดึงจีมินเข้าไปกอดก่อนที่จะขอตัวกลับเพราะรู้สึกว่าจีมินเองก็คงต้องการพักผ่อน เขารู้ดีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง และดูเหมือนว่าอาจจะต้องนัดคุยกับจอนจองกุกแบบส่วนตัวดูสักครั้ง
“อีกสองวันจะเข้าไปหาที่บริษัทนะครับ” จีมินเอ่ยขึ้นหลังจากผละออกจากอ้อมกอดของนัมจุน แม้เรื่องราวต่างๆจะเป็นไปตามที่คาดหวังแต่เขาก็ยังมีเรื่องอื่นๆที่ต้องจัดการต่ออีก
“ไว้เจอกัน” นัมจุนว่าก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมจีมินเบาๆแล้วเดินจากไปพร้อมกับยุนกิ
“จองกุก~” พอนัมจุนกับยุนกิเดินลับตาไปก็หันมาอ้อนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ จีมินเดินเข้าไปกอดเอวเด็กตัวโตไว้หลวมๆแล้ววางหัวไว้บนไหล่ของอีกฝ่าย “เราดีใจ”
“มีความสุขก็ดีแล้วครับ” จองกุกลูบหลังคนอายุมากกว่าแต่ชอบทำตัวอ้อนเบาๆ “ไปนอนพักก่อนไหมครับ พรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยไม่ใช่หรือไง”
“อื้อ มีงานที่ต้องส่งนิดหน่อย” จีมินเงยหน้าขึ้นมาจากไหล่ของจองกุก จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาอ้อนๆ จนคนโดนมองต้องก้มลงไปจูบให้หายมันเขี้ยว ก่อนจะจบลงที่การอุ้มคนตัวเล็กเข้าไปนอนในห้อง
จองกุกมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงด้วยความเอ็นดู จีมินหลับไปหลังจากที่เขาอุ้มเข้ามานอนเพียงไม่กี่นาที มือหนายกขึ้นไปลบผมคนที่นอนหลับอยู่เบาๆก่อนจะก้มลงไปจูบที่หน้าผากเนียน
“ฝันดีนะครับ” เอ่ยออกไปทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ยิน เด็กตัวสูงผละออกจากเตียงแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาคนที่ขาดการติดต่อไปตั้งแต่เมื่อคืน คุยแค่สองสามนาทีก็วางสายเพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ค่อยว่างสักเท่าไหร่
_____GOLDEN CLOSET_____
จีมินนั่งฟุบอยู่กับโต๊ะที่โรงอาหารของคณะศิลปกรรม วันนี้เขาโดนปลุกตั้งแต่เช้าเพื่อเอางานมาส่ง พอส่งงานเสร็จก็โดนจองกุกลากให้มาติดแหงกอยู่ด้วยกันที่คณะ ตอนแรกก็อยากจะช่วยงานจองกุกอยู่หรอก แต่พอทำไปเรื่อยๆก็ดูเหมือนว่าร่างกายที่พักผ่อนไม่เพียงพอของตัวเองจะประท้วง ทำให้ตอนนี้หมดแรงจนต้องมานั่งฟุบอยู่กับโต๊ะที่จองกุกกับเพื่อนกำลังทำงานกันอยู่
ที่เขาหมดแรงก็เพราะจองกุกนั่นแหละ...ต้องใช่แน่ๆ เจ้าเด็กคนนั้นดูดพลังชีวิตของเขาไปจนหมดแล้วแน่ๆถึงได้ดูสดใสขนาดนั้น จีมินเลิกสนใจจองกุกที่นั่งทำงานแถมยังแจกยิ้มไปทั่วแล้วซบหน้าลงกับกระเป๋าของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะ
โชคดีที่คนส่วนมากในคณะของจองกุกรู้จักเขา ก็เลยไม่มีเสียงนินทาแปลกๆมาให้ได้ยิน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นโรงอาหารคณะศิลปกรรมก็ไม่ได้มีแค่เด็กในคณะที่แวะเวียนเข้ามา เพราะสายตาที่จับจ้องมาบางทีก็ดูจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเขามากจนเกินไปสักหน่อย
คนที่กำลังจะหลับโดนปลุกขึ้นมาด้วยเสียงพูดคุยของคนที่อยู่รอบๆ เสียงที่ดังเรื่อยๆทำให้จีมินเงยหน้าขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าตรงนี้มันเป็นพื้นที่สาธารณะ แต่อารมณ์คนง่วงที่โดนขัดขวางการนอนนั้นไม่คงที่นัก
ทั้งๆที่เมื่อกี้เสียงยังเงียบอยู่เลยแท้ๆ จีมินคิดในใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปหาจองกุกที่นั่งอยู่ข้างๆ ทว่าแรงที่ปะทะเข้ากับตัวทำให้ต้องรีบยกมือขึ้นดันโต๊ะไว้ด้วยความตกใจ
“คิดถึงว่ะเตี้ย” แรงกอดรัดที่ตามมาพร้อมกับเสียงทุ้มที่ดังอยู่ข้างหูทำให้จีมินน้ำตาคลอ เกือบหกเดือนที่ไม่ได้เจอกัน หกเดือนที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปมากมายเหลือเกิน
เขาเองก็คิดถึง... คนๆนี้ คนที่อยู่ข้างกันมาตลอด คนที่เป็นทั้งเพื่อนและครอบครัว
“ฮึก...”
“เอ้า เป่าปี่ซะงั้นอ่ะ ไอ้เราก็นึกว่าจะดีใจที่กลับมา ที่ไหนได้เสียใจจนร้องไห้เลย” แทฮยองเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ คลายอ้อมกอดออกจากคนที่นั่งอยู่แล้วรอเวลา...
“เราก็คิดถึง ฮืออ...” จีมินลุกจากเก้าอี้แล้วพุ่งตัวเข้าไปกอดอีกฝ่ายไว้แน่น ความอบอุ่นที่ไม่เหมือนใครของแทฮยองเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้ ภาพเหตุการณ์ต่างๆไม่ว่าจะร้ายหรือดีไหลวนเข้ามาในหัว
“ทำตัวขี้แยไม่สมกับเป็นจีมินเลยนะ” แทฮยองโอบกอดเพื่อนตัวเล็กเอาไว้แน่น ตลอดเวลาตั้งแต่กลับมาถึงเขาวิ่งวุ่นไปกับเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่เขาไม่อยู่ เขารู้ว่าจีมินเป็นคนเก่ง รู้ว่าอีกฝ่ายมีความอดทนมากขนาดไหน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่อีกฝ่ายจะยอมร้องไห้ออกมาให้เห็นได้ง่ายๆ ...ก็เหมือนกันกับเขา
“ไม่ต้องร้อง” มือหนายกขึ้นมาลูบหัวจีมินไปมา ทำซ้ำๆอยู่แบบนั้นอย่างไม่รู้เบื่อ โอบกอดอีกคนเอาไว้ด้วยความหวงแหนอย่างที่ไม่เคยทำกับใคร
และดูเหมือนว่ามันจะเป็นภาพแปลกตาจนผู้คนที่อยู่รอบๆต่างให้ความสนใจ ภาพของคิมแทฮยองอดีตเดือนคณะที่กำลังกอดกับคนที่ผู้คนต่างเข้าใจกันว่าเป็นเด็กในปกครองของจอนจองกุก อดีตเดือนมหาลัยปีสาม น้องชายคนสนิทของคิมแทฮยอง
ความสัมพันธ์ดูเหมือนจะยุ่งเหยิงทั้งที่แท้จริงแล้วไม่ใช่ และแทฮยองจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก...ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแตะทั้งเพื่อนและน้องที่เขารักเป็นอันขาด
“ถึงเวลาเคลียร์ปัญหาที่ค้างคามานานแล้ว...”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แทค่าา
รอนะคะ????????