ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความฝัน
"มะรืนจะสอบแล้ว.. โอย ไอ้คิล ฉันตายแน่ว่ะ"
เสียงครวญครางอย่างน่าเวทนาดังมาไม่หยุดหย่อน ขณะส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือไปทางนักฆ่าและเจ้าชายหนุ่ม คิลหัวเราะหึหึรับแล้วก็ตอบกลับมาด้วยเนื้อความไม่ต่างกันมากนัก \"แล้วแกคิดว่าฉันจะรอดเหรอวะ พอกันแหละเพื่อนเอ๋ย\" แล้วเขาก็ยิ้มกว้าง "อาจจะดีกว่าหน่อยตรงฉันไม่ตกวิชาเวทมนตร์"
เฟรินแยกเขี้ยวรับ แล้วก็กลับมาหัวเราะเหมือนเดิม
"เออแน่ะ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ไปพักผ่อนหย่อนอารมณ์กันหน่อยดีไหมวะ ..เอดินเบิร์กไม่ค่อยมีอาหารตาให้ดูชมเท่าไหร่ แต่สำหรับนักเรียนอย่างพวกเรา มันก็คงพอเจ๊าๆกันไปได้ล่ะมั้ง" ตาสีน้ำตาลเข้มของเจ้าตัวมีประกายเข้มระยับ แล้วเอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อนนักฆ่าที่กำลังอึ้งสนิท "เอาน่า.. ไม่ต้องทำหน้าเสียดายขนาดนั้น ฉันรู้สึกเหมือนๆกับแกน่า เดี๋ยวนี้สัญชาตญาณผู้ชายไม่ค่อยได้กระตุ้นเท่าไหร่เล้ย ..เซ็งเนอะ"
แล้วเจ้าตัวก็หันไปหาบุรุษผู้ถูกลืม แล้วเอ่ยเชิญชวนเช่นกัน "แกว่าไง คาโล ...ฉันรู้ว่าเชื้อชายแกแรงกว่าไอ้นักฆ่าหน้าปัญญาอ่อนอย่างหมอนี่ ว่าไง.. สนใจมะ?" แต่แล้วเจ้าตัวก็ชะงักชั่วครู่ก่อนจะไอค่อกแค่ก นัยน์ตาสีฟ้าละจากหนังสือที่อ่านมามองอย่างเป็นห่วง แล้วเอ่ยเรียบๆ "นายไม่สบายแล้ว.. นอนซะแล้วหยุดทำซ่า"
นักฆ่าหน้าปัญญาอ่อนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากรับ แล้วส่งสายตาเชื่อมต่อกับความคิดของเจ้าชายหนุ่ม แล้วก็แสร้งยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยใจ "ฉันง่วงแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะ เฟริน.. คาโล" เจ้าตัวไม่พูดพร่ำทำเพลง กระโดดตึงขึ้นเตียงแล้วก็ผล็อยหลับไปอย่างรู้หน้าที่
ร่างสูงโปร่งของเจ้าชายคาโลขยับจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่มาช้าๆ ...นัยน์ตาสีฟ้าสวยยังจับจ้องอยู่ที่ร่างบางที่ยังคงไอจนหน้าเริ่มแดงก่ำ นัยน์ตาสีน้ำตาลหันมามองเล็กน้อยอย่างแปลกใจแม้จะยังไอไม่หยุด แล้วยากับน้ำก็ถูกยื่นให้
"กินซะ.. เดี๋ยวตายไปแล้วสอบไม่ได้"
แม่จอมยุ่งคว้าความหวังดีนั้นไว้ พยายามยิ้มให้แล้วก็กระดกยาตามด้วยน้ำกลืนอ๊อกๆเข้าไปอย่างรวดเร็ว ...คาโลได้แต่มองเจ้าหล่อนอย่างระอาระคนอ่อนใจ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีการกินอะไรบ้างที่เจ้าหล่อนรู้จักคำว่าค่อยๆกินลงไป
"อ้า.. ขอบใจนะคาโล" เจ้าหล่อนยิ้มสดใสแม้จะยังไอเบาๆ "ว่าแต่เรื่องนั้นน่ะ นายว่าจะไปด้วยกันรึเปล่าล่ะ แค่ก.. แค่ก น่าสนุกออกนะ"
"ไปไม่ได้" คำตอบเรียบ ง่าย สั้น "นายเป็นผู้หญิงแล้วจะไปได้ยังไง แน่นอนว่าเจ้าชายย่อมไม่ไปอยู่แล้ว มันเสื่อมเสีย ...แล้วก็นอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่สบายไม่มีแรงตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือสอบพอดี พูดเองไม่ใช่หรือว่าจะสอบอยู่วันมะรืนแล้วน่ะ"
เจ้าหล่อนหน้ามุ่ย เมื่อไม่เห็นประโยชน์ที่จะเถียงจึงขยับกายเข้าสู่เตียงแสนนุ่มสบาย ...ผ้าปูลายดาบสีแดงที่ยังคงให้ความอบอุ่นอยู่เสมอ ตราดาบแห่งความห้าวหาญ สีแดงแห่งความทรงพลัง ตราที่ยังคงอยู่คู่กับชาวป้อมอัศวินเสมอมา..
อีกไม่ถึงอาทิตย์แล้วที่เธอจะต้องไปจากโรงเรียน ..ไม่รู้ว่าอีกนานไหมจะได้กลับมา
เจ้าชายแห่งคาโนวาลดูจะอ่านความคิดของเจ้าหล่อนออก จึงไม่ได้ไล่หล่อนให้รีบนอนเหมือนอย่างเคย ได้แต่ยิ้มบางๆพลางซึมซับภาพเหล่านี้ไว้เช่นกัน..
"แค่ก แค่ก"
เสียงไอของเจ้าหล่อนเรียกสติให้ลอยกลับมาอีกครั้ง เขาค่อยๆขยับผ้าห่มให้คลุมร่างของหล่อน นัยน์ตาสีน้ำตาลหลับพริ้ม.. ก่อนที่จะค่อยๆก้มลงแล้วกดริมฝีปากลงเบาๆตรงหน้าผากนวล ทำเอาหล่อนชะงักไปชั่วครู่ แต่ก็ยิ้มออกมาบางเบา...
"นอนซะ ..ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะ"
คนพูดเดินจากไปด้วยฝีเท้าเบา.. โดยเจ้าตัวอาจจะไม่รู้เลยว่า คำพูดนั้นทำให้คนฟังเป็นสุขและหลับตาพริ้ม
ความรู้สึกเบาหวิวล่องลอยไปทั่ว เคว้งคว้างไร้จุดหมาย มิมีสิ่งใดจักให้ยึดเหนี่ยวเกาะกุม นัยหนึ่งคือความอิสระ อีกนัยหนึ่งคือโดดเดี่ยวอ้างว้าง รอบกายไม่มีแม้แต่เงาของสิ่งมีชีวิต ไม่มีแม้แต่ทิวทัศน์ที่มักจะพบเห็นบ่อยๆในฝันที่แสนดีและงดงาม
ความรู้สึกเรียกให้เธอตื่น.. นัยน์ตาสีเปลือกไม้เข้มค่อยๆเผยอลืมขึ้น เมื่อกวาดตามองไปรอบๆก็ไม่เห็นสิ่งใดนอกจากสีขาวและความว่างเปล่า หากแต่ราวกับมีกระแสลมบางอย่างที่ทรงพลัง หากแต่แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวลพัดพาให้ร่างของเจ้าหล่อนค่อยๆลอยลงสู่เบื้องล่างที่เต็มไปด้วยเมฆหมอก
แล้วเท้าก็สัมผัสกับพื้นในโลกที่ประหลาดนี้บางเบา แล้วนัยน์ตาสีน้ำตาลก็เบิกกว้างยิ่งขึ้น เมื่อหมอกเหล่านั้นค่อยๆหลบออกไปเป็นสองทาง เผยให้เห็นทิวทัศน์ใหม่ซึ่งไม่ใช่สีขาว แต่สำหรับเธอ มันไม่ใช่ความน่าประหลาดแต่อย่างใดเลย
มันคือภาพที่แสนคุ้นเคย.. ห้องนอนของเธอเองในป้อมอัศวิน
สภาพห้องที่คุ้นเคยเจนตา ผ้าม่านสีลาเวนเดอร์สะบัดพลิ้ว เตียงสามเตียง ตู้สามใบ โต๊ะสามตัว ห้องน้ำหนึ่ง รวมไปถึงสิ่งที่ยังคงบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่านี่คือห้องของเธอนั่นก็คือไอ้เพื่อนบ้าที่โผล่เรือนผมสีดำสนิทออกมาจากผ้าห่ม มันยังคงนอนหลับอยู่ เฟรินยิ้ม.. เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ก็ใกล้สว่างแล้ว
แต่ทำไมต้องมาฝันเรื่องนี้ เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
แต่แล้วนัยน์ตาก็สะดุดกึกกับภาพของเจ้าชายที่มักจะตื่นเช้าก่อนคนอื่นเสมอ.. แต่น่าแปลกที่ร่างสูงนั้นกำลังก้มอยู่บริเวณตู้เสื้อผ้าที่เปิดอยู่ มีเสื้อที่ไม่ใช่ชุดนักเรียนโรงเรียนพับอยู่บนเตียง กางเกงเรียบร้อย และเสื้อแขนยาวกันหนาว รวมไปถึงคทาพิพากษา หนังสือเรียนและอ่านเล่น กระเป๋าเดินทางที่เปิดอ้าอยู่ และของข้างในนั้นก็เรียกเลือดให้สูบฉีดบริเวณหน้าให้ขึ้นสี
ชั้นใน..
แต่แล้วเจ้าตัวก็ขยับกายไปบังกระเป๋าพร้อมๆกับเธอที่หลบหน้าพอดี คาโลย้ายของลงไปในกระเป๋าจนหมด รูดซิปปิด แล้วยืนขึ้นสำรวจโดยรอบเพื่อตรวจสอบครั้งสุดท้ายว่าลืมอะไรอีกรึเปล่า ก่อนจะขีดฆ่ารายการในกระดาษใบเล็กแล้วสะพายเป้และหิ้วกระเป๋าเดินทาง ถอนหายใจเบาๆ.. แล้วมองไปทางเตียงของเธอ
เอ๋? มันมองไม่เห็นเธอใช่ไหมเนี่ย
แล้วจะไปไหน?
แต่เมื่อร่างสูงวางของลงแล้วสาวเท้าอย่างเงียบเชียบไปทางเตียงของเธอ.. เฟรินมองตามอย่างสงสัยแต่ก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นร่างแฝดของตนเองยังคงนอนอยู่บนนั้น ร่างนั้นเหมือนเธออย่างไม่มีผิดเพี้ยน หนำซ้ำยังมีการไอออกมาเบาๆอีก
อะไรจะเหมือนขนาดนี้? นี่คือความฝันจริงหรือ?
คาโลยืนอยู่ข้างเตียงของเธอ นัยน์ตาสีฟ้าจับจองร่างของหล่อนอย่างเหม่อลอย มือของเขาเอื้อมมาไล้เรือนผมของเธอเบาๆอ่อนโยน ....เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แล้วเจ้าชายหนุ่มก็ก้มลงมาเร็วๆแล้วจูบหน้าผากเบาๆเหมือนเมื่อคืน
ทำเอาคนซึ่งควรจะถูกกระทำแต่กลับต้องมาจ้องมองหน้าขึ้นสีอีกครั้ง ...ชักเข้าใจความรู้สึกไอ้คิลมันแล้วแฮะ
ชายหนุ่มยืนมองร่างของหล่อนบนเตียงเนิ่นนานอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ..
"หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ เฟริน"
ร่างของเธอชาชะงัก ขณะมองตามร่างของเขาที่ขยับไปวางอะไรบางอย่างบนโต๊ะ กวาดตามองรอบๆห้องอีกครั้ง ก่อนจะยกเป้ขึ้นสะพายและหิ้วกระเป๋า ค่อยๆเดินช้าๆไปยังประตู.. เธอพยายามวิ่งไปห้าม เอื้อมมือออกไปหวังจะคว้าแขนเสื้อมาคุยให้รู้เรื่อง ...แต่ความพยายามของหล่อนก็กลับเวิ้งว้างในอากาศ ทะลุผ่านแขนเสื้อของเขาพอดีกับจังหวะที่ประตูเปิดและปิดลง
ตื่นเร็วๆสิ ตื่นเดี๋ยวนี้ เฟริน!!
แสงแดดสีทองอบอุ่นส่องประกายอาบไล้กระทบวัตถุต่างๆ ...ยามเช้าที่สดใส ยามเช้าแห่งการเริ่มต้น ตามปกติของหญิงสาวหัวขโมยแห่งป้อมอัศวินมันเป็นธรรมดาที่เจ้าหล่อนจะต้องตื่นสาย หากแต่สติน้อยนิดที่ยังคงเหลือเมื่อหลับนั้นกลับร้องในใจลั่น
ตื่นซี่! เฟริน ...ขอให้ความฝันของเราไม่เป็นความจริงด้วยเถอะ!!
เจ้าหล่อนพยายามขยี้ตาอย่างแรงแล้วกระเด้งกายขึ้นมาจากความอบอุ่นของเตียง ราวกับมีกาวบางๆยึดติดระหว่างเปลือกตาทำให้ภาพที่เห็นเลือนราง ตบแรงๆที่แก้มหวังว่าจะเรียกให้สติแจ่มชัดยิ่งขึ้น ...แล้วเฟรินก็รวบรวมแรงสุดท้ายขยับให้นัยน์ตามองภาพให้สมกับความกังวลใจ
ไอ้คิลยังนอนอยู่.. ภาพแรกที่เธอเห็น
แล้วคาโลล่ะ.. ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะนะ!!
เฟรินพยายามฝืนยิ้มเต็มที่ แต่แล้วเจ้าหล่อนก็รู้สึกขื่นคอจนต้องไอแค่กแค่กเสียงดังจนน้ำตาเริ่มไหล มือบางยกขึ้นปาดเบาๆขณะสูดลมหายใจ.. แล้วหันไปมองตู้เสื้อผ้าของบุรุษที่เธอเฝ้าคำนึงถึง..
ตู้เสื้อผ้านั้นยังปิดอยู่ ...เตียงก็ไม่มีคน
เธอพยายามมองในแง่ดี ....คาโลมันตื่นเช้านี่เนอะ แถมมันยังเรียบร้อย ไม่เปิดตู้เสื้อผ้าอ้าซ่าแบบเธอหรอก คิดพลางหัวเราะเบาๆราวกับความกังวลที่ร้ายแรงส่วนหนึ่งของเธอถูกกำจัดไปแล้ว ...เฟรินค่อยๆขยับกายแล้วเดินช้าๆ เพื่อทดสอบความหวาดกลัวที่สุด
เปิดตู้เสื้อผ้า...
มือบางค่อยๆเอื้อมไปแตะที่ที่จับอย่างเบามือ สูดลมหายใจแล้วกลืนน้ำลายเบาๆ... ก่อนจะค่อยๆเปิดออกช้าๆ
รอยยิ้มบางเปื้อนใบหน้าชั่วครู่ ก่อนที่จะชะงักไปอึดใจหนึ่ง
ตู้เสื้อผ้าไม้โล่งเลี่ยนเตียนเปล่า มีเพียงจดหมายเล็กๆพับอยู่ตรงซอกหลืบมุม
แน่นอนว่าเธอไม่ลังเลที่จะหยิบมันขึ้นมาดูทันที!!
เรียน คาโล วาเนบลี เดอะปรินซ์ ออฟ คาโนวาล
ฝ่าบาทคงจะได้ข่าวมาบ้างแล้ว ว่าเสด็จพ่อของพระองค์ นั่นก็คือ บาโร วาเนบลี เดอะคิงวอริเออร์ ออฟ คาโนวาล ทรงมีพระราชกระแสดำรัสสั่งมาว่า พระองค์ต้องการจะสละราชสมบัติ และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหลังจากเหนื่อยมาทั้งชีวิตของพระองค์
และฝ่าบาทก็คงทราบดีอีกเช่นกัน ว่าตามธรรมเนียมโบราณอันเป็นที่ยึดเหนี่ยวปฏิบัติมานานนมของคาโนวาลในการคัดเลือกคิงองค์ใหม่ นั่นคือเชิญเจ้าชายแห่งคาโนวาลทุกพระองค์มาร่วมแข่งขันประลองในศึกเกียรติยศ อันชาวนักรบคาโนวาลจักต้องมีทุกผู้คน
หม่อมฉันจึงขอเรียนเชิญฝ่าบาทซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าชายแห่งคาโนวาลให้มาร่วมประลองในครั้งนี้ โดยจะขอให้ฝ่าบาทเดินทางในวันอาทิตย์เพื่อร่วมการแข่งขันในวันจันทร์ แล้วพวกหม่อมฉันจะต้อนรับให้สมเกียรติ
จึงกราบขอเรียนเชิญ
เสนาคาร์ทฟอล
ร่างของเธอที่กำกระดาษจดหมายไว้แน่นค่อยๆคุกเข่าลงช้า ....ความเจ็บปวดในใจยากเกินจะรักษาเสียแล้ว ความฝันของเธอไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป.. แต่มันคือความจริงอันยากที่จะปักใจเชื่อนัก ราวกับเป็นสัญญาณเตือนให้เธอเตรียมใจไว้ก่อนหน้านี้แล้ว...
ใช่.. เตรียมใจก่อนจะเจ็บปวด
ภาพเจ้าชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนมองหล่อนด้วยนัยน์ตาสีฟ้าสดสวย เรือนผมสีเงินที่เธอตัดให้ดูพลิ้วไสวและเท่เฉียบขาด รูปหน้าคมคายหล่อเหลา เจ้าของบุคลิกเย็นชาราวกับน้ำแข็งที่คนทั้งป้อมมักจะประณามบ่อยๆ...
เจ็บปวดที่ทำได้เพียงมองตามร่างสูงนั้นเดินออกจากห้องไป
เจ็บปวดที่หลงเคลิบเคลิ้มในความดีที่เขามอบให้ก่อนจาก
เจ็บปวดที่หล่อนไร้ค่า.. ไร้ค่าเกินไปที่จะบอกเรื่องสำคัญ
เจ็บปวดที่หล่อนไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้!!
มือหนักๆกดลงบนบ่าเรียกให้นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่โตหันไปมองหวังปาฏิหาริย์ให้หวนคืน ...แต่ความดีใจแทบพลันหายวูบเมื่อพบว่าคนนั้นคือหนุ่มนักฆ่าเพื่อนรัก นัยน์ตาสีม่วงมองร่างหล่อนอย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยถามง่ายๆ
"ตื่นเช้าจัง.. แล้ววันนี้คาโลมันมีประชุมเช้าหรือ?"
ทันทีที่ได้ยินชื่อของคนที่จากไปไกล ทำนบน้ำตาที่เพียรจะสะกดไว้ตลอดก็พังครืนลงมาอย่างไม่ปราณี หน้าหวานๆขยับเข้าไปซบบ่าเพื่อนชายอย่างหวังขอที่พึ่งพิงสุดท้าย คิลตกตะลึงเล็กน้อยแต่ก็ทำหน้าที่เพื่อนที่ดี นั่นคือขยับมือมาลูบเรือนผมสีน้ำตาลอย่างอ่อนโยน
แกไปไหนนะ..คาโล
นักฆ่าหนุ่มยังคงเป็นที่พักพิงให้เพื่อนหญิงอย่างดีเสมอ.. ในขณะที่นัยน์ตาสีม่วงมองออกไปข้างนอก ..เลื่อนลอย อ้างว้าง และเดียวดายเหลือ...
แต่ไม่ต้องห่วง ..ทหารองครักษ์คนนี้จะดูแลเจ้าหญิงให้ดีที่สุดเพื่อรอวันที่เจ้าชายกลับมา....
ท้องฟ้าที่ใดก็ยังเป็นผืนเดียวกันทั้งโลก..
นัยน์ตาสีฟ้าสดใสจับจ้องออกไปนอกหน้าต่างเกวียนอย่างเหม่อลอย กระทั่งไม่สนใจไยดีหนังสือที่เปิดค้างอยู่กลางมือ..
ไม่ใช่ไม่สนใจเธอนะ เฟลิโอน่า..
ไม่ใช่ไม่อยากบอกเธอหรอกนะ เฟลิโอน่า..
เขาหลุบตาลงต่ำราวกับจมในห้วงความคิดของตน
เพียงแต่เขาอยากทำใจให้พร้อมที่สุด.. พร้อมสำหรับการต่อสู้ที่โหดร้ายแห่งคาโนวาล
เพราะเพียงเขาย่างก้าวเข้าราชวังเมื่อไร วันนั้น.. จากชายหนุ่มธรรมดาจะกอบกุมศักดิ์ศรีเจ้าชาย เจ้าชายที่ไม่มีจิตใจอันอ่อนโยนอีกต่อไป...
เสียงครวญครางอย่างน่าเวทนาดังมาไม่หยุดหย่อน ขณะส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือไปทางนักฆ่าและเจ้าชายหนุ่ม คิลหัวเราะหึหึรับแล้วก็ตอบกลับมาด้วยเนื้อความไม่ต่างกันมากนัก \"แล้วแกคิดว่าฉันจะรอดเหรอวะ พอกันแหละเพื่อนเอ๋ย\" แล้วเขาก็ยิ้มกว้าง "อาจจะดีกว่าหน่อยตรงฉันไม่ตกวิชาเวทมนตร์"
เฟรินแยกเขี้ยวรับ แล้วก็กลับมาหัวเราะเหมือนเดิม
"เออแน่ะ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ไปพักผ่อนหย่อนอารมณ์กันหน่อยดีไหมวะ ..เอดินเบิร์กไม่ค่อยมีอาหารตาให้ดูชมเท่าไหร่ แต่สำหรับนักเรียนอย่างพวกเรา มันก็คงพอเจ๊าๆกันไปได้ล่ะมั้ง" ตาสีน้ำตาลเข้มของเจ้าตัวมีประกายเข้มระยับ แล้วเอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อนนักฆ่าที่กำลังอึ้งสนิท "เอาน่า.. ไม่ต้องทำหน้าเสียดายขนาดนั้น ฉันรู้สึกเหมือนๆกับแกน่า เดี๋ยวนี้สัญชาตญาณผู้ชายไม่ค่อยได้กระตุ้นเท่าไหร่เล้ย ..เซ็งเนอะ"
แล้วเจ้าตัวก็หันไปหาบุรุษผู้ถูกลืม แล้วเอ่ยเชิญชวนเช่นกัน "แกว่าไง คาโล ...ฉันรู้ว่าเชื้อชายแกแรงกว่าไอ้นักฆ่าหน้าปัญญาอ่อนอย่างหมอนี่ ว่าไง.. สนใจมะ?" แต่แล้วเจ้าตัวก็ชะงักชั่วครู่ก่อนจะไอค่อกแค่ก นัยน์ตาสีฟ้าละจากหนังสือที่อ่านมามองอย่างเป็นห่วง แล้วเอ่ยเรียบๆ "นายไม่สบายแล้ว.. นอนซะแล้วหยุดทำซ่า"
นักฆ่าหน้าปัญญาอ่อนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากรับ แล้วส่งสายตาเชื่อมต่อกับความคิดของเจ้าชายหนุ่ม แล้วก็แสร้งยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยใจ "ฉันง่วงแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะ เฟริน.. คาโล" เจ้าตัวไม่พูดพร่ำทำเพลง กระโดดตึงขึ้นเตียงแล้วก็ผล็อยหลับไปอย่างรู้หน้าที่
ร่างสูงโปร่งของเจ้าชายคาโลขยับจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่มาช้าๆ ...นัยน์ตาสีฟ้าสวยยังจับจ้องอยู่ที่ร่างบางที่ยังคงไอจนหน้าเริ่มแดงก่ำ นัยน์ตาสีน้ำตาลหันมามองเล็กน้อยอย่างแปลกใจแม้จะยังไอไม่หยุด แล้วยากับน้ำก็ถูกยื่นให้
"กินซะ.. เดี๋ยวตายไปแล้วสอบไม่ได้"
แม่จอมยุ่งคว้าความหวังดีนั้นไว้ พยายามยิ้มให้แล้วก็กระดกยาตามด้วยน้ำกลืนอ๊อกๆเข้าไปอย่างรวดเร็ว ...คาโลได้แต่มองเจ้าหล่อนอย่างระอาระคนอ่อนใจ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีการกินอะไรบ้างที่เจ้าหล่อนรู้จักคำว่าค่อยๆกินลงไป
"อ้า.. ขอบใจนะคาโล" เจ้าหล่อนยิ้มสดใสแม้จะยังไอเบาๆ "ว่าแต่เรื่องนั้นน่ะ นายว่าจะไปด้วยกันรึเปล่าล่ะ แค่ก.. แค่ก น่าสนุกออกนะ"
"ไปไม่ได้" คำตอบเรียบ ง่าย สั้น "นายเป็นผู้หญิงแล้วจะไปได้ยังไง แน่นอนว่าเจ้าชายย่อมไม่ไปอยู่แล้ว มันเสื่อมเสีย ...แล้วก็นอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่สบายไม่มีแรงตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือสอบพอดี พูดเองไม่ใช่หรือว่าจะสอบอยู่วันมะรืนแล้วน่ะ"
เจ้าหล่อนหน้ามุ่ย เมื่อไม่เห็นประโยชน์ที่จะเถียงจึงขยับกายเข้าสู่เตียงแสนนุ่มสบาย ...ผ้าปูลายดาบสีแดงที่ยังคงให้ความอบอุ่นอยู่เสมอ ตราดาบแห่งความห้าวหาญ สีแดงแห่งความทรงพลัง ตราที่ยังคงอยู่คู่กับชาวป้อมอัศวินเสมอมา..
อีกไม่ถึงอาทิตย์แล้วที่เธอจะต้องไปจากโรงเรียน ..ไม่รู้ว่าอีกนานไหมจะได้กลับมา
เจ้าชายแห่งคาโนวาลดูจะอ่านความคิดของเจ้าหล่อนออก จึงไม่ได้ไล่หล่อนให้รีบนอนเหมือนอย่างเคย ได้แต่ยิ้มบางๆพลางซึมซับภาพเหล่านี้ไว้เช่นกัน..
"แค่ก แค่ก"
เสียงไอของเจ้าหล่อนเรียกสติให้ลอยกลับมาอีกครั้ง เขาค่อยๆขยับผ้าห่มให้คลุมร่างของหล่อน นัยน์ตาสีน้ำตาลหลับพริ้ม.. ก่อนที่จะค่อยๆก้มลงแล้วกดริมฝีปากลงเบาๆตรงหน้าผากนวล ทำเอาหล่อนชะงักไปชั่วครู่ แต่ก็ยิ้มออกมาบางเบา...
"นอนซะ ..ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะ"
คนพูดเดินจากไปด้วยฝีเท้าเบา.. โดยเจ้าตัวอาจจะไม่รู้เลยว่า คำพูดนั้นทำให้คนฟังเป็นสุขและหลับตาพริ้ม
ความรู้สึกเบาหวิวล่องลอยไปทั่ว เคว้งคว้างไร้จุดหมาย มิมีสิ่งใดจักให้ยึดเหนี่ยวเกาะกุม นัยหนึ่งคือความอิสระ อีกนัยหนึ่งคือโดดเดี่ยวอ้างว้าง รอบกายไม่มีแม้แต่เงาของสิ่งมีชีวิต ไม่มีแม้แต่ทิวทัศน์ที่มักจะพบเห็นบ่อยๆในฝันที่แสนดีและงดงาม
ความรู้สึกเรียกให้เธอตื่น.. นัยน์ตาสีเปลือกไม้เข้มค่อยๆเผยอลืมขึ้น เมื่อกวาดตามองไปรอบๆก็ไม่เห็นสิ่งใดนอกจากสีขาวและความว่างเปล่า หากแต่ราวกับมีกระแสลมบางอย่างที่ทรงพลัง หากแต่แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวลพัดพาให้ร่างของเจ้าหล่อนค่อยๆลอยลงสู่เบื้องล่างที่เต็มไปด้วยเมฆหมอก
แล้วเท้าก็สัมผัสกับพื้นในโลกที่ประหลาดนี้บางเบา แล้วนัยน์ตาสีน้ำตาลก็เบิกกว้างยิ่งขึ้น เมื่อหมอกเหล่านั้นค่อยๆหลบออกไปเป็นสองทาง เผยให้เห็นทิวทัศน์ใหม่ซึ่งไม่ใช่สีขาว แต่สำหรับเธอ มันไม่ใช่ความน่าประหลาดแต่อย่างใดเลย
มันคือภาพที่แสนคุ้นเคย.. ห้องนอนของเธอเองในป้อมอัศวิน
สภาพห้องที่คุ้นเคยเจนตา ผ้าม่านสีลาเวนเดอร์สะบัดพลิ้ว เตียงสามเตียง ตู้สามใบ โต๊ะสามตัว ห้องน้ำหนึ่ง รวมไปถึงสิ่งที่ยังคงบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่านี่คือห้องของเธอนั่นก็คือไอ้เพื่อนบ้าที่โผล่เรือนผมสีดำสนิทออกมาจากผ้าห่ม มันยังคงนอนหลับอยู่ เฟรินยิ้ม.. เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ก็ใกล้สว่างแล้ว
แต่ทำไมต้องมาฝันเรื่องนี้ เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
แต่แล้วนัยน์ตาก็สะดุดกึกกับภาพของเจ้าชายที่มักจะตื่นเช้าก่อนคนอื่นเสมอ.. แต่น่าแปลกที่ร่างสูงนั้นกำลังก้มอยู่บริเวณตู้เสื้อผ้าที่เปิดอยู่ มีเสื้อที่ไม่ใช่ชุดนักเรียนโรงเรียนพับอยู่บนเตียง กางเกงเรียบร้อย และเสื้อแขนยาวกันหนาว รวมไปถึงคทาพิพากษา หนังสือเรียนและอ่านเล่น กระเป๋าเดินทางที่เปิดอ้าอยู่ และของข้างในนั้นก็เรียกเลือดให้สูบฉีดบริเวณหน้าให้ขึ้นสี
ชั้นใน..
แต่แล้วเจ้าตัวก็ขยับกายไปบังกระเป๋าพร้อมๆกับเธอที่หลบหน้าพอดี คาโลย้ายของลงไปในกระเป๋าจนหมด รูดซิปปิด แล้วยืนขึ้นสำรวจโดยรอบเพื่อตรวจสอบครั้งสุดท้ายว่าลืมอะไรอีกรึเปล่า ก่อนจะขีดฆ่ารายการในกระดาษใบเล็กแล้วสะพายเป้และหิ้วกระเป๋าเดินทาง ถอนหายใจเบาๆ.. แล้วมองไปทางเตียงของเธอ
เอ๋? มันมองไม่เห็นเธอใช่ไหมเนี่ย
แล้วจะไปไหน?
แต่เมื่อร่างสูงวางของลงแล้วสาวเท้าอย่างเงียบเชียบไปทางเตียงของเธอ.. เฟรินมองตามอย่างสงสัยแต่ก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นร่างแฝดของตนเองยังคงนอนอยู่บนนั้น ร่างนั้นเหมือนเธออย่างไม่มีผิดเพี้ยน หนำซ้ำยังมีการไอออกมาเบาๆอีก
อะไรจะเหมือนขนาดนี้? นี่คือความฝันจริงหรือ?
คาโลยืนอยู่ข้างเตียงของเธอ นัยน์ตาสีฟ้าจับจองร่างของหล่อนอย่างเหม่อลอย มือของเขาเอื้อมมาไล้เรือนผมของเธอเบาๆอ่อนโยน ....เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แล้วเจ้าชายหนุ่มก็ก้มลงมาเร็วๆแล้วจูบหน้าผากเบาๆเหมือนเมื่อคืน
ทำเอาคนซึ่งควรจะถูกกระทำแต่กลับต้องมาจ้องมองหน้าขึ้นสีอีกครั้ง ...ชักเข้าใจความรู้สึกไอ้คิลมันแล้วแฮะ
ชายหนุ่มยืนมองร่างของหล่อนบนเตียงเนิ่นนานอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ..
"หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ เฟริน"
ร่างของเธอชาชะงัก ขณะมองตามร่างของเขาที่ขยับไปวางอะไรบางอย่างบนโต๊ะ กวาดตามองรอบๆห้องอีกครั้ง ก่อนจะยกเป้ขึ้นสะพายและหิ้วกระเป๋า ค่อยๆเดินช้าๆไปยังประตู.. เธอพยายามวิ่งไปห้าม เอื้อมมือออกไปหวังจะคว้าแขนเสื้อมาคุยให้รู้เรื่อง ...แต่ความพยายามของหล่อนก็กลับเวิ้งว้างในอากาศ ทะลุผ่านแขนเสื้อของเขาพอดีกับจังหวะที่ประตูเปิดและปิดลง
ตื่นเร็วๆสิ ตื่นเดี๋ยวนี้ เฟริน!!
แสงแดดสีทองอบอุ่นส่องประกายอาบไล้กระทบวัตถุต่างๆ ...ยามเช้าที่สดใส ยามเช้าแห่งการเริ่มต้น ตามปกติของหญิงสาวหัวขโมยแห่งป้อมอัศวินมันเป็นธรรมดาที่เจ้าหล่อนจะต้องตื่นสาย หากแต่สติน้อยนิดที่ยังคงเหลือเมื่อหลับนั้นกลับร้องในใจลั่น
ตื่นซี่! เฟริน ...ขอให้ความฝันของเราไม่เป็นความจริงด้วยเถอะ!!
เจ้าหล่อนพยายามขยี้ตาอย่างแรงแล้วกระเด้งกายขึ้นมาจากความอบอุ่นของเตียง ราวกับมีกาวบางๆยึดติดระหว่างเปลือกตาทำให้ภาพที่เห็นเลือนราง ตบแรงๆที่แก้มหวังว่าจะเรียกให้สติแจ่มชัดยิ่งขึ้น ...แล้วเฟรินก็รวบรวมแรงสุดท้ายขยับให้นัยน์ตามองภาพให้สมกับความกังวลใจ
ไอ้คิลยังนอนอยู่.. ภาพแรกที่เธอเห็น
แล้วคาโลล่ะ.. ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะนะ!!
เฟรินพยายามฝืนยิ้มเต็มที่ แต่แล้วเจ้าหล่อนก็รู้สึกขื่นคอจนต้องไอแค่กแค่กเสียงดังจนน้ำตาเริ่มไหล มือบางยกขึ้นปาดเบาๆขณะสูดลมหายใจ.. แล้วหันไปมองตู้เสื้อผ้าของบุรุษที่เธอเฝ้าคำนึงถึง..
ตู้เสื้อผ้านั้นยังปิดอยู่ ...เตียงก็ไม่มีคน
เธอพยายามมองในแง่ดี ....คาโลมันตื่นเช้านี่เนอะ แถมมันยังเรียบร้อย ไม่เปิดตู้เสื้อผ้าอ้าซ่าแบบเธอหรอก คิดพลางหัวเราะเบาๆราวกับความกังวลที่ร้ายแรงส่วนหนึ่งของเธอถูกกำจัดไปแล้ว ...เฟรินค่อยๆขยับกายแล้วเดินช้าๆ เพื่อทดสอบความหวาดกลัวที่สุด
เปิดตู้เสื้อผ้า...
มือบางค่อยๆเอื้อมไปแตะที่ที่จับอย่างเบามือ สูดลมหายใจแล้วกลืนน้ำลายเบาๆ... ก่อนจะค่อยๆเปิดออกช้าๆ
รอยยิ้มบางเปื้อนใบหน้าชั่วครู่ ก่อนที่จะชะงักไปอึดใจหนึ่ง
ตู้เสื้อผ้าไม้โล่งเลี่ยนเตียนเปล่า มีเพียงจดหมายเล็กๆพับอยู่ตรงซอกหลืบมุม
แน่นอนว่าเธอไม่ลังเลที่จะหยิบมันขึ้นมาดูทันที!!
เรียน คาโล วาเนบลี เดอะปรินซ์ ออฟ คาโนวาล
ฝ่าบาทคงจะได้ข่าวมาบ้างแล้ว ว่าเสด็จพ่อของพระองค์ นั่นก็คือ บาโร วาเนบลี เดอะคิงวอริเออร์ ออฟ คาโนวาล ทรงมีพระราชกระแสดำรัสสั่งมาว่า พระองค์ต้องการจะสละราชสมบัติ และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหลังจากเหนื่อยมาทั้งชีวิตของพระองค์
และฝ่าบาทก็คงทราบดีอีกเช่นกัน ว่าตามธรรมเนียมโบราณอันเป็นที่ยึดเหนี่ยวปฏิบัติมานานนมของคาโนวาลในการคัดเลือกคิงองค์ใหม่ นั่นคือเชิญเจ้าชายแห่งคาโนวาลทุกพระองค์มาร่วมแข่งขันประลองในศึกเกียรติยศ อันชาวนักรบคาโนวาลจักต้องมีทุกผู้คน
หม่อมฉันจึงขอเรียนเชิญฝ่าบาทซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าชายแห่งคาโนวาลให้มาร่วมประลองในครั้งนี้ โดยจะขอให้ฝ่าบาทเดินทางในวันอาทิตย์เพื่อร่วมการแข่งขันในวันจันทร์ แล้วพวกหม่อมฉันจะต้อนรับให้สมเกียรติ
จึงกราบขอเรียนเชิญ
เสนาคาร์ทฟอล
ร่างของเธอที่กำกระดาษจดหมายไว้แน่นค่อยๆคุกเข่าลงช้า ....ความเจ็บปวดในใจยากเกินจะรักษาเสียแล้ว ความฝันของเธอไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป.. แต่มันคือความจริงอันยากที่จะปักใจเชื่อนัก ราวกับเป็นสัญญาณเตือนให้เธอเตรียมใจไว้ก่อนหน้านี้แล้ว...
ใช่.. เตรียมใจก่อนจะเจ็บปวด
ภาพเจ้าชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนมองหล่อนด้วยนัยน์ตาสีฟ้าสดสวย เรือนผมสีเงินที่เธอตัดให้ดูพลิ้วไสวและเท่เฉียบขาด รูปหน้าคมคายหล่อเหลา เจ้าของบุคลิกเย็นชาราวกับน้ำแข็งที่คนทั้งป้อมมักจะประณามบ่อยๆ...
เจ็บปวดที่ทำได้เพียงมองตามร่างสูงนั้นเดินออกจากห้องไป
เจ็บปวดที่หลงเคลิบเคลิ้มในความดีที่เขามอบให้ก่อนจาก
เจ็บปวดที่หล่อนไร้ค่า.. ไร้ค่าเกินไปที่จะบอกเรื่องสำคัญ
เจ็บปวดที่หล่อนไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้!!
มือหนักๆกดลงบนบ่าเรียกให้นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่โตหันไปมองหวังปาฏิหาริย์ให้หวนคืน ...แต่ความดีใจแทบพลันหายวูบเมื่อพบว่าคนนั้นคือหนุ่มนักฆ่าเพื่อนรัก นัยน์ตาสีม่วงมองร่างหล่อนอย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยถามง่ายๆ
"ตื่นเช้าจัง.. แล้ววันนี้คาโลมันมีประชุมเช้าหรือ?"
ทันทีที่ได้ยินชื่อของคนที่จากไปไกล ทำนบน้ำตาที่เพียรจะสะกดไว้ตลอดก็พังครืนลงมาอย่างไม่ปราณี หน้าหวานๆขยับเข้าไปซบบ่าเพื่อนชายอย่างหวังขอที่พึ่งพิงสุดท้าย คิลตกตะลึงเล็กน้อยแต่ก็ทำหน้าที่เพื่อนที่ดี นั่นคือขยับมือมาลูบเรือนผมสีน้ำตาลอย่างอ่อนโยน
แกไปไหนนะ..คาโล
นักฆ่าหนุ่มยังคงเป็นที่พักพิงให้เพื่อนหญิงอย่างดีเสมอ.. ในขณะที่นัยน์ตาสีม่วงมองออกไปข้างนอก ..เลื่อนลอย อ้างว้าง และเดียวดายเหลือ...
แต่ไม่ต้องห่วง ..ทหารองครักษ์คนนี้จะดูแลเจ้าหญิงให้ดีที่สุดเพื่อรอวันที่เจ้าชายกลับมา....
ท้องฟ้าที่ใดก็ยังเป็นผืนเดียวกันทั้งโลก..
นัยน์ตาสีฟ้าสดใสจับจ้องออกไปนอกหน้าต่างเกวียนอย่างเหม่อลอย กระทั่งไม่สนใจไยดีหนังสือที่เปิดค้างอยู่กลางมือ..
ไม่ใช่ไม่สนใจเธอนะ เฟลิโอน่า..
ไม่ใช่ไม่อยากบอกเธอหรอกนะ เฟลิโอน่า..
เขาหลุบตาลงต่ำราวกับจมในห้วงความคิดของตน
เพียงแต่เขาอยากทำใจให้พร้อมที่สุด.. พร้อมสำหรับการต่อสู้ที่โหดร้ายแห่งคาโนวาล
เพราะเพียงเขาย่างก้าวเข้าราชวังเมื่อไร วันนั้น.. จากชายหนุ่มธรรมดาจะกอบกุมศักดิ์ศรีเจ้าชาย เจ้าชายที่ไม่มีจิตใจอันอ่อนโยนอีกต่อไป...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น