ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Baramos] The Prince's tale เรื่องเล่าของเจ้าชาย 2

    ลำดับตอนที่ #1 : หัวหน้าป้อม

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 49


    "บู่~ ไหนๆ เอาให้มากกว่านี้ไหม ฉันว่ามันดูดีขึ้นนะ"



    เส้นผมสีเงินสวยร่วงลงมากระจุกใหญ่บนพื้นห้องที่เจ้าตัวถอนหายใจเบาๆว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อแต่คงต้องเป็นคนเก็บ ส่วนคนก่อยังคงเร่งก่ออย่างเมามือเป็นที่สุดแถมยิ้มอย่างสดใส ก่อนขยับกายไปด้านหลัง ตรวจดูผลงานรอบๆแล้วดีดนิ้วเสียงดัง "เสร็จแล้ว!!"



    "เก็บด้วย นายเป็นคนทำ"



    "ง่า.. แต่นั่นก็เพื่อนายนะ เอาเป็นหยวนๆน่า" เจ้าตัวหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจก่อนโบกมือแล้วเผ่นแผล็วออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็มสมฉายาเก่า ทิ้งให้ผู้ถูกกระทำถอนหายใจอีกครั้ง แล้วคว้าไม้กวาดกับที่โกยขยะมาแล้วเริ่มโกยเศษผมของตัวเอง เก็บไปทิ้งในถังขยะก่อนเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดไปไว้ที่เดิม ปาดเหงื่อเล็กน้อยแล้วเดินกลับมาหน้ากระจกบานใหญ่



    เขาไม่ปฎิเสธ มันดูดีขึ้น



    ผมสีเงินของเขามันเริ่มยาว จากที่เคยเป็นทรงเรียบง่าย ตรงๆ แต่เมื่อเข้าประชุมบ่อย นอนดึก จึงไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจตัวเองเท่าไหร่ เขาเองก็ไม่เคยคิดจะแต่งแต้มอะไร ถือว่าปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไป แม่ยอดยุ่งกลับแย้งเสียงใส ก่อนลากเขาเข้ามาในห้องนอน คว้ากรรไกรแล้วบรรจงขลิบปลายแล้วซอยรากไทรให้ผมบางลงและดูมีเสน่ห์มากขึ้น เขายิ้มบางๆที่มุมปาก ก่อนคว้าผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปหวังชำระเศษผมที่ยังเหลือ ถ้ามันตกใส่เสื้อผ้าคงจะคันยิบๆทั้งวันแน่ เขาไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าใครๆ



    เมื่ออาบน้ำสระผมเสร็จ ผมสีเงินบางส่วนของเขาก็ร่วงกะปริดกะปรอยลงมาด้วย มันยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่าไม่น่าจะมีเศษผมตกค้างอีกแล้ว น้ำทำให้ผมของเขาแนบชิดติดลำคอและมีน้ำเกาะตามไรผม ก่อนเขาจะเช็ดๆ แล้วมองกระจกอีกครั้ง.. ว่าไปผมยุ่งนิดๆนี่ก็เท่ดีเหมือนกัน



    นี่เขาไปยุ่งเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่



    มือหนึ่งค่อยๆเอื้อมไปหยิบชุดนักเรียนตัวใหม่อีกตัวมาสวม เอื้อมมือติดกระดุมทุกเม็ด แล้วทับด้วยเสื้อน้ำเงินขลิบทอง ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะแล้วหยิบผ้าขึ้นมาคาดบริเวณหัวไหล่ขวา มันเป็นผ้าสีแดงสดลายดาบ แสดงถึงตำแหน่งที่สูงส่งในป้อมอัศวินได้เป็นอย่างดี



    หัวหน้าป้อม..



    จะว่าไป ชั้นปีเจ็ดของเขาก็มีตำแหน่งดีๆกันทุกคน นอกจากเขาซึ่งเป็นหัวหน้าป้อมแล้ว แม่ยอดยุ่งก็เป็นเสนาธิการฝ่ายซ้าย โดนมีเจ้าชายในคราบขอทานเป็นคู่ฝ่ายขวา สามขุนพลก็ได้รับตำแหน่งโดยเจ้าคนรักสนุกของห้อง แถมด้วยเจ้าแม่สตรีเหล็ก กอปรกับซาตานนางฟ้าคทาอาญาสิทธิ์ ชายตาเดียว น่าคบภายในเป็นสี่ผู้คุมกฎ โดยมีหนุ่มหน้าหวาน หนุ่มรักสันโดษ และนักรบสามดาบเป็นเพื่อนร่วมทีม ส่วนสิบสองผู้พิทักษ์ก็เฉลี่ยๆกันไปทุกๆปี



    เรียกได้ว่า.. เวลาประชุมกัน ก็พวกหน้าเดิมๆทั้งนั้น



    แล้วนี่ก็จะต้องประชุมอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว เจ้าชายแห่งคาโนวาลเสยผมทรงใหม่อย่างหงุดหงิดใจ ปรกติเขาจะเป็นคนแรกที่ไปถึงสภา เตรียมเอกสารและวาระการประชุมให้พร้อม และรอสิบนาที ก่อนจะออกจาสภามาเคาะเรียกตามห้องของแต่ละคนอย่างเบื่อหน่าย



    แต่วันนี้ แม่ยอดยุ่งดึงตัวเขาไว้แล้วเผ่นจ้อย นี่คงเหลือเวลาไม่มากแล้ว อันที่จริงเรื่องเอกสารเขาก็เตรียมเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน จะขอทำงานแบบลัดขั้นตอนเสียหน่อยคงไม่มีใครว่าอะไรกระมัง...



    เขาผลักประตูออกและไม่ลืมล็อกกลอน เก็บกุญแจไว้ในกระเป๋าก่อนจะเดินตามห้องต่างๆ แล้วเคาะเรียก มีบางคนออกมาแล้วเดินตามเขาไป ก่อนจะไปเรียกในห้องนั่งเล่นรวมอีกครั้งจึงจะได้พลพรรคชั้นปีเจ็ดครบทุกคน แล้วมุ่งหน้าไปยังสภา



    รุ่นน้องเหล่าผู้พิทักษ์มานั่งรอหน้าสลอนกันได้สักพัก ก่อนที่แต่ละคนจะนั่งประจำที่ เขาก็ก้าวไปที่หัวโต๊ะ หย่อนกายนั่งลงแล้วหยิบเอกสารออกมา อธิบายและลงมติความเห็นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและเรื่อยๆ แต่น่าแปลกที่ไม่มีใครหลับสักคน ไม่ทราบว่าเป็นเพราะไม่อยากเป็นตุ๊กตาน้ำแข็งประดับสภารึเปล่า



    "สรุปว่า เรื่องที่ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด ควรจะมีการปรับเรื่องดังต่อไปนี้ เรื่องความสะอาด ความหลากหลายของอาหาร ราคาในยุคข้าวยากหมากแพง และการอนุญาตให้เพิ่มปริมาณอาหารมากกว่าห้าจานขึ้นไป ดังนี้ใช่ไหม" คาโลจดลงไปในกระดาษก่อนมองไปรอบๆขอความเห็น หลายๆคนแสดงสีหน้าเพ้อฝันในขณะที่รุ่นน้องได้แต่มองหน้ากันงงๆ และคนที่อารมณ์ดีกว่าใครอื่น แถมยังเป็นคนเสนอเสียด้วย นั่นก็คือ



    "ใช่แล้ว อย่างนั้นแหละ ส่วนเรื่องหน้าตาของแม่ค้า ปริมาณอาหารในแต่ละจาน และนโยบายกินฟรีเมื่อเกินเจ็ดจานค่อยไว้อาทิตย์หน้าละกัน" แม่หัวขโมยชี้แจงเสียงใสก่อนหันไปขอความเห็นจากโคลว์ อาชูร่า และครี้ดซึ่งพยักหน้าเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง ทำให้เจ้าตัวยิ้มกว้าง "โอเค.. หรือใครมีเรื่องอะไรจะเสนออีกไหม ถ้าไม่มีแล้ว ปิดประชุม"



    เจ้าตัวพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ก่อนที่หัวหน้าป้อมจะยกกระดาษเมื่อครู่ขึ้นมาแล้ว.. ฉีกทิ้ง ท่ามกลางหน้าตาที่ตกตะลึงของทุกๆคน โดยเฉพาะคนที่เสนอเยอะกว่าใครทั้งหมดที่ร้องเสียงหลง "เฮ้ย คาโล ทำงี้ได้ไง"



    "แค่บอกว่าจะรับไว้พิจารณา แต่ไม่ได้บอกว่าต้องทำ" ก่อนที่เจ้าของนามจะยกตราขึ้นมาอันหนึ่ง แล้วประทับลงไปบนเศษกระดาษทั้งสองอัน "และมตินี้ก็.. ไม่ผ่านศาลสูง" ก่อนกวาดสายตามองคนรอบห้องอีกรอบ เห็นแม่ยอดยุ่งหน้าตางอง้ำ สะบัดเชิดอย่างไม่ยอมสบตานัยน์ตาสีฟ้าสวยอีกต่อไป "มีใครจะเสนออะไรที่มันน่าจะรีบแก้ไขหรือปรับอย่างเร่งด่วนกว่านี้ไหม " ก่อนที่ครี้ดจะชูมือหรา เมื่อได้รับอนุญาตให้พูดก็เอ่ยเสียงซื่อ



    "น่าจะปรับความเข้าใจระหว่างหัวหน้าป้อมกับเสนาธิการฝ่ายซ้ายได้แล้ว"



    เท่านั้น สองผู้ร่วมเอี่ยวก็เริ่มมีปฎิกิริยา โดยผิวขาวๆของหัวหน้าป้อมเริ่มขึ้นสีชมพู แต่สาวเจ้าหน้าแดงก่ำจนไม่อยากมองหน้าใครไปเรียบร้อย เมื่อคนเสนอเห็นปฎิกิริยาอย่างนั้นก็หัวเราะชอบใจ แล้วรีบเสนอต่อโดยไม่ขออนุญาต "เนื่องด้วยหัวหน้าป้อมผู้ยึดมั่นในกฎระเบียบ มิทำตามความประสงค์ของท่านเสนาธิการฝ่ายซ้าย ทำให้อารมณ์ของเธอเกิดความบูดจัด จนเริ่มเข้าใกล้เขตของคำว่างอนตุ๊บป่อง แต่หัวหน้าป้อมผู้ซื่อบื้อก็ยังยึดกฎแน่นต่อไป เรื่องนี้จึงควรแก้ โดยด่วนที่สุด"



    "ใครเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้บ้าง?"



    หลายคนแอบอมยิ้มแล้วค่อยๆยกมือขึ้นตามคนเสนอที่ยกนำด้วยรอยยิ้มกว้าง ไม่นาน ชั้นปีเจ็ดทุกคนก็ยกมือขึ้นเด่นเป็นสง่า จนรุ่นน้องมองหน้ากันอย่างเหลอหลาเป็นที่สุด แล้วตัดสินใจยกมือตามเพื่อไม่ให้โดนรุมประชาทัณฑ์ ก่อนครี้ดจะหันมาทางหัวหน้าป้อมที่กุมขมับ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง "ลงมติกันเรียบร้อยแล้วนะท่านหัวหน้าป้อม รีบๆเซ็นอนุมัติได้แล้ว"



    ตามหลักแล้ว.. หากคนส่วนใหญ่เห็นด้วย ประกอบกับความเหมาะสมที่หัวหน้าป้อมเห็นสมควร



    มือขวาของเขาเอื้อมมือหยิบปากกา ก่อนที่มือซ้ายจะเสยผมอย่างขัดมิได้ แล้วจดเป็นหนึ่งในข้อเสนอของเหล่าสมาชิกสภา ฉีกออกจากสมุดฉีก แล้วขยับมือที่จับปากกาขยุกขยิก อย่างที่คนนั่งหน้าอย่างคิลสามารถอ่านออกได้พร้อมซ่อนรอยยิ้ม



    ปรับความเข้าใจระหว่างหัวหน้าป้อมกับเสนาธิการฝ่ายซ้าย



    อนุมัติ



    คาโล วาเนบลี



    ประทับด้วยตราป้อมมงกุฎและดาบเป็นอันเรียบร้อย ก่อนเขาจะเงยใบหน้าขึ้นมา แล้วเอ่ยเสียงขรึมอย่างคนฟังส่วนใหญ่เริ่มคิดถึงเรื่องสนุกๆ ส่วนคนถูกพาดพิงได้แต่เงยหน้าขึ้นมาด้วยใบหน้าร้อนฉ่า เมื่อประโยคหลังการอนุมัติของท่านหัวหน้าป้อมก็คือ



    "มตินี้จะเร่งกระทำให้เสร็จภายในคืนนี้ ณ ห้องหัวหน้าชั้นปีที่เจ็ด"





    สรุปคือการประชุมครั้งนี้ ได้มติออกมาเพียงข้อเดียว.. คาโลเดินหอบเอกสารกลับมาห้องนอน ไขเข้าประตูเข้าไป ก่อนวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะ ทิ้งกายแผ่หราอย่างหมดแรง ปาดเหงื่ออย่างหนักใจ เมื่อคิดถึงเรื่องราวหลังจากการคัดเลือกสมาชิกสภาป้อมชุดใหม่



    เขาพยายามจัดการงานภายในป้อมทุกอย่างเพียงลำพัง ทุกๆอย่างตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ ไม่พยายามทำให้ทุกๆคนเดือดร้อน ได้แต่จัดประชุมทุกๆสองวัน จนเพื่อนๆของเขาเริ่มบ่นกระปอดกระแปดอย่างเหนื่อยแทน แต่เขาก็ใช้นัยน์ตาดุๆนั่นข่มกลับไปทุกครั้ง ประมาณว่า มีหน้าที่เสนอในที่ประชุมก็ว่ามา ถ้าทำได้จะจัดให้



    แต่เรื่องส่วนใหญ่ พวกตัวแสบจะเสนอแต่เรื่องกิน ไม่ก็เรื่องปรับปรุงป้อมให้น่าอยู่ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกสบายและพยายามปรับให้นักเรียนผู้หญิงใส่กระโปรงสั้น ผลที่ได้คือมะนาวคนละลูกสองลูกโดยหนึ่งในผู้ร่วมเสียหาย แองเจลีน่า โรมานอฟ



    หรือว่าทำไมกัน.. ทำไมทุกคนจึงถือว่าเรื่องประชุมพัฒนาป้อมเป็นเรื่องเล่นเรื่องสนุก เรื่องที่เสนอมาแต่ละเรื่องเกินรับทั้งนั้น รู้ทั้งรู้คนอย่างเขาไม่มีวันจะทำเด็ดขาด แต่ก็ยังพูดออกมาได้ หรือคิดว่าเขาเป็นใคร คนที่ยั่วโมโหแล้วสนุกงั้นหรือ?



    ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต ความน่าเชื่อถือที่เขาสะสมมาทั้งชีวิตยี่สิบกว่าปี ถูกทำลายเอาง่ายๆโดยเหล่าสหายที่ไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์อะไร ทำให้เรื่องประชุมที่ซีเรียสกลายเป็นเรื่องตลกขบขันเรียกเสียงหัวเราะอย่างที่การประชุมไม่ควรจะมี สิ่งที่เขาพูด นับวันพวกนี้มันจะยิ่งฝ่าฝืนเข้าเรื่อยๆ อย่างไม่มีเกรงหัวหลักหัวตอคนนี้ด้วยซ้ำ



    หรือว่าเขา.. ไม่เหมาะกับป้อมอัศวิน



    ความสนุกสนานร่าเริงอาจจะเป็นสิ่งต้องห้ามของเจ้าชายแห่งคาโนวาลไปเสียแล้ว ดินแดนนักรบ.. ดินแดนแห่งเกียรติ จริงหรือ ว่าเจ้าชายดินแดนนักรบจำต้องมีมาดผู้นำแข็งแกร่ง มิอาจมีความอ่อนแอ แต่เพื่อนทุกๆคนกลับทำลายมันสิ้น ทำลายความหนักแน่นของเขาลง



    ควรเจ็บใจ?



    ก่อนที่สมองของเขาจะทัดคิดนู่นนี่มากไปกว่านั้นอีก ประตูห้องก็เปิดเข้ามาพร้อมกับร่างของหนุ่มนักฆ่าที่ดูท่าทางจะหงุดหงิดเล็กน้อย ขณะปิดประตูก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อมองเห็นร่างที่นอนอยู่บนเตียงข้างๆเขาก็ยิ้มบาง ก่อนสาวเท้าเข้ามาหา แล้วบิดขี้เกียจเบื่อๆ เมื่อคนที่นอนอยู่เห็นผู้เพิ่งเข้ามาใหม่ก็เอ่ยปากถาม "เฟรินล่ะ"



    นัยน์ตาสีม่วงจึงพราวระยับอย่างขบขัน ก่อนเอ่ยปากยิ้มๆ "แม่เจ้าหญิงของนายอัปเปหิตนเองเรียบร้อยแล้วล่ะ ไปห้องโรนู่น พอเลิกประชุม หมอนั่นก็เดินฉับๆไปทันทีเลย ฉันจะไปตามกลับมันก็บอกว่าไม่ นายไปตามกลับหน่อยเถอะ"



    "ถ้าเรื่องแค่นี้ยังงอน ฉันก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน" นัยน์ตาสีฟ้าปรือลงช้าๆ "หมอนั่นโตแล้ว จะจบอยู่รอมร่อแล้ว หมั้นกันก็แล้ว ควรจะรู้จักงอนให้มันถูกเวลาได้เสียที ใช้ร่างผู้หญิงมาก็ตั้งเจ็ดปี ถ้าเรื่องแค่นี้ยังควบคุมไม่ไหว ฉันก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน"



    "หมอนั่นไม่ได้คิดจริงจังกับที่เสนอไปมากนักหรอก" คิลอดหัวเราะไม่ไหว ก่อนก้าวมาแล้วกระโดดขึ้นเตียงแล้วเอ่ย "หมอนั่นคิดโมโหนายที่นายไม่ยอมรับมุขต่างหาก ไอ้อาการที่นายทำเป็นเรื่องเครียด ฉีกกระดาษแล้วประทับตรา ทำสีหน้าเบื่อหน่ายและจริงจังขนาดนั้น มันไม่ชอบเท่าไหร่ มันชอบล่มการประชุม นายก็รู้ ไอ้เฟรินมันชอบสนุก"



    "แต่ทำไมต้องไปสนุกตอนนั้น เวลาประชุม ไม่มีใครเขาเสนออะไรโง่ๆแบบนั้นหรอก"


    "ฉันเข้าใจ" นักฆ่าที่นอนอยู่เอ่ยเบาๆ "แต่นายเคยสังเกตตัวเองบ้างไหม ตั้งแต่นายได้ตำแหน่งมา นายประชุมไม่เลิก ตื่นเช้าเข้านอนทีหลัง เข้าสภาออกสภาเป็นว่าเล่น บางครั้งนายยังมีการแอบหลับในนั้นคนเดียว โดยมีกองเอกสารหนุนเทียมหมอน บ่อยครั้งไปที่นายประสานงานนู่นนี่ข้ามคืน ทั้งประชุมกับสภาสูงแห่งเอดินเบิร์ก ปรึกษากับปราชญ์เลโมธี ไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด การบ้านอะไรก็พยายามรีบทำในห้องสมุดแทนที่จะมาทำกับพวกเราด้วยกัน นายเคยคิดบ้างไหม"



    "มันก็เหนื่อย" เขายอมรับ



    "นายกำลังสร้างช่องว่างกับพวกเราและเพิ่มความเครียดให้ตัวเองรู้ไหม" นักฆ่ายังคงพูดต่อ "ขนาดฉันเองเห็นยังเครียด แต่ก็ยอมรับว่าป้อมมันดีขึ้นจริงๆ ขอบใจนะ คาโล"



    "มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว"



    "นั่นแหละ เราพูดกันถึงไหนแล้วล่ะ ...อ้อ ใช่สินะ เฟรินเองมันก็เห็นไม่ใช่ไม่เห็น มันเลยพยายามหาเวลามาพูดคุยกับนายบ้างนอกเหนือจากเวลาเรียน เหมือนเมื่อเย็นไง ที่มันอาสาตัดผมให้นาย นายกับมันจะได้มีเวลาคุยมากขึ้นด้วย มันพยายามทำให้นายหายเครียดในที่ประชุมนั้นน่ะ ไม่ใช่ต้องการอะไรหรอก"



    เป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้ตำแหน่งมาที่เขาปลดปล่อยความเครียดให้แทนที่ด้วยรอยยิ้มบางๆประดับดวงหน้าคมคายของชายหนุ่ม ก่อนนักฆ่าจะขยับกายขึ้นมานั่งแล้วเอ่ยประโยคหลายประโยคที่เพื่อนๆหลายคนช่วยกันฝากถึงเขา "บางครั้งเครียดบ้างก็ดีไม่ใช่สบายๆไปเสียหมด แต่บางครั้งนายก็ไม่ควรเครียดมากเกินไปเหมือนกัน น่าจะปล่อยให้ชีวิตสนุกบ้าง ฉันเข้าใจว่านายเป็นเจ้าชาย แต่ที่หมอนั่นทำไปทั้งหมดมันทำให้นาย มันพยายามทำให้นายตลก แต่นายยังไม่ใส่ใจกับความพยายามของมัน กลับทำให้มันกลายเป็นเรื่องไร้สาระ มันเลยงอน"



    เป็นครั้งแรกที่เจ้าชายเริ่มเห็นค่าของคำว่าสนุก และสิ่งที่คู่หมั้นของเขาพยายามทำให้ จึงยิ้มบางๆอีกครั้ง .. บางทีหมอนั่นก็ทำตัวน่ารักดี



    "ที่ฉันพูดไป คงพอทำให้นายไปนำตัวเจ้าหญิงกลับมาได้แล้วมั้ง เจ้าชาย" เขายิ้มกว้าง เมื่อ"เจ้าชาย" ขยับร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืน สาวเท้าไปที่ประตู มือหนึ่งเอื้อมจับลูกบิด บิดเปิดประตูตั้งท่าเตรียมจะออก เมื่อประโยคคำถามของนักฆ่าที่ฟังดูตลกขบขันเอ่ยถาม "อ้าว คาโล นั่นนายจะไปไหนน่ะ"



    "ไปดำเนินแผนปฎิบัติงานตามมติ"





    "เอาชาสักหน่อยไหม? อากาศหนาวๆอยู่" ไม่ทันได้ฟังคำตอบ ชาในถ้วยมีจานรองก็ถูกยื่นมา คนถูกเสนอให้ก็ยิ้มรับแล้วคว้าขึ้นมายกซกรวดเดียวหมดไปเกือบครึ่ง ความร้อนจากชาทำให้ร่างกายของเธออุ่นขึ้นมาก จึงยิ้มกว้างแล้วเอ่ยปากขอบใจเบาๆ "ขอบใจนะ โร"



    แต่คนชงชาให้ได้แต่โค้งหยอกๆแล้วเอ่ยเสียงเท่ "มิได้ขอรับ ท่านเป็นนาย นายแห่งทริสทอร์.." กิริยาที่เรียกเสียงหัวเราะกับเจ้าหญิงแห่งเดมอสได้เบาๆ ก่อนกระดกชาอีกอึกแล้ววางวนจานรอง ทิ้งให้คนชงต้องเป็นคนล้าง ไอ้โหมดบ่าวรับใช้นายของหมอนี่มันกวนน่าถีบ อยู่หมอนี่ก็สนุกดี ตลกดี



    สนุก?.. ตลก? เธอแค่นหัวเราะอย่างขมขื่นจนชาบางส่วนกระเด็นออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ด



    สิ่งที่เธอพยายามจะมอบให้หมอนั่น ถามหน่อยว่าเคยแคร์ไหม ไม่เคย! เคยสนใจไหม ไม่มีวัน!! เคยเห็นค่าไหม ไม่เลย!!



    ความคิดที่ทำให้หัวใจว้าวุ่น เจ้าชายน้ำแข็งเก๊กเย็นชานั่น.. โว้ย!! บอกว่าจะง้อ จะตามง้อ นี่ไหนกันล่ะ ไม่เห็นแม้แต่ผมสีเงินประดับหัวโง่ๆนั่น!! เชื่อมันเถอะ การประชุมย่อมสำคัญ.. ประชุม ประชุมบ้ามันเข้าไป ถามว่าไม่ประชุมสักวันมันจะเป็นประสาทเอ๋อตายทำอะไรไม่ถูกไหม



    คิดแล้วก็โมโหขนาดหนักพาลอยากถีบใบหน้าหล่อๆนั่นใจจะขาด แต่เมื่อมองไปรอบๆห้องก็ถอนหายใจ.. นี่คือห้องของพวกนั้น โร ซีบิล และกัส และเธอเป็นเพียงผู้ขอหลบภัยพายุหิมะชั่วคราว จะเรื่องมากเอานู่นนี่คงไม่ได้



    "คุณเฟรินครับ คืนนี้จะขออยู่ที่นี่จริงๆเหรอครับ" นักบวชหน้าหวานเอ่ยถามขณะหยิบหมอนของตัวเองขึ้นมา แล้วตบเบาๆ จัดผ้าห่มให้เรียบร้อย "ถ้างั้นผมสละเตียงให้ละกันครับ เดี๋ยวผมนอนกับคุณกัสคุณโรเอง" ก่อนเขาจะเรียกคทาออกมาเบาๆ ร่ายเวทย์เล็กน้อย เตียงของกัสและโรก็เลื่อนมาติดกัน "เลื่อนเตียงอย่างนี้คงไม่ว่าจะครับ ขอโทษที่รบกวนนะครับ คุณกัส คุณโร"



    "ไม่เป็นไรหรอก" นักบวชมาดนิ่งเอ่ย ก่อนจะหยิบสมุดขึ้นมาสองเล่ม แล้วยื่นให้ซีบิลเล่มหนึ่ง "สมุดวิชาการใช้เงินของนาย ฉันไปเอาคืนให้แล้วจะได้รีบทำการบ้านด้วยกัน" เขารับมา ก่อนยิ้ม "ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวรอคุณโรก่อนไหม จะได้ทำพร้อมๆกันน่ะครับ"



    "ก็ได้ ฉันยังอยากพักอีกสักหน่อย" แล้วนักบวชหนุ่มก็ทิ้งกายลงบนเตียง ทำหน้าเหยเกเล็กน้อยเนื่องด้วยมันเป็นส่วนของช่องว่าง "คืนนี้จะเอาอย่างนี้จริงหรือ ซีบิล?\" นักบวชหน้าหวานจึงพยักหน้าแล้วหยิบเครื่องเขียนขึ้นมาแล้วยิ้ม "จริงสิครับ ยังไงเราก็คงต้องช่วยเหลือคุณเฟรินซะหน่อย ไม่ใช่หรือครับ"



    "อันนั้นมันก็ถูก" ก่อนที่กัสจะขยับตัวขึ้นมานั่งแล้วถอนหายใจเบาๆ "ว่าแต่ใครจะเสียสละ? มันเจ็บหลังพอดูอยู่นะ"



    "ฮ่ะฮ่ะ งั้นก็อยู่ที่ความเร็วของใครของมันแล้วล่ะครับ ผมไม่พลาดแน่" แล้วซีบิลก็รีบจุ๊ปากเมื่อสหายร่วมห้องคนที่สามออกมาจากห้องน้ำ ผมสีชาอ่อนยังคงเปียกอยู่เมื่อกัสเอ่ยถาม "โร นายจะทำการบ้านกับพวกเราไหม"



    "ก็ดี" ขอทานเอ่ยตอบก่อนโยนผ้าเช็ดตัวไปอีกทาง บิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อยหันมาทางผู้ร่วมอาศัย "แล้ว.. การบ้านเสร็จแล้วหรือ เฟริน"



    "จะไปทำได้ยังไงเล่า!! ก็ไม่ได้กลับห้องแบบนี้" เธอเอ่ยเครียดๆก่อนขยับหมอนที่ซีบิลเพิ่งจัดให้ขึ้นมากอดเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงแผ่วราวกระซิบ "อยากกลับห้องแล้วสิ.. อยากกลับไปถีบไอ้บ้านั่น"



    อันที่จริงก็ไม่ได้อยากทำนักหรอก การบ้านนี้ ปกติก็ลอกไอ้คิลเอา



    แต่.. เราเข้าโหมดงอนให้ง้ออยู่นี่นา จะอยากกลับไปที่ห้องทำไมวะเฟริน ตื่นสิแก ตื่นๆๆ



    "ตอนนี้เจ้าหญิงกำลังรอเจ้าชายอยู่ นายจะมาชวนเจ้าหญิงให้ทรงไม่สบายพระทัยตอนนี้ทำไมกัน.." กัสยิ้มบางๆก่อนลุกขึ้นแล้วเดินนำทั้งสามคนไปที่โต๊ะทำงาน พอดีกับจังหวะที่มีเสียงเบาๆดังก๊อกๆเกิเขึ้นที่หน้าประตูให้ขอทานยิ้ม "แล้วตอนนี้เจ้าชายก็มาแล้ว"



    "เฮ้ย!! แก!! ไอ้โร!! อย่านะเฟ้ย!! บอกมันไปว่าฉันไม่อยู่ เฮ้ย!! เข้าใจ.." น้ำเสียง(หวาน)โหวกเหวกดังสั่งการขนาดหนัก ยิ่งเมื่อเจ้าขอทานผู้ไม่เคยเชื่อฟังเอื้อมมือไปแตะที่ลูกบิดแล้วกำลังจะหมุน เจ้าหญิงแห่งเดมอสจึงงัดไม้ตายที่ไม่เคยได้ผลออกมา "ในนามของเจ้าหญิงแห่งเดมอส!! ขอสั่งให้โร เซวาเรส หยุด.."



    แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อลูกบิดทำให้บานประตูขยับออก เผยให้เห็นร่างสูงโปร่งของเจ้าชายแห่งคาโนวาลที่ยังคงอยู่ในชุดนักเรียนเต็มยศ เจ้าตัวหันไปเอ่ยกับเจ้าของห้องคนหนึ่งอย่างเป็นทางการ "ทางสภาป้อมอัศวินคงต้องขอตัวเจ้าหญิงแห่งเดมอสในฐานะผู้มีหน้าที่ในการปฎิบัติตามมติสภาสูงไปเริ่มประชุมและวางแผนในการเริ่มปฎิบัติิงาน ขออนุญาตนำตัวหล่อนไปที่ห้องหัวหน้าชั้นปีเจ็ด มิทราบว่าท่านจะอนุญาตหรือไม่? โร เซวาเรส"



    "ไม่ขัดข้อง กระหม่อม" คำสุดท้ายหันไปแล้วยิ้มให้กับสตรีร่างบางที่ตอนนี้คิดอยากฆ่าเจ้าทาสกำมะลอกะทันหัน เมื่อมัน ไม่ เคย ทำ ตาม คำ สั่ง เลย!! ก่อนที่ไอ้เพื่อนอีกสองตัวมันจะอมยิ้มแล้วดันหลังเธอที่แทบอยากร้องไห้เกาะขาพวกมัน ตอนนี้เจ้าชายแห่งคาโนวาลคือบุคคลน่ากลัวแสนอันตรายเป็นที่สุด!



    เมื่อร่างของเจ้าหญิงแห่งเดมอสผ่านหน้าทาสผู้แสนซื่อสัตย์ไป เจ้าของร่างก็ยิ้มแล้วโค้งคำนับให้อย่างสุภาพที่สุด แล้วผายมือให้ โดยมีนักบวชอีกสองคนเป็นลูกคู่โบกมืออำลาร่างบางที่ถูกฉุดกระชากลากถูไปโดยไม่วายส่งคำสบถมาแทนคำขอบคุณ เมื่อขอทานตัวแสบปิดประตูลง และเพื่อนอีกสองคนก็ไปเตรียมทำการบ้านแล้ว หากแต่นัยน์ตาสีเขียวกลับหลุบลงต่ำ ก่อนยิ้มแกมขอโทษ พร้อมคำพูดที่หลุดออกมาเบาๆ



    "เรื่องการจัดการให้ความรักของนายสมหวัง ก็ย่อมเป็นงานของทาสที่ดี อภัยให้ด้วยเถิด เจ้านาย"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×