ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาววิศวกรเกิดใหม่ชีวิตไอดอล

    ลำดับตอนที่ #4 : ไปเที่ยว 2

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 67



         “ค่ะ เรียนภาษาไทยมาได้สักพักแล้ว” ตอบไปอย่างนั้นดูน่าจะเข้าท่าที่สุด ถ้าตอบไปว่าพูดได้มาจากชีวิตที่แล้วใครจะเชื่อ?  ทั้งสองคงคิดว่าลูกสาวคงจะพูดเล่น




         เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอไปห้างกับคุณแม่บ่อยครั้ง เคยซื้อหนังสือเรียนภาษาไทยมาด้วยสามเล่มเผื่อใครถามจะได้มีแหล่งอ้างอิงในการตอบได้ว่าเรียนจากหนังสือ ถึงแม้ว่าการพูดสำเนียงชัดนั้นแค่อ่านหนังสืออย่างเดียวคงไม่พอที่จะพูดได้ขนาดนี้ก็ตามทีแต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อคุณพ่อคุณแม่ไม่เคยให้เธอเรียนภาษาไทยเลย




    ผ่านไปไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ


         มีโซตาแวววับดูก็รู้ว่าน่าจะชอบอาหารมื้อนี้มาก ถึงขนาดลืมตัวใช้มือจกส้มตำขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อยต่อด้วยใช้มือฉีกเนื้อไก่ย่างกินตามด้วยการหยิบข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนๆ แล้วจิ้มน้ำส้มตำและต่อนปลาร้ากิน ทำหน้าตาฟินมากโดยมีสายตาของคนเป็นพ่อแม่มองอย่างตกตะลึง ท่านทั้งสองมองลูกสาวตัวน้อยที่ปกติไม่ใช่แบบนี้ ถึงเจ้าตัวจะไม่ได้กินเรียนร้อยแต่ก็ไม่ถึงกับใช้มือ นี่มันอะไรกัน (*\0/*)




         “ไม่ทานกันล่ะคะ” ทำไมยังไม่ทานกันอีกแล้วทำไมคุณพ่อคุณแม่ทำหน้าอย่างนั้นกันล่ะ ทำหน้าอย่างกับเห็นผี ตานี่แทบจะออกจากเบ้าอยู่แล้ว ปิดปากหน่อยเถอะค่ะเดี๋ยวแมลงมันบินเข้าไปนะ



         เมื่อถูกทักทั้งสองหลุดจากภวังค์ “ท ทานค่ะลูก/ทานครับ”



         อะไรกันเป็นอะไรกันมีโซงงงวยอยู่ในใจเจ้าตัวเลือจะไม่สนใจพ่อแม่และหันมาทานต่ออย่างออกรสออกชาติ






         วันต่อมาวันนี้ชิลกีพาครอบครัวไปเที่ยวทะเล การมาเที่ยวประเทศไทยในครั้งนี้มีกำหนดเวลาคือหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างนี้ขอเวลามีความสุขกับภรรยาและลูกสาวเขาจะใช้ให้มันคุ้ม




         ใช้เวลาหลายชั่วโมงเราก็มาถึงภูเก็ตแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของไทยที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมากันมาก “คนเยอะมากเลยนะคะ” ซองอึนเธอเดินจูงมือมีโซกลัวว่าลูกจะหลง ตลอดข้างทางมีแต่ร้านค้าเต็มไปหมด คนเดินไปมารวมถึงคนต่างชาติที่มาเที่ยวกันอย่างครึกครื้น




         เราแวะพักกัน ณ โรงแรมที่คุณพ่อจองไว้เป็นเวลาสามวันสองคืน ดูเหมือนว่าหลังจากที่มีโซขอว่าอยากมาเที่ยวที่ประเทศไทยคุณพ่อสายเปย์อย่างชิลกีจะสั่งจองที่พักไว้ทันที




         โรงแรมที่คุณพ่อจองจะเป็นโรงแรมระดับสี่ดาว แน่นอนว่าโรงแรมตั้งอยู่แถวแหล่งท่องเที่ยวมันย่อมมีราคาแพงแน่นอน ตอนนี้คุณพ่อกำลังขนของเข้าโรงแรมพร้อมกับพี่พนักงานชายที่ช่วยขนของ สัมภาระส่วนใหญ่ของครอบครัวเราคือของจำเป็นของซองอึนและมีโซซึ่งมันมีเยอะมาก




         ตอนนี้ครอบครัวเราอยู่ที่ชายหาดกำลังเดินดูอาหารที่พ่อค้าแม่ขายจับจองพื้นที่ตั้งร้านขายของกันเต็มไปหมด โอ้วซีฟู้ดทะเลมีแต่น่ากินทั้งนั้นเลย~ 




         คุณพ่อใส่เสื้อฮาวายกับกางเกงขาสั้นสีฟ้า ส่วนคุณแม่ใส่ชุดว่ายนํ้าทูพีชสวมทับด้วยผ้าคลุมยาวถึงหัวเข่าที่พ่อคลุมไว้ให้เพราะความหึงหวง มีโซอยู่ในชุดว่ายนํ้าเด็กสีนํ้าเงินสวมทับด้วยกางเกงขาสั้นอีกตัว  “มีโซลงเล่นน้ำพร้อมพ่อกับแม่มั้ยลูก” ชิลกีถามลูกสาวที่กำลังดูดน้ำมะพร้าวด้วยหน้าตาที่น่ารัก(⁠ ⁠◜⁠‿⁠◝⁠ ⁠)⁠♡เจ้าหญิงของพ่อ




         “หนูขออยู่เล่นก่อกองทรายก่อน แล้วจะตามไปเล่นน้ำด้วยนะคะ” อันที่จริงก็อยากเล่นน้ำเลยแต่ว่าต้องซึมซับบรรยากาศการเล่นก่อกองทรายของการเป็นเด็กก่อน เอาล่ะต้องสร้างสะพานเชื่อมถนน ตรงนี้เป็นอุโมงค์รถไฟ สร้างปราสาททราย ปั้นคนขึ้นมาด้วยดีกว่า




         “มีอะไรก็เรียกแม่กับพ่อนะลูก แม่เล่นน้ำอยู่ใกล้ๆ นี่เอง” ซองอึนเธอห่วงมีโซมากๆ กลัวว่าจะพลัดหลงเด็กตัวเล็กแค่นี้อดเป็นห่วงไม่ได้





         พอพ่อกับแม่เล่นน้ำกันไปโดยที่มีโซนั่งก่อกองทรายอยู่ที่ริมชายหาด ก็มีเด็กแถวนั้นมาขอเล่นด้วยสามคน การมีเพื่อนคอยเล่นด้วยกันมันมีความสุขมากเลยสำหรับมีโซที่ตอนนี้ยังไม่มีเพื่อนสักคน


         เห้ออออ ในที่สุดก็มีเพื่อนถึงจะเป็นแค่เพื่อนชั่วคราวก็ตาม(⁠╥⁠﹏⁠╥⁠)



         พอเบื่อก็ไปเล่นน้ำกับพ่อแม่ที่ดูจะเป็นการเล่นน้ำที่สวีทหวานกันมากกว่าการเล่นธรรมดา 



         โอ้ยยย ลูกหนึ่งแล้วนะ ลูกยังอยู่ตรงนี้จะหวานกันไปถึงไหน




         “น้ำทะเลที่เค็มหวานหมดแล้วค่ะ!” นั่นแหละแม่ของเธอถึงกับหน้าแดงกันเลยทีเดียว แค่แซวนิดหน่อยเองเขินไปได้ คนที่ควรเขินมันควรเป็นเธอมากกว่าที่ต้องมาเห็นพ่อแม่จู๋จี๋กัน  นั่นขนาดคุณลุงที่บังเอิญเดินผ่านมายังอดที่จะมองบนไม่ได้ให้กับบรรยากาศสีชมพูรอบตัวชิลกีซองอึน




         เล่นนํ้ากันจนถึงเย็น ก็กลับเข้าพักที่โรงแรมสี่ดาวที่จองไว้ดูเหมือนว่าการมาเที่ยวครั้งนี้มีโซได้กำไรมาก สนุก มีความสุข เจ้าตัวเล็กยิ้มได้ทั้งวัน ชีวิตที่แล้วเรียนหนังเข้ามหาลัยจบมาพยายามหางานจนได้เข้าทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งเธอไม่เคยมาเที่ยวทะเลซักครั้งแม้จะเป็นคนไทยเองก็ตาม ไม่มีเงิน




         วันต่อมาพวกเราไปดำน้ำดูปะการัง โดยมีพี่ๆ ผู้เชี่ยวชาญคอยกำกับดูแลอยู่ใกล้ๆ เธอจะไม่บังเอิญโชคดีเผลอไปโดนตัวอะไรอันตรายในน้ำใช่มั้ยเนี่ย



         “มีโซอยู่ใกล้ๆ พ่อไว้นะ” จากนั้นเขาก็กระโดดลงน้ำไปรอลูกสาวและภรรยาที่กระโดดลงทีหลัง



         “ไปแล้วนะค!” มีโซกระโดดลงน้ำตามไป 



         “จริงๆ เลยลูกคนนี้หนิ” กระโดดตามลูกสาวตัวแสบลงไปติดติด




    การดำน้ำดูปะการังเป็นไปอย่างสนุกสนาน มีปลาต่างๆมากมายสีสันสวยงาม ที่นี่อุดมสมบูรณ์จริงๆ







         วันที่สามเตรียมตัวกลับไปบ้านพักที่เมืองไทยระหว่างทางกลับครอบครัวเราแวะไปให้อาหารช้างที่ ‘บ้านช้าง’



         พอมาถึงได้จอดรถด้านหน้าจะเป็นที่จอดรถพอจอดรถเรียบร้อย ต่อมาก็จ่ายเงินเพื่อผ่านเข้าไปข้างในก่อนค่าเข้ามีราคาเพียงแค่ร้อยบาทสำหรับต่างชาติ ส่วนคนไทยห้าสิบบาทเท่านั้น 




         เดินเข้าไปเจอกับคอกช้างหลายคอก ช้างหลายเชือกที่เดินไปมาโดยที่ทุกตัวที่ไม่ได้อยู่ในคอกก็จะมีควาญช้างอยู่ด้วยตลอด เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ควาญช้างทุกคนถือขอสับช้างไว้ด้วย




         “ให้อาหารช้างดูไหมจ๊ะ มัดละยี่สิบบาทจ้า” ควาญช้างผู้หญิงที่ดูจะเป็นแม่ค้า กำลังพยายามให้คนสนใจซื้อ อ้อยมัดป้อนน้องช้าง เป็นช้างเพศเมียตัวอ้วนตุบตับดูจากขนาดตัวก็รู้ว่าที่นี่เขาเลี้ยงช้างดีขนาดไหน น้ำหนักคงหลายตัน 




         นั่นแหละมีโซจูงมือพ่อแม่เดินเข้าไปหาแม่ค้ากับช้างตัวโต “*ขออ้อยสามมัดค่ะ” หลังจากจ่ายเงินแล้วก็ยื่นอ้อยให้กับช้างเพศเมียตรงหน้า มีโซยื่นอ้อยป้อนช้างเรื่อยๆ




         แต่ดูเหมือนว่าแม่ของเธอจะกลัวช้างถ้าเดินอยู่ห่างไม่เป็นไร แต่พออยู่ใกล้ก็เอาแต่หลบอยู่หลังคุณพ่อตลอดเลย โผล่แค่หน้ามาเท่านั้น กลัวขนาดนั้นเลยหรอคุณแม่?




         “มีโซระวังนะลูก” ยังคงหลบหลังสามี




         “ค่ะ” มีโซยืนให้อาหารอย่างสบาย ไม่ใช่ว่าไม่กลัวแต่เคยให้อาหารช้างมาแล้วหลายครั้งจากชีวิตที่แล้วตามเทศกาลหรืองานวัดบ้าง



         นั่นแหละนะชีวิตคนไทยต้องมีสักครั้งในชีวิตที่เจอน้องช้าง ไม่สวนสัตว์ก็ตามงานวัดสักที่ งานเทศกาลประจำปีอย่างงี้เมื่อก่อนชอบมีช้างมาเดินเร่อยู่บ่อยครั้งให้ผู้คนซื้ออาหารป้อนน้องช้าง  






         ช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย มีโซชอบช้างก้านกล้วยมาก แต่น่าเสียดายที่นี่ไม่มีช้างก้านกล้วยที่นี่เป็นโลกคู่ขนาน อยากร้องไห้ಠ⁠﹏⁠ಠ อดดูเลย




         หลังจากที่มีโซให้อาหารช้างหมด ต่อไปก็เป็นคุณพ่อที่จะให้อาหารช้างบ้าง ทำให้คุณแม่ที่หลบอยู่หลังคุณพ่อไปหลบอยู่หลังมีโซแทน มันทำให้เธอหัวเราะออกมาเล็กน้อยและได้สายตาคาดโทษมาจากแม่ที่จ้องเขม็งตาแดงเหมือนช้างงวงแดง



         มีโซหยุดหัวเราะอย่างเร็วไว(⁠・_・⁠)



        เนื่องจากซองอึนกลัวช้างทำให้ชิลกีต้องให้อ้อยที่เหลืออีกหนึ่งมัดแทน




         มีการแสดงของน้องช้างมากมายทั้งน้องช้างเต้น น้องช้างวาดภาพ น้องช้างโชว์ยกขา ครั้งนี้มีโซมีโอกาสได้ขึ้นขี่ช้างด้วยถึงแม้ว่ามันจะทุลักทุเลไปบ้างนับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของมีโซที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ พอขึ้นมาอยู่บนนี้บนหลังช้างทำให้รู้สึกว่ามันสูงเอาเรื่อง ถ้าเกิดตกไปเธอได้เข้าเฝือกแน่




         กว่าจะมาถึงที่พักก็เริ่มมืดแล้ว หลังจากทานอาหารมื้อค่ำทุกคนก็แยกย้างเข้าห้องของตัวเองไป




         วันที่สี่คุณพ่อพาตระเวนกิน หาร้านอาหารอร่อยทั้งวัน ซึ่งบอกได้เลยว่าถูกใจมีโซมาก ร้านนู้นก็อร่อยร้านนี้ก็อร่อย





         เราเข้ามาที่ร้านอาหารเหนือเจ้าดังแห่งหนึ่ง อาหารเหนือของไทยได้รับอิทธิพลมาจากล้านนาอาหารก็จะคล้ายคลึงกับอาหารอีสานพอประมาณ อาจจะไม่ได้เผ็ดแซ่บซี๊ดเหมือนอาหารอีสาน แต่ก็มีความจัดจ้านที่ได้มาจากสมุนไพรที่ปรุงออกมาได้ดีเยี่ยม






         พวกเราสั่งข้าวซอยไก่ ขนมจีนน้ำเงี้ยว แกงฮังเล แกงโฮะเรียกได้ว่าอร่อยแถมอิ่มมากแต่ยังเหลือที่ให้ของหวานอยู่เลยสั่ง ขนมวง ขนมกล้วยมาตบท้ายพอทานเสร็จ แวะเที่ยวตามหมู่บ้านต่างๆ ตามร้านค้าหาซื้อของแฮนด์เมคซึ่งคุณแม่ชอบมาก ของที่ทำมาจากมือเป็นอะไรที่คลาสสิคมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ 





         มีโซได้ของที่ระลึกมาเยอะทำเอาเจ้าตัวยิ้มแป้น พัดนี้ก็สวย นี่ก็สวย นี่ก็สวย^_^







         วันที่ห้าก็เที่ยวอีกเช่นเคยโดยจะไปเที่ยวสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลากหลายที่


    เมืองโบราณสมุทรปราการ



         “สวยมากเลยนะคะเนี่ย” ซองอึนปั่นจักรยานนำหน้าสองพ่อลูกปั่นลั้งท้าย 











         วันที่หกครอบครัวเราเดินทางไปเที่ยวนํ้าตกหลายแห่ง พร้อมถ่ายรูปสวยๆ เก็บเป็นที่ระลึกไว้ติดผนังบ้าน



         “อะนี่ถือกล้องถ่ายรูปไว้นะ” ซองอึน เอากล้องฟิล์มยัดใส่มือมีโซไว้ ส่วนคนที่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นตากล้องชั่งคลาว วันนี้ไม่มีอะไรมากนักเพราะจะต้องกลับที่พักไปเก็บของเตรียมจะกลับกันแล้วเที่ยวบินคือช่วงเช้าของอีกวัน





         วันนี้คือวันเดินทางกลับกำหนดคือสิบโมงเช้าเรารีบขนของหลังจากที่เก็บของเสร็จเเล้วเมื่อวาน ทั้งครอบครัวเดินทางไปที่สนามบินกันในช่วงเช้าก่อนเวลานิดหน่อยเผื่อมีอะไรคลาดเคลื่อน




         “มีโซไม่ลืมอะไรใช่มั้ย” ซองอึนถามเพราะว่าลูกตัวดีชอบลืมนั่นลืมนี้อยู่เรื่อย แต่ถ้าเกี่ยวกับการจดจำนี้ไม่เห็นจะขี้ลืมเหมือนที่ลืมข้าวของเลย




         “เก็บมาเรียบร้อยหมดแล้วค่ะ รับรองว่าไม่ลืมอะไรไว้ที่นี่แน่นอน” มีโซยืนยันถึงชอบลืมของแต่วันนี้เธอตรวจสอบดีแล้วว่าไม่ได้ลืมอะไรไว้ ถ้าเกิดลืมก็คงลืมไว้ที่นี่เลยต้องไปหาซื้อใหม่อีก




         “ซองอึน มีโซอยากดื่มอะไรหน่อยมั้ยยังพอมีเวลาอยู่เดี๋ยวพ่อไปซื้อให้” ชิลกีดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง ยังมีเวลาๆ




         “หนูขอโกโก้นะคะ/ฉันชาเขียวมัทฉะค่ะ” เมื่อได้รับออเดอร์แล้วเขาก็รีบเดินไปซื้อให้กับภรรยาเเละลูกสาว





         “เที่ยวครั้งนี้สนุกมั้ยลูก” ซองอึนถามลูกเพราะการเที่ยวครั้งนี้ลูกของเธอยิ้มมากขึ้นกว่าตอนอยู่ที่บ้าน คงจะสนุกและมีความสุข นานๆมีทีออกมาเที่ยวต่างประเทศช่วยเยี่ยวยาจิตใจำได้ดี




         “สนุกค่ะ สนุกมากมากเลย” มีโซยิ้มตาปิด (^^) คนเป็นแม่ก็ยิ้มตามลูกสาวมีความสุขเธอเองก็มีความสุขตาม



    ระหว่างนั่งเครื่องบินมีโซเปิดดู






    “สเตตัส”


    [โช มีโซ] [อายุ11ขวบ] [ฯลฯ]


    [ความแข็งแกร่ง14]


    [ความเร็ว12]


    [ทนทาน 13]


    [ปัญญา 22]


    [โชค 23]


    [ร้านค้า฿]


    [857แต้ม]


    [ภารกิจลับท่องเที่ยวต่างประเทศครั้งเเรกสำเร็จรางวัล40แต้ม]


    [897แต้ม]





         หลังจากดูสเตตัสเสร็จ มีโซยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าคุณพ่อกับคุณแม่หลับไปแล้วเจ้าตัวนอนหลับตามไปด้วยจากความเหนื่อยล้ามาตลอดหลายวัน










    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×