คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 22
หลังจากภาคินเดินกลับไปที่รถเขาคิดว่ามันค่อนข้างแปลกนิดหน่อย เพราะเขาติดต่อควีนไม่ได้เลย พอกลับมาถึงบ้านก็เจอแม่ที่ทำกับข้าวอยู่ แม่ยิ้มและทักทายเขาเหมือนปกติ แต่วันนี้ภาคินรู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษเลยขอตัวไปอาบน้ำและนอนพักผ่อน
หลายสัปดาห์ที่ผ่านมาภาคินใช้เวลาช่วงเช้าในการทำงานส่วนช่วงเย็นก็ไปที่ร้านอาหารของควีนแทบทุกวัน แม้จะเห็นว่าร้านปิดเงียบและไม่มีคนอยู่เลย แต่เขาก็ยังไม่ละความพยายามในการตามหาควีนที่ร้าน ความรู้สึกคิดถึงและความห่วงใยทำให้เขาหวังว่าซักวันควีนจะกลับมาเปิดร้านตามเดิม ทว่าในทุกครั้งที่ไปเยือน กลับพบเพียงแม่บ้านคนสนิทของควีนที่ยังคอยดูแลบ้านเงียบๆ อยู่คนเดียว
วันหนึ่ง ภาคินตัดสินใจเดินเข้าไปถามแม่บ้านด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
“ขอโทษนะครับ ป้านิ่มพอจะทราบไหมว่าควีนไปไหน?”
แม่บ้านส่ายหัวอย่างจนปัญญาแม้จะเห็นหน้าของชายหนุ่มที่เคยหล่อเหลา แต่ตอนนี้กลับซูบโทรมจนเห็นได้ชัด
“คุณควีนไม่ได้บอกป้าว่าจะไปไหนค่ะ แค่บอกให้ป้าอยู่คอยดูแลบ้านเฉยๆ คุณภาคินเองก็ไม่ได้ติดต่อกับคุณหนูเหรอคะ?”
แม้ป้านิ่มจะรู้สึกไม่ดีที่ต้องโกหกคำโต แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เธอไม่อยากเห็นคุณหนูของตัวเองต้องมาอับอายแบบวันนั้นอีก
“ครับพอดีผมติดต่อควีนไม่ได้เลย ขอบคุณนะครับ”
คำตอบนั้นทำให้ภาคินรู้สึกผิดหวังและสับสน เขามองไปรอบๆ บ้านที่เคยคึกคักด้วยเสียงหัวเราะของควีนและคราม ก่อนจะพยายามควบคุมอารมณ์แล้วเดินจากไป โดยไม่ได้คำตอบแบบที่ต้องการ
ขณะเดินกลับ เขาบังเอิญได้ยินชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ พูดคุยกันเบาๆ เกี่ยวกับการย้ายออกไปของควีน ภาคินพยายามเงี่ยหูฟัง แต่บทสนทนาของพวกเขากลับกระจัดกระจายเกินกว่าจะจับใจความได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
สุดท้ายภาคินก็ต้องกลับบ้านไปโดยที่ยังไม่ได้รู้เรื่องอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับควีนอีกเช่นเคย เขาเดินเข้าบ้านด้วยใบหน้าที่ไม่สดใส แม่ของเขาซึ่งกำลังทำอาหารอยู่ในครัวสังเกตเห็นความเงียบผิดปกติของลูกชายมาหลายวัน
“วันนี้กลับมาเร็ว ทานข้าวด้วยกันไหมลูก?” แม่ของเขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ขอโทษครับแม่ วันนี้ผมเหนื่อย ขอไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนนะครับ”
ภาคินตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าเป็นอีกครั้งที่เขาปฏิเสธแม่ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องเพื่อเก็บตัวอีกครั้ง ทิ้งให้แม่ของเขามองตามอย่างไม่สบายใจ เธอไม่เคยเห็นลูกชายทำหน้าหม่นหมองเช่นนี้มาก่อน สีหน้าของภาคินที่กลับมาในวันนี้ต่างจากปกติอย่างเห็นได้ชัดเพราะหนักกว่าทุกวัน
เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ ภาคินก็ยังไม่ได้ข่าวคราวอะไรจากควีนเลย เขารู้สึกใจร้อนและเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ จนทนไม่ไหวต้องโทรหาอลัน ผู้อำนวยการโรงเรียนและเพื่อนสนิทของควีนเพื่อสอบถามความคืบหน้า แต่อย่างที่อลันบอก เขาเองก็เพิ่งทราบว่าควีนได้ยื่นเรื่องลาออกจากโรงเรียนไปแล้วในช่วงปิดเทอม และอลันเองก็ไม่รู้ว่าเธอย้ายไปที่ไหน เพราะควีนไม่ได้บอกใครแม้แต่เพื่อนสนิท
ภาคินยังคงติดตามหาคำตอบต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่ง ภาคินเจอกันกับกี้ที่เคยทำร้านอาหารของควีน เขาเลยเข้าไปถามว่าตอนนี้ควีนไปที่ไหน
“พวกน้องรู้ไหมครับว่าตอนนี้ควีนไปอยู่ที่ไหน?” ภาคินถามเสียงอ่อน คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบ
“ไม่รู้หรอกค่ะ ก็เพราะแม่ของพี่นั่นแหละค่ะ แม่ของพี่เป็นคนไปโวยวายให้กับพี่ควีนที่ร้าน บอกให้พี่ควีนเลิกยุ่งกับพี่ เพราะคิดว่าพี่ควีนไม่คู่ควรกับพี่ แถมพูดจาเสียงดังลั่นร้าน ลูกค้าที่มากินข้าวก็มองเต็มไปหมด!”
กันกับกี้ก็พูดพลางโมโหแทนควีนว่าเป็นเพราะแม่ของเขาเองที่มาโวยวายให้ควีนเลิกยุ่งกับเขา
แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ควีนอยู่ที่ไหน เขาได้ยินแบบนั้นแล้วก็รู้สึกผิด
คำพูดของกันและกี้ทำให้ภาคินสะอึก เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าแม่ของเขาจะทำเรื่องแบบนี้โดยที่เขาไม่รู้อะไรเลย
“ขอบคุณทั้งสองคนมากนะที่บอกเรื่องนี้”
ภาคินกล่าวขอบคุณกันและกี้ แล้วรีบตรงกลับบ้านในทันที หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเขามองเห็นความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเพราะการกระทำของแม่ตัวเองที่บีบให้ควีนต้องหนีหายไป หลังจากพยายามค้นหาสาเหตุด้วยตัวเอง เขาได้รู้ว่าความจริงแล้ว
เมื่อกลับถึงบ้าน ภาคินรีบเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ แม่ของเขาซึ่งกำลังจัดเตรียมอาหารเย็นเงยหน้าขึ้นมองลูกชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า แววตาของเขาทั้งแข็งกร้าวและผิดหวังกำลังจ้องมองใบหน้าของแม่
“แม่ครับ ทำไมแม่ต้องไปพูดแบบนั้นกับควีน?” ภาคินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่คุมไม่อยู่
“…” แม่เองก็ได้แต่ยืนนิ่งมองหน้าของลูกชาย
“แม่เป็นคนไปหาควีนและพูดจาให้เธอตัดขาดจากผมเหรอ?”
“รู้ไหมว่าแม่ทำให้ควีนหายไปจากชีวิตผมโดยไม่บอกอะไรผมเลย ผมติดต่อควีนไม่ได้อีกแล้ว”
สุดท้ายแม่ของภาคินเองก็ไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้เลยและพูดกับภาคินตามตรงว่า “ใช่”
“แม่ครับ ทำไมแม่ต้องทำแบบนี้” ภาคินพูดเสียงเย็นชาและเจ็บปวด
แม่ของภาคินจ้องมองลูกชายด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าลูกชายจะร้องไห้โฮออกมาแบบคุมไม่อยู่
“แม่ไม่อยากให้ลูกไปยุ่งกับผู้หญิงที่มีอดีตแบบนั้น แม่แค่…”
“แม่รู้ไหมครับ ผมไม่สนว่าเธอจะมีอดีตแบบไหน ผมแค่อยากให้โอกาสตัวเองได้รักคนที่ผมเลือก ไม่ใช่ให้แม่ตัดสินใจให้!”
น้ำเสียงของภาคินสั่นด้วยความผิดหวัง เขาไม่สามารถควบคุมความรู้สึกเจ็บปวดที่มีต่อการกระทำของแม่ได้อีก
“ผมไม่สนด้วยว่าจะเป็นแม่ม่ายลูกติด ผมรักควีนแล้วก็คราม ผมแค่อยากให้โอกาสตัวเองได้รักคนที่ผมเลือก แต่แม่กลับทำลายทุกอย่างไปหมด”
เมื่อเห็นภาคินในสภาพนี้ แม่ของภาคินเองเริ่มรู้สึกสำนึกผิด แต่ก็ยังยืนยันความตั้งใจของตัวเองอย่างแน่วแน่ ว่าความคิดของตัวเองนั้นถูกต้อง
แม่ของเขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาหวังจะปลอบโยนลูกชายได้บ้าง
“แม่แค่กลัวว่าลูกจะเลือกคนผิด แม่ต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก ต้องการให้ลูกมีชีวิตที่ดีก็เท่านั้น”
“ความหวังดีของแม่มันทำร้ายพี่ไปคนนึงแล้วนะครับ แม่บังคับพี่ จนพี่ต้องจบชีวิตไปแบบนั้น แม่อยากเห็นผมเป็นแบบนั้นอีกคนเหรอครับ?”
“ตาคินทำไมพูดจากับแม่แบบนี้ ที่แม่ทำไปก็เพื่อปกป้องลูก ให้ลูกได้มีโอกาสเจอผู้หญิงที่ดี แม่ผิดตรงไหน!”
“ไม่ผิดหรอกครับแม่ แต่ผมแค่อยากมีโอกาสที่จะเลือกทางของตัวเอง ไม่ใช่ให้แม่มาเลือก…” ภาคินตอบกลับอย่างแน่วแน่
“ชีวิตของผม ให้ผมมีโอกาสได้เลือกชีวิตคู่ของตัวเองเถอะครับ เพราะถึงแม้ถ้าผมเป็นคนเลือกผิด ผมก็ต้องรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเองอยู่ดี”
“แต่เหมือนตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควีนอยู่ที่ไหน และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะแม่”
ภาคินนั่งทรุดลงกับพื้นและร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง
“แม่เข้าใจแล้ว แม่ขอโทษ”
เมื่อฟังคำพูดของแม่จบ ภาคินก็เดินกลับขึ้นห้องไปพร้อมความตั้งใจที่จะตามหาควีนให้เจอ เขาตั้งมั่นที่จะค้นหาตัวเธอในทุกที่ที่อาจเป็นไปได้ และเขาไม่ยอมปล่อยให้คำพูดของแม่มาขัดขวางความตั้งใจที่จะสร้างอนาคตที่เขาเลือกเองอีก
ความคิดเห็น