คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 21
ควีนรู้อยู่แล้วว่านิสัยของกวินไม่มีทางเปลี่ยนไปได้ ถึงแม้จะมีลูกชายอย่างครามก็ไม่ได้ทำให้คนอย่างกวินยอมหยุดความเจ้าชู้ ในทีแรกเธอก็แอบคิดว่าตัวกวินเองก็เปลี่ยนไปนิดหน่อยเพราะก่อนหน้านี้ที่เขาตามมาขอโทษเธอ เขาถึงขนาดที่ยอมทำทุกอย่าง แต่มาพักหลังๆ เขาเริ่มไม่รับโทรศัพท์จากลูกชาย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าก็ยังให้สัญญาว่าจะกลับมา
เธอต้องพอแล้วจริงๆ กับคนอย่างกวิน
ผ่านไปไม่กี่วันครอบครัวของกวินตัดสินใจมาหาควีนถึงที่บ้าน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็มีความรู้สึกหลากหลายก็ปะปนกันไป ทั้งความผิดหวัง และความเสียใจในสิ่งที่กวินทำลงไป แต่ภายใต้ความรู้สึกเหล่านั้น พวกเขาก็ยังคงหวังอย่างแน่วแน่ที่จะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างควีนกับหลานชายเอาไว้ คราม ซึ่งเป็นทายาทคนโตเพียงคนเดียวของครอบครัว พ่อแม่และปู่ของกวินนั่งลงพร้อมหน้ากันในห้องนั่งเล่นภายในบ้านของควีน สีหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้
พ่อของกวินเริ่มเอ่ยพูดเสียงเคร่งขรึม
“หนูควีน พวกเราขอโทษจริงๆ กับสิ่งที่กวินทำลงไป พ่อไม่อยากให้ควีนกับลูกเกลียดหรือโกรธครอบครัวของพ่อ พ่อยังอยากเห็นหลานเติบโต ยังอยากมีส่วนร่วมในชีวิตของคราม”
ควีนรับฟัง เธอเคยเจ็บปวดและเสียใจเพราะกวินมามาก แต่ครอบครัวของเขาก็ไม่เคยทำร้ายหรือสร้างเรื่องอะไรให้เธอ อีกทั้งพวกเขายังเอ็นดูตัวเธอและลูกชายของเธอมาตลอด
“อย่าห่วงไปเลยค่ะ” ควีนตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ควีนจะไม่กีดกันคุณพ่อคุณแม่หรือคุณปู่จากคราม ควีนยังอยากให้ครามมีครอบครัวที่อบอุ่นและสมบูรณ์อยู่ ถึงแม้จะไม่มีพี่กวินก็ตาม ควีนเชื่อว่าเมื่อครามโตขึ้น ครามจะเข้าใจว่าพวกท่านรักแกแค่ไหน”
พ่อแม่ของกวินมองควีนด้วยความซาบซึ้งใจและรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความเข้าใจจากเธอ ขณะนั้นพ่อของควีนซึ่งยืนฟังอยู่ไม่ไกลก็นั่งลงด้วยกัน พร้อมกับมองควีนและครอบครัวของกวินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ เขารู้ดีว่าที่เรื่องมันกลับกลายเป็นอย่างนี้เพราะตัวเขาที่ดันลูกสาวให้แต่งงานเอง
ปู่ของกวิน ซึ่งเป็นคนที่เคยยืนหยัดบริหารบริษัทด้วยความเชื่อมั่นตลอดมา ตัดสินใจมอบหมายหน้าที่ในการดูแลบริษัทที่กวินเคยดูแลให้กับพ่อของควีนเต็มตัว
ในเมื่อครามเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่สามารถจะสืบทอดกิจการได้ในอนาคต นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับครามและควีน พ่อของควีนรับฟังข้อเสนอ
“ถ้าผมจะได้ทำงานในบริษัทที่ผมเคยมีส่วนช่วยสร้างมาก่อน ผมก็ยินดี” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
พี่สาวของกวินเองก็สนับสนุนการตัดสินใจของปู่ เธอเชื่อว่าการที่ให้ครอบครัวของควีนมีส่วนร่วมในบริษัทเป็นการชดเชยในสิ่งที่กวินเคยทำผิดพลาด เธอหวังว่าความผิดของน้องชายจะได้รับการแก้ไขในรูปแบบนี้ เพื่อให้ควีนและครามได้รับความเป็นธรรมและอนาคตที่ดีกว่า
ชีวิตของควีนเริ่มเดินหน้าต่อไป ควีนทำทุกอย่างเพื่อลูกชายของตัวเอง ในตอนนี้ครามกลายเป็นจุดหมายหลักที่ทำให้เธอมีแรงที่จะต่อสู้และพยายามมากขึ้นเพื่ออนาคตที่ดี ทั้งธุรกิจร้านอาหารที่เริ่มขยายตัว และการสนับสนุนจากครอบครัวของเธอ ทำให้ควีนเริ่มรู้สึกว่าชีวิตของเธอเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง
แต่วันหนึ่ง บางอย่างในชีวิตควีนก็เปลี่ยนไป เมื่อแม่ของภาคินมาเยือนถึงร้านอาหารของควีน หญิงสูงวัยที่ดูมีฐานะ มองควีนด้วยสายตาที่เย็นชาและด่วนตัดสินเธอ โดยไม่ได้สนใจบรรยากาศอบอุ่นภายในร้านที่ควีนสร้างขึ้นด้วยความพยายามของเธอเอง
“วันนี้ที่ฉันมา ฉันอยากมาคุยเรื่องสำคัญเกี่ยวกับลูกชาย” แม่ของภาคินเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
“ฉันขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ ฉันคือแม่ของภาคินและฉันก็ไม่อยากให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับภาคินอีก…ต่อไป”
“ทำไมคะ? แต่ควีนไม่เคยเข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไร มีแต่คุณภาคินเองที่เข้ามา…”
“ฉันพูดตามตรงนะ ฉันยังรับในจุดนี้ไม่ได้ ที่เธอเป็นผู้หญิงที่มีตำหนิ ซึ่งฉันคิดว่ามันไม่เหมาะสมกับลูกชายของฉันเลย ฉันว่าเขาควรได้เจอผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบมากกว่าแม่ม่ายลูกติดแบบเธอ”
คำพูดตรงไปตรงมาของแม่ภาคินทำให้ควีนรู้สึกถึงความกดดัน แถมตอนนี้เธอก็รู้สึกอับอายเพราะมีสายตาของลูกค้าคนอื่นจับจ้องมา แม้เธอจะเจ็บปวดกับคำพูด แต่เธอก็ทำได้แค่นั่งนิ่งๆ และตัดสินใจรับฟังด้วยความสงบ
“ควีนเข้าใจค่ะ แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย”
ควีนตอบเสียงเรียบเพราะควีนต้องจัดการเรื่องของลูกชายที่ติดเขามากจนเกินไป
“ก็รีบจัดการให้มันเร็วก็แล้วกัน”
ในตอนนี้ควีนรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการต่อสู้กับความสัมพันธ์ที่มีอุปสรรคมากมายแบบนี้ เธอตัดสินใจรับปากอย่างดีว่าเธอจะเลิกติดต่อกับภาคิน เพื่อให้แม่ของเขาสบายใจ เธอไม่อยากให้คนอย่างภาคินผิดใจกับครอบครัว อะไรที่เธอสามารถทำได้เพื่อความสบายใจของทุกคนเธอก็จะยอมทำ
เมื่อถึงช่วงปิดเทอมของคราม ควีนตัดสินใจที่จะย้ายกลับไปกรุงเทพฯ ชั่วคราว เธอเลือกที่จะปิดร้านอาหารและบล็อกการติดต่อภาคินทุกช่องทาง เธอไม่อยากให้แม่ของภาคินมาโวยวายให้เธออีก และเธอคิดว่าการเริ่มต้นใหม่ในกรุงเทพฯ อาจเป็นทางออกที่ดีกว่าที่จะทำให้ทั้งเธอและครามมีอนาคตที่มั่นคงมากกว่านี้
ควีนได้ปรึกษากับพ่อว่าจะกลับไปทำงานที่บริษัทอย่างเต็มตัว เธอตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ในกรุงเทพฯ ที่ที่เธอสามารถเป็นที่พึ่งให้กับลูกชายและสร้างอนาคตใหม่ที่ดีให้กับเขาได้
ในกรุงเทพฯ ชีวิตของควีนเริ่มเดินหน้าต่อไป เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะทุ่มเทให้กับงานที่บริษัท เธอทำงานอย่างเต็มที่เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองและลูกชาย อีกทั้งยังเริ่มมีบทบาทสำคัญในการบริหารงานในฐานะทายาทร่วมของบริษัท ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อก็ดีมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ส่วนครามเธอก็ได้หาข้อมูลของโรงเรียนใหม่ เธอเห็นครามเสียใจอยู่ลึกๆ เพราะต้องย้ายออกมากะทันหันโดยที่ตัวเองยังไม่ได้บอกลาเพื่อนสนิทอย่างภาคินเลย
“ทำไมแม่ไม่ให้ครามบอกอาภาคินครับ”
“เพราะเรารีบกันนะสิลูก เอาไว้แม่ส่งข้อความบอกให้นะ”
“ครามบอกอาภาคินให้ซื้อขนมมาฝากด้วย”
ก่อนหน้านี้ภาคินต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดอีกครั้ง เธอเลยตัดสินใจใช้โอกาสตรงนี้เพื่อที่จะมาที่กรุงเทพ
“เอาไว้แม่จะบอกอาภาคินให้เอามาให้ที่นี่ดีไหมครับ”
“ก็ได้”
“แล้วครามชอบโรงเรียนที่ไหนเป็นพิเศษไหมลูก”
วันนี้ควีนพาครามไปดูโรงเรียนใหม่มาสองสามที่ เพราะครามกำลังจะขึ้นชั้นประถมแล้ว
“ไม่รู้ครับชอบหมดเลย”
“แต่ต้องเลือกแค่ที่เดียวนี่สิลูก หนูจะเรียนทุกที่ไม่ได้นะคะ”
“เอาที่เราไปเมื่อกี้ได้ไหมครับ ครามชอบที่ชุดนักเรียนสีน้ำเงิน”
เพราะก่อนหน้านี้ที่โรงเรียนอีกสองแห่งชุดยูนิฟอร์มจะเป็นเสื้อสีขาวและกางเกงสีแดง
ในเมื่อครามตัดสินใจเองได้แล้วควีนก็ยิ้มตามและรีบเร่งดำเนินการสมัครเรียนให้ครามโดยเร็วที่สุด
ภาคินที่ยังไม่รู้ว่าควีนจากไป เขาก็ได้กลับมาจากการทำงานจากต่างจังหวัด ด้วยความคาดหวังว่าจะได้เจอควีนและครามเหมือนทุกที แต่เห็นว่าทั้งร้านอาหารก็ปิดและบ้านไม่มีคนอยู่เลย เขาเลยเลือกที่จะเดินกลับไปที่รถ เพราะเขาคิดว่าอาจจะเป็นการปิดร้านไว้เพียงแค่ชั่วคราว…
ความคิดเห็น