ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สามี ความโสดคืนให้แล้ว

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 15

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 67


    ชีวิตของปรางในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากการตกนรกทั้งเป็น ทุกวันเธอต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดและความอัปยศ สิ่งที่เธอเคยหวังว่าจะได้กลับคืนมาหลังจากที่กลับไปหาไม้ กลายเป็นคำหลอกลวงทั้งหมด

    ไม้ที่เธอคิดว่าเป็นคนรัก ที่เคยให้คำสัญญาว่าจะดูแลเธอและนำเงินที่เธอเคยให้ไปลงทุน กลับกลายเป็นเพียงแค่คำพูดของคนที่หลอกลวงอย่างเลือดเย็น เงินที่ปรางเคยมอบให้ไม้ถูกเขานำไปใช้ในการเล่นพนันจนหมด ไม้ไม่เคยเอาไปลงทุนอย่างที่ปากว่า แถมยังทิ้งหนี้ก้อนโตเอาไว้ให้ปรางอีกด้วย…

    เมื่อไม้ไม่มีเงินและตกเป็นหนี้ ปรางจึงกลายเป็นเหยื่อของไม้โดยสมบูรณ์ เขาหลอกเธอให้ขายร่างกายเพื่อหาเงินใช้หนี้ ด้วยคำหลอกลวงที่ว่า

    “ไม่นาน ทุกอย่างจะดีขึ้น เชื่อพี่นะ”

    แต่วันแล้ววันเล่า ความหวังที่ว่าจะดีขึ้นไม่เคยมาเยือน มีแต่ความทรมานเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

    ในแต่ละวันเธอต้องทนขายร่างกายตัวเอง ไม่ต่ำกว่าสิบรอบเพียงเพื่อแลกกับเงินไม่กี่พันบาท ความอัปยศอดสูที่เคยห่างไกลจากชีวิตของเธอ กลับกลายเป็นสิ่งที่เธอเผชิญอยู่ทุกวัน

    ปรางที่เคยมีชีวิตสุขสบาย ได้ใช้จ่ายเงินทองฟุ่มเฟือยในอดีต ตอนนี้ไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ความภูมิใจในตัวเองก็ถูกทำลายไปจนหมด เธอรู้สึกเสียดายทุกอย่างที่สูญเสียไป ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของเธอคือการเลือกเชื่อไม้และกลับไปหาเขา

    ทั้งที่ตอนนั้นเธอสามารถเลือกที่จะกลับไปอยู่กับแม่และลูกสาว วิเวียน ได้แต่เธอกลับไม่ทำ ปรางกลับเลือกที่จะตามคนที่หลอกลวงเธอ ความเจ็บปวดทั้งหมดนี้จึงเหมือนผลกรรมที่ตามสนอง ปรางรู้สึกว่าเธอไม่มีวันหนีจากผลกรรมของการกระทำที่เธอเคยทำกับควีนและกวินไปได้

    ภาพสุดท้ายของปรางก่อนที่เธอจะจมดิ่งสู่ความทุกข์ยากอีกครั้ง คือการถูกแขกทารุณกรรมทางเพศถึงสองคนและมันไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนกระทำแบบนี้ ทุกครั้งเธอรู้สึกเหมือนตัวเองแตกสลายและในที่สุดก็ไม่เหลือความหวังที่จะหลุดพ้นจากตรงนี้ไปได้

     

    ทางด้านของกวิน หลังจากที่เขาตัดสินใจหันกลับไปขอโทษควีน แม้ต้องใช้ความพยายามหลายครั้ง แต่ในที่สุดควีนก็ยอมให้เขาได้เจอหน้าลูกชายบ้าง กวินรู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยเขายังมีโอกาสได้ทำหน้าที่พ่อ ถึงแม้ว่าควีนจะยังไม่ยอมรับเขากลับมาเป็นสามีก็ตาม แต่เขาก็พอใจที่ได้กลับมาอยู่ในชีวิตของลูกชายบ้างแล้ว ส่วนเรื่องของปรางกับวิเวียนเขาไม่ได้สนใจอะไรอีก กับปรางเขารู้แค่ว่าถูกไม้หลอกให้ไปขายตัวอยู่ในซ่อง ทั้งหมดนั่นเป็นแผนการของปู่เขาเอง

    ปู่มีเพื่อนสนิทที่ทำธุรกิจด้านมืดอยู่และได้เขาขอร้องให้เพื่อนช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องนี้ หลังจากที่ปู่สืบสาวราวเรื่องจนรู้ว่าไม้คือพ่อของวิเวียนเขาได้จัดการวางแผนให้ไม้เอาเงินที่ปรางหลอกไปจากเขาเข้าเล่นการพนันจนเกลี้ยง แถมยังปล่อยให้กู้ยืมมาเป็นทุนต่อยอดอีกด้วย จนไม้ติดหนี้สินมากมายทำให้เขาไม่มีทางเลือกเอาปรางไปขายส่วนไม้ก็ได้หนีหายไปและโดนตามเก็บหลังจากนั้น

    เท่ากับว่าเงินที่เขาเคยให้ปรางไปแล้วปรางให้กับไม้ เขาก็ได้คืนกลับมาทุกบาททุกสตางค์ แต่สิ่งที่ไม่ได้กลับคืนมาก็คือนาฬิกาเรือนนั้น เขาจะไม่เสียดายเลยถ้ามันไม่ใช่นาฬิกาที่ควีนเคยซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดในปีแรกที่เราแต่งงานกัน เขาไม่เคยใส่นาฬิกาเรือนนั้นสักครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่เพราะไม่อยากให้นาฬิกาเรือนนั้นมีรอยขีดข่วนจากการใช้งานเลยเลือกที่จะเก็บเอาไว้

    ปู่พูดกับเขาเองว่าไม่ต้องไปสนใจเรื่องปรางกับไม้ เพราะเขาได้ทำให้มันสองคนรับผลกรรมแล้ว ส่วนวิเวียนเขาก็ยังส่งเสียเลี้ยงดูอยู่เหมือนเดิม

    แบบนี้แหละที่พวกเพื่อนของเขาถึงได้กลัวปู่กันหมด แล้วจะไม่ให้เขากลัวบ้างได้ยังไง

    แต่ยังไงก็ตาม ภาระของกวินไม่ได้หมดลงแค่การขอโทษควีนเพียงอย่างเดียว เพราะเขาต้องเร่งกลับไปต่างประเทศเพื่อช่วยพี่สาวจัดการกับปัญหาบริษัทที่เกิดขึ้น ครอบครัวของกวิน โดยเฉพาะพ่อกับแม่ ก็เลยเข้ามาช่วยควีนดูแลครามในระหว่างที่เขาไม่อยู่ พวกเขาให้การสนับสนุนครามทุกอย่างเต็มที่ และพยายามเข้ามามีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูลูกชายของกวินและควีนในทุกๆ ด้าน

    ควีนเองก็รู้สึกว่าชีวิตของเธอเริ่มลงตัวมากขึ้น ธุรกิจร้านอาหารของเธอเริ่มเติบโต มีลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มเป็นที่รู้จักในเชียงใหม่ ควีนรู้สึกได้ถึงความสุขที่มันกำลังวนกลับมาอีกครั้ง

    ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องของกวินที่ยังคงกวนใจอยู่บ้าง แต่เธอก็พยายามมองข้ามไป เพราะเธอคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเลี้ยงดูลูกและสร้างอนาคตใหม่ให้กับครอบครัวของเธอเอง

    แต่ชีวิตของควีนก็ไม่สงบเสมอไป ภาคิน เศรษฐีหนุ่มที่เป็นเจ้าของรีสอร์ตสุดหรูตอนนี้เข้ามาในชีวิตของเธอ ยังคงตามจีบเธอไม่หยุด เขามักจะหาเวลาว่างได้ทุกวันเพื่อเข้ามาทานอาหารที่ร้าน

    ภาคินนับว่าเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบในสายตาของใครหลายๆ คน แต่ควีนกลับรู้สึกว่าความสัมพันธ์นี้ยังคงต้องใช้เวลา เธอยังไม่พร้อมเปิดใจให้กับใคร โดยเฉพาะเมื่อมีภาระสำคัญอย่างการบริหารร้านอาหารและเลี้ยงดูลูกชาย

    เวลาผ่านไปสามปี คราม ลูกชายของควีนก็อายุครบ 5 ขวบแล้ว เขาเริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนที่ภาคินแนะนำให้เธอเลือก

    แต่บังเอิญก็ได้เจอกับอลัน ผู้ชายอีกคนที่ควีนเคยรู้จักและเจอที่โรงแรมเขาเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ ทำให้ควีนได้เจอกับเขาบ่อยครั้ง ทั้งสองคนก็ยังคงทักทายกันเป็นประจำเมื่อเจอกันที่โรงเรียนทำให้ตอนนี้สนิทกันมากขึ้น

    “ครามวันนี้มีการบ้านไหมลูก”

    “ไม่มีครับ ครามทำเสร็จหมดที่โรงเรียนแล้ว”

    “เก่งมากเลย วันนี้ที่โรงเรียนสนุกไหมลูก”

    “สนุกครับ”

    “เป็นอะไรไหมครับลูก เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเล่าเรื่องสนุกที่โรงเรียนให้แม่ฟังเลย”

    ช่วงหลังๆ นี้ ควีนเริ่มสังเกตเห็นว่าครามไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเดิม และมักจะมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย เธอเริ่มสงสัยและกังวลว่าลูกชายของเธออาจจะมีปัญหาในโรงเรียนก็ได้ แต่ทุกครั้งที่เธอถาม ครามกลับเงียบ ไม่ยอมพูดจา ทำให้ควีนยิ่งกังวลมากขึ้น

    วันหนึ่งเธอถูกเรียกเข้าไปที่โรงเรียนและเป็นเวลาประจวบเหมาะพอดีเพราะเธอก็กำลังคิดว่าจะเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้เหมือนกัน

    เมื่อควีนได้คุยกับครูประจำชั้น เธอก็ได้รู้ความจริงว่าลูกชายของเธอมักจะไปแกล้งเด็กคนอื่นในห้องเรียน รอยฟกช้ำบนตัวครามนั้นไม่ใช่เพราะโดนทำร้าย แต่เป็นผลจากการทะเลาะและเล่นรุนแรงกับเพื่อนร่วมชั้น ทันทีที่รู้เรื่องควีนรู้ก็สึกช็อกและสับสน เธอไม่เคยคิดว่าลูกชายของเธอจะเป็นเด็กเกเรแบบนี้ เธอจึงพยายามถามลูกชายตรงๆ แต่ครามก็ยังคงเงียบ ไม่พูดอะไรออกมา

    ควีนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขอโทษแม่ของเด็กที่อ้างว่าโดนลูกชายของเธอแกล้ง แม้ว่าในใจเธอจะรู้สึกเจ็บปวดและกังวลก็ตามแต่เธอก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ลูกชายของเธอทำ

    การเผชิญกับความท้าทายในการเลี้ยงดูลูกชายเป็นสิ่งที่ควีนไม่เคยคาดคิดมาก่อน แต่เธอก็รู้ว่าเธอจะต้องหาทางแก้ไขไปทีละจุด และช่วยให้ครามกลับมาเป็นเด็กที่มีความสุขและเป็นมิตรกับเพื่อนๆ ให้ได้

    เมื่อกลับถึงบ้านหลังจากกลับมาจากโรงเรียนควีนและครามนั่งพักกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เธอพยายามหาทางพูดคุยกับลูกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน แต่คำถามที่ลูกชายถามมานั้นทำให้เธอใจหาย

    “แม่ครับ ทำไมแม่ต้องขอโทษแม่ของเพื่อนผม?”

    ครามถามด้วยความไม่เข้าใจ น้ำเสียงแฝงความเศร้าและสับสน ส่วนควีนก็มองตาลูกชายอย่างอ่อนโยน

    “เพราะลูกไปแกล้งเพื่อนก่อน แม่เลยต้องขอโทษเขาไงลูก”

    ควีนตอบเสียงนุ่ม แต่ก็เริ่มรู้สึกผิดหวังกับคำพูดของตัวเอง เพราะเธอเพิ่งเข้าใจว่าตัวเองอาจตัดสินผิดไป

    “แต่ผมไม่เคยแกล้งใครก่อนเลยครับแม่!” ครามตอบกลับเสียงดัง น้ำตาเริ่มคลอเบ้า

    “มีแต่พวกเขาที่แกล้งผมก่อน เพื่อนๆ ชอบล้อว่าผมไม่มีพ่อ แล้วคุณครูก็เข้าข้างพวกเขา ผมไม่ชอบเลยแม่ ไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว”

    หัวใจของควีนกระตุก เธอรู้มาตลอดว่าสักวันเรื่องการไม่มีพ่อของครามอาจจะกลายเป็นปัญหา แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ ควีนเงียบไปสักพัก พยายามหาทางตอบลูกอย่างสงบและไม่ทำให้ลูกยิ่งรู้สึกแย่ไปกว่านี้

    “แม่เข้าใจแล้วลูก แม่ขอโทษ ทำไมลูกไม่บอกแม่หรือคุณครูที่โรงเรียนล่ะ หืม”

    ควีนตอบด้วยเสียงอ่อนโยน แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธและเสียใจ เธอรู้ดีว่ากวินซึ่งไปทำงานอยู่ต่างประเทศมานานแล้ว แม้จะโทรมาหาลูกทุกวัน แต่การที่เขาไม่สามารถอยู่กับลูกได้ทำให้ครามกลายเป็นเป้าหมายของคำล้อเลียนจากเพื่อนๆ ในห้องเรียน

    ควีนมองครามที่นั่งน้ำตาไหล เธอตัดสินใจว่าถึงเวลาที่เธอจะต้องจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง เธอไม่สามารถปล่อยให้ลูกของเธอทนอยู่แบบนี้ได้อีกแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×